คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : มั่นใจ อีกครั้ง
Chapter 7 มั่นใจ…อีกครั้ง
ภายในห้องพักแพทย์ของโรงพยาบาลชื่อดังศัลยแพทย์สาวมือหนึ่งของโรงพยาบาลกำลังนั่งเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย ปากกาด้ามหนึ่งถูกหมุนไปมาบนนิ้วมือเรียวสวยด้วยความเคยชินของเจ้าตัว
….ครืดดดดด ครืดดดดด….. เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนมือเรียวสวยจะยกมันขึ้นเปิดดูข้อความที่พึ่งถูกส่งเข้ามา
[วันนี้แทมีเคสผ่าตัดใหญ่ใช่มั๊ยคะ อย่าทำงานจนลืมทานข้าวหละ เป็นห่วงนะคะ ….สิก้า]
คุณหมอตัวเล็กอ่านข้อความแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อยในใจนึกถึงใบหน้าสวยหวานของคนที่พึ่งส่งข้อความเข้ามาที่ตอนนี้คงกำลังทำงานจนยุ่งเหมือนกันแต่ก็ยังหาเวลาส่งข้อความมาเตือนให้เค้าดูแลตัวเอง…..ตลอดเวลาที่ผ่านมา….นับจากเหตุการณ์เลวร้ายนั้นเค้ามีผู้หญิงแสนดีคนนี้อยู่เคียงข้างเสมอ เค้ารู้สึกสบายใจอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ข้างๆเธอ….เธอคนนี้ที่เป็นเหมือนกำลังใจและพลังให้กับเค้าและเค้ามีความสุขทุกครั้งเมื่อได้คิดถึงเธอ….ผู้หญิงแสนดีคนนี้เป็นคนที่ดึงเค้าให้ออกจากความทุกข์เป็นคนที่เตือนสติเค้าในวันที่เค้าท้อแท้จนแทบจะหมดอนาคตและผู้หญิงคนนี้ทำให้เค้ายิ้มได้อีกครั้งเหมือนบาดแผลที่เคยเจ็บปวดในอดีตได้รับการเยียวยารักษาจากหัวใจที่อ่อนโยน บาดแผลที่ได้รับจากเธอคนนั้น…..
…….รอยยิ้มที่เคยมีความสุขแปรเปลี่ยนไปเป็นเศร้าหมองเมื่อนึกถึงใบหน้าเธอคนนั้นคนที่สร้างบาดแผลในใจให้กับเค้า….ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอกันอีกหลังจากเหตุการณ์ในกองถ่าย แต่ก็เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญหรือเพราะโชคชะตาจงใจแกล้งให้เค้าและเธอพบเจอกันอีกครั้ง เหตุการณ์เมื่อวานและแววตาคู่นั้นที่มองมายังเค้า…เค้ายังจำมันได้ดี เค้ารู้ว่าเธอจำเค้าได้เค้ารู้มันได้จากแววตาเว้าวอนที่แสดงถึงความรู้สึกผิด แววตาที่อยากจะขอโทษในเรื่องที่เคยเกิดขึ้นและแววตานั้นแววตาเหมือนที่เธอเคยใช้มองเค้าเมื่อตอนที่เราคบกัน….เมื่อคิดถึงเรื่องนี้คุณหมอสาวถอนหายใจเบาๆ คิ้วเรียวสวยขมวดกันอย่างใช้ความคิดเค้าไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องทำแบบนี้ทั้งๆที่เค้าดีขึ้นแล้วทั้งๆที่เวลาก็ผ่านมานานแสนนานความเจ็บปวดและบาดแผลในใจถูกลบเลือนลงแทบจะจางหายไป ทั้งๆที่เค้าอยากลืมแต่เหมือนเธอกลับพยายามที่จะรื้อฟื้นมันขึ้นมาใหม่…..คุณหมอสาวหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้งถึงแม้ว่าเค้าจะยังไม่ลืมเธอ....แต่….เค้าไม่อยากกลับไปเสียใจอีกแล้ว………
……….แต่แล้วความคิดทั้งหมดต้องหยุดชะงักลงเพราะเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงขออนุญาตจากพยาบาลสาวประจำห้องผ่าตัดที่เปิดประตูเข้ามา
“คุณหมอแทยอนคะ ห้องผ่าตัดชั้น 2 เตรียมพร้อมแล้วค่ะ” คุณหมอร่างเล็กพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนที่จะคว้าเอาเสื้อกาวน์ที่พาดไว้บนเก้าอี้ทำงานมาสวมแล้วเดินออกจากห้องไป
……….หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เราได้เจอกันอีกนะ ทิฟฟานี่……… .
