ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก สัญญามาเฟีย (TaeNy x TaengSic)

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 57


    Chapter 8

     

     

    เป็นบรรยากาศเคอะเขินแปลกๆระหว่างคนสองคนในรถ คนหนึ่งนั่งเบือนหน้าออกไปทางกระจกหากแต่ริมฝีปากเรียวยังคงยกยิ้มไม่หุบ ส่วนอีกคน….แม้มีหน้าที่ขับรถแต่ก็ไม่อาจบังคับสายตาของตัวเองให้จดจ่ออยู่กับถนนข้างหน้าได้ ดวงตาคมเข้มยังคงเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆพร้อมกับที่ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆโดยที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ตัว

     

    ดวงตาสองคู่ต่างแอบเหลือบมองคนที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างของตนเอง ก่อนจะพากันสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความเขินอาย  เมื่อคนที่ต่างคนต่างแอบมองอยู่มองเกิดหันหน้ามาสบตากันพอดี พร้อมกับคนที่ทำหน้าที่ขับรถค่อยๆจอดรถเข้าข้างทาง

     

     

    ……………………

     
     

    ……………………

     

     

    “เธอหิวมั๊ย / คุณหิวมั๊ย”

     
     

    คำถามจากคนสองคนหลุดออกมาแทบจะพร้อมกันหลังจากที่นั่งเงียบอยู่ในบรรยากาศเก้อเขินแปลกๆกันอยู่นานสองนาน ดวงตาสองคู่มองสบกันทันทีเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่ายเกิดความนิ่งเงียบระหว่างกันและกันไปชั่วครู่……แต่ก็เป็นเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่เสียงหัวเราะของคนสองคนจะดังขึ้นพร้อมกันภายในรถยนต์คันหรู

     

    คิมแทยอนแอบเหลือบมองใบหน้าหวานของคนข้างๆที่ยังคงขึ้นสีจางๆจากการหัวเราะ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เค้าไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าหวานๆของหญิงสาวยังคงหัวเราะน้อยๆคนนี้ได้เลย แล้วไหนจะการที่ไม่เป็นตัวของตัวเองจนควบคุมไม่อยู่เวลาที่ได้อยู่กับผู้หญิงคนนี้อีก

     

     

    อาการเหล่านี้กำลังทำให้มาเฟียที่เคยเย็นชาต่อทุกสิ่งกำลังไม่เข้าใจตัวเอง……….

     

     

    เสียงหัวเราะน้อยๆเงียบไปพร้อมกับที่ดวงตาหวานของคนเคยหัวเราะอยู่หันมาสบตาคนข้างๆที่เมื่อกี๊ยังร่วมหัวเราะด้วยกันอยู่ด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะขึ้นสีจางๆเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังมองเธออยู่ด้วยแววตาที่ทำให้ใบหน้าต้องเห่อร้อนแปลกๆ

     

     

    “อ……เอ่อ คุณหิวรึป่าว”     เจสสิก้าตัดสินใจถามออกไปเมื่อรู้สึกว่าตนเองกำลังรู้สึกเขินอายจนเริ่มจะไม่เป็นตัวของตัวเอง

     

    ภาพความใกล้ชิดระหว่างกันและกันในบ้านผีสิงจนเกือบจะทำให้ทั้งเธอและเค้า

     
     

    เอ่อ…….นั่นแหละ

     
     

    เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเพียงแค่เธออยู่ใกล้เค้าคนนี้เธอถึงรู้สึกประหม่าและเขินอายจนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง ไหนจะอาการใจเต้นรุนแรงจนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ  และไหนยังจะอาการเผลอไผลลืมตัวเมื่อถูกดวงตาคมเข้มมองมาเหมือนตอนที่อยู่ในบ้านผีสิงนั่นอีก

     
     

    เจสสิก้าไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน………..

     

     
     

    “อ…..เอ่อ คุณมองชั้น มีอะไรรึป่าว”      ถามไปก็ก้มหน้าไปส่วนคนถูกถามก็สะดุ้งไปตามระเบียบ

     

     

    มือเล็กเกาท้ายทอยตัวเองอย่างเก้อๆพร้อมกับใบหน้าขาวใสเบือนไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

     

     

    “อ่า….คือ ชั้น เอ่อ ชั้นจะถามว่าเธอหิวมั๊ย”     

     
     

     ไม่เคยเลย….ไม่เคยเลยที่คิมแทยอนรู้สึกว่าตัวเองประหม่าขนาดนี้ 

     
     

    เจสสิก้าแอบมองคนที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ถึงแม้จะมีเพียงแสงไฟบนถนนที่ส่องเข้ามาภายในรถแต่ถ้าเธอดูไม่ผิด ใบหน้าใสๆของคนที่เคยเอาแต่ปั้นหน้านิ่งนั้นกำลังขึ้นสีจางๆ

     

     

    “ว่าไงหละ เธอ…..หิวรึป่าว”    เห็นอีกคนเงียบไปเลยอดที่จะหันกลับมาถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนๆไม่ได้


     

    “เอ่อ ตอนนี้ชั้นยังไม่หิวแต่ถ้าคุณหิวเราไปหาอะไรทานก่อนก็ได้นะคะ”    พูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้คนมองต้องทำหน้าไม่ถูกอีกครั้ง

     

     
     

    !!!!!!!

     

     

    แค่รอยยิ้มเดียว……..มาเฟียผู้เย็นชายกมือขึ้นมากุมหัวใจตัวเองอย่างลืมตัว คิมแทยอนไม่เข้าใจ นี่เค้ากำลังเป็นอะไรไป……

     

     

    หัวใจที่เคยคิดว่ามันตายด้านไปแล้วตอนนี้กลับเต้นแรงจนเริ่มควบคุมไม่อยู่

     

     

    ดวงตาคมเข้มของคิมแทยอนมองไล่ไปบนใบหน้าหวานของอีกคนอย่างเผลอไผลก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากเรียวสวยของอีกคน………ริมฝีปากที่เค้าเกือบจะได้ครอบครอง

     


     

    ภาพความใกล้ชิดระหว่างเค้าและเธอในบ้านผีสิงหวนกลับมาให้ใจต้องเต้นระรัวอีกครั้ง………..

