[FiCTiON YURi SNSD YulSic] ความผิดติดตัว ( It's My Mistake )
ความผิดติดตัวฉัน... จะอภัยให้ฉันอย่างไร แต่ในใจเธอคงไม่ลืม
ผู้เข้าชมรวม
5,914
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ความรักที่ผิดตั้งแต่คิดจะรักกัน ในสิ่งที่พลาดไป ในสิ่งที่ทำผิดไปโดยที่ไม่เคยรู้ตัว
มีปัญหากัน ทะเลาะกัน รู้ว่ารักแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
ในวันนี้ได้เข้าใจมันทั้งหมดแล้ว แล้ว...มันจะสายเกินไปไหม
………………………………………………………………………………..
ความผิดติดตัวฉันไม่มีวันหาย ติดอยู่ในหัวใจไม่อาจจะลบล้าง
ความผิดติดตัวฉัน จะอภัยให้ฉันอย่างไร แต่ในใจเธอคงไม่ลืม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เย็นวันหนึ่งในขณะที่แสงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ภายในสวนสาธารณะใต้ต้นไม้ใหญ่ในฤดูที่มันกำลังผลิบานอย่างสวยงาม ฉันควอน ยูริยืนประชันหน้ากับคนร่างบางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาและสีหน้าที่จริงจัง
“คบกันนะ”
“มั่นใจหรอ?”
“อืม”
“เธอก็รู้นะควอน ยูริว่าใจฉันต้องการและรักเธอมากขนาดไหน เธอรู้ดีใช่ไหม?” ฉันพยักหน้าตอบรับคำถามจากอีกฝ่าย “แต่ฉันก็รู้นะว่าเธอรักคนเก่าของเธอมากไม่ต่างจากที่ฉันรักเธอ” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ฉันได้ฟังก้มหน้าลงมองพื้นอย่างไม่กล้าสบตาเธอ “ฉันรักเธอมาก และยอมที่จะให้ใครต่อใครด่าว่าฉันโง่ที่เลือกรักเธอ ถามว่าฉันอยากเลิกรักเธอไหม บอกได้เลยว่า อยากมาก แต่ฉันก็ทำไม่ได้”
“เจสสิก้า…”
“ฉันไม่รู้ว่าการที่อยู่ๆเธอมาขอคบฉันแบบนี้ เธอคิดอะไรของเธออยู่ แต่ฉันเชื่อในความคิดนั้น ถ้าเธอกล้าตัดสินใจมายืนอยู่ตรงนี้ต่อหน้าฉัน เพื่อขอฉันคบ ฉันก็กล้าที่จะเดินต่อไปพร้อมกับเธอ” จบคำพูดของเจสสิก้า ฉันเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนทันที
“แปลว่า?”
“อืม”
“อือ ขอบคุณนะ” พูดจบฉันก็เข้ากอดอีกคนด้วยความรู้สึกที่ทั้งดีใจและขอบคุณในตัวผู้หญิงคนนี้ที่ตอบรับคำขอของฉัน แต่...ฉันหารู้ไม่ว่าการกระทำครั้งนี้ของฉัน ผลที่จะตามมามันเป็นจุดเริ่มต้นของรักที่ผิดตั้งแต่คิดจะรักกันของฉันและคนตรงหน้านี้ ...
ช่วงสายของวันภายในบริษัทนายทุนขนาดใหญ่ ฉันที่เป็นประธานบริษัทอยู่ในขณะนี้นั่งทำหน้าที่อยู่ในห้องทำงานที่โต๊ะประจำของตัวเองด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง
โปรดอย่าทำเย็นชากับฉัน ไม่อยากเห็นแววตาอย่างนั้น เรื่องของเขาและฉันจบไปตั้งนาน
เธอทำเหมือนว่าให้อภัย ผิดครั้งเดียวเธอยอมให้ฉัน แล้วมันนี่มันอะไร
“ก๊อกๆๆ” ขณะที่ฉันกำลังทำงานอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าห้องทำงาน
“เข้ามา” ฉันตอบรับเสียงเคาะ แต่ยังคงเคร่งเครียดจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า
“บอสส์คะ อีก1ชั่วโมงมีประชุมด่วนนะคะ”
“ประชุมด่วน?”
“ค่ะ พอดีมีนัดประชุมด่วน เรื่องที่จะสร้างโรงแรมเพิ่มน่ะค่ะ”
“เขาไม่คิดจะถามฉันบ้างหรอว่าฉันว่างหรือเปล่า?”
“เอ่อ...คือ...”
“ช่างเถอะ บริษัทอะไรนัดล่ะ?”