.
.
.
.
.
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผู้จัดการสาวร่างเล็กเคาะประตูห้องหนึ่งในคอนโดหรูใจกลางกรุงโซลแล้วยืนเท้าสะเอวเพื่อรอให้เจ้าของห้องมาเปิดประตูให้ ไม่นานประตูบานหรูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่ยืนทำหน้าตายับยู่ยี่อยู่ตรงนั้น
“ ต๊ายยยยย นี่มันยัยหมวยตาบวมที่ไหนนี่….แล้วทิฟฟานี่ฮวัง นางเอกสาวคนสวยหายไปไหน” เสียงผู้จัดการสาวร่างเล็กร้องขึ้นหลังจากที่เห็นหน้าเพื่อนสาวสนิทที่ตอนนี้ส่งค้อนวงใหญ่มาให้เธอเรียบร้อยแล้ว
“ก็คนมันร้องไห้จริงๆนี่….จะให้สวยเหมือนร้องไห้ในละครได้ยังไงหละ” นางเอกสาวสวยตอบเพื่อนสนิทตัวเล็กพร้อมกับยู่หน้าเล็กน้อย
“แล้วนี่…ตกลงเอาไง เรื่องคุณหมอแทยอนของเธอ จะสู้หรือจะถอย?” ซันนี่ถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหรู จะไม่ให้ถามได้ยังไงหละเมื่อวานทั้งภาพและเสียงชัดเจนซะขนาดนั้นแล้วจากสภาพที่เห็นแม่นางเอกสาวตัวดีของเธอคงร้องไห้ทั้งคืนแน่ๆ
นางเอกสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอคิดเรื่องนี้มาตลอดทั้งคืนว่าเธอควรจะทำอย่างไรดีภาพที่เห็นมันทำให้เธอเสียอกเสียใจร้องไห้ตาบวมจนแทบจะถอดใจ…แต่เธอก็ไม่อยากพลาดเหมือนครั้งนั้นอีกแล้วเธอจะไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปอีก ในเมื่อโอกาสทำให้เธอและเค้าได้มาเจอกันอีกครั้งเธอก็ทำมันให้ดีที่สุด
“ชั้นไม่ถอยหรอก…..” น้ำเสียงจริงจังออกจากปากเรียวสวย
“เธอบอกเองนี่…ว่าสิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่ความจริงก็ได้….แล้วอีกอย่างในเมื่อเธอสืบมาแล้วว่าโสด ชั้นก็จะเชื่อว่าโสด”
“แล้วนางแบบสาวสวย เจสสิก้าจอง นั่นหละ?” ซันนี่อดถามถึงนางแบบสาวสวย (ว่าที่คู่แข่งของเพื่อนสาว) ไม่ได้
“ชั้นไม่รู้ว่าเค้ากับแทยอนเป็นอะไรกันหรือความสัมพันธ์ถึงขั้นไหนแล้ว…….แต่ชั้นขอโอกาสอีกครั้งแค่ครั้งเดียว…ชั้นจะทำให้เค้ากลับมาเป็นของชั้นให้ได้….เพราะชั้นรักเค้าและจะไม่ยอมเสียเค้าให้ใครเด็ดขาด”
น้ำเสียงจริงจังถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบางสวยอีกครั้ง เป็นผลให้คนฟังอยู่ต้องอ้าปากค้างและถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ตามใจเธอ…แต่ยังไงก็เผื่อใจบ้างแล้วกัน ทางนั้นเค้าออกจากสนิทสนมกันขนาดนั้น…แล้วอีกอย่างนะฟานี่ อย่างที่ชั้นเคยเตือนไป ผู้ชายในสต๊อคของเธอ…..จัดการให้เรียบร้อยซะ!!!”
ไม่ทันที่นางเอกสาวจะได้ตอบอะไรออกไป เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น มือเรียวสวยคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดูเมื่อเห็นชื่อผู้ที่โทรเข้ามาบนหน้าจอคิ้วเรียวสวยขมวดกันเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงคะคุณนี่ มีธุระอะไรรึป่าวคะถึงโทรมาหาฟานี่แต่เช้า”
[โธ่ฟานี่ครับ…ต้องมีธุระด้วยหรือถึงจะโทรมาหาคุณได้ พูดแบบนี้ผมน้อยใจน๊า]
“ฟานี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ….แค่แปลกใจเท่านั้นเอง ว่าแต่คุณนี่มีอะไรรึป่าวคะถึงโทรมาเช้าเชียว”
[เย็นนี้ฟานี่ว่างรึป่าวครับ ผมอยากชวนฟานี่ไปทานข้าวเย็นด้วยกัน….เราไม่ได้ไปทานข้าวด้วยกันนานแล้วน๊า และอีกอย่างผมคิดถึงคุณหนะ] ปลายสายตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาน้อยๆด้วยความเขิน
นางเอกสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง นิชคุณเป็นคนดีเป็นผู้ชายที่น่าคบคนหนึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเค้าดีกับเธอและให้เกียรติเธอเสมอ เธอรู้ว่านิชคุณคิดยังไงกับเธอและเธอเองก็มีความรู้สึกดีๆให้กับเค้าแต่มันไม่ใช่ความรัก ก็อย่างที่เธอเคยบอกซันนี่ไปเธอไม่เคยคบใครจริงจังและไม่เคยมอบใจให้ใครเธอรู้ตัวเองดีว่าใครเป็นเจ้าของหัวใจของเธอ
[ว่าไงครับฟานี่….ตกลงนะครับ]
“เอ่อ…..วันนี้ฟานี่ไม่ว่างค่ะติดถ่ายละคร เอาเป็นวันพรุ่งนี้แล้วกันนะคะ”
[ตกลงครับ งั้นพรุ่งนี้ผมไปรับนะ….เอ่อฟานี่ผมคิดถึงคุณนะครับ]
นางเอกสาววางโทรศัพท์และยิ้มน้อยๆให้กับความสุภาพของเค้า อาการนั้นทำให้เพื่อนสาวตัวเล็กอดแขวะขึ้นไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้
“เธอจะชวดหมอแทยอนเพราะอย่างนี้นี่แหละฟานี่”
“ไม่มีทางย่ะชั้นมั่นใจ” นางเอกสาวสาวตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ย่ะแม่นางเอก ระวังรถไฟจะชนกันไม่รู้ตัว…..แต่ตอนนี้เธอไปอาบน้ำอาบท่าและแต่งหน้าปกปิดใบหน้าหมวยๆ บวมๆ นั่นได้แล้ว บ่ายนี้เธอมีถ่ายละครนะยะ….” ผู้จัดการตัวเล็กแหวเพื่อนสาวคนสนิท
“รู้แล้วน่า แค่นี้ทำบ่นไปได้” นางเอกสาวคนสวยบ่นอุบอิบก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
.
.
.
.
.
.
นาฬิกาบอกเวลาเลยเที่ยงมานิดหน่อย หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นไป ศัลยแพทย์มือหนึ่งกำลังนั่งเอนหลังสบายๆอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน วันนี้เขาต้องอยู่เวรดึก ขอพักสักสายตาสักหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกนะ
เสียงเคาะประตูห้องดังสองสามครั้งก่อนจะเปิดออกพร้อมผู้มาเยือน ชายเสื้อกาวน์ที่โผล่พ้นบานประตูเข้ามาทำให้แทยอนต้องขมวดคิ้วน้อยๆ
“ว่างหรือไง” เจ้าของห้องถามเมื่อแขกทั้งสองเดินมานั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟา ท่าทางที่ดูสบายๆและไม่ได้เกรงใจกันนักบ่งบอกถึงระดับความสนิทของพวกเขาได้อย่างดี
“ป่าว แค่จะชวนไปกินข้าว” หนึ่งในสองของคุณหมอร่างเพรียวตอบ
“สั่งมากินได้ไหม ขี้เกียจลงไป” แทยอนถามเรียบๆ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม เปลือกตาบางปิดลงช้าๆฟังเสียงเพื่อนและรุ่นน้องเม้าท์เหตุการณ์บ้านเมืองเป็นปกติเฉกเช่นทุกวัน
“วันก่อนเว้ยยุน เจอน้องคนนึงสวยมากกก”
“พี่ก็เลยเข้าไปจีบเค้าว่างั้น” ยุนอาเลิกคิ้วถามเป็นเชิงรู้ทัน
“ป่าวเว้ย เค้าเป็นญาติคนป่วยที่ชั้นเป็นเจ้าของไข้อยู่.. คุยไปคุยมาเว้ย”
“แกก็เลยทำเนียนตีซี้กับญาติเค้าล่ะสิ” คราวนี้เป็นแทยอนที่แซว รู้ทั้งรู้ถึงความเจ้าชู้ของไอ้เพื่อนคนนี้ มีเหรือเจอคนสวยๆน่ารักแล้วมันจะปล่อย
“ไม่ใช่! นี่พวกแกฟังชั้นพูดให้จบก่อนดิ๊” ยูริตวัดตามองอย่างคาดโทษ ทำเอาคุณหมออีกสองคนอดขำกับอาการเพื่อนสนิทไม่ได้
“คุยไปคุยมาปรากฏว่าเค้าทำงานให้กับโมเดลลิ่งนางแบบที่คนสวยของไอ้แทมันสังกัดอยู่เว้ยยย”
“แล้วยังไงอะพี่ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกัน” ยุนอาควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าจะโทรสั่งอาหาร
“ก็ไม่อะไรหรอก…ชั้นแค่จะบอกว่า เค้าเม้าท์ให้ฟังว่าเห็นหมอแทยอนไปจุ๊งจิ๊งๆที่นั่นบ่อยๆ”
“ต๊าย ขี้เม้าท์อะ ฮ่ะๆๆ” ยุนอาหัวเราะลั่น เมื่อเห็นหน้าผู้ถูกพาดพิงเรียบตึงหน่อยๆ ก่อนจะกระแอมสองสามที
“จุ๊งจิ๊งอะไร พูดไปได้ ” แทยอนขมวดคิ้วตอบ
“หรอ แล้วที่เห็นไปรับไปส่งกันบ่อยๆนี่คืออะไร?”
“ก็….ก็แล้วจะทำไมล่ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับพวกแกนี่”
“นี่หักอกคนที่นี่ยังไม่พอ แกกะจะหักอกคนทั้งโมเดลลิ่งด้วยรึไง”
“หักอก? หักอกอะไร” แทยอนไม่เข้าใจ ก็จะให้เข้าใจว่ายังไงล่ะในเมื่อเขาก็ไม่เคยไปให้ความหวังกับใครทั้งนั้น (แน่ใจ?)
“แน่ะ! ไม่ต้องมางงเลย พี่ไม่รู้อะไรคนไข้ที่มาที่นี้เค้าปลื้มพี่กันเป็นแถว” ยุนอาทำท่าทางประกอบการวาดวิมานฝันของสาวๆ ที่เพียงแค่ได้เห็นศัลยแพทย์มือหนึ่งประจำโรงพยาบาลจากที่ไกลๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนระทวยไปกับรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนนั่น วันดีคืนดีถ้าได้เดินเฉียดหรือแกล้งเข้าไปชน นอกจากจะไม่โดนบ่นแล้วยังได้อ้อมแขนอุ่นๆประคองรับพร้อมประโยคถามไถ่อาการแถมให้กลับไปนอนฟินกันอีกต่างหาก
“ถามจริง เมื่อยบ้างป่าววะเก็กอยู่ได้ แหม๊! ทำเป็นอ่อนหวาน โธ่ เรียกคะแนนว่ะ” ยูริยังคงแอบกัด แต่ก็ต้องเอียงตัวหลบรัศมีปากกาที่ถูกขว้างตรงมาจากคนที่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน
“อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าจะเป็นเหมือนแกสิยูริ” แทยอนส่งยิ้มเย็นๆมาให้ มันเป็นรอยยิ้มที่มีเพียงเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ได้เห็น เพราะแทยอนไม่ใช่คนที่ชอบแสดงออกอะไรนัก ด้วยนิสัยพูดน้อยบางทีก็ทำให้เขาไม่ทันไอ้หมอปากร้ายสองคนนี้เท่าไร
“เออๆแซวเล่นเว้ย ไม่ต้องขว้างมาอีกน่ะ ไอ้พี่หมอแท”
“อะไรของพี่อะพี่ยูล” ยุนอาขมวดคิ้วมองหน้าญาติผู้พี่ที่ตอนนี้กำลังตั้งการ์ดเหมือนจะเตรียมรับอะไรสักอย่างจากแทยอนอยู่
“เอ๊าก็ฉายามันไง คนไข้แถวนี้เค้าเรียกกัน ไม่ต้องให้ระบุนะว่าเพศไหน เจนเทิ่ลแมนอย่างมันน่ะมีแต่สาวๆกรี๊ด” แล้วก็เป็นปากกาด้ามที่สองที่ลอยข้ามโต๊ะทำงานมาหล่นปุอยู่ข้างโซฟา ยุนอาหัวเราะลั่นอีกครั้ง แต่ก่อนจะได้เปิดฉากแซะกันอีก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“แกนัดใครไว้รึป่าว” แทยอนส่ายหน้าตอบก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง ทันทีที่บานประตูเปิดออก ใครบางคนในห้องก็ถึงกับลุกจัดเสื้อผ้าแทบไม่ทัน เสื้อกาวน์ถูกจัดให้เข้าที่ก่อนจะปัดทรงผมให้เข้าทาง