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    ก่อนที่หัวใจของมาเฟียอย่างเค้าจะวาย……ก่อนที่เค้าจะเผลอไผลทำอะไรที่เป็นการเอาเปรียบอีกคน เค้าต้องหยุดมันซะก่อน

     

     

    “เอ่อ ข้างๆเป็นสวนสาธารณะ ชั้นอยากไปสูดอากาศสักหน่อย เธอจะไปด้วยมั๊ย”

     
     

    คำถามจากคนข้างๆทำให้เจสสิก้าต้องแปลกใจแต่ยังไม่ได้อ้าปากถามอะไรอีกคนก็รีบเปิดประตูลงรถไปซะแล้ว มือบางเอื้อมเปิดประตูก่อนที่จะก้าวลงไปยืนข้างๆคนที่ยืนรออยู่แล้ว


     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     
     

    ในสวนสาธารณะที่เงียบสงบมีเพียงแสงไฟที่ประดับประดาอยู่ตามต้นไม้และตามรายทางเท่านั้นที่ให้ความสว่าง คนสองคนเดินคู่กันอย่างเงียบๆ ไปตามทางที่ปูลาดไว้อย่างงดงามถึงแม้จะคำพูดใดๆระหว่างกัน ……..แต่กลับรู้สึกอุ่นในหัวใจ

     

     

    อบอุ่นเมื่อรู้ว่ายังมีอีกคนคอยเดินอยู่เคียงข้าง


    .

    .

    .

     
     

    เจสสิก้าเหลือบมองคนที่ยืนเงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิด……..ดวงตาคมเข้มคู่นั้นเหม่อมองไปไกลจนเธอไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้เค้ากำลังรู้สึกเช่นไร เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอเห็นแววตาเช่นนั้นจากแทยอน

     
     

    แววตาเหม่อลอย เศร้าหมอง เจ็บปวดและสิ้นหวัง………………

     
     

    เธอไม่อาจรู้ได้ว่าเค้ามีบาดแผลใดในใจหรือเจ็บปวดกับเรื่องใด แต่สิ่งที่เธอรู้…….คือเธอไม่ชอบเลย หัวใจของเธอเจ็บปวดไปกับเค้าด้วยทุกครั้งเมื่อได้เห็นแววตานั้นจากเค้าคนนี้

     
     

    “ตอนนี้ตอนกลางคืน แต่อีกไม่นานก็คงจะเช้า คุณว่าอย่างนั้นมั๊ยคะ”      

     
     

    คำพูดที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาทำให้คนที่เอาแต่เหม่อมองฟ้าหันมามองคนข้างๆอย่างแปลกใจ หากแต่ได้รับเพียงรอยยิ้มหวานๆส่งกลับมาเท่านั้น

     
     

    แทยอนมองคนที่กำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าหากแต่ริมฝีปากเรียวสวยนั้นกลับกำลังคลี่ยิ้ม ก่อนที่ริมฝีปากบางของเค้าจะคลี่ยิ้มออกมา

     

     

    คำพูดของเธอทำไมเค้าจะไม่เข้าใจ………

     

     

    ไม่มีคำซักถามไม่มีคำพูดฉอเลาะให้กำลังใจหวานๆ มีเพียงคำพูดธรรมดาเหมือนกับที่เค้าและเธอใช้ระหว่างกัน

     

     

    หากแต่เพียงเท่านี้……….ความรู้สึกเจ็บปวดภายในใจกลับจางหายไป

     
     

     

    ในสวนสาธารณะอันสงบเงียบซึ่งมีเพียงแสงจากดวงไฟที่ประดับประดาตามต้นไม้ต้นต่างๆเท่านั้นที่ให้ความสว่างไสว……และภายใต้ท้องฟ้าที่มีดวงดาวกำลังทอประกายระยับ

     


     

    คิมแทยอนและเจสสิก้าจองกำลังยืนส่งยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ……

     
     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     
     

    เสียงฝีเท้าของคนหลายคนที่เดินมาจากทางด้านหลังทำให้คนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีอย่างคิมแทยอนต้องชะงัก ใบหน้าใสอ่อนวัยกว่าความเป็นจริงหันกลับไปทางด้านหลังทันทีพร้อมกับใบหน้าหวานของนักร้องสาวก็หันกลับไปเช่นกัน

     

    ภาพชายฉกรรจ์ห้าหกคนในชุดสีดำสนิทพร้อมอาวุธครบมือทำให้เจสสิก้าร้องออกมาด้วยความตกใจ ความหวาดกลัวในเหตุการณ์ครั้งก่อนยังไม่จางหายไป ร่างบางสั่นน้อยๆอย่างคนที่กำลังตื่นกลัวหากแต่เพียงแค่ครู่เดียวความหวาดกลัวนั้นก็จางหายไป เมื่อรู้สึกได้ว่ามือของเธอถูกใครอีกคนเกาะกุมกระชับเอาไว้พร้อมกับดันเธอให้ไปอยู่ทางด้านหลัง

     

     
     

    “คุณหนูเจสสิก้า กว่าจะมีโอกาสจับตัวได้ เล่นเอาเรารอซะนานเลยนะ”       หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์พูดขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างน่าขยะแขยง

     

     

    “ไหนนายว่าคุณหนูนี่ไปอยู่กับไอ้คิมแทยอนไง แล้วนี่อะไรปล่อยให้ออกมากับผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวลูกน้องไม่มีสักคน สงสัยจริงๆว่าไอ้มาเฟียนั่นมันคิดยังไง ให้ผู้หญิงมาดูแล ฮึ!! น่าสงสารคุณหนูจริงๆ”       

     

    อีกคนพูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังออกมาด้วยความพออกพอใจจากกลุ่มชายเหล่านั้น

     
     

    แทยอนมองกลุ่มชายเหล่านั้นด้วยสายตาที่สงบนิ่ง แค่ลูกน้องปลายแถวห้าหกคนเค้าจัดการได้สบายอยู่แล้ว ห่วงก็แต่เพียงหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังของเค้าเพียงเท่านั้น………

     

     

    แต่ไม่ว่าจะอย่างไร…….เค้าก็จะปกป้องเจสสิก้าให้ดีที่สุด

    .