“ฮวังกรุ๊ปค่ะ”
“...........” ทันทีที่ได้ยินชื่อของบริษัทหุ้นส่วนจากปากของเลขาส่วนตัว ฉันเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ของอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันนั่งนิ่งไปนาน ฮวังกรุ๊ป.. บริษัทของ...เธอคนนั้น หลังจากที่รักของเราจบลง ฉันก็ไม่เป็นอันจะทำอะไร ฉันปล่อยตัวเอง ทำตัวเหมือนพวกคนไร้ค่าข้างถนน ทั้งๆที่ยังมีหน้าที่มากมายที่ต้องรับภาระต่อจากทางบ้าน กว่าที่ฉันจะทำใจได้ กว่าที่ฉันจะยืนได้อย่างทุกวันนี้ ฉันต้องพยายามเลี่ยงที่จะเจอเขาอยู่ตลอดเวลา พยายามไม่นึกถึงเรื่องเก่าๆของเรา และเพราะมีคนที่พร้อมจะอยู่ข้างกายฉัน ผู้หญิงที่ชื่อเจสสิก้า จอง ที่ทำให้ฉันยิ้มได้อีกครั้ง แต่ว่าในวันนี้ฉันจะต้องพบเขา ฉันจะต้องนั่งคุยกับเขา แล้วฉันจะเข้มแข็งได้ซักเท่าไหร่กันนะ
“เอ่อ... บอสส์คะๆ”
“หะ?” เมื่อถูกเลขาเรียก สติที่กำลังหลุดรอยคิดถึงชื่อฮวังกรุ๊ปของฉันก็กลับมา
“นี่รายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมค่ะ” พูดจบเลขาก็ส่งแฟ้มเอกสารให้ ฉันรับมาแล้วเปิดดู ทันทีที่เห็นรายชื่อนั้น ฉันได้แต่นั่งมองชื่อของบุคคลคนนั้นๆอย่างอาวรณ์ใจ
“งั้นดิฉันขอตัวกลับไปทำงานนะคะ”
“อืม” เมื่อทำธุระของตัวเองเสร็จ เลขาของฉันก็ขอตัวออกจากห้องไป เธอพอจะรู้ดีว่าฉันมีความหลังกับบริษัทหุ้นส่วนสำคัญบริษัทนี้ขนาดไหน เรื่องของฉันกับความรักที่จบลง ถูกตีลงข่าวสังคมไฮโซไปทั่ว แต่ฉันไม่เคยสนใจถึงข่าวพวกนั้น เพราะเจสสิก้ายอมที่จะถูกปากชาวบ้านติฉินนินทา ถึงเรื่องที่เธอรักฉัน ฉันจะต้องสนใจในตอนนี้ มีแค่เจสสิก้า จองเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรฉันจะต้องอดทน และเข้มแข็งเพื่อเธอที่ยอมถูกตราหน้าคำว่าโง่ลงไป เพราะเธอเลือกที่จะรักฉัน
“เป็นไงบ้างแก?” ทันทีที่ออกมาจากห้องทำงานส่วนตัว พนักงานหลายคนก็เข้ามารุมรอมถามเพื่อนร่วมงานที่เข้าไปส่งเอกสารอย่างอยากรู้ เพราะเรื่องความหลังของควอนยูริ ป็นเรื่องที่พนักงานภายในบริษัทรู้ดี
“รู้ๆกันอยู่ พอฉันบอกแค่คำว่าฮวังกรุ๊ป หน้าตาของบอสส์นี่ค้างทันที” เลขาส่วนตัวของยูริพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจแทน
“เฮ้อ... นึกแล้วก็สงสารบอสส์ คุณทิฟฟานี่ก็ไม่น่าทิ้งบอสส์ของเราไปเลย” พนักงานอีกคนพูดเสริม
“แต่ก็นะ ถึงยังไงตอนนี้บอสส์เราก็มีคุณเจสสิก้าแล้ว อย่าไปพูดถึงความหลังของบอสส์เขาเลย” ในขณะเดียวกันที่เรื่องความหลังของยูริกำลังเป็นที่นินทาของพนักงานในบริษัท ร่างบางที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกพูดถึงก็เดินมาพอดี
“แล้วแกคิดว่าบอสส์จะรักคุณเจสสิก้า ได้เท่าคุณทิฟฟานี่หรอ?” ทันทีที่บทสนทนาเข้าหู ร่างบางชะงักและหยุดเดินอย่างใจหาย
“ทำไมแกพูดอย่างนี้ล่ะ?”
“แกก็รู้หนิ บอสส์รักคุณทิฟฟานี่ขนาดไหน แค่เห็นชื่อว่าฮวังกรุ๊ป ยังนั่งค้างไปนานซะขนาดนั้น นี่ถ้าเข้าประชุมด้วยกันจริงๆ บอสส์ไม่นิ่งสนิทเลยหรอ?”
“แต่ถ้าบอสส์ไม่รักคุณเจสสิก้า แล้วเขาจะมาขอคุณเจสสิก้าคบทำไม?”
“แก้เหงาไง คั่นเวลา หรือคบเพื่อลืมอะไรแบบเนี่ย”
“นี่! ไม่มีอะไรทำกันแล้วหรือไง ถึงเอาเรื่องของบอสส์มานินทาอ่ะ” พนักงานที่เห็นกลุ่มเพื่อนร่วมงานจับเข่าคุยในเรื่องที่ไม่ค่อยดีนักเข้ามาทักท้วง
“ก็มันน่าสงสัยจริงๆนี่ แกไม่อยากรู้หรือไง?”
