คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7
Chapter 7
“อ๊ะ / เอ่อ….ขอโทษ”
สองเสียงดังขึ้นพร้อมกับที่คนสองคนหันหน้าไปคนละทางอย่างเก้อเขินทันทีที่ตะเกียบสองคู่เกิดใจตรงกันคีบอาหารชิ้นเดียวกัน ก่อนที่คนนั่งหัวโต๊ะจะหันกลับมาเหลือบมองหน้าหญิงสาวที่กำลังเบือนหน้าไปทางอื่น พร้อมกับที่ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กๆออกมาเมื่อเห็นใบหน้าหวานๆของอีกคนนั้นกำลังขึ้นสีน้อยๆ
ยูริและยุนอามองสบตากันทันทีเมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร จะบอกว่าบรรยากาศในตอนนี้แปลกๆก็ไม่ถูกนัก ความจริงแล้วทั้งคู่รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกไปตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเลยต่างหาก
ภาพเจสสิก้าที่กำลังเดินสำรวจไปทั่วสวนกลางบ้านพร้อมกับก้มลงพิจารณาดอกไม้ที่ถูกปลูกไว้อย่างสนใจโดยมีเจ้าของบ้านเดินตามเงียบๆ ทำให้สองพี่น้องที่พึ่งกลับมาจากทำงานต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
เจสสิก้าจะสนใจดอกไม้คงไม่แปลก
แต่สิ่งที่แปลกก็เห็นจะเป็นคนที่เป็นเจ้านายของพวกเค้าต่างหาก
ทั่วทั้งบ้านหลังนี้ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าดอกไม้ในสวนแห่งนี้ผู้เป็นเจ้าของบ้านหวงแหนมากขนาดไหน นอกจากคนที่มีหน้าดูแลโดยตรงแล้วคนอื่นแทบจะไม่สามารถแตะต้องดอกไม้ที่ใครๆในบ้านต่างก็เรียกขานว่าดอกไม้ต้องห้ามนั้นได้เลย แต่สิ่งที่พวกเค้าเห็นและตกใจมากจนแทบหยุดหายใจก็คือ………..
เจสสิก้ากำลังก้มลงสัมผัสดอกไม้ต้องห้ามนั้นด้วยรอยยิ้มและท่าทีสบายๆ โดยมีเจ้าของบ้านยืนมองอยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ โดยที่……ไม่มีคำห้ามปราม ไม่มีเสียงตวาดดังโวยวาย ไม่มีแม้แต่ความกราดเกรี้ยวใดๆดังเช่นที่เคยเป็นมา
.
.
.
.
“เป็นอะไร วันนี้งานหนักกันรึไง” น้ำเสียงที่ดังมาจากทางหัวโต๊ะทำให้สองพี่น้องที่กำลังจมอยู่กับความแปลกใจของตัวเองต้องสะดุ้งเล็กน้อย
“หรืออาหารวันนี้ไม่ถูกปาก” คนหัวโต๊ะยังคงถามด้วยน้ำเสียงเช่นเดิมหากแต่หางเสียงกลับกลั้วหัวเราะให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลาย
“ป….ป่าวพี่แท ไม่ใช่อย่างนั้น ฝีมือป้ายองอียังอร่อยเหมือนเดิมแต่ยุนกับพี่ยูลแค่แปลกใจนิดหน่อยหนะ”
คำตอบของยุนอาทำให้คนสองคนต้องขมวดคิ้วทันที คนหนึ่งขมวดเพราะความแปลกใจแต่อีกคนขมวดเมื่อเห็นว่าน้องสาวของกำลังหาแนวสนับสนุนหาเรื่องใส่ตัว
“แปลกใจเรื่อง?” ถามนิ่งๆแต่คิ้วยังขมวดอย่างคนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราว
“ไม่มีอะไรหรอกแทยอน แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องหนะ” ยูริตอบเพื่อนสนิทเรียบๆตามนิสัยของตนเองพร้อมกับใช้ศอกกระทุ้งสีข้างน้องสาวเบาๆเพื่อเตือนสติ
ถึงแม้ว่าแทยอนจะใจดีกับยุนอาแต่เค้าก็รู้ดีว่าหากน้องสาวตัวดีของเค้าเอ่ยถามในสิ่งที่เราทั้งคู่แปลกใจขึ้นมาเมื่อไหร่ความใจดีนั้นคงไม่ช่วยอะไรเลย ในทางตรงข้ามกลับทำให้บรรยากาศที่กำลังดีแบบแปลกๆในตอนนี้ย่ำแย่ลงด้วยซ้ำ
เพราะยูริรู้ดีว่า…..ถามอะไรก็คงถามได้ แต่ไม่ควรถามหรือพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้น
“อ……อ่าใช่พี่แทไม่ใช่เรื่องอะไรสำคัญหรอก เราแค่แปลกใจเพราะป้ายองอีบอกว่าวันนี้พี่แทกับพี่สิก้าเข้าครัว”
ยุนอารีบยกความสงสัยอีกข้อของตัวเองขึ้นมาถามคนเป็นพี่ทันทีเมื่อเห็นว่าตัวเองเกือบพลาดทำระเบิดลงกลางบ้าน แต่อย่างน้อยข้อสงสัยนี้คงทำให้บรรยากาศที่หมิ่นเหม่น่ากลัวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหละนะ สังเกตได้จากสีหน้าและท่าทางของคนสองคนที่กำลังทำหน้าไม่ถูกในตอนนี้
“อ……อ๋อ ก็ไม่มีอะไร แค่ถ้าขืนปล่อยให้ยัยนี่ทำครัวชั้นคงได้อดข้าวเที่ยง ก็เลยต้องทำเองแค่นั้นหละ”
พูดแล้วก็เหลือบไปมองคนข้างๆที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานของตัวเองทั้งที่ใบหน้าหวานๆกำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนคนพูดจะหันไปก้มหน้าก้มตาทานอาหารหารในจานโดยไม่มองอีกสองคนที่กำลังยิ้มกริ่มแม้แต่น้อย
คำพูดแก้ตัวกับสีหน้าแปลกๆของทั้งแทยอนและเจสสิก้าทำให้ยุนอาเหลือบมองยูรินิดๆก่อนที่จะพากันแอบยิ้มกับเหตุผลของคนเป็นนายที่พึ่งกล่าวมา
เพราะพี่สิก้าจะพังครัวเลยต้องทำเองว่างั้น แล้วทำไมไม่ให้ป้ายองอีหรือเด็กในครัวทำหละ ถึงกับเข้าครัวลงมือทำเองแบบนั้นสงสัยต่อไปคงมีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นแน่แท้
คิดแล้วก็ยิ้มกว้างกับความคิดตัวเองก่อนที่จะหุบยิ้มลงแล้วรีบก้มหน้าก้มตาจ้วงอาหารในจานเข้าปากตัวเองทันทีเมื่อหันไปเห็นสายตาดุๆของคนที่นั่งหัวโต๊ะกำลังมองมา
.
.
.
.
.
“ช่วงนี้ดูอารมณ์ดีนะ แทยอน”
คำถามกลายๆเจือแววล้อเลียนของเพื่อนสนิททำให้คนที่นั่งเผลอยิ้มอยู่หลังโต๊ะในห้องทำงานต้องหันกลับมองมองคนพูดทันที พร้อมกับปรับสีหน้าให้เป็นเคร่งขรึมเช่นเคยก่อนจะถลึงตาใส่เมื่อเห็นเพื่อนสนิทหัวเราะออกมา
ยูริมองสีหน้าและท่าทางของเพื่อนสนิทก่อนจะหัวเราะน้อยๆ คงจะเป็นอย่างที่ยุนอาเคยพูด
การเข้ามาของเจสสิก้าจะทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไป
เห็นได้ชัดๆเลยคือจากคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิทของเค้าเอง
ตั้งแต่เจสสิก้าเข้ามาในบ้านหลังนี้ถึงแม้ว่าเจ้าตัวเองและหญิงสาวอีกคนจะไม่เคยมีเวลาตรงกันเลยแต่ยูริก็รู้ว่าแทยอนรับรู้เรื่องราวของเธอเสมอ ไม่ว่าจะผ่านทางยุนอาหรือแม้กระทั่งสายตาของตัวเอง เจสสิก้าคงไม่รู้ว่าตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เธอคอยแต่มองบานประตูที่ปิดไฟเงียบของห้องข้างๆ เจ้าของห้องจะยืนมองดูเธอพร้อมกับยกยิ้มเล็กๆอยู่มุมหนึ่งของบ้านอยู่เสมอ
เพราะเวลาที่เธอกลับมาแทยอนมักจะยังไม่นอนอย่างที่หญิงสาวเข้าใจ
เค้ารู้ดีว่าเจ้านายของเค้ามักจะทำงานอยู่ในห้องทำงานจนเวลาถึงเวลาเกือบรุ่งสางอยู่เสมอเช่นกัน
“หัวเราะอะไรยูล”
น้ำเสียงดุๆที่ส่งกลับมาทำให้ยูริรู้ว่าคนพูดเริ่มจะมีอาการหงุดหงิดเล็กๆ ใบหน้าคมหันกลับมาหาใบหน้าอ่อนวัยของเพื่อนสนิทที่เริ่มจะบึ้งตึง พร้อมกับส่ายหน้าทั้งที่ยังคงกลั้วหัวเราะ
แทยอนมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยังคงหัวเราะอยู่ด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา ก่อนที่ริมฝีปากบางๆจะยกยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างได้
“หัวเราะอารมณ์ดีแบบนี้ เพราะคิดถึงใครบางคนที่อยู่ฮ่องกงรึไง”
น้ำเสียงยียวนซึ่งไม่บ่อยนักที่จะได้ยินทำให้คนที่กำลังหัวเราะอยู่ต้องหยุดกึกทันที พร้อมกับที่ใบหน้าคมๆนั้นจะเริ่มขึ้นสีจางๆ
“อ้า…..พูดแล้วก็คิดถึงยัยตัวยุ่งขึ้นมาไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะว่ามั๊ย ว่าแต่…………..แกได้โทรกลับโทรไปฮ่องกงบ้างรึป่าวตั้งแต่ที่เรามาที่นี่”
คนพูดยังพูดด้วยสีหน้ายียวนส่วนคนฟังไม่ต้องพูดถึงหน้าคมๆนั่นขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ได้ยินอีกคนเอ่ยถึง ยัยตัวยุ่ง นั้นแล้ว
แทยอนหัวเราะน้อยๆเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนสนิททำไมเค้าจะไม่รู้ว่ายูริคิดอะไรกับยัยตัวยุ่งของพวกเค้า ตั้งแต่เด็กจนโตที่เพื่อนของเค้าปกป้องและดูแลน้องน้อยคนนั้นอย่างดีเสมอ หลายครั้งหลายคราที่เค้าแนะนำให้บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป แต่เจ้าตัวก็มักจะปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ทำให้เค้าและยุนอาต้องส่ายหน้า
เพราะน้องคงไม่คิดอะไร และเห็นเค้าเป็นแค่พี่คนหนึ่งเท่านั้นแล้วอีกอย่างคนที่น้องรักคงไม่ใช่เค้า…..
เพราะรู้ความหมายของเหตุผลนั้นดีแต่แทยอนเองก็ยังคงนิ่งเฉยทำไมเค้าจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรและที่เพื่อนสนิทของเค้าพูดหมายถึงอะไรแต่เค้าเองก็ไม่ได้เก็บสิ่งนั้นมาใส่ใจ บางครั้งเรื่องบางอย่างก็คงต้องให้เวลาเป็นคนตัดสินโดยเฉพาะความรู้สึกและหัวใจของคน
“พี่แท พรุ่งนี้พี่จะพาพี่สิก้าไปข้างนอกหรอ”
เสียงของผู้มาใหม่ที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาทำให้คนสองคนที่อยู่ในห้องต้องหันไปมองก่อนที่คนถูกถามจะพยักหน้ารับเบาๆอย่างไม่ใส่ใจ แล้วก้มหน้าอ่านเอกสารปึกใหญ่ในมือของตัวเองต่อโดยไม่สนใจใครอีก
ยุนอามองใบหน้าอ่อนวัยของรุ่นพี่คนสนิทยิ้มๆ ก่อนที่จะหันไปหาคนเป็นพี่ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงถามพร้อมกับกระซิบเบาๆให้ได้ยินกันสองคน
พี่สิก้าบอก…….
ยูริพยักหน้าน้อยๆเชิงเข้าใจ ไม่แปลกที่ยุนอาจะบอกเช่นนี้ในเมื่อน้องของเค้าเพิ่งออกจากห้องของเธอมา เพราะนอกจากยุนอาต้องทำหน้าที่รายงานความเป็นไปของเจสสิก้าให้แทยอนได้ฟังแล้ว หน้าที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งที่เจ้าตัวได้รับแต่งตั้งจากหญิงสาวก็คือรายงานความเป็นไปของน้องสาวของเธอให้ฟัง ในตอนแรกเค้าเองก็อดที่จะสงสารกับภาระงานแบบแปลกๆนี้ไม่ได้แต่ตอนนี้เค้าเองก็ชักจะแน่ใจขึ้นมาบ้างแล้วว่างานนี้ต่อให้แทยอนสั่งห้ามยุนอาก็คงไม่ฟัง ดูได้จากหน้าบานๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เคยหุบเมื่อเจ้าตัวพูดถึงหญิงสาวที่ต้องดูแลอีกคน
“ว่าแต่พี่จะพาพี่สิก้าไปไหนหละ” คำถามของยุนอาทำให้คนที่ก้มหน้าอ่านเอกสารในมือต้องเงยหน้าขึ้นมา
“ไม่รู้สิ” ตอบพร้อมกับก้มลงสนใจเอกสารในมืออีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กๆ
นั่นสินะ เค้าแค่บอกว่าจะพาไปแต่ก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะพาไปไหน แต่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องวุ่นวายอะไรเพราะคนอย่างเจสสิก้าหนะดูง่ายจะตาย ถ้าไม่ไปช๊อปปิ้งซื้อของเจ้าหล่อนก็คงขอให้พากลับบ้านสินะ
“แล้วจะพาเธอไปยังไง พรุ่งนี้ยุนอาต้องไปดูแลคริสตัลแล้วชั้นเองก็ต้องเข้าไปจัดการเอกสารที่บริษัท”
ยูริถามเพื่อนสนิทพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจและกังวล เรื่องที่ยุนอาพึ่งบอกทำให้เค้ากังวลใจ เพราะความที่ทั้งเค้าและยุนอาต่างก็ติดงานสำคัญที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าตัวจนไม่สามารถที่จะอยู่เคียงข้างดังเช่นปกติได้ทำให้เค้าไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าแทยอนไม่มีฝีมือหรืออ่อนแอแต่ในทางตรงกันข้ามแทยอนกลับแข็งแกร่งกว่าพวกเค้ามากนัก หากแต่ความปลอดภัยของแทยอนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดยิ่งในตอนที่เหตุการณ์ไม่ปกติเช่นนี้
แทยอนเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารในมือดวงตาคมเข้มมองสบในตาที่ฉายแววห่วงกังวลของเพื่อนสนิทโดยไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ยูริเป็นห่วงเรื่องอะไรเค้ารู้ดีแต่ในเมื่อได้พูดออกไปแล้วเค้าก็ต้องรับผิดชอบคำพูดนั้นเพื่อไม่ให้ใครต้องมาว่าเค้าทีหลังได้ และคนอย่างคิมแทยอนเมื่อพูดไปแล้วก็ต้องแน่ใจแล้วเช่นกันถึงแม้จะรู้ว่าค่อนข้างเสี่ยงที่ไม่มีทั้งยูริและยุนอาอยู่ด้วยก็ตาม และเค้าก็รู้ดีว่าทั้งยูริและยุนอาคงไม่ปล่อยให้เค้าเป็นอันตรายแน่ๆ
“ชั้นจะขับรถไปเอง” ตอบสั้นๆให้คนฟังต้องอ้าปากค้าง
“แต่…..แทยอนทำแบบนั้นมันอันตรายนะ” มาเฟียชื่อดังกระตุกยิ้มนิดๆเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของสองคนสนิท
ถึงจะบอกว่าขับรถไปเองแต่เชื่อเถอะว่าพรุ่งนี้ยังไงๆสองคนนี่ก็ต้องส่งลูกน้องไปคุ้มครองเค้าและเจสสิก้าแน่นอน
“ตกใจอะไร ถึงชั้นจะบอกอย่างนั้นแต่ชั้นก็รู้ดี ว่าพรุ่งนี้คงมีคนของเราไม่ต่ำกว่าสิบกระจายตัวอยู่รอบๆชั้นกับเจสสิก้าแน่ จริงมั๊ย?”
พูดแล้วก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางสบายๆไม่ใช่ว่าแทยอนประมาทแต่เค้ามั่นใจต่างหากว่าในตอนนี้อ๊คแทคยอนคงจะไม่กล้าทำอะไรรุนแรงนอกไปจากพยายามจับตัวเจสสิก้าเท่านั้น
คำตัดบทของผู้เป็นนายทำให้สองคนสนิทได้แต่สบตากันด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อแทยอนตัดสินใจไปแล้ว หน้าที่ของเค้าทั้งสองตอนนี้คงทำได้เพียงวางแผนคุ้มครองความปลอดภัยของแทยอนและเจสสิก้าในวันพรุ่งนี้ให้ดีที่สุด
…………………………………………………………………….
“แต่งตัวบ้าอะไรของเธอเนี่ย!!”
“แล้วคุณหละ แต่งบ้าอะไร!!!”
“แล้วเธอจะเกี่ยวไอ้นั่นไว้ที่หูทำไม น่าเกลียด!!”
เสียงของคนสองคนที่เกือบจะเรียกได้ว่าตะโกนใส่กันดังลั่นออกมาจากห้องอาหาร ทำให้ยูริและยุนอาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะพร้อมใจกันหัวเราะออกมาด้วยความขบขันเมื่อเห็นต้นตอของปัญหา
ภาพคนสองคนที่ยืนจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตายคงไม่น่าขบขันได้เท่ากับการแต่งตัวที่แตกต่างกันสุดขั้วของคนทั้งสอง
คนหนึ่งใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อสูทสีดำสนิทและกางเกงสีขาวเข้ารูปที่เนี๊ยบจนไม่มีแม้แต่รอยยับดูหรูหรา ส่วนอีกคน……..
เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีน้ำเงินเข้มที่มีรอยขาดเป็นริ้วๆตามแฟชั่นกับเสื้อแขนยาวตัวโคร่งสีเทาอ่อนมีผ้าพันคอสีแดงสดพันอยู่รอบคอ โดยที่หูข้างหนึ่งของหญิงสาวมีแมสปิดปากเกี่ยวไว้แล้วปล่อยห้อยลงมา
“อ…..เอ่อ ตกลงพี่สองคนจะไปด้วยกันจริงป่าวเนี่ย” ยุนอาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่ยังคงยืนจ้องตากันโดยไม่สนใจเค้าสองคนที่เดินเข้ามา
แทยอนมองสบตารุ่นน้องคนสนิทโดยที่ไม่พูดอะไรก่อนที่ดวงตาคมเข้มจะหันไปมองหญิงสาวอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถอนหายใจออกมา
“นี่เธอถ้าจะออกไปข้างนอกกับชั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เอาที่มันดีกว่านี้หน่อยเป็นไอดอลไม่ใช่รึไง”
คำพูดของคนตรงหน้าทำให้เจสสิก้าต้องเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ คนอะไรแค่จะออกไปข้างนอกแค่นี้ก็แต่งตัวยังกะจะไปงานขนาดเธอเป็นไอดอลเธอยังไม่เยอะเท่าเค้าคนนี้เลย แล้วอีกอย่างจะให้เธอไปเปลี่ยนชุดได้ยังไงเธอไปไอดอลนะ จะออกไปข้างนอกก็ต้องพลางตัวสิจะให้แต่งตัวดูดีเหมือนแฟชั่นสนามบินได้ยังไงกัน
“ไม่!! คุณนั่นแหละที่ต้องไปเปลี่ยน”
“นี่เธอ!!!!”
“โอ๊ยยยยคุณ ชั้นอยากไปเป็นส่วนตัวแบบไม่มีใครจำได้อะเข้าใจมั๊ย แล้วอีกอย่างนะอีกอย่าง คุณแน่ใจหรอว่าจะแต่งตัวแบบนี้ออกไปกับชั้นจริงๆ”
พูดไม่พูดป่าวนิ้วเรียวสวยของนักร้องยังจิ้มๆไปที่เสื้อสูทตัวหรูของคนตรงหน้าอีกด้วย
แทยอนมองใบหน้าหวานๆของหญิงสาวก่อนจะกลอกตาขึ้นฟ้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
เหอะ!! เค้าผิดสินะที่แต่งตัวแบบนี้ก็จะให้ทำยังไงหละในเมื่อไม่ว่าจะไปไหนเค้าก็ตัวแบบนี้ตลอดทุกครั้ง
“แล้วตกลงเธอจะไปไหน?” ตัดสินใจถามออกไปเมื่อเห็นอีกคนไม่ยอมแน่ๆ ก่อนที่ตัวเองจะรู้สึกว่าคิดผิดมหันต์ในการตัดสินใจชั่ววูบของตัวเอง
ริมฝีปากเรียวสวยของนักร้องสาวคลี่ยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำถามจากคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยคำตอบชัดถ้อยชัดคำให้คนฟังอยู่ทุกคนต้องอ้าปากค้าง
“สวนสนุก ^^ ”
.
.
.
.
.
.
คิมแทยอนนั่งฮึดฮัดอย่างขัดใจทั้งที่ตัวเองยังทำหน้าที่ขับรถไปด้วย รอยยิ้มล้อเลียนของสองคนสนิทและท่าทางอ้าปากค้างอย่างตกใจสุดขีดของยองอีและคนในบ้านเมื่อเห็นเค้าเปลี่ยนชุดออกมาเค้ายังจำได้ดี ใบหน้าใสอ่อนวัยขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอายเมื่อต้องแต่งตัวในชุดที่ไม่คุ้นชิน(ที่ถูกยัดเยียดโดยยุนอา) ไหนจะท่าทางการตบมือหัวเราะอย่างชอบใจของหญิงสาวที่นั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีอยู่ข้างๆนี่อีก แทบจะทำให้มาเฟียอย่างคิมแทยอนอยากจะมุดดินหนี
“โหวววววว พี่แท แต่งตัวแบบนี้แล้วดูเท่มุ้งมิ้งแบบพวกไอดอลเลยอะ” แทยอนแทบอยากจะเขกกะโหลกรุ่นน้องคนสนิทแรงๆเมื่อได้ยอนคำชมแบบแปลกๆจากยุนอา
“แต่งตัวแบบนี้ดูแปลกตาดีนะ ไม่เหมือนแทยอนที่ชั้นรู้จัก” ไหนจะคำพูดกึ่งล้อเลียนของเพื่อนสนิทอีก
“โอ๊ยยยยย คุณหนูคะ น่ารักมากเลยค่ะป้าชอบ” แล้วก็ปิดท้ายด้วยป้ายองอีที่พูดพร้อมกับทำตาเป็นประกายตื้นตันใจให้คนถูกมองต้องหน้าขึ้นสี ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดบทโดยการลากแขนหญิงสาวที่เอาแต่หัวเราะขึ้นรถไป
“นี่จะยิ้มอีกนานมั๊ย” น้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆทำให้คนที่เอาแต่นั่งยิ้มต้องหัวเราะออกมา
ไม่ใช่เพราะแทยอนดูไม่ดีแต่เพราะแทยอนดูดีมากต่างหากจนเธอยังเผลอใจเต้นแรงตอนที่เค้าเดินออกมาจากห้องของยุนอา
เสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์เข้ารูปสีเดียวกันกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีเข้มและเสื้อคลุมถักไหมพรมสีขาวทำให้แทยอนดูแปลกตา ภาพลักษณ์ที่เคยดูน่าเกรงขามตามแบบฉบับของมาเฟียดูอ่อนโยนและซอฟลงเมื่อเจ้าตัวอยู่ในชุดสบายๆเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นคิมแทยอนก็ยังดูเท่ห์และดูดีกว่าคนปกติทั่วไปอยู่ดีในสายตาของเธอ
.
.
.
.
Mercedes-benz สปอร์ตคันหรูสองที่นั่งสีดำสนิทจอดนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถของสวนสนุกขนาดใหญ่ของกรุงโซล ร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งก้าวลงจากรถด้วยความร่าเริงก่อนที่ใบหน้าหวานๆจะงอง้ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกคนยังไม่มีท่าทีจะลงจากรถ เรียวขางามก้าวยาวๆไปทางที่นั่งคนขับก่อนจะเปิดประตูรถอย่างรวดเร็วให้คนที่นั่งทำหน้ายุ่งอยู่ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ลงมาได้แล้ว!! คุณจะนั่งอยู่ในนั้นตลอดไปเลยรึไงห๊า”
เจ้าของใบหน้างามแหวขึ้นด้วยความหงุดหงิดก่อนจะมุดตัวเข้าไปปลดเบลท์แล้วทำท่าจะดึงคนที่นั่งหน้ายุ่งอยู่ด้านในให้ออกมา
การกระทำของเจสสิก้าที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้คนถูกดึงได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ไม่ใช่การขืนตัวไว้เพราะไม่อยากจะลงรถหากแต่เพราะใบหน้าหวานๆกับกลิ่นหอมจางๆที่ออกมาจากตัวของใครบางคนที่พึ่งจะมุดตัวเองเข้ามาในรถจนใบหน้าของเค้าและเธอแทบจะชนกันต่างหาก ที่ทำให้มาเฟียชื่อดังอย่างคิมแทยอนไม่กล้าขยับไปไหน
“……………”
“……………”
ความเงียบงันขึ้นมาทันทีเมื่อดวงตาสองดวงสบกันในระยะที่ใกล้ชิดในรถที่แคบจนแทบขยับตัวไม่ได้ทำให้ เจสสิก้าอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอและเค้าอยู่ในท่าทางที่หมิ่นเหม่ต่อความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่พบเห็น แต่ถึงอย่างนั้นกลับเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างจากดวงตาคมนั้นที่สะกดเธอไว้ไม่ให้ไปไหนใบหน้าสวยหวานนั้นจึงทำได้แต่เพียงนิ่งค้างอยู่ในท่านั้นพร้อมกับหัวใจที่กำลังเต้นแรง
คงไม่ต่างจากอีกคน…..แทยอนมองใบหน้าหวานๆที่ขึ้นสีของหญิงสาวตรงหน้าอย่างนิ่งงัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นหอมอ่อนๆหรือประกายวูบไหวบางอย่างในดวงตากลมใสนั่นกันแน่ที่ดึงดูดสายตาของเค้าไม่ไห้มองไปทางไหน ดวงตาคมเข้มค่อยๆมองสำรวจใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างเผลอไผลก่อนที่สายตาจะไปหยุดนิ่งอยู่ที่ริมฝีปากบางสวยที่กำลังอ้าค้างน้อยๆ ให้หัวใจที่เคยแข็งแกร่งดุจหินผาต้องเต้นระรัว
เกิดความเงียบที่น่าอึดอัดแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกแปลกๆระหว่างคนสองคนก่อนที่คนที่ถูกค่อมอยู่จะรู้สึกตัวแล้วกระแอมขึ้นเบาๆ พร้อมกับปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วพูดขึ้นให้คนฟังต้องหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย
“เธอ….เอ่อ จะอยู่ท่านี้อีกนานมั๊ย”
เสียงที่ดังเตือนสติทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวร่างบางมุดออกจากรถอย่างรวดเร็วก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อศีรษะมนๆนั้นไปโขกกับรถเต็มแรง
คิมแทยอนหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นนักร้องสาวคนสวยของวงการลงไปนั่งจุมปุ๊กเอามือกุมหัวหัวเองด้วยใบหน้าเหยเก หากแต่ยังไม่วายตวัดสายตาอาฆาตใส่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากเค้า
ผู้หญิงอะไรโง่จริงออกจารถยังไงให้หัวโขก แล้วดูท่าทางจะเจ็บมากนะนั่นดังโป๊กซะขนาดนั้น
“นี่เจ็บมากรึไง ไหนมาดูซิว่าหัวแตกรึป่าว”
พูดพร้อมกับยังคงหัวเราะน้อยๆ ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้มือเล็กค่อยลูบหัวคนที่นั่งอยู่เบาๆ ก่อนที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าศีรษะมนๆนั้นไม่มีแผลแตกอะไรนอกจากปูดโนขึ้นเล็กๆ
…..การกระทำและคำพูดที่อ่อนโยนของคนข้างๆทำให้คนนั่งกุมหัวตัวเองอยู่ต้องนิ่งงัน เพียงแค่มือนั้นลูบที่ศีรษะของเธอเบาๆความเจ็บปวดที่เคยมีกลับหายไป หัวใจดวงน้อยๆที่เคยสงบนิ่งไปแล้วกลับเต้นแรงและรัวขึ้นกว่าเดิม
ก่อนที่โรคหัวจะกำเริบ ก่อนที่หัวใจเธอจะวายแล้วตายไปโดยที่ยังไม่แต่งงาน…..
มือบางปัดมือแกร่งนั้นออกทันทีพร้อมกับยืดตัวขึ้นเต็มความสูง แต่………เจสสิก้าคงจะลืมว่าใครอีกคนกำลังก้มอยู่ข้างหลังของเธอ ศีรษะมนๆนั้นจึงกระแทกเข้ากับปลายคางของอีกคนอย่างแรงทันที
ปึ๊ก!!!!! โอ๊ยยยยย!!!!!!
สองเสียงร้องขึ้นประสานกันพร้อมกับที่คนสองคนทรุดลงนั่งจุมปุ๊กที่พื้น
คนหนึ่งนั่งกุมหัวที่คงจะซ้ำรอยเดิมพร้อมกับเบ้ปากอย่างจะร้องไห้
ส่วนอีกคนนั่นกุมปลายคางของตัวเองกับน้ำตาที่เริ่มจะเล็ด
“ย๊าส์!!! ยัยบ้า เธอทำอะไรของเธอกันห๊ะ”
คนกุมปลายคางตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความหงุดหงิด เพราะความแรงของการกระแทกทำให้หัวของแทยอนถึงกับสะเทือน นี่ยังไม่รวมเสียงฟันที่กระทบกันจนน่ากลัวว่าจะร้าวหมดทั้งปาก
“ก…..ก็ ทำไมไม่หลบหละ ก็เห็นอยู่ว่าคนจะยืนขึ้นอะ”
คนผิดเถียงข้างๆคูทั้งที่ยังกุมหัวของตัวเอง ความจริงเธอไม่ผิดนะ แทยอนต่างหากที่ผิด…….
ผิดที่ทำให้เธอใจเต้นแรงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
“เธอนี่มัน…..”
“โอ๊ย เลิกพูดได้แล้วน่าไปเถอะเห็นมั๊ยคนเข้าแถวซื้อบัตรยาวแล้วนั่น”
พูดแล้วก็รีบจ้ำออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังคงลูบหัวตัวเองป้อยๆ ไม่ใช่กลัวซื้อบัตรไม่ทันหรอกเพียงแค่กลัวว่าถ้าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานหัวใจเจ้ากรรมจะเต้นแรงให้เป็นเรื่องอีก หนะสิ
“ฮ…เฮ้ อ้าว!! แล้วนั่นจะไปไหนหละยัยบ้า”
เมื่อเห็นหญิงสาวอีกคนรีบจ้ำยาวๆคิมแทยอนก็ได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะรีบจัดการล๊อครถอย่างรวดเร็วแล้วเดินตามคนที่เอาแต่จ้ำไปข้างหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
.
.
.
.
.
.
ท่าทางตื่นตาตื่นใจเหมือนเด็กๆของคนข้างทำให้แทยอนอดที่จะยกยิ้มออกมาไม่ได้ ตั้งแต่เข้ามาภายในสวนสนุกหญิงสาวข้างกายของเค้าก็เอาแต่วิ่งวุ่นไม่หยุดเหมือนคนที่ไม่เคยมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เค้ารู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้เค้าอารมณ์ดีด้วยซ้ำ (ถ้าไม่รวมเหตุการณ์หัวโขกปลายคางจนเกือบน๊อคที่ลานจอดรถนั่นหละนะ)
“นี่ๆ แทยอนไปขึ้นอันนั้นเถอะ”
พูดพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วดึงแขนอีกคนให้เดินไปยังจุดๆหนึ่งที่มีคนหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ไม่ไกล แทยอนมองไปยังจุดที่หญิงสาวข้างกายชี้ให้ดูพร้อมกับอ้าปากค้าง ใบหน้าอ่อนกว่าวัยซีดเผือดลงพร้อมกับส่ายไปมาทันทีเมื่อเห็นแล้วว่าไอ้เครื่องเล่นที่เจสสิก้าพยายามจะลากเค้าไปคืออะไร
รถไฟเหาะT-Expressรางทำจากไม้แห่งแรกในเอเชียและเป็นรถไฟเหาะที่เร็วสุดที่ใช้เวลาเพียง 3 นาที ปรากฏอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเสียงที่กรีดร้องอย่างโหยหวนของคนที่อยู่บนรถไฟ มาเฟียชื่อดังส่ายหน้าถี่ๆพร้อมกับขืนตัวอย่างสุดแรงเพื่อไม่ให้เขยื้อนตามแรงดึงของหญิงสาวข้างกาย
คนอย่างคิมแทยอนไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น มีด ดาบ หรือว่าปืน…….แต่รถไฟเหาะนี่ ขอบาย แทยอนยังไม่อยากตายบนท้องฟ้าเกาหลี ==”
อาการขัดขืนของคนข้างๆทำให้คนที่พยายามจะดึงอยู่ต้องหยุดชะงักลง เจสสิก้าหันกลับมามองคนข้างๆพร้อมกับขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนริมฝีปากบางสวยจะคลี่ยิ้มออกมาด้วยความชอบใจเมื่อเดาได้ว่าคนข้างๆเป็นอะไร
ไม่อยากจะเชื่อ มาเฟียที่ยิงคนตายอย่างหน้าตาเฉยอย่างคิมแทยอน จะกลัวรถไฟเหาะ!! คิดแล้วก็เจสสิก้าก็ข้อมูลใหม่นี้เมมเอาไว้ในความทรงจำอย่างรวดเร็ว (เผื่อเอาไว้ล้อวันหลัง 5555)
“อะไร มาเฟียอย่างคุณกลัวรถไฟเหาะรึไง” ถามพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยให้คนข้างต้องตวัดสายมามองด้วยความไม่ชอบใจ
“ป…..ป่าว ไม่ได้กลัว แค่ไม่ชอบ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ปากก็ยังสั่นนิดๆ ไหนจะใบหน้าที่ซีดเผือดนั่นอีก
เจสสิก้าหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำปฏิเสธแต่สีหน้าและท่าทางกลับตรงกันข้ามของคนข้างกาย ยิ่งแทยอนเป็นแบบนี้เท่าไหร่เจสสิก้าก็ยิ่งอยากแกล้งเท่านั้น
“ถ้าไม่กลัวก็ไปสิ หรือว่าคุณป๊อด”
คำพูดของหญิงสาวทำให้คนฟังหน้าขึ้นสีทันที ริมฝีปากบางของมาเฟียชื่อดังเม้มสนิท ทำไมเค้าจะไม่รู้ว่าเจสสิก้ากำลังท้าทายเค้า
ฮึ!! ในเมื่อกล้าท้าเค้าก็กล้ารับ
มือแข็งดึงมือบางของอีกคนให้เดินไปที่จุดรอเครื่องเล่นที่หน้าหวาดเสียวนั้นทันที
เธอท้าผิดคนซะแล้วเจสสิก้า คนอย่างคิมแทยอนฆ่าได้หยามไม่ได้…….
.
.
.