    .

    .

    .

     
     

    “ไม่ต้องกลัวนะเจสสิก้า  จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้ คิมแทยอนคนนี้จะไม่ให้ใครแตะต้องเธอ”     

     
     

    คำพูดเบาๆแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคงจากคนข้างหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ มือบางกระชับมือที่เกาะกุมเธออยู่ให้แน่นขึ้นมีเพียงแค่การกระทำไม่ต้องมีคำพูดใดๆ เธอรู้ว่าแทยอนรู้…….เธอเชื่อเค้า……..เธอเชื่อคิมแทยอนหมดหัวใจ

     

     

    “ปล่อยคุณหนูนั่นมาซะ ถ้าแกยังไม่อยากเจ็บตัว”        คำพูดไม่ได้รับการตอบสนองมีเพียงสายตานิ่งๆส่งกลับมาให้ชายเหล่านั้นต้องรู้สึกเกร็ง

     

     
     

    “พูดดีๆไม่ฟังต้องให้ใช้กำลังใช่มั๊ย อย่าหาว่าพวกพี่ใจร้ายใช้กำลังกับผู้หญิงเลยนะ เฮ้ยพวกเราจัดการยัยนี่ซะแล้วเอาคุณหนูนั่นมาให้ได้”     

     

     ชายผู้เป็นหัวหน้าสั่งพร้อมกับแสยะยิ้มและทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งชายหนุ่มห้าคนก็พุ่งเข้าหาคนทั้งคู่ทันทีพร้อมอาวุธในมือ

     

     

    มือเล็กผลักหญิงสาวอีกคนให้ออกห่างตัวเพื่อไม่ให้เป็นอันตราย แทยอนเตรียมพร้อมอยู่แล้วประสบการณ์ที่ฝึกฝนอย่างหนักหน่วงและยาวนานมาตั้งแต่เด็กทำให้เค้าสามารถจัดการกับคนพวกนี้ได้อย่างสบาย ท่อนเหล็กฟาดเข้ามาทันทีที่แทยอนผลักเจสสิก้าออกไปหากแต่อาวุธนั้นกลับไม่สามารถทำอะไรเค้าได้เลย เพียงแค่ชั่วครู่ชายร่างกำยำคนหนึ่งก็ล้มลงไปกองที่พื้นจากหน้าแข้งเพียวๆและศอกหนักๆที่เสยปลายคางจนน๊อคกลางอากาศ

     
     

    หมดไปหนึ่งเหลืออีกสี่

     
     

    แทยอนยืนอยู่กลางวงล้อมของชายร่างใหญ่สี่คนด้วยแววตาเรียบนิ่งยังไม่ทันจะได้หายใจชายสี่คนพร้อมอาวุธในมือก็พุ่งเข้าหาร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงกลางวงทันที

     

    เจสสิก้ากรีดร้องสุดเสียงเมื่อเห็นอาวุธอันตรายนานาชนิดพุ่งเข้าจุดมุ่งหมายเดียวกัน ร่างบางพยายามจะวิ่งเข้าหาคนที่ทั้งสู้และรับอยู่กลางวงด้วยความเป็นห่วง หากแต่กลับต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือหนาหยาบกร้านมาล๊อคตัวเธอไว้จากด้านหลัง

     

    ถึงแม้จะเก่งกาจเพียงใดแต่คนที่ฝึกฝนมาดีก็มีพลาดอยู่เหมือนกัน หลายครั้งที่ร่างบางของคิมแทยอนงอตัวเมื่อถูกไม้หน้าสามหรือท่อนเหล็กฟาดเข้าที่ลำตัว ถึงแม้จะไม่โดนเต็มๆแต่มันก็ทำให้เจ็บแปลบได้ไม่น้อย ใบหน้าใสเริ่มมีเม็ดเหงื่อเกาะพราว บางทีเค้าอาจคำนวนพลาดไปคนพวกนี้ถึงแม้ว่าฝีมือจะไม่ดีจนทำให้มาเฟียอย่างเค้าต้องสละเลือดแต่พวกนี้ก็อึดพอที่จะทำให้เค้าเริ่มล้า อาวุธนานาชนิดยังคงดาหน้าเข้ามา

     
     

    หากแต่เค้ายังคงไวกว่า

     
     

    แขนเล็กหากแต่แข็งแกร่งล๊อคเข้าที่คอชายคนหนึ่งพร้อมๆกับที่เจ้าของแขนบอบบางนั้นกระโดดเตะเข้าลำคอของชายอีกคนจนสลบลงไปก่อนจะหันมาจัดการคนที่ตนเองล๊อคอยู่ด้วยการฟันศอกเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรงจนคนโดนหลับกลางอากาศลงไปกองกับพื้นอีกคน

     
     

    หมดไปสองเหลืออีกสอง 

     
     

    ไม่มีเวลาให้ได้หายใจชายคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับมีดพกในมือโดยไม่ทันตั้งตัวมาเฟียชื่อดังหันหลบด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะใช้สองมือจับแขนกำยำนั้นนั้นไว้แล้วเตะสวนด้วยความเร็วจนชายคนนั้นตัวงอพร้อม  ใบหน้าหยาบกร้านสะบัดไปข้างหลังเมื่อถูกปลายเท้าของแทยอนเตะเสยอย่างแรงจนหงายหลังไป