“ถ้าอยากรู้ไปถามยูลเขาตรงๆซิ” เจสสิก้าที่ทนฟังอยู่นานเดินแทรกเข้ามาอย่างใจเย็น ทุกคำพูด ทุกบทสนทนาของกลุ่มพนักงานแทรกซึมเข้าไปในประสาทการรับรู้ คำพูดที่เธอได้ยินทำให้จิตใจของเธอที่คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าเธอคือคนที่ควอน ยูริจะรักเริ่มเปลี่ยนไป
“คะ-คะ-คุณเจสสิก้า จอง” เหล่าพนักงานที่กำลังนินทาลับหลังนั่งอึ้งกับบุคคลที่ถูกพูดถึงด้วยความรู้สึกเกรงๆ
“มีอะไร ไปถามยูลเขาซิ จะได้ไม่ต้องมานั่งสงสัยกันเอง” เจสสิก้าบอกและพยายามเผยรอยยิ้มให้รู้ว่าเธอไม่ได้โกรธเคืองอะไร
“เอ่อ..คือ พวกฉัน...”
“ยูลเขาอยู่ในห้องใช่ไหม?”
“ค่ะ” เลขาส่วนตัวตอบสั่นๆ
“ฉันเข้าไปหาเขานะ”
“ค่ะ” จบคำพูดของเลขา เจสสิก้าก็เดินกลั่นความรู้สึกที่เจ็บปวดถึงเรื่องที่เธอได้ยินมา เข้าไปในห้องพยายามไม่ให้มีใครสังเกตเห็นสีหน้าที่บอกถึงความเศร้าของเธอ
“เกือบซวยแล้วไหมล่ะ นี่ถ้าคุณเจสสิก้าเอาเรื่องไปฟ้องบอสส์ เราได้โดนไล่ออกกันยกกลุ่มแน่ ดีที่คุณเจสสิก้าเธอไม่ได้เคืองอะไร” เลขาส่วนตัวของยูริพูดอย่างโล่งใจ
“เอ่อ.. เราทำงานกันดีกว่าเนอะ” แล้วพนักงานแต่ละคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ภายในห้องทำงานของยูริ เจสสิก้าเดินเข้ามาเงียบและยังคงพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
พูดดีดีกันไม่กี่คำ ต้องทะเลาะกันเป็นประจำ เธอรู้ไหมว่ามันกดดันเท่าไหร่
ใครโทรหาซักนิดก็โกรธ ไม่ไว้ใจไม่ว่ากับใคร หรือเราไม่อาจเป็นเหมือนเดิม
“อ้าว สิก้า วันนี้ไม่มีถ่ายแบบหรอ?”
“… ไม่มี บ่ายนี้เธอ..ว่างไหม?”
“บ่ายนี้? ไม่แน่ใจอ่ะ ฉันมีประชุมด่วนไม่รู้เหมือนกันว่าจะเลิกตอนไหน”
“ประชุมกับบริษัทของฟานี่ซินะ...” คำพูดของเจสสิก้าทำให้ฉันชะงักเข้าทันที
“เธอรู้ได้ไง?”
“ก็เดาเอา ดูจากสีหน้าเธอแล้วก็คงจะใช่”
“มันก็แค่ประชุมล่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“ประชุมน่ะไม่มี แต่คนเข้าร่วมน่ะไม่แน่”
“นี่เธอมาเพื่อจะชวนฉันทะเลาะหรือไง?”
“เธอคิดอย่างนั้นหรอ?”
“ก็สิ่งที่เธอทำอยู่มันฟ้อง”
“แล้วสิ่งที่ฉันเจอมันไม่ฟ้องมากกว่ารึไง”
“ฟ้องอะไร?”
“หึ วันนี้มันวันอะไรเธอจำได้หรือเปล่า? เมื่อวานเธอบอกว่าอะไรจำไม่ได้เลยใช่ไหม? แค่มีเรื่องของเขาเพียงนิดเดียวเข้ามาในหัว เธอก็ลืมเรื่องที่สำคัญของฉันหมดทุกอย่าง!”
“เธอพูดอะไรของเธอ! แค่เรื่องงานฉันก็ปวดหัวมากพอแล้วนะเจสสิก้า จอง!”
“วันนี้เมื่อเดือนก่อนที่สวนสาธารณะใครกันที่เรียกฉันออกมาเพื่อขอคบ! แล้วใครกันที่เมื่อวานบอกให้ฉันตอนบ่ายทำตัวให้ว่าง เพื่อจะไปที่ส่วนสาธารณะนั่น! เธอบอกมาซิควอน ยูริว่าใคร!!!”
“ ... ” จบคำพูดทั้งน้ำตาของเจสสิก้า จอง ที่ทำให้ฉันได้รู้ถึงความผิดของตัวเองทำให้ ฉันได้แต่ยืนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ฉันทำเจสสิก้าร้องไห้ ฉันทำคนที่รักฉันที่สุดร้องไห้ ฉันลืมเรื่องสำคัญของเรา เพราะเรื่องเล็กๆของเขาที่เข้ามาแทรกเพียงไม่กี่นาที
“เธอจำเรื่องของเราได้บ้างหรือเปล่าควอน ยูริ ... ” พูดจบเจสสิก้า จองก็เดินออกจากห้องไปทั้งที่ยังคงร้องไห้อยู่แบบนั้น นี่ฉัน... ฉันทำบ้าอะไรลงไป ฉันมีเจสสิก้า ก็ควรจะมองแค่เจสสิก้า แล้วทำไม ทำไมฉัน..
“สิก้า! สิก้า!!!” เมื่อสำนึกถึงความผิดนั้นได้ ฉันรีบเรียกสติกลับมาก่อนจะวิ่งตามเธอออกไป
“บอสส์คะๆ อีก15นาทีเข้าประชุมแล้วนะคะ” เลขาส่วนตัวของฉันรีบเรียกฉันไว้ เมื่อเธอเห็นว่าฉันกำลังจะวิ่งตามเจสสิก้าลงไป
“เลื่อนประชุมไม่ได้หรอ?”
“ทางฮวังกรุ๊ปขอมาด่วนน่ะค่ะ เพราะคุณทิฟฟานี่จะรีบดำเนินงานนี้ให้เสร็จ ก่อนเธอจะไปดูแลงานที่ฝรั่งเศสอย่างถาวร”
“บ้าเอ่ย!” ฉันสบถกับตัวเองอย่างแค้นใจ ก่อนจะรีบกลับเข้าห้องไปเพื่อเตรียมตัวเข้าประชุม เจสสิก้า ฉันขอโทษ ...
ในห้องประชุม
“และนี่คือแผนงานทั้งหมด ทุกคนว่ายังไงบ้างคะ?” นักธุรกิจสาวมากฝีมือ ที่ยืนอธิบายแผนงานของเธออยู่ด้านหน้าที่ประชุมถามความคิดเห็นขึ้น
“ผมว่ามันเป็นงานที่น่าสนใจดีนะครับ”
“ฉันเห็นด้วยกับงานนี้นะคะ”
“ผมด้วยครับ” ทุกคนในที่ประชุมดูจะไม่ขัดข้องอะไรกับความคิดที่ทิฟฟานี่นำเสนอ
“แล้วยูริล่ะ?” ทิฟฟานี่หันมาถามฉันที่นั่งเหม่อไม่ได้สนใจการนำเสนองานของเธอซักเท่าไหร่
“หะ?”
“เธอได้ฟังที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่า?” ทิฟฟานี่ถามอย่างรู้สึกได้ว่าฉันนั้นไม่ได้สนใจเธอเท่าที่ควร
“อือ ... ฟัง” ฉันตอบอีกคนกลับไปเสียงแผ่วๆ
“แล้วเธอว่ายังไง?”
“ก็ดี”
“แค่นี้?”
“อืม แค่นี้ เธอจะทำอะไรยังไงต่อก็ทำไปได้เลย ฉันไม่คัดค้านอะไร จบการประชุมแค่นี้นะ ฉันขอตัวล่ะ” พูดจบฉันเดินออกมาจากที่ประชุมอย่างไม่สนใจใคร ตลอดเวลาการประชุม ฉันนั่งคิดถึงแต่ผู้หญิงที่ฉันพึ่งทำเธอเสียน้ำตาไปเมื่อชั่วโมงก่อน ฉันพยายามกดโทรศัพท์ต่อสายหาเธอ แต่มันก็ไม่เป็นผล ไม่มีแต่วี่แววว่าเธอจะรับสายของฉัน
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่ายูล?” ขณะที่ฉันยังคงกังวลใจกับคนที่ฉันพยายามติดต่ออยู่ ก็มีเสียงทักขึ้นมาจากด้านหลัง
“ฟานี่?” เมื่อฉันหันไปทางต้นเสียงก็พบทิฟฟานี่ ฮวังมีอดีตคนรักของฉัน
“สีหน้าเธอดูเป็นกังวลนะ” ทิฟฟานี่มองหน้าฉันด้วยความเป็นห่วง
“ฉันทะเลาะกับสิก้าก่อนเข้าประชุม”
“เพราะฉันหรอ?” คำถามของทิฟฟานี่ทำให้ฉันไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย เพราะจริงๆที่มันเป็นแบบนี้มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ความรักของฉันที่คิดจะร่วมทางเดินกับเจสสิก้า จองมันมีรอยแผลที่ช้ำในมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว แทนที่ฉันจะทำให้รอยแผลนั้นหายไป กลับซ้ำเติมให้เจสสิก้า จองได้เจ็บทุกๆวัน
“คือ..มัน...”
ความผิดติดตัวฉันไม่มีวันหาย ติดอยู่ในหัวใจไม่อาจจะลบล้าง
ความผิดติดตัวฉัน จะอภัยให้ฉันอย่างไร แต่ในใจเธอคงไม่ลืม
“เพราะฉันซินะ”
“ไม่ใช่หรอก เพราะฉันมันทำหน้าที่คนรักได้ไม่ดีพอเอง”
“แต่ที่เธอสองคนต้องมาทะเลาะกัน มันก็เพราะฉันที่เป็นต้นเหตุ”
“มัน...”
“เสร็จงานนี้ฉันจะไปฝรั่งเศส ฉันจะเป็นฝ่ายไปจากชีวิตของพวกเธอเอง จริงๆฉันควรจะไปตั้งแต่วันที่ฉันทิ้งเธอไปแล้วด้วยซ้ำ ฉันทำให้เธอเจ็บ แต่ก็ยังมาวนเวียนอยู่กับชีวิตของเธอ”
“มันไม่ใช่ความผิดเธอซักหน่อย มันเป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำ เรายังติดต่อกันเพราะงาน ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น” ใช่.. เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ฉันได้รู้ใจตัวเองแล้วจริงๆ แม้มันจะเป็นแค่เดือนเดียวที่ฉันคบกับเจสสิก้า แต่มันก็เป็นหนึ่งเดือนที่เขาทำให้ฉันยืนขึ้นได้อีกครั้ง
“ควอน ยูริ”
“ที่เธอทิ้งฉันไป เพราะเธอเจอคนใหม่ที่ดีกว่า ฉันไม่เคยโกรธเธอหรอกนะที่เป็นแบบนั้น เพราะถ้าหากฉันดีจริง เธอก็ต้องอยู่กับฉัน ไม่ว่าคนใหม่ที่เขามาในชีวิตเธอนั้นจะดีขนาดไหน”
“เธอเข้มแข็งขึ้นมากนะ”
“เพราะเจสสิก้า จองไงล่ะ”
“ฉันดีใจด้วยนะ” ว่าแล้วทิฟฟานี่ก็ยื่นมือออกมา
“ฉันก็ดีใจกับคนใหม่ของเธอด้วยเช่นกัน” ฉันยื่นมืออกไปจับกับทิฟฟานี่เพื่อกระชับมิตรแสดงให้รู้ว่าเราบริสุทธิ์ใจต่อกัน ในวันนี้คำว่ารักที่เรามีให้กันมันคือมิตรภาพ
“แล้วเธอจะเอายังไงกับสิก้า?”
“ไม่รู้ซิ ฉันโทรไปเขาก็ไม่รับเลย”
“เธอทะเลาะกันเรื่องอะไร?”
“ฉันลืมว่าวันนี้เป็นวันครบรอบ1เดือนของเรา” ฉันก้มหน้าพูดด้วยความรู้สึกผิด
“อ่าาา... มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ ยิ่งเป็นเรื่องที่สิก้าเขาใส่ใจมากแบบนี้” ทิฟฟานี่แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกังวล
“ฉันมันแย่จริงๆ” ฉันกำมือแน่นด้วยความโกรธ ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองมากในตอนนี้ ทำไมฉันถึงทำอะไรที่มันเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้
“ไปหาสิก้ากัน”
“หือ?”
“ไปหาเจสสิก้า จอง ไปง้อเธอกัน” ว่าแล้วทิฟฟานี่ก็จูงมือฉันพาเดินออกจากบริษัท
“เดี๋ยว!” แต่ฉันค้านไว้ เธอจึงหันมามองอย่างสงสัย “ฉันไม่รู้ว่าสิก้าอยู่ไหน โทรไปเขาก็ไม่รับ แล้วเราจะไปไหนกัน?”
“ไปคอนโดของคริสตัลไง”
“คอนโดคริสตัล?”
“เวลาสิก้ามีเรื่องไม่สบายใจ มี2ที่ที่เขาจะไปคือที่บ้านฉัน ไม่ก็ไปหาคริสตัล และแน่นอนว่าตอนนี้เขาต้องอยู่กับคริสตัล” ทิฟฟานี่พูดด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ฉันเป็นแฟนเขาแท้ๆ กลับไม่รู้อะไรเลย ที่เธอทิ้งฉันไปมันก็เพราะสาเหตุนี้ด้วยซินะ” ฉันแสยะยิ้มเวทนาตัวเอง ฉันไม่เคยสนใจ ไม่คิดคิดจะใส่ใจความรู้สึกของคนรัก “ถ้าฉันจะโดนเจสสิก้า จองทิ้งไปอีกคน มันก็คงสมควร”
“เอาเวลาที่โทษตัวเอง ไปศึกษานิสัยสิก้าเพื่อทำให้เธอมีความสุขจะดีกว่าไหม?” ทิฟฟานี่พูดแทรกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“......”
“เรื่องที่มันผ่านไปแล้วเธอก็ให้มันผ่านไป ปัจจุบันตอนนี้เธอยังมีเขา ก็รีบไปดูแลเขาซิ โทษตัวเองให้ได้อะไรขึ้นมาควอน ยูริ?”
“ฉัน...”
“ไปได้แล้ว ถ้าเธอยังอยากจะรักษาสิก้าไว้”
“อือ” แล้วฉันกับทิฟฟานี่ก็ออกเดินทางไปยังคอนโดของคริสตัล จองน้องสาวคนเดียวของเจสสิก้าด้วยความหวังที่คิดว่าเธอน่าจะอยู่ที่นั่น
“ติ๊งต๊องๆๆ~” ทิฟฟานี่กดออดออกไปอย่างรีบร้อน
“ค่ะๆๆ มาแล้วค่ะ” เสียงเล็กๆของหญิงสาวร่างบางตอบออกมา แม้เสียงจะคล้ายกัน แต่ฟังดูฉันก็รู้ว่านี่คือเสียงของคริสตัล
“กึก แอ๊ดดด...” คริสตัลเปิดประตูรับ
“พี่ฟานี่ พี่ยูล?” คริสตัลดูจะตกใจฉันกับทิฟฟานี่พอควรเมื่อเธอเปิดประตูออกมาพบเรา
“คริส สิก้าอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” ทิฟฟานี่ถาม
“เอ่ออ.. อยู่ค่ะ แต่- อ๊ะพี่ยูล?” ทันทีที่คริสตัลตอบ ฉันรีบแทรกตัวเข้าไปอย่างไม่สนใจ เสียงคัดค้านของเธอ ความรู้สึกผิดที่ทำต่อเจสสิก้ามันสั่งให้รีบก้าวเท้าเดินไปหาเธอให้เร็วที่สุด
แต่...
“ไม่เป็นไรนะๆ” ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหยุดนิ่งพร้อมกับสติที่ลุดลอย มันคือภาพของเจสสิก้า ที่กำลังกอดอยู่กับบุคคลคนๆหนึ่ง ฉันรู้ดีว่าคนๆนี้คืออี ดงแฮผู้ชายที่คอยตามจีบเจสสิก้าอยู่ตลอด แต่เธอไม่ได้รับรักเขา เพราะเธอบอกกับเขาว่าเธอรักฉัน ดงแฮเลิกตามเจสสิก้า เมื่อเขารู้ว่าเจสสิก้ากับฉันเป็นคนรักกันแล้ว แต่ในวันนี้เขากำลังนั่งกอดเจสสิก้า จองอยู่ นี่มันอะไรกัน? ...
“พี่ยูล” คริสตัลที่รีบตามฉันเข้ามาหยุดชะงักเมื่อพบว่าฉันกำลังยืนมองภาพอย่างตรึงใจ โดยมีทิฟฟานี่เดินตามเข้ามาทีหลัง เมื่อเจสสิก้าและดงแฮได้ยินชื่อของฉัน ทั้งสองก็รีบหันมามองด้วยความประหลาดใจ
“บ้าเอ่ย!” ภาพที่ฉันเห็นเข้ามากระตุ้นประสาทให้ฉันรู้สึกโกรธและโมโหอย่างบอกไม่ถูก
“ปั๊ก!” ฉันรีบตรงเข้าไปหาดงแฮ ดึงตัวเขาออกมาแล้วชกเข้าไปที่หน้าของเขาเต็มๆ
“ควอน ยูริ!” เจสสิก้าที่เห็นฉันทำร้ายดงแฮ รีบผลักฉันออกก่อนที่เธอจะลงไปประคองร่างของดงแฮที่ล้มลงไปเพราะแรงต่อยของฉัน “เธอทำบ้าอะไรของเธอ!”
“นี่เธอปกป้องเขาหรอ?” ฉันถามออกไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“แล้วเธอชกพี่ดงแฮทำไม!”
“ไหนเธอบอกว่ารักฉัน แล้วทำไมมานั่งกอดอยู่กับเขาแบบนี้!” ฉันตะคอกออกไปด้วยความรู้สึกโกรธจัด
“ฉันจะกอดกับเขาเพราะอะไรมันก็เรื่องของฉัน! แต่เธอไม่มีสิทธิมาทำร้ายพี่เขาแบบนี้!” เจสสิก้าตะคอกกลับ คำพูดของเธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโดนแรงบีบมหาศาลบีบเข้าที่หัวใจของฉันอย่างแรง
แต่ละวันที่มันผ่านไป ต้องทนทรมานจิตใจ จะต้องขอโทษเธออย่างไรให้หายกัน
ในเมื่อฉันไม่เลิกกับเธอ ในเมื่อเธอไม่เลิกกับฉัน แล้วเราเจ็บไปเพื่อใคร
“ไม่มีสิทธิ? เธอบอกว่าฉันไม่มีสิทธิหรอ?”
“ใช่ เธอไม่มีสิทธิ!”
“..........”
“สิก้า ยูลใจเย็นๆซิ” ทิฟฟานี่ที่เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีพยายามเข้ามาระงับอารมณ์โกรธของฉันและเจสสิก้า จอง
“พี่คะ ... ”
“แล้วฉันผิดหรือไงที่ฉันหวงเธอ! ฉันผิดมากใช่ไหมที่ไม่อยากให้เธอไปตกอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่น!” ฉันพูดออกไปพร้อมน้ำตาที่เริ่มเอ้อล้น
“เธอหวงฉันเป็นด้วยหรอ? เธอมีความรู้สึกแบบนี้ด้วยหรอ? วันนี้เป็นวันครบรอบของเรา แต่เธอยังลืมมันได้เพราะแค่เรื่องประชุม เธอแคร์ฉันเป็นด้วยหรอควอน ยูริ!”
“ทำไมเธอถามแบบนี้?”
“หึ! ฉันไปหาเธอเพราะเธอบอกให้ไป แต่พอฉันเข้าไปเธอกลับถามว่า ไม่มีถ่ายแบบหรอ เธอรู้ไหมว่าประโยคนั้นมันทำร้ายจิตใจฉันมากขนาดไหน! ฉันทำเนียนถามเธอกลับไปว่าบ่ายนี้ว่างไหม เธอก็ยังจำคำพูดของตัวเองไม่ได้! แล้วนี่เธอก็มากับฟานี่อีก แบบนี้จะไม่ให้ฉันคิดได้ยังไงควอน ยูริ!!!” คำพูดทั้งน้ำตาของเจสสิก้าจองตอกย้ำให้ฉันรู้ว่าตัวเองผิดมากแค่ไหน มันถูกของเธอที่เธอจะคิดแบบนั้น เพราะทั้งๆที่ฉันเป็นคนนัดเธอเองแต่ฉันกลับลืมมัน
“ฉัน.. ฉันไม่ได้ ... ”
“พี่ดงแฮไปกันเถอะค่ะ”
“ ... ” คำพูดของเจสสิก้า ทำให้ฉันหมดเรี่ยวแรงที่จะยืนต่อ เธอเดินจากออกไปพร้อมกับดงแฮ คริสตัลกับทิฟฟานี่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทั้ง2ก็เลือกที่จะเดินมาหาฉันที่เข่าอ่อนทรุดลงไปกับนั่งพื้น
“ควอน ยูริ ... ” ทิฟฟานี่นั่งลงข้างๆฉันก่อนจะวางมือบ่นบ่า ทันทีที่เธอเข้ามาฉันเข้ากอดเธอทั้งน้ำตา ภาพที่ฉันเห็นมันทำให้ฉันเจ็บมากจริงๆ
“พี่สิก้ากับพี่ดงแฮไม่ได้มีอะไรกันหรอกนะคะพี่ยูล”
“ถ้าไม่ได้มีอะไรกันแล้วที่พี่เห็นมันคืออะไรคริสตัล? เขากอดกัน สิก้าอาลัยอาวรณ์เขา แบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”
“มันก็เหมือนกับที่พี่กอดพี่ฟานี่อยู่ตอนนี้ไงล่ะคะ”
“ ... ” คำพูดของคริสตัลทำให้ฉันนิ่งทันที
“พี่ดงแฮ เขาบังเอิญไปเจอพี่สิก้านั่งร้องไห้อยู่ที่ร้านกาแฟแถวบริษัทของพี่ยูล พี่เขาเลยพาพี่สิก้ามาส่งที่นี่ เพราะดูแล้วพี่สิก้าคงกลับเองไม่ไหว และที่เขากอดกันเพื่อแค่ปลอบใจ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยนะคะ” คริสตัลอธิบาย
“พี่จะเชื่อได้ไงว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกัน?”
“แล้วที่พี่ยูลกอดพี่ฟานี่แบบเนี่ย มันก็ไม่ต่างกันที่พี่สิก้ากอดพี่ดงแฮหรอกนะคะ ความรู้สึกของพี่เขาก็บริสุทธิ์ใจเหมือนที่พี่ยูลบริสุทธิ์ใจกอดพี่ฟานี่อยู่”
“ ... ”
“บางทีเธอควรจะหาเวลาให้กับตัวเองเพื่อนั่งพิจรณาอะไรให้มากกว่าที่เห็นนะยูล” ทิฟฟานี่พูดขึ้น “ความรู้สึกที่สิก้าคอยระแวงเธอกับฉัน มันก็ไม่ต่างจากที่เธอแระแวงสิก้ากับอี ดงแฮ เธอควรจะเอาใจสิก้ามาใส่ใจเธอบ้างนะ” คำพูดของทิฟฟานี่และคริสตัลทำให้ฉันคิดอะไรได้หลายอย่าง ฉันคิดอยู่ตลอดว่าทำไมเจสสิก้าไม่เชื่อใจฉันที่ฉันบอกว่ารักเธอ ทำไมถึงต้องคอยระแวงเรื่องของฉันกับทิฟฟานี่ ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไร เรื่องในวันนี้ทำให้ฉันเข้าใจถึงความรู้สึกของเธอแล้ว
เย็นวันนั้นในขณะที่ระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ฉันแยกกันกลับบ้านกับทิฟฟานี่ และเมื่อมาถึงบ้านก็พบว่าเจสสิก้ากลับมาแล้ว และเห็นรองเท้าของผู้ชายที่คุ้นเคย เพราะมันคือรองเท้าของดงแฮ ฉันกับสิก้าย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่ก็ให้อิสระต่อกันพอควรในการที่จะพาเพื่อนคนนู้นคนนี้เข้าบ้าน ฉันต้องใจเย็นไว้ ต้องบอกขอโทษและไม่โมโหใส่เธอ
“เจสสิก้า” ฉันเดินเข้าไปในห้องรับแขกก็พบเจสสิก้ากับดงแฮนั่งอยู่ด้วยกันจริงๆ
“เอ่อ..ยูริ” ดงแฮลุกขึ้นเหมือนพยายามจะบอกอะไรกับฉัน
“ฉันต้องขอโทษพี่ด้วยนะ” ฉันพูดพร้อมกับก้มหัวขอโทษอีกฝ่าย “ขอโทษที่ทำร้ายพี่ไปแบบนั้น”
“ม่ะ-ม่ะ-ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร” ดงแฮเข้ามาจับให้ฉันเงยขึ้นตามปกติ “พี่เองก็ผิดที่ทำให้เธอ2คนทะเลาะกัน เธอไม่ต้องขอโทษหรอกยูริ”
“ ... ”
“ไม่มีอะไรแล้ว งั้นพี่ไปก่อนนะ” ดงแฮบอกก่อนยิ้มบางๆให้กับฉัน
“ให้ฉันไปส่งนะ” เจสสิก้าเสนอตัว
“ไม่ต้องหรอก พี่ไปเองได้ เธอน่ะคุยกับยูริเขาให้รู้เรื่อง พี่ไปล่ะ” พูดจบอี ดงแฮก็ออกไป
ภายในห้องจึงเหลือแค่ฉันกับเจสสิก้าแค่สองคน ความเงียบเริ่มครอบคลุมไปทั่ว เมื่อเราต่างฝ่ายต่างยืนนิ่งใส่กัน
“ฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ” เจสสิก้าบอกก่อนจะลุกขึ้น
ความผิดติดตัวฉันไม่มีวันหาย ติดอยู่ในหัวใจไม่อาจจะลบล้าง
ความผิดติดตัวฉัน จะอภัยให้ฉันอย่างไร แต่ในใจเธอคงไม่ลืม
“ฉันขอโทษ” ฉันคว้าร่างของอีกคนเข้ากอดจากด้านหลังอย่างรู้สึกผิด เรื่องในวันนี้ทั้งหมดทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันรักเจสสิก้า จองมากขนาดไหน ในห้องประชุมทั้งๆที่ทิฟฟานี่อยู่ตรงหน้า ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอนัก ที่คอนโดของคริสตัลเรื่องนั้นก็ทำให้ฉันได้เข้าใจถึงความรู้สึกของเจสสิก้า และเหตุการณ์เมื่อกี้ที่ดงแฮเดินออกไปทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันกลัวว่าเจสสิก้าจะเดินตามเขาไปแล้วไม่กลับมา และตอนนี้ทั้งๆที่ฉันลืมวันสำคัญของเราไปแต่เธอก็ยังไม่บอกลาฉัน ทั้งๆที่ฉันละเลยและทำผิดไปมากมาย “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ลืมเรื่องเขาเรา ฉันขอโทษที่ไม่เคยเข้าใจเธอ ฉันขอโทษ ขอโทษกับทุกๆอย่างที่พลาดไป ฉันขอโทษ แต่ว่าเธออย่าจากฉันไปไหนเลยนะ เจสสิก้า จอง”
“ฉันจากเธอไปไหนไม่ได้อยู่แล้วควอน ยูริ ฉันบอกกับเธอแล้วไงว่าถ้าเธอกล้าที่จะมายืนอยู่ตรงนี้ ฉันก็กล้าที่จะเดินต่อไปพร้อมเธอ” เจสสิก้าหันหลังมาส่วมกอดของฉัน กอดนี้ของเธอมันอบอุ่นยิ่งกว่ากอดของใคร คนโง่ที่ทำผิดไปในวันนี้ยังมีอีกหนึ่งคนที่จะอยู่ข้างฉัน ไม่ว่าความเลวของฉันมันจะมากมาบขนาดไหน ผู้หญิงคนนี้ก็ยังอดทนที่จะยืนข้างฉันต่อไป
“มี1คำที่ตลอด1เดือนที่เราคบกันมา ฉันไม่เคยมั่นใจที่จะพูดคำนี้เลย แต่ว่าในวันนี้ฉันจะขอพูดมันอย่างเต็มปากเต็มคำ ฉันรักเธอนะ เจสสิก้า จอง”
“อือ ฉันก็รักเธอควอน ยูริ”
ปิดท้ายกับไรเตอร์
ที่อีกฝ่ายหึง ที่อีกฝ่ายหวง ที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจในการกระทำของเราซักที ก็เพราะเขารักเรามากกว่าสิ่งอื่นใด และเพราะรักมากในทุกๆเช้าที่ตื่นมา ก็จะคอยระแวงว่าวันพรุ่งนี้เขาจะยังมีเราให้จับมืออยู่ไหม คนที่รักกันรู้ดีว่าอีกฝ่ายรักเรา แต่เพราะไม่รู้ว่ารักมากหรือน้อยขนาดไหน
แต่อยากบอกให้รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเขารักเรามากน้อยเท่าไหน เพียงแค่รับรู้ว่าเขารัก เพียงแค่สัมผัสได้ว่าเขาจะมีแค่เรา แค่นั้นมันก็มากพอที่เราจะมั่นใจในตัวเขาและก้าวไปพร้อมกัน
เชื่อว่าคู่รักทุกคู่มักมีเรื่องให้ทะเลาะกันได้ทุกวัน และมันก็มักเป็นเรื่องไร้สาระมากพอควร
ทะเลาะกันเอาประสบการณ์เพื่อให้เรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ทะเลาะกันเพราะอารมณ์ร้อนที่มีทิฐิมากเกินไป รู้ทั้งรู้ว่ารัก รู้ทั้งรู้ว่าใจมีแค่อีกฝ่าย แต่ก็ยังจะหาเรื่องทะเลาะให้ผิดใจกัน ยังจะสร้างเรื่องเสียน้ำตาต่อกัน ไม่มีใครเข้าใจความรักของเราเท่ากับตัวเราเอง เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆจากอีกฝ่าย แค่นั้นมันก็พอแล้วที่จะเชื่อมั่นและเดินต่อไปพร้อมกับอีกคน
แม้รักจะวัดประมาณไม่ได้ว่ามันมีมากหรือน้อย
แต่หากรู้สึกได้ว่ารักนั่นก็มากพอที่จะเชื่อใจอีกคน ... จบ
ผลงานอื่นๆ ของ Junvi ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Junvi
ความคิดเห็น