“เอ่อ…น้องซอมารบกวนพี่แทรึป่าวคะ” หญิงสาวในชุดเดรสสีม่วงอ่อนถามเบาๆเมื่อหันมาเห็นแขกสองคนนั่งส่งยิ้มหวานมาให้จากโซฟา
“ไม่หรอก พวกพี่กำลังจะทานข้าวกัน แล้วเราล่ะทานอะไรมารึยัง” หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆเป็นการตอบ แทยอนคว้าเอากระเป๋าถือของน้องสาวมาไว้ในมือก่อนจะวางมันลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะทำงานของตัวเอง มือบางโอบดันเอวให้ซอฮยอนเดินมานั่งที่โซฟาเดี่ยว พร้อมยืนพิงกับพนักโซฟาตัวนั้น
หวงน้องสาว…..นี่คือสัญชาติญาณที่ยุนอารู้สึกได้กลายๆ มันแผ่มาที่พวกเขาทั้งสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย
ซอฮยอนกล่าวทักทายแขกของพี่สาวพร้อมส่งยิ้มให้อย่างมีมารยาท แม้จะเคยเจอกันอยู่หลายครั้งแทยอนก็รู้ดีว่ารุ่นน้องของเขาคิดอะไร ไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้วที่ไอ้รุ่นน้องหัวเหม่งถามถึงน้องสาวของเขา แล้วก็ช่างบังเอิญเหลือเกินที่วันนี้ซอฮยอนมาหาถึงที่ทำงานโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า
“ทำไมวันนี้มาได้ล่ะคะ ไม่เฝ้าคลินิกหรอ?” เอ่ยถามเสียงนุ่ม มือก็เกี่ยวเอาปอยผมที่ยาวปรกหน้าหวานขึ้นทัดหูคนข้างๆเบาๆ
“น้องซอมาหาพี่ฮโยค่ะ เรื่องทุนของคลินิกนี่แหละ” แทยอนพยักหน้ารับก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่เพื่อนซี้และรุ่นน้องจอมแสบ
…..มองไม่วางตาแบบนี้ อยากวางมวยกับพี่หมอแทมั้ยพวกแก…..
ไม่นานซอฮยอนก็ขอตัวกลับ หลังมื้อเที่ยงที่บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมทำให้ยูริกับยุนอาต้องรีบขอตัวแยกย้ายไปทำงาน เหตุผลก็เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ยุนอาเล่นพูดจาหยอดน้องสาวหมอแทไปไม่น้อยเลยทีเดียว แม้อีกฝ่ายจะไม่ค่อยได้ตอบอะไรนักส่วนใหญ่จะเป็นพี่สาวที่ตอบแทนเสียมากกว่า จะมีก็แต่รอยยิ้มบางๆที่ส่งมาให้ตามมารยาทก็เท่านั้น แต่เชื่อเถอะ แค่นี้ก็เพียงพอให้ อิมยุนอามีกำลังใจทำงานอีกครึ่งบ่ายได้อย่างสบาย
.
.
.
.
.
.
วันนี้การถ่ายละครเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว นางเอกสาวและผู้จัดการตัวเล็กเลยมีเวลาว่างมากพอที่จะมาหาอะไรกินกันก่อนที่จะกลับคอนโดเพื่อพักผ่อน
“อะไรอร่อยบ้าง”
เรียวปากสีแดงสดด้วยลิปสติกราคาแพงเอ่ยถามคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม วันนี้ผู้จัดการส่วนตัวลากเธอมานั่งชิลที่ร้านอาหารใกล้โรงพยาบาล ที่เจ้าตัวสปอยไว้นักหนาว่าอยากจะมาชิมให้ได้หลายครั้งแล้วแต่ไม่ว่างซะที
“ก็หลายอย่างนะ แต่ชั้นแนะนำกาแฟ เค้าว่าเด็ดมว๊ากก”
“ไม่อยากกินกาแฟตอนเย็น เดี๋ยวนอนไม่หลับ” นางเอกสาวเปิดข้ามเมนูเครื่องดื่มจำพวกกาแฟไปอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเลือกสั่งอาหารสองสามอย่าง หญิงสาวนั่งมองบรรยากาศในร้านไปพลางๆระหว่างรอ ก่อนที่ชื่อของใครบางคนจะมาสะกิดโสตประสาทเข้า
.
.
.
“เสียดายนะ ที่ไอ้หมอแทมันไม่ว่างเลยขาดขาเม้าไปหนึ่ง” เสียงเจ้าของร้านพูดขึ้นหลังจากลงมาเสิร์ฟกาแฟเย็นกับของว่างให้ลูกค้ากิตติมศักดิ์ด้วยตัวเอง พร้อมกับนั่งร่วมโต๊ะด้วย
“แล้วนี่แกเป็นอะไรไอ้ยุน นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กาแฟร้านชั้นไม่ได้ใส่กัญชานะเว้ย”
“ก็ไม่อะไรหรอก แค่วันนี้น้องไอ้แทงกูมาหามันที่ทำงาน” ยูริตอบเรียบๆคว้าแก้วชาเขียวปั่นขึ้นมาดูด
“น้องซอฮยอนอ่านะ? อ๊อ ! มิน่า…” พูดจบก็เลิกคิ้วหันไปมองรุ่นน้องที่นั่งยิ้มหวานให้กับดอกเยอบิร่าในโหลแก้วที่ถูกวางประดับโต๊ะ ปกติก็ไม่ค่อยจะเต็มอยู่แล้ว วันนี้แกคงเพ้อหนักกว่าทุกวันว่ะยุน …
“เออนี่! ซูยอง เดี๋ยวนี้แทงกูมีพิรุธหวะ”
“พิรุธอะไรวะ” เจ้าของร้านขยับเก้าอี้ไปใกล้เพื่อจะได้เม้าท์ได้ถนัด
“ก็เรื่องมันกับคุณเจสสิก้า นางแบบสาวสวยนั่นน่ะ”
“อือ ทำไมวะ ชั้นก็เห็นเค้าหวานชื่นกันดี”
“แกว่ามันคบกับเค้ารึยัง?” ไม่ต้องย้ำก็คงรู้ว่า ‘เค้า’ ที่ยูริหมายถึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนางแบบสาว ที่ตอนนี้เพื่อนของเขาไปรับไปส่งอยู่บ่อยครั้ง แถมยังเคยพามาทานข้าวด้วยกันก็ออกจะบ่อย
“อ้อ…นี่ยังไม่คบกันอีกหรอวะ ชั้นนึกว่ามันคบกับเค้าไปแล้วซะอีก” มือเรียวหยิบมันฝรั่งแท่งขึ้นกัดก่อนจะหันมองหน้าคนถามอย่างใคร่รู้
“ชั้นหลอกถามไปหลายครั้งก็เอาแต่เฉไฉพูดเรื่องอื่น”
“มีซัมติงชัวร์ เอาหัวซูยองเป็นประกัน”
“เออนี่เรามากันแค่สองคนป่าววะ”
“นานทีปีหนมันจะได้ฟินกับเค้าสักทีน่า แค่ไอ้แทมันใจดียอมให้น้องสาวพูดด้วยก็บุญหัวเหม่งๆไอ้ยุนขนาดไหนแล้ว” ยูริพูดแซว จนเมื่ออาหารหลักมาเสริฟ คุณหมอสาวหัวเหม่งก็ได้ฤกษ์หลุดจากภวังค์หันมาเจี๊ยวจ๊าวกับรุ่นพี่อีกสองคนไม่หยุด บรรยากาศในโต๊ะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเม้าท์มอยกันตามประสาเพื่อนสนิท จนไม่คิดเลยว่ามันเผื่อแผ่ไปถึงหญิงสาวโต๊ะข้างๆ
“แทยอน” นางเอกสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ว่าไงนะ?” เดือดร้อนถึงคนตัวเล็กที่นั่งตรงข้ามต้องถามซ้ำ
“ต้องเป็นคุณหมอแทยอนแน่ๆเลยซันนี่” ไม่ผิดแน่ ชื่อคนที่โต๊ะข้างๆพูดถึง ต้องเป็นแท เดียวกันกับแทยอนของเธอแน่ๆ
“เพ้ออะไรของเธอ” ผู้จัดการสาวหันมองรอบทิศแต่ก็ไม่ปรากฏร่างคุณหมอที่ร่างบางตรงหน้าเอ่ยถึง
“เลิกเพ้อได้แล้วฟานี่ ไม่มีใครมาทั้งนั้นล่ะ” ผู้จัดการสาวทำท่าหยิบซ่อมขึ้นมาเมื่อจาน สปาเกตตี้มาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า
“ว้าวว ดูสิฟานี่ น่ากินชะมัด” ไม่สนใจอีกคนที่ทำท่าจะเข้าสู่โลกส่วนตัวอีกครั้ง ในเมื่อท้องเรียกร้อง และอาหารตรงหน้าก็น่ากินขนาดนี้ ผู้จัดการสาวลงมือกับอาหารตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะสะกิดให้อีกคนได้ลงมือทานบ้าง
.
.
.
“ชามะนาวค่ะ” เสียงบริกรทักขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นถึงดาราสาวที่ตนชื่นชอบ ก่อนจะเสิร์ฟแก้วทรงสูงตรงหน้านางเอกสาวที่ไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีสิ่งของกำลังถูกวาง มือเรียวที่ยกขึ้นท้าวคางอยู่กำแน่นอย่างใช้ความคิด ดวงตามองเหม่อ พยายามเงี่ยหูฟังบทสนทนาที่ยังคงพูดคุยถึงบุคคลที่เธอรู้จัก และมันเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างมากที่เธอควรจะรู้
“กรี๊ดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ฟานี่!!” ผู้จัดการสาวลุกพรวด เมื่อภาพตรงหน้าคือดาราสาวเปียกโชกไปด้วยน้ำชาเย็นๆ
“นี่เธอ! ทำไมไม่ระวัง รู้มั้ยว่าคุณคนนี้เป็นใคร” ซันนี่หันไปตวาดใส่บริกรคนนั้น ก่อนจะรีบลุกหยิบทิชชู่ยื่นให้ทิฟฟานี่
“ข..ขอโทษค่ะ” บริกรสาวหน้าเสีย ทันทีที่เธอวางแก้วเสริฟ จู่ๆดาราสาวก็เผลอเอามือลงอย่างไม่ระวังจนปัดไปโดนแก้วทรงสูงนั่น
“เป็นอะไรมากมั้ยฟานี่”
“ม..ไม่เป็นไร..ขอทิชชู่หน่อยสิ” ทิฟฟานี่ที่ดูตกใจในตอนแรกพยายามควบคุมสติเธอไม่รู้ตัวว่ามีแก้วน้ำวางอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็เปียกไปแล้ว
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอโทษค่ะ” บริกรสาวก้มโค้งอยู่หลายคราแต่ก็ไร้วี่แววว่าคนตัวเล็กจะหยุดโวยวาย
“ขอโทษนะคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ร่างสูงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆถึงกับลุกขึ้นมาดูเหตุการณ์เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าที่เปียกไปด้วยน้ำชาเป็นใครก็ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ
“ค…คุณ….ทิฟฟานี่ เยจินนี่มันเกิดอะไรขึ้น” ประโยคหลังหันไปถามพนักงานที่หน้าซีด ดวงตาของเธอแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ จะให้พูดอย่างไรได้ว่าที่แก้วตกนั่นเพราะดาราสาวเผลอเอามือปัด
“เอ่อ…คือ” เด็กสาวกระอักกระอ่วนอยู่พักใหญ่จนทิฟฟานี่ต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นไม่ระวัง เผลอปัดมันตกเอง”
“บ้าน่าฟานี่ ดูสภาพเธอซะก่อนสิ เปียกโชกขนาดนี้!”
“ชั้นขอโทษจริงๆค่ะ แต่ชั้นมั่นใจว่าตอนเสิร์ฟ แก้วมันวางอย่างเรียบร้อย”
“โกหก! ถ้าวางเรียบร้อยแล้วทำไมมันถึงหกใส่ทิฟฟานี่ได้ล่ะ” ซันนี่มองบริกรสาวอย่างคาดโทษ เธอมั่นใจว่าทิฟฟานี่ไม่บ้าพอจะปัดแก้วน้ำให้หกรดตัวเอง หากแม่บริการสาวคนนี้จะไม่ตื่นเต้นเกินไปจนเผลอทำน้ำหกใส่เพื่อนสนิทของเธอ
“ชั้นไม่ได้ทำจริงๆนะคะคุณ”
“เลิกแก้ตัวซะทีเถอะ”
“แต่ซัน…” เสียงหวานพูดไม่ทันจบก็ถูดขัดขึ้นด้วยเสียงผู้จัดการส่วนตัวของเขาอีกครั้ง จนคนในร้านเริ่มหันมองมาทางพวกเขา
โธ่ ซันนี่ ชั้นไม่อยากเป็นข่าวเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้นะ ช่วยควบคุมอารมณ์หน่อยได้มั้ย
“ใคร! ไหน ใครเป็นเจ้าของร้าน เรียกมาเคลียร์เดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมไม่อบรมพนักงานเลย!”
“ชั้นเองค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณทั้งสองเดือดร้อน” ซูยองโค้งขอโทษอีกหนึ่งที
“นี่คุณ….เป็นเจ้าของร้านยังไงถึงไม่อบรมพนักงานของร้านให้รู้จักระมัดระวังมากกว่านี้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปชั้นพนันได้เลยว่าไม่นานร้านนี้ต้องเจ๊งแน่!!!” ผู้จัดการสาวตัวเล็กพูดอย่างอารมณ์เสีย
“อ้าวคุณพูดอย่างนี้ได้ไง พนักงานก็ขอโทษแล้ว ชั้นก็ขอโทษแล้ว ทำไมต้องมาแช่งให้ร้านคนอื่นเจ๊งด้วยเนี่ย…..คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ห๊า!!!” เจ้าของร้านร่างสูงตอบกลับอย่างมีอารมณ์เช่นเดียวกัน มีอย่างที่ไหนมาแช่งให้ร้านคนอื่นเจ๊งแบบนี้ได้ไง เดี๋ยวแม่ก็แช่งให้ตัวเตี้ยลงซะหรอก ฮึ่ยยย
“อ…เอ่อ ช่างมันเถอะคะ เอาเป็นว่าแล้วๆกันไปเถอะนะคะ” นางเอกสาวเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นว่าเรื่องกำลังจะบานปลาย
“นี่ ฟานี่เธอทำแบบนี้ได้ไง………” คนตัวเล็กพูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนสายตาขอร้องของนางเอกสาวส่งมาให้ซะก่อน
“ก็ได้ งั้นก็คิดตังเลยซิยะจะได้รีบออกไปจากร้านเร็วๆ”
“ยังไงทางร้านเราก็ต้องขอโทษคุณทิฟฟานี่อีกครั้งนะคะ ส่วนเรื่องค่าอาหาร ทางร้านเราไม่คิดค่ะถือเป็นค่าชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ” ซูยองพูดพร้อมกับโค้งให้นางเอกสาวอีกครั้งหนึ่ง
“เอ่อ….งั้นหรอคะ เอางั้นก็ได้คะ ยังไงชั้นก็ขอโทษแทนเพื่อนของชั้นด้วยแล้วกันนะคะ” นางเอกสาวเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเดินตามเพื่อนสาวตัวเล็กที่อารมณ์เสียแล้วเดินออกจากร้านไปก่อน
.
.
.
“ ฮึ่ยยยย ชั้นไม่ชอบยัยนั่นเลย…..น่าเสียดายร้านรึบรรยากาศก็ดี อาหารรึก็อร่อย แต่ดันมีเจ้าของร้านปากจัดมากกกกก ชั้นจะไม่ไปเหยียบที่นั่นอีกเลย คอยดูซิ!!”
“เสียใจด้วยนะซันนี่…เราคงต้องไปร้านนั้นบ่อยๆแล้วหละ” นางเอกสาวคนสวยพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมรอยยิ้มจนตาปิด ทำให้ผู้จัดการตัวเล็กหันต้องมามองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมยะ ขอเหตุผล ด่วน!!!”
“เพราะ…..ที่ร้านนั้นมีอะไรดีๆอยู่หนะสิ” นางเอกสาวสวยตอบเพื่อนสาวคนสนิทก่อนที่จะหัวเราะร่าด้วยความพอใจ
…….ใช่ร้านนั้นมีอะไรดีๆอย่างที่เธอว่านั่นแหละ…. รอก่อนเถอะนะคุณหมอคิมแทยอน…..
TBC.
ความคิดเห็น