คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : สายไปแล้วหรือ ..
Chapter 5 สายไปแล้วหรือ…..
“ ฟานี่…ฟานี่…ทิฟฟานี่!!! ย๊า ฮวังมิยองงงงง !!!!!!!!!!!”
ผู้จัดการสาวร่างเล็กตะโกนเรียกเพื่อนสนิทเสียงดัง จะไม่ให้เธอตะโกนได้ไงหละก็แม่เพื่อนสาวตัวดีของเธอหลังจากออกจากงานก็เอาแต่นั่งเหม่อลอยปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเหมือนคนไร้ชีวิตจิตใจตั้งแต่ในรถ และพอมาถึงห้องแล้วก็ยังเอาแต่นั่งนิ่งเงียบเหม่อลอยอยู่นั่นเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินจนเธอต้องตะโกนนั่นแหละเจ้าตัวถึงจะหันหน้ามา
“ ทำไมยะ….เห็นแค่นี้ถึงกับเฟลจนสติหลุดลอยไปเลยรึไง” จริงๆก็พอจะเข้าใจเพื่อนสาวของเธออยู่หรอกนะว่าอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทิฟฟานี่นางเอกสาวผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง ต้องเป็นแบบนี้
“………………………”
“ เอ้า….เฮ้อ จะเงียบอีกนานมั๊ยหนะ” ความจริงก็ไม่อยากจะว่าหรือซ้ำเติมอะไรหรอกนะแต่มันอดไม่ได้จริงๆ ในเมื่อเธอก็เตือนไปแล้วและอีกอย่าง คุณหมอที่แสนจะเพอร์เฟคคนนั้นถ้าไม่มีใครเข้ามาก็แปลกเกินไป แต่ที่ทำให้นึกไม่ถึงก็คือไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็น เจสสิก้าจอง ผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นรองเพื่อนของเธอเลย…..คิดๆดูแล้วก็อดสงสารทิฟฟานี่ไม่ได้เหมือนกัน สงสัยงานนี้เพื่อนเธอคงเหนื่อย(มาก)หน่อยแล้วหละ ดีไม่ดีงานนี้เพื่อนเธออาจเฟลไปเลยก็ได้
“ซัน…ขอฉันอยู่คนเดียว….ซักพักได้มั๊ย……….” คำพูดแผ่วเบาหลุดออกจากริมฝีปากบางสวยเป็นครั้งแรกหลังจากออกมาจากงานเปิดตัวน้ำหอมนั่น
“เฮ้อ ตามใจเธอแล้วกันนะฟานี่….ยังไงก็อย่าคิดมากหละ…..แล้วอีกอย่างนะ บางทีสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้…….(ชั้นหวังว่านะ)”
ซันนี่บอกเตือนเพื่อนสนิทก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป…..เฮ้อ….ชั้นก็หวังว่าสิ่งที่เห็นคงจะไม่ใช่เรื่องอย่างที่คิดหรอกนะ (ถึงแม้เปอร์เซ็นต์จะน้อยก็เถอะ) ถึงเธอจะไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องนี้เท่าไหร่แต่เธอก็อดที่จะเป็นห่วงเพื่อนสาวไม่ได้ เห็นซะขนาดนั่นเป็นใครก็คิดแหละนะ………
…..สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่ความจริงก็ได้…..งั้นหรือ………….แต่เธอยังจำเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นได้ดี เหตุการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีใครเอาค้อนปอนด์หนักๆมาทุบลงที่หัวและหัวใจจนแหลกละเอียด….
.
.
.
.
“แท……รอสิก้านานรึป่าวคะ”
เสียงอ่อนหวานที่เรียกชื่อคุณหมอตรงหน้าอย่างสนิทสนมดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้นางเอกสาวอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง ก่อนจะพบกับเจ้าของเสียงหวานที่กำลังเดินตรงมาหาคุณหมอตัวเล็กซึ่งตอนนี้ส่งยิ้มให้กับคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเค้าอยู่
“แทรอนานมั๊ยคะ พอดีสิก้ายุ่งๆนิดหน่อย ต้องรอบอกลาเจ้าของงานก่อนถึงจะออกมาได้…..แล้วนี่ทานอะไรมารึยังคะ พึ่งหมดเคสผ่าตัดมาใช่มั๊ยคะนี่ โทรมมาเชียว”
เจสสิก้าจองนางแบบสาวคนดังเอ่ยออกมาและส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคนตรงหน้าก่อนที่จะจับตัวคุณหมอตัวเล็กหมุนไปมาเพื่อสำรวจร่างกาย
“ไม่นานค่ะ แทก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน ยังไม่ทานข้าว ตอนนี้ก็หิวมากกกกกก และรอไปทานพร้อมสิก้านี่แหละค่ะ”
คุณหมอตัวเล็กหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคนตรงหน้าถามออกมาอย่างยาวเหยียดพร้อมกับจับตัวเค้าหมุนไปหมุนมาเหมือนครูกำลังตรวจเครื่องแต่งกายของเด็กนักเรียน ก่อนที่จะตอบคำถามรวดเดียวจบเช่นกัน
“แทอะ….ก็สิก้าเป็นห่วงนี่คะ แล้วอีกอย่างแทก็ชอบทำงานจนลืมดูแลตัวเองอยู่เรื่อยเลย”
นางแบบสาวยู่ปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากคนตรงหน้า ก่อนที่จะหันไปเห็นคนอีกสองคนที่ยืนค้างอยู่ตรงนั้น
“อ้าว คุณทิฟฟานี่ กับเอ่อ…..”