     
     

    หมดไปหนึ่งเหลืออีกหนึ่ง

     
     

    ใบหน้าใสอ่อนวัยเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่เกาะพราว  หากแต่ดวงตาคมยังคงมองชายร่างใหญ่ที่มีท่อนเหล็กในมือด้วยแววตาเรียบเฉย  ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โดนอาวุธหนักๆจนเลือดออกแต่การที่ต้องใช้ท่อนแขนของตนเองรับแรงกระแทกจากไม้และเหล็กที่พุ่งเข้ามาก็ทำให้ร่างกายของเค้าบอบช้ำไม่น้อย ไหนจะใบหน้าใสที่ขึ้นสีม่วงจางๆจากหมัดล้วนๆที่เค้าพลาดหลบไม่ทัน ถึงแม้จะบอบช้ำเพียงใดร่างบางของคิมแทยอนก็ยังคงยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง 

     

    แววตาเรียบนิ่งของผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มร่างกายกำยำเริ่มหวาดกลัว การที่คนๆนี้ล้มเพื่อนของเค้าด้วยมือเปล่าได้ย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่ธรรมดา จะเรียกว่าไม่ธรรมดาคงจะไม่ถูกนักเรียกว่าน่ากลัวจะดีกว่า กี่ครั้งที่ร่างบอบบางนั้นต้องรับแรงกระแทกจากไม้และเหล็กที่ฟาดเข้าใส่ด้วยแรงของชายฉกรรจ์ แต่ไม่ว่าจะอาวุธกระทบร่างกายไปเท่าใดร่างบอบบางนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มลงไปสักที

     
     

    คนๆนั้นยังคงยืนอย่างมั่นคงได้ทุกครั้ง 

     
     

    มือหนาที่กำท่อนเหล็กเริ่มสั่นน้อยๆเมื่อสบเข้ากับแววตาของอีกฝ่าย   หากแต่ความไม่ยอมแพ้และมั่นใจในฝีมือตนเองทำให้เค้าวิ่งเข้าไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่ทันที

     

    แทยอนหลบท่อนเหล็กที่ฟาดเข้าใส่ได้อย่างหวุดหวิดถึงไม่โดนหัวหากแต่อย่างนั้นยังฟาดเข้าใส่หัวไหล่เค้าอย่างจังจนแทบทรุด แต่ก็ไม่เวลาให้เจ็บได้มากนักเมื่อท่อนเหล็กนั้นยังฟาดเข้าใส่เค้าอย่างไม่ยั้งให้ต้องพยายามหลบเป็นพลันวัน

     
     

    เจสสิก้าดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากมือหยาบกร้านที่ล๊อคเธออยู่ทันทีเมื่อเห็นภาพคนตัวเล็กทรุดลงไปกับพื้น ริมฝีปากกำลังจะกรีดร้องหากแต่ทำได้เพียงดิ้นไปมาเมื่อถูกมือกร้านปิดปากเอาไว้ ดวงตาคู่หวานมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้เอาแต่หลบด้วยน้ำตาที่เริ่มรินไหล

     
     

    เธอไม่อยากให้เค้าเป็นอะไร………

     
     

    ร่างเล็กของแทยอนยังคงหลบท่อนเหล็กที่ฟาดเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง เพราะอาการเจ็บแปลบที่หัวไหล่และการบอบช้ำจากการสู้ก่อนหน้านั้นทำให้การขยับตัวไม่เป็นไปอย่างที่ใจนึก หากแต่ว่าเค้ายังคงมีความไวพอ ร่างเล็กพุ่งหลบท่อนเหล็กที่ฟาดลงมาพร้อมกับที่มือคว้าไม้ท่อนหนึ่งได้ การต่อสู้ระหว่างไม้กับเหล็กจึงเริ่มขึ้น ถึงแม้จะต้องใช้มือซ้ายในการจับอาวุธแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถของคิมแทยอนลดลง มือข้างซ้ายที่ถือไม้ยังคงรับท่อนเหล็กที่พุ่งมาได้อย่างไม่ติดขัด ก่อนที่แทยอนจะปิดเกมด้วยการฟาดไม้หน้าสามนั้นเข้าใส่ใบหน้าของชายคนนั้นจนทรุดลง

     
     

    “เฮ่ย!!! หยุด!!!

     

    เสียงที่ดังขึ้นทำให้มือข้างซ้ายที่ถือไม้ต้องชะงักค้างเมื่อชายอีกคน…….ชายคนที่เหลือเดินออกมา ท่อนแขนข้างหนึ่งล๊อคตัวผู้หญิงที่เค้าเป็นห่วงที่สุดเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างกำลังเล็กวัตถุสีดำเมื่อมมาที่เค้า   ดวงตาคมเข้มของแทยอนมองสบดวงตาหวานที่บัดนี้เต็มไปด้วยน้ำตาของเจสสิก้าด้วยความเป็นห่วง

     
     

    เค้าพลาดเองที่ทำให้เธอถูกจับ

     

     

    ภาพเจสสิก้าที่มองสบตากำลังทำให้เค้าปวดหนึบในหัวใจ ทั้งๆที่เค้าบอกเองว่าจะไม่ให้ใครแตะต้องเธอได้………..

     

     
     

    “ไม่แท!!!! ระวัง!!!!!!  แทยอน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ยังไม่ทันมองหญิงสาวตรงหน้าได้เต็มตาใบหน้าใสอ่อนวัยก็สะบัดไปด้านข้างทันทีที่ท่อนเหล็กในมือของชายที่เค้าคิดว่าสลบไปแล้วกระทบเข้ากับด้านข้างศีรษะเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของเจสสิก้ายังคงก้องสะท้อนอยู่ในความรู้สึก ความเจ็บแปลบพุ่งเข้าชนทันทีพร้อมกับเลือดเหนียวสีแดงสดรินไหลออกมาจากรอยแผล

     

     

    “ปล่อยนะ!!  ปล่อยสิ บอกให้ปล่อย!!!! แทยอน!!!! แทยอน!!!!!

     

    ภาพคนตัวเล็กที่ฟุบลงกับพื้นเนื่องจากถูกตีเต็มแรงทำให้หญิงสาวกรีดร้องอย่างสุดเสียง ร่างบางดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมเพื่อจะวิ่งไปหาคนที่ยังคงฟุบอยู่ แต่ดูเหมือนความพยายามของเธอจะไม่เป็นผลเมื่อมือหยาบนั้นยังคงรั้งเธอไว้อย่างแข็งแรง ริมฝีปากเรียวสวยร้องเรียกชื่อคนที่ฟุบอยู่พร้อมน้ำตาจากดวงตาคู่หวานที่พรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย

     

     
     

    เพียงแค่เห็นเค้าเจ็บ…………………..เธอก็แทบขาดใจ

     
     

     

    ภาพเจสสิก้ากำลังดิ้นรนมาหาเค้าทั้งน้ำตาทำให้เค้าต้องกำมือแน่น เลือดสีแดงข้นยังคงรินไหลเปรอะเปื้อนเสื้อไหมพรมถักสีขาว เค้าไม่เคยกลัวความเจ็บปวด ไม่เคยหวาดกลัวอาวุธใดๆ ต่อให้ต้องเจ็บมากกว่านี้หรือต่อให้คนทั้งโลกเล็งปืนมาเค้าก็ไม่เคยหวั่นเกรงเลยสักนิด……..แต่ในตอนนี้เค้ากำลังกลัว

     

     
     

    กลัว……….ว่าเจสสิก้าจะไม่ปลอดภัย

     

     
     

    ร่างเล็กค่อยๆยันกายขึ้นความเจ็บปวดที่ศีรษะยังคงเล่นงานอยู่หากแต่ไม่ได้ทำให้คิมแทยอนหวั่นไหว มือข้างหนึ่งปาดเลือดที่รินไหลออกจากใบหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าว หากแต่มืออีกข้างกลับกำไม้ในมือแน่น



    “เฮ้ย  อะไรวะ!!!!”    

     
     

    ชายร่างกายกำยำที่เป็นคนฟาดท่อนเหล็กหันมาก่อนที่จะร้องด้วยความตกใจไม่ต่างกับชายที่กำลังล๊อคตัวเจสสิก้าอยู่ ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆที่ถูกท่อนเหล็กฟาดใส่เต็มแรงด้วยแรงของผู้ชาย จะลุกขึ้นมายืนจ้องหน้าพวกเค้าด้วยแววตาน่ากลัวได้โดยไม่มีท่าทีเจ็บปวดใดๆ

     

     

     

    “ปล่อยเธอซะ”

     

    “ชั้นบอกให้ปล่อยเธอ!!

     
     

    ยังไม่ทันที่ท่อนเหล็กในหรือปืนในมือจะได้ทำหน้าที่ของมัน เสียงทรงอำนาจของคนตัวเล็กตรงหน้าก็ดังขึ้นซะก่อนพร้อมกับที่เจ้าของเสียงเดินย่างสามขุมเข้าไปหาโดยที่ไม่มีท่าทางหวั่นเกรงปืนในมือ  ท่าทางที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับแววตาแข็งกร้าวแลดูน่ากลัวทำให้ผู้ชายตัวโตๆสองคนชะงักค้างด้วยความหวั่นเกรง

     

     

    เจสสิก้ามองคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ……….เธอดีใจที่แทยอนไม่เป็นอะไร แต่     แทยอนคนนี้กลับดูแปลกไป เค้าดูน่ากลัว ไม่เหมือนคนที่เธอรู้จัก…………แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เป็นแทยอนในแบบไหนเธอก็ไม่เคยคิดหวาดกลัวเค้าเลยสักนิด แต่ตอนนี้เธอเป็นห่วงเค้าผู้ชายคนนี้มีปืนในมือ เธอกลัว…..กลัวว่าแทยอนจะไม่ปลอดภัย

     
     

     

    “ฮ……เฮ้ย ถอยไปสิวะ อยากตายรึไง!!”       แทยอนกระตุกยิ้มกับคำขู่ของชายตรงหน้าที่กำลังเล็งปืนใส่เค้า ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยเสียงเย็นเยียบให้คนฟังต้องสะท้าน

     

     
     

    “แกต่างหาก ที่ต้องตาย”

     


                ปั้ง!!!!!!!



     

     

    ขาดคำของคิมแทยอนเสียงปืนก็ดังขึ้นพร้อมกันสองนัดทันทีพร้อมกับชายสองคนล้มลงด้วยกระสุนที่เล็งเข้าศีรษะอันเป็นจุดตาย

     
     

    ภาพชายสองคนที่ล้มลงไปต่อหน้าพร้อมเลือดที่รินไหลออกมาจากบาดแผลที่ศีรษะทำให้หญิงสาวต้องนิ่งค้างด้วยความหวาดกลัว

     

     

    ป่าวเลย……เจสสิก้าไม่กลัวบาดแผลของชายสองคนนั้น

    แต่เธอกลัว………กลัวว่าคนที่ถูกยิงจะเป็นแทยอน

    ใจของเธอถูกกระชากไปตั้งแต่เสียงปืนดังลั่นขึ้น……..

     

     

    เธอกลัว……ว่าคนที่ล้มลงไปจะเป็นเค้า

     

     


     

    “ไม่เป็นไรนะเจสสิก้า ไม่เป็นไร”       

                        เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดอันอบอุ่นทำให้เธอปล่อยโฮ มือบางกอดคนที่กอดเธออยู่ไว้แน่นเหมือนกับว่าจะไม่มีวันปล่อยให้เค้าไปไหน

     

     

    “แทยอน ฮือ แทยอน แทยอน”           ริมฝีปากเรียวสวยยังคงเรียกชื่ออีกคนซ้ำไปซ้ำมาให้คนถูกเรียกต้องยกยิ้ม

     

     

    “ไม่เป็นไรแล้วสิก้าไม่เป็นไรแล้ว ชั้นไม่เป็นไร”       ไม่รู้ว่าตัวเองถูกเรียกชื่ออย่างสนิทสนมตั้งแต่เมื่อไหร่แต่นักร้องสาวก็ไม่ได้สนใจ เสียงนุ่มข้างหูนี้ต่างหากที่ดึงความสนใจทั้งหมดของเธอไป

     
     

    .

    .

    .

     
     

    “โอ๊ะโอ  กอดกันกลมเลยแฮะ”        เสียงของผู้มาใหม่ทำให้คนที่กอดกันอยู่ต้องผละออกจากกันทันทีด้วยความตกใจ

     

     

    ยุนอายืนมองรุ่นพี่คนสนิทกับนักร้องสาวด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มข้างกันคือยูริที่ยกยิ้มน้อยๆไม่ต่างกัน

     

     
     

    “แกสองคนมาช้า”              น้ำเสียงเย็นๆทำให้คนที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ต้องยกยิ้มแหยๆ ก่อนที่จะเถียงออกมาเบาๆ

     

     
     

    “เราไม่ผิดซะหน่อย พี่แทต่างหากที่ขับรถเร็วจนคนของเราตามไม่ทัน”

     
     

    แทยอนมองหน้าเพื่อนและรุ่นน้องก่อนที่จะส่ายหน้าเบาๆ จะว่าไปที่ยุนอาพูดก็ถูกเค้าเป็นคนขับรถเร็วอย่างนี้เสมอ แต่การที่ทั้งเค้าและเจสสิก้าต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองจนลืมตัวว่าควรขับให้คนของเค้าตามทันมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่ 

     
     

    ในสถานการณ์เก้อเขินแบบนั้นใครตกอยู่ในภวังค์ทั้งนั้นแหละ

     
     

    แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณคนสนิททั้งสองคนของเค้าที่มาทันแถมฝีมือยังแม่นเหมือนเดิมซะด้วย

     

     

    “พี่กับพี่สิก้าไม่เป็นไรนะ”     

     

    เจสสิก้าพยักหน้าน้อยๆให้ยุนอาก่อนที่จะทำตาโตเมื่อนึกได้ว่าอีกคนมีสภาพเช่นไรมือบางควานหาผ้าเช็ดหน้าสีหวานของตนเองก่อนที่จะเอามาซับเลือดให้อีกคนอย่างเบามือ

    แทยอนมองคนที่คิ้วขมวดบรรจงซับเลือดให้เค้า ใบหน้าหวานนั้นยังคงหลงเหลือคราบน้ำตาหากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจที่จะเช็ดมัน  มือนุ่มของแทยอนค่อยๆเกลี่ยซับน้ำตานั้นเบาๆให้คนถูกกระทำต้องหลบตาด้วยความเขินอาย

     

     

    ภาพความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนอยู่ในสายตาของสองพี่น้อง ยูริและยุนอามองสบตากันพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าวันนี้จะเกิดเรื่องมากมายและอาจเป็นเรื่องใหญ่ถ้าเค้าทั้งคู่มาไม่ทัน แต่อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น

     

     


     

    ดูจากท่าทีหวานแปลกๆของคนสองคนตรงหน้าหละนะ

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “เข้าไปเถอะค่ะ”       

     

    คำพูดพร้อมกับรอยยิ้มของป้ายองอีทำให้คนที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้องตัดสินใจเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป

     

    ห้องนอนห้องใหญ่ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลคลาสสิกภายในห้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน  แต่สิ่งที่เป็นจุดสนใจคงจะเป็นตู้หนังสือพร้อมโต๊ะทำงานตัวหรูที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง  มือบางค่อยๆวางถ้วยข้ามต้มในมือลงบนโต๊ะใกล้ๆกับเตียงไม้ขนาดใหญ่ บนเตียงเจ้าของห้องยังคงนอนหลับสนิทฟังได้จากเสียงหายใจที่ยังคงดังอยู่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ

     

    ดวงตาหวานทอดมองคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใบหน้าใสอ่อนวัยเต็มไปด้วยรอยช้ำขึ้นสีม่วงจางๆ ที่ศีรษะมีผ้าพันเอาไว้อย่างดี  หลังจากที่เกิดเรื่องเธอยืนยันจะให้เค้าไปโรงพยาบาลแต่เค้ากลับปฏิเสธในตอนแรกเธอก็โมโหที่เค้าไม่สนใจตัวเอง แต่พึ่งจะมาเข้าใจทีหลังเมื่อเห็นคุณหมอชื่อดังฝีมือดีมารักษาให้เค้าถึงบ้าน  และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจก็คือคุณหมอมือหนึ่งวัยกลางคนชื่อดังคนนี้เป็นหมอประจำตัวของคนในตระกูลคิม โดยเฉพาะคิมแทยอน และโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในเกาหลีที่คุณหมอคนนี้ทำงานอยู่ยังเป็นของตระกูลคิมอีกด้วย

     

     

    ใบหน้ายามหลับของอีกคนทำให้หญิงสาวอดที่จะมองไม่ได้ เรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นทำให้เธอเริ่มกลัวหัวใจตัวเองทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ใช่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เพียงแต่เธอกลัวที่จะต้องยอมรับหัวใจตัวเอง

     
     

    ไม่อยากยอมรับว่า……..เธอคงตกหลุมรักมาเฟียคนนี้เข้าให้แล้ว

     
     

    ไม่ใช่จะปฏิเสธแต่เธอเองก็ยังไม่อยากเปิดใจ เธอและเค้าพึ่งรู้จักกันได้ไม่นานแล้วอีกอย่างเธอเองก็ไม่รู้หัวใจหรือความรู้สึกของเค้าว่าคิดอย่างไรกับเธอ และไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนใจเย็น หากแต่เรื่องแบบนี้สำหรับเธอต้องใช้เวลา………..

     

     

    เวลา………..ที่จะเรียนรู้กันและกัน หากเธอและเค้าคิดตรงกันจริงๆ

     

     
     

    มือบางค่อยสัมผัสใบหน้าที่หลับใหลเบาๆก่อนที่จะสะดุ้งเมื่ออีกคนกลับลืมตาขึ้นมา

     

     

    “คือ คุณต้องทานยาแต่คุณยังไม่ได้ทานข้าวเลย ป้ายองอีเลยบอกให้ชั้นเอาข้าวต้มเข้ามาให้คุณ” 

     

    แทยอนมองใบหน้าหวานของหญิงสาวพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ ความจริงแล้วนอกจาก     ยูริยุนอาและป้ายองอีที่มีหน้าที่ทำความสะอาดและดูแลเค้าแล้วเค้าไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามา และมันก็เป็นกฎของบ้านที่ทุกคนก็รู้ดี 

     

     

    ห้องนี้คือห้องต้องห้ามสำหรับทุกคน

    ห้องนี้คือห้องส่วนตัวของเค้า

    ห้องนี้คือห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำ

    หากแต่เค้าเองก็อดที่จะแปลกใจตัวเองอีกครั้งไม่ได้ที่เค้ายินยอมให้เจสสิก้าเข้ามาอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ

     

     

    “เอ่อ ชั้นวางข้าวต้มไว้ตรงนี้ ทานเสร็จแล้วก็อย่าลืมทานยานะ”      

     

    หญิงสาวบอกคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนที่จะเดินกลับไปที่ประตู ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากอยู่ดูแลเค้าเพียงแต่ว่าความรู้สึกบางอย่างของเธอบอกเธอว่าห้องๆนี้ไม่ใช่ที่สำหรับเธอ

     

     

    “เอ่อ……อย่าพึ่งไปได้มั๊ย”            

     

     มือบางกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูหากแต่ต้องชะงักเมื่อเสียงเบาๆของเจ้าของห้องดังขึ้นซะก่อน ใบหน้าสวยหวานของนักร้องสาวหันมามองคนที่อยู่บนเตียงอย่างงงๆ

     

     

    “คือ ชั้นยกแขนไม่ถนัดหนะ จะเป็นไรมั๊ยถ้าชั้นจะขอให้เธอ……ป้อน”      

                        ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เค้าตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น แต่เค้าแค่ไม่อยากให้เธอออกไป ก็เท่านั้นเอง

     

     

    “ไม่เป็นไรนะ ถ้าเธอ…..ไม่สะดวก”     

                       เจสสิก้าส่ายหน้าทันทีเมื่อได้ยินคำตัดพ้อไม่ใช่ว่าเธอไม่สะดวกเพียงแต่ เธอแค่แปลกใจเท่านั้นเอง

     

     

    มือบางของนักร้องสาวตักข้าวต้มที่มีควันหอมฉุยยื่นให้คนที่อ้าปากรอรับอยู่ด้วยท่าทีประหม่าก่อนที่จะตกใจเมื่อได้ยินคนถูกป้อนร้องดังลั่นพร้อมกับน้ำหูน้ำตาไหล

     

     
     

    “อ๊า!!!!! อ๊อนๆๆๆ อ๊ามๆๆ”        

     

     
     

    “ขอโทษๆ คุณเป็นไรมั๊ย พอดีชั้นลืมไปว่ามันร้อน”  

     

    ขอโทษไปก็ลูบหลังคนตัวเล็กกว่าไปมือหนึ่งก็ยื่นแก้วน้ำให้อีกคนด้วยสีหน้าสำนึกผิดมัวแต่ประหม่าเธอลืมไปเลยว่าข้าวต้มที่เธอถือมานั้นร้อนสุดๆ เพราะป้ายองอีพึ่งตักออกมาจากหม้อสดๆร้อนๆ มองคนที่หน้าแดงปากแดงก็นึกสงสารปากพึ่งโดนชกเพราะเธอแท้ตอนนี้เธอยังมาทำเรื่องให้เค้าอีก

     

     

    “ขอโทษจริงๆนะคะ ชั้นลืมไปจริงๆว่ามันร้อน”

     

    แทยอนมองคนที่ก้มหน้าก้มตาสำนึกผิดด้วยใบหน้าและน้ำเสียงหงอยๆ ท่าทางของเจสสิก้าทำให้เค้าต้องหลุดยิ้มออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเค้าคงโวยวายไล่เธอออกจากห้องไปแล้วแต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ไม่ว่าเจสสิก้าจะทำอะไรถึงแม้จะขัดใจแค่ไหนเค้าก็โกรธเธอไม่ลงสักที

     

     
     

    “เดี๋ยวชั้นไปบอกให้ป้ายองอีมาป้อนคุณดีกว่า บางทีป้าอาจจะไม่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” 

     

     ร่างบางกำลังจะลุกออกไปเมื่อเห็นอีกคนยังคงนิ่งเงียบเธอคิดว่าแทยอนคงไม่พอใจเธอแน่ หากแต่เพียงแค่ลุกขึ้นข้อมือบางกลับถูกดึงไว้ด้วยมือนุ่มของใครอีกคน

     

     

    “อย่าไป”    พูดเองก็ชะงักเอง


                        อีกแล้ว
    ……เป็นอีกครั้งแล้วที่แทยอนไม่เข้าใจตัวเอง ยิ่งเห็นดวงตาหวานนั่นมองมาแบบไม่เข้าใจยิ่งทำให้รู้สึกเก้อเขินแปลกๆ

     

     
     

    “ชั้น คือ ชั้นหมายถึง เธอทำชั้นเจ็บเธอต้องรับผิดชอบดูแลชั้น เอ่อ จนกว่าชั้นจะหาย ก็เท่านั้น”

     

     

    ไม่รู้ว่าทำไมหน้าต้องขึ้นสี ไม่รู้ว่าทำไมต้องเขินกับคำพูดธรรมดาๆที่ไม่ได้ฟังหวานหู

    แต่แค่เพียงคนพูดคือคิมแทยอนคำพูดธรรมดาคำนี้กลับทำให้หัวใจของหญิงสาวต้องเต้นแรง

     

     

    เจสสิก้ามองใบหน้าขาวใสของอีกคนที่ตอนนี้หันหน้าทางอื่นเรียบร้อยแล้วพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ก่อนที่จะนั่งลงที่เดิมแล้วทำหน้าที่พิเศษที่พึ่งได้รับมาโดยครั้งนี้ไม่ลืมที่จะเป่าข้าวต้มให้หายร้อนเพื่อไม่ให้คนทานต้องปากพองอีกครั้ง

     

     

     

    …..ประตูห้องนอนใหญ่สุดของบ้านค่อยๆปิดลงอย่างเงียบเชียบจนสองคนที่อยู่ในห้องไม่ทันได้สังเกตเห็น ทันทีที่ประตูปิดลงคนสามคนที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ยิ้มแฉ่งออกมาทันที เค้าทั้งสามไม่ได้ตั้งใจแอบดูหรือทำอะไรที่เป็นการเสียมารยาท หากแต่ยูริ ยุนอา และยองอีแค่รู้สึกเป็นห่วงคนสองคนในห้องเท่านั้น คนหนึ่งน่าห่วงเพราะกำลังบาดเจ็บ แต่อีกคนน่าห่วงกว่าเพราะดูเหมือนเจ้าของห้องจะหวงห้องเหลือเกิน แล้วจู่ๆเจสสิก้ากลับเข้าไปคนทั้งสามจึงเป็นห่วงยิ่งนัก แต่ดูเหมือนว่าความเป็นห่วงของพวกเค้าคงไม่จำเป็นซะแล้ว ในเมื่อภาพคนสองคนในห้องที่เห็นเมื่อกี๊มันอบอวนไปด้วยความรู้สึกแปลกๆให้คนแอบมองต้องยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ

     

     

    “ยุนว่า อีกไม่นานเราคงได้นายหญิงคนใหม่แน่ๆ”         ยุนอาเอ่ยความรู้สึกของตนเองออกมาทั้งที่ยังยิ้มกริ่ม

     

     

    “ถ้าเป็นคุณหนูเจสสิก้าคนนี้ ป้ายินดีที่สุดเลยค่ะ”        ยองอีพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างไม่ต่างกัน

     

     

    “ถ้าเรื่องทุกอย่างราบรื่นแบบนี้ไปตลอดก็ดีสิ แต่ชั้นกลัวจริงๆว่าทุกอย่างมันจะไม่ง่ายเหมือนที่เราคิด”      คำพูดของยูริทำให้ทั้งยุนอาและยองอีมองหน้ากันด้วยความหนักใจ

     

     

    นั่นสินะ………บางทีทุกอย่างมันก็ไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่คิดเสมอไป

     

     

    หากแต่เพียง…….พวกเค้าหวังว่าความสุขที่มีในตอนนี้มันจะยืนยาวและเป็นความสุขที่แท้จริงของคนที่พวกเค้ารักที่สุดอย่าง คิมแทยอน

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     
     

    โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางลงอย่างเบามือบนโต๊ะภายในห้องนอนสีหวาน มือบางของใครคนหนึ่งลูบคลำภาพคู่ของคนสองคนที่ถูกใส่กรอบไว้อย่างดี ดวงตาเรียวสวยที่มักโค้งดั่งพระจันทร์เมื่อแย้มยิ้มมองใบหน้าใสอ่อนวัยของคนในภาพ พร้อมกับที่นิ้วเรียวไล้ใบหน้าของคนในภาพนั้นด้วยความคิดถึงและหวงแหน

     

    ความเป็นไปของอีกคนที่ถึงแม้อยู่ไกลกันคนละประเทศแต่เธอก็รับรู้เรื่องราวของเค้าได้เสมอ ถึงแม้จะต้องจากลาหรือห่างหาย…..แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะไม่รู้ความเป็นไปของอีกคน ข่าวที่พึ่งได้รับมาทำให้เธอต้องใจหาย…….

     

     

    ใครคนนั้นกำลังบาดเจ็บ……….

    เค้าผู้เคยเย่อหยิ่งและเย็นชาไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน ต้องบาดเจ็บ…………..

    เพียงเพราะช่วยผู้หญิงคนหนึ่ง……………

    ผู้หญิง……ที่ทำให้เธอเริ่มหวั่นใจ

     

     

     

     

    TBC.

     

     

     

    ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษก่อนเลยนะคะที่เคยบอกไว้ว่าจะลงตอนต่อไปไม่วันเสาร์ก็อาทิตย์ แต่เพราะไม่ว่างจริงๆเลยไม่ได้ลงให้ยังไงก็อย่าพึ่งโกรธกันนะคะ พฮึก  ว่าแต่ทำไมแต่ละตอนคอมเม้นกันน้อยจัง หรือว่าเรื่องนี้ไม่สนุก ไม่ถูกใจ หรือยังไงคะ (ไรท์แอบเสียใจนะ T^T)   ยังไงอ่านแล้วก็คอมเม้นเป็นกำลังใจให้กันบ้างนะคะ คอมเม้นของรีดเดอร์เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์นะคะ T^T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×