.
“แทยอน ไหวรึป่าว”
เจสสิก้าถามพร้อมกับยืนลูบหลังคนที่นั่งอาเจียนอยู่ข้างถังขยะรูปมิกกี้เม้าส์ตัวโตด้วยความเป็นห่วง
โถ่!! แล้วก็ทำปากเก่งลากเธอเดินดุ่มๆขึ้นรถไฟ รู้อย่างนี้ซื้แผ่นแปะกันอาเจียนให้ซะตั้งแต่แรกดีกว่า
คิดแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ดูสิหมดสภาพมาเฟียที่น่ากลัว แต่ถึงอย่างนั้นริมฝีปากเรียวสวยกลับคลี่ยิ้มไม้หุบเมื่อเห็นมุมที่น่ารักของอีกคน
“เธอ….อย่า….บอก….เรื่องนี้…..กับ…ใครนะ โดยเฉพาะสองคน….นั่น ถ้าเล่า เธอ-ตาย”
คนที่นั่งหน้าซีดหน้าเซียวหันมาบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงยานคางน่าเป็นห่วงแต่ยังไม่วายชี้นิ้วขู่เธอโดยไม่ได้ดูสภาพของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่จะหันกลับไปตั้งท่าอ้วกต่ออีกครั้งให้คนถูกขู่ต้องหัวเราะออกมา
.
.
.
.
ตลอดทั้งวันที่ทั้งคู่อยู่ในสวนสนุกที่ไม่สนุกอย่างชื่อ แทยอนก็แทบจะหมดแรงไปซะหลายหน เพราะหลังจากที่เค้าเริ่มดีขึ้นจากรถไฟเหาะมรณะหญิงสาวก็ลากเค้าขึ้นนั้นขึ้นนี่ และเครื่องเล่นทุกชนิดที่เจสสิก้าเลือกก็เรียกได้ว่ากระชากตับไตไส้พุงของเค้าให้กองออกมาข้างนอกทั้งนั้น จนมาเฟียชื่อดังต้องแอบนินทาหญิงสาวในใจ
ผู้หญิงบ้าอะไรหน้าตาก็ออกสวยแต่กลับซาดิสต์ชะมัด….
เทียวขึ้นเครื่องเล่นนั้นเครื่องเล่นนี้จนเลยเที่ยงวันมาเกือบชั่วโมงถ้าไม่ได้เบอร์เกอรชิ้นโตช่วยชีวิตเค้าคงหมดแรงแน่แท้ แต่ถึงอย่างนั้นแทยอนก็ไม่คิดจะบังคับให้อีกคนกลับบ้าน อาจจะเป็นเพราะท่าทางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีความสุขเหมือนเด็กตัวเล็กๆของคนข้างๆก็เป็นได้
ดวงตาคมเข้มเหลือบมองใบหน้าหน้าสวยหวานของหญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตากัดเบอร์เกอรชิ้นโตด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือของตัวเองเช็ดมุมปากบางๆของอีกคนเบาๆอย่างลืมตัวเมื่อเห็นซอสเลอะติดริมฝีปากเรียวสวยนั่น
เจสสิก้าชะงักไปทันทีเมื่ออยู่ๆริมฝีปากของตนเองก็ถูกอีกคนสัมผัสเบาๆ ดวงตาหวานเบิกค้างด้วยความตกใจพร้อมกับใบหน้าเริ่มจะขึ้นสีน้อยๆ สัมผัสบางเบาแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนกำลังทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอต้องทำงานหนักอีกครั้ง
“อ…..เอ่อ ซอสมันเลอะหนะ เลยเช็ดให้”
แทยอนพูดพร้อมกับเกาท้ายทอยของตัวเองอย่างเก้อๆ ด้วยใบหน้าที่จะขึ้นสีระเรื่อและความไม่เข้าใจตัวเอง หลายครั้งแล้วที่เจสสิก้าทำให้เค้าเป็นแบบนี้
เค้าก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่……เจสสิก้ากำลังทำให้เค้าไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ” นักร้องสาวเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับเหลือบมองใบหน้าอ่อนวัยที่กำลังขึ้นสีจางๆของคนตรงข้าม
ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มหวานอย่างปิดไม่มิด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอมีอาการเช่นนี้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เอาแต่คอยเหลือบมองใบหน้าใสๆของคนข้างๆคนนี้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หัวใจของเธอเอาแต่เต้นแรงเมื่ออยู่กับเค้า……
มาเฟียขี้เก๊กปากร้ายที่เธอเคยรู้สึกหมั่นไส้เมื่อแรกเจอแต่ก็ทำให้หัวใจของเธออบอุ่นได้เสมอเมื่อเราทั้งคู่อยู่ใกล้กัน
.
.
.
หลังจากที่ทานข้างกลางวันเสร็จแทยอนต้องแปลกใจอีกครั้ง ดูเหมือนว่าหญิงสาวข้างกายของเค้าจะมีแรงขึ้นมา มหกรรมลากไปหาเครื่องเล่นจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างแทยอนเมื่อเค้าจับสังเกตอาการบางอย่างของหญิงสาวข้างกายได้ มือแข็งคว้าหมับเอามือบางของใครอีกคนแล้วลากเดินตรงไปยังจุดที่เค้าเล็งไว้ทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องทัดทานหรือคำอุทธรณ์ใดๆของคนที่ถูกลากเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสดใสซีดเผือดลงทันทีเมื่อถูกลากมายังจุดที่ตัวเองพยายามเลี่ยงที่สุด ดวงตาเว้าวอนถูกส่งออกมาออดอ้อนคนข้างกายด้วยแววตาออดอ้อนสุดฤทธิ์หากแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลอะไรเมื่อคนข้างๆกลับยกยิ้มขึ้นมา
“อะไร เธอกลัวหรอ”
เหมือนจะนึกได้ลางๆว่าเคยได้ยินคำถามนี้ที่ไหนแต่คำถามก็ได้รับคำตอบทันทีเมื่ออีกคนเอ่ยคำพูดต่อมา
“ถ้าไม่กลัวก็ไปสิ หรือว่าเธอป๊อด”
นั่นไง!! ชัดเป๊ะ!! ประโยคนี้เธอเคยใช้พูดกับเค้าแต่ไม่นึกเลยยังไม่ทันข้ามวันเธอจะโดนเอาคืนซะแล้ว ดวงตาหวานเหลือบมองไปยังตัวอาคารขนาดใหญ่ที่มองยังไงก็คือบ้านผีสิงชัดๆ
“โอ๊ะ เธอป๊อดจริงๆด้วย”
ผึ่ง!!!!
ไม่ใช่แค่คิมแทยอนคนเดียวที่ฆ่าได้หยามไม่ได้ จองเจสสิก้าก็เช่นกัน มือบางคว้ามือคนที่ยืนยกยิ้มกวนๆพร้อมกับลากเข้าไปในตัวอาคารนั้นอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีมาดมั่น
รู้จักเจสสิก้าจองน้อยไปซะแล้ว คิมแทยอน………
.
.
.
.
.
.
.
.
กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงแหลมปรี๊ดดังออกมาให้คนที่ต่อแถวรออยู่ภายนอกต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
ส่วนคนที่อยู่ข้างในหนะหรือ?
“กรี๊ดดดดดด !!!! แทยอนนนนนนนนนนน ช่วยด้วย”
“ฮ…..เฮ้ เจสสิก้าเธออย่าไปเตะเค้าสิ นั่นคนนะไม่ใช่ผีจริง”
“เฮ้ยสิก้า เจสสิก้า อย่าไปบีบคอเค้าเดี๋ยวเค้าก็ได้ตายจริงๆพอดี”
ไม่รู้ว่าเค้าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่แกล้งเจสสิก้าแบบนี้ แต่ตอนนี้แทยอนคงคิดว่าตัวเองคิดผิดมหันต์จริงๆนั่นแหละ นอกจากแม่นักร้องสาวคนนี้จะกรี๊ดจนเค้ายกมือสองข้างขึ้นมาตบหูตัวเองเพราะได้ยินเสียงโลมากรี๊ดใส่ข้างหูซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วเค้ายังต้องคอยดึงเธอออกจากนักแสดงที่แต่งตัวเป็นผีนั่นอีก
เพราะคุณเธอเล่นตกใจทีไรก็พุ่งเข้าไปทำร้ายผีปลอมพวกนั้นโดยไม่รู้ตัวทุกที
“ก…..ก็คนมันกลัวนี่ ฮึก”
น้ำเสียงสั่นๆเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อของคนข้างทำให้แทยอนอดที่จะสงสารขึ้นมาไม่ได้ สงสัยเค้าจะแกล้งเจสสิก้าแรงไปเพราะดูท่าว่าเธอจะกลัวจริงๆ
มือแข็งแกร่งข้างหนึ่งค่อยๆโอบรอบเอวบางของอีกคนก่อนจะดึงเข้ามาหาตัวเองพร้อมกับที่มืออีกข้างเกลี่ยซับน้ำตาออกจากแก้มใสเบาๆอย่างทะนุถนอม ดวงตาคมเข้มมองสบกับดวงตาหวานที่กำลังมองมาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเค้า แม้ภายในจะค่อนข้างมืดมีแค่เพียงแสงสลัวของแสงไฟแต่คนทั้งคู่กลับมองเห็นใบหน้าของกันและกันได้อย่างชัดเจน
“ไม่ต้องกลัวนะ ตราบใดที่ชั้นยังอยู่ เธอจะไม่เป็นอะไร”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นกับแววตาแน่วแน่มันคงที่สะท้อนเพียงเงาของเธอทำให้หัวใจของเจสสิก้าต้องรู้สึกสะท้าน
ดวงตาของคนทั้งสองที่ต่างก็สะท้อนเงาของอีกคนยังคงสบกันเนิ่นนานอยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหากแต่หัวใจของทั้งแทยอนและเจสสิก้ากลับรู้สึกอบอุ่น เพียงแค่มีคนๆนี้ยืนอยู่ข้างกันความกลัว ความเศร้า ความเจ็บปวดก็กลับจางลงไป
เพียงแค่มีแทยอนยืนอยู่ข้างเจสสิก้า………
และเพียงแค่มีเจสสิก้ายืนอยู่ข้างแทยอน…………
มือแกร่งของแทยอนค่อยๆไล้ไปบนใบหน้าสวยหวานของเจสสิก้าอย่างทะนุถนอม พร้อมๆกับที่ดวงตาหวานของนักร้องสาวค่อยๆปิดลงเมื่อใบหน้าของใครอีกคนค่อยๆเคลื่อนเข้ามา
เข้ามา…..หากันที่ละนิดๆ จนใกล้……..
ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน……..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แฮ่!!!!!
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หมด!! หมดกัน!!!! หายไปหมดอารมณ์โรแมนติกของคนสองคนเมื่อจู่ๆไอ้ผีบ้าที่ไหนก็ไม่รู้กลับโผล่เข้ามา เป็นครั้งแรกที่แทยอนไม่คิดจะห้ามเจสสิก้าเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังทำร้ายร่างกายผีที่น่าสงสารตัวนั้น จะว่าไปนอกจากไม่คิดจะห้ามแล้วแทยอนยังอยากที่จะเป็นคนลงมือทำร้ายเองด้วยซ้ำ
แต่ติดอยู่แค่นิดเดียวถ้าหากเค้าทำไอ้ผีบ้าไม่รู้จักการะเทศะคนนี้คงได้ตายไปเป็นผีจริงๆแน่แท้
TBC.
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ (ยังไงก็อย่าพึ่งลืมกัน) วันนี้มาลงตอนที่ 7 ให้อ่านยาวๆ เป็นการไถ่โทษ 5555 ใครที่รอฟานี่อยู่ก็รอก่อนนะคะ อีกไม่นานก็จะมาแล้วหละ(หรือยังไม่อยากให้มา55555) ยังไงอ่านแล้วคอมเม้นเป็นกำลังใจให้กันบ้างนะคะ แล้วพบกันตอนหน้าวัน….วันไหนดีอะ ไม่เสาร์ก็อาทิตย์แล้วกันเนอะ ^^
ความคิดเห็น