“ซันนี่คะ เป็นผู้จัดการของฟานี่” ซันนี่แนะนำตัวเองกับนางแบบสาวเมื่อเห็นสายตาของเธอมองมายังตัวเองอย่างงงๆ
“เอ่อคะ….” นางแบบสาวพยักหน้าแบบเข้าใจพร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆมาให้
“….แล้วนี่….แทรู้จักคุณซันนี่กับคุณทิฟฟานี่ด้วยหรอคะ เมื่อกี๊ตอนสิก้าเดินมาเห็นกำลังคุยอะไรอยู่เชียว” นางแบบสาวหันไปถามคุณหมอตัวเล็กพร้อมกับทำหน้ามึนๆงงๆ ตามแบบฉบับของเธอทำให้คนถูกถามต้องยิ้มน้อยๆให้กับท่าทางนั้น
“เอ่อ…..” ยังไม่ทันที่นางเอกสาวจะตอบอะไรออกไปก็มีเสียงจากคุณหมอตัวเล็กขัดขึ้นมาซะก่อน
“คุณทิฟฟานี่คือคนที่แทรักษาข้อเท้าให้ในวันที่ถูกน้องซอลากไปเดินเล่นเมื่อสองวันก่อน….ที่แทเล่าให้สิก้าฟังไงคะ” คุณหมอแทยอนตอบพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆให้คนตรงหน้า ที่ตอนนี้กำลังพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจ
“อืม….เรากลับกันเลยมั๊ยคะ ตอนนี้แทหิวมากกกกกเลย แล้วแทก็ไม่อยากไปส่งสิก้าดึกด้วยค่ะเกรงใจคุณลุงกับคุณป้า และอีกอย่างถ้ากินดึกสิก้าก็จะบ่นแทอีกว่าแทเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าสิก้าบวมในตอนเช้าอะ” คุณหมอตัวเล็กพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าตาคนถูกว่าที่ตอนนี้กำลังแก้มป่องพร้อมกับยู่ปากด้วยความงอน
“แทอะ….ถ้าว่าสิก้าอีกคำสิก้าจะโกรธแทจริงๆแล้วนะ!!!” นางแบบสาวพูดพร้อมกับทำหน้าตาจริงจังส่งไปให้คนตรงหน้า ก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มและบอกลาคนอีกสองคนที่ยืนเสมือนเป็นธาตุอากาศอยู่ตรงนั้น
“ยังไงเราสองคนขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณซันนี่…คุณทิฟฟานี่” นางแบบสาวเอ่ยพร้อมกับโค้งน้อยๆให้กับทั้งสองคนแล้วควงแขนคุณหมอร่างเล็กเดินออกไปขึ้นรถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล
.
.
.
.
.
เหตุการณ์ที่พึ่งผ่านพ้นไปไม่ถึงชั่วโมงทิฟฟานี่ยังจำมันได้ดี ภาพคนสองคนยืนคุยกันอย่างสนิทสนมที่ต่อให้มองยังไงก็ดูออกว่าพิเศษกว่าคนรู้จักกันธรรมดา ไหนจะคำพูดและท่าทีที่ทั้งสองคนปฏิบัติต่อกันและกันนั่นอีก ท่าทีน่ารักคำพูดหยอกล้อออดอ้อนกันไปมามันทำให้ใครก็ตามที่พบเห็นเข้าใจได้ว่าทั้งสองคนเป็นคนรักกัน ทิฟฟานี่ทำได้เพียงยืนเป็นธาตุอากาศเมื่อรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้า ความรู้สึกดีใจจนหัวใจพองโตเมื่อแรกเห็นหน้าคุณหมอตัวเล็กแตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับรู้และเห็นการกระทำของคนสองคนตรงหน้า เหมือนกับลูกโป่งที่โดนเป่าจนพองโตและแตกทันทีเมื่อมีใครเอาเข็มมาจิ้ม แต่สำหรับเธอคงเหมือนมีใครเอาเข็มเป็นพันๆหมื่นๆเล่มมาจิ้มทั่วร่างกายโดยเฉพาะตรงหัวใจ เธอแทบไม่อยากจะหายใจไม่ออกจนรู้สึกชาและเจ็บปวด ความรู้สึกทั้งหมดบอกให้เธอรีบออกไปจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุดแต่ขาและสมองกลับทำตรงกันข้าม สิ่งที่เธอเคยกลัวว่ารอยยิ้มและการกระทำทุกอย่างที่เธอเคยได้รับจะกลายไปเป็นของคนอื่นในวันนี้เธอได้เห็นและรับรู้แล้ว ความเจ็บปวดและเสียใจเกินกว่าจะทนทำให้เธอแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแต่เธอต้องพยามยามฝืน ฝืนมันเอาไว้แล้วยืนทำหน้ายินดีอยู่ตรงนั้นจนทั้งสองคนเดินจากไป เมื่อขึ้นรถได้น้ำตาที่เคยกักเก็บไว้ก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย….เธอเห็นสายตาห่วงใยของซันนี่ที่มองมา เธอได้ยินทุกคำพูดปลอบใจตั้งแต่อยู่ในรถจนถึงห้องพักแต่เธอไม่สามารถตอบสนองอะไรออกไปได้เพราะหัวใจที่เจ็บจนชา ตอนนี้น้ำตาที่คิดว่าแห้งไปแล้วกลับไหลออกมาจากตาคู่สวยอีกครั้งอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดลง น้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมๆกับความปวดร้าว…….
…………เรื่องของเรา มันสายเกินไปแล้วหรือ……………
.
.
.
.
.
.
“แทคะ…..ผู้หญิงคนนั้น….คุณทิฟฟานี่ฮวัง คือผู้หญิงคนนั้นของแทใช่มั๊ยคะ……..”
นางแบบสาวเอ่ยถามคุณหมอตัวเล็กอย่างแผ่วเบาหลังจากที่ทั้งคู่ขับรถออกมาจากงานน้ำหอมและต่างนั่งเงียบจมอยู่กับความคิดของตนเอง คำถามและน้ำเสียงนั้นทำให้คนที่กำลังขับรถอยู่ต้องหันมามองคนข้างๆด้วยแววตาอ่อนโยน
“ค่ะ…..ทิฟฟานี่ฮวังคือผู้หญิงคนนั้น”
ใช่เค้ารู้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วว่าเป็นคนๆเดียวกันและเค้ายอมรับว่าความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้คือดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง แต่ไม่นานความดีใจนั้นกลับหายไปและแทนที่ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเสียใจและผิดหวังผสมปนเปกันไปแต่ก็ไม่มากพอดังเช่นเมื่อก่อน เค้ายอมรับว่าในช่วงปีแรกหลังจากเหตุการณ์นั้นเค้าเสียใจจนแทบบ้าทั้งน้อยใจทั้งโกรธทั้งเกลียดทิฟฟานี่ ที่ทำแบบนั้นกับเค้าโกหกหลอกลวงและเห็นเค้าเป็นตัวตลกทำเหมือนความรู้สึกของเค้าไร้ค่า เค้าแทบเรียนไม่รู้เรื่องในปีแรกของการเรียนมหาวิทยาลัยจนคะแนนออกมาจนเกือบจะโดนไทน์ นั่นทำให้เค้าเริ่มคิดได้และปล่อยวางหันกลับมาเรียนอย่างจริงจังจนเรียนจบออกมาจากมหาวิทยาลัยอันมีเกียรติอย่างสวยหรูด้วยคะแนนด้วยเกียรตินิยม ถึงความเจ็บปวดเสียใจจะเบาบางลงไปตามกาลเวลาแต่สิ่งที่ยังหลงเหลือคือความรักที่ยังคงอยู่แต่เป็นความรักที่ได้สร้างรอยแผลและสร้างความหวาดกลัวต่อการโกหกหลอกลวงและนั่นทำให้เค้าไม่ยอมเปิดใจให้คนที่เข้ามาสักคนเดียว เค้าไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้วไม่อยากเป็น คิมแทยอนที่เจ็บปวดอ่อนแอและเป็นตัวตลกคนเดิม วันเวลาที่ผ่านไปทำให้ความโกรธเกลียดที่เค้าเคยมีให้เธอคนนั้นหมดไป เหลือแค่เพียงความทรงจำบางเบาที่คอยย้ำเตือนว่าแม้ไม่โกรธไม่เกลียดแต่ก็ไม่ควรที่เข้าเกี่ยวข้องและกลับไปอยู่ในความรู้สึกเดิมอีกครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเค้ายังยิ้มและยังพูดคุยเป็นปกติได้เมื่อเห็นหน้าเธอ…..ใช่…..
…………เค้าจะไม่กลับไปเป็น คิมแทยอนคนเดิมอีกแล้ว……….
.
.
.
“แทคะ……ไม่เป็นไรนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนจากริมฝีปากเรียวสวยถามขึ้นอีกครั้งหลังจากเห็นคนที่กำลังขับรถเงียบไปนาน
“แทไม่เป็นไรค่ะ มันผ่านมานานมากแล้ว และแทก็ไม่ใช่คนนั้นอีกแล้ว สิก้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
เสียงเรียกที่อ่อนโยนทำให้เค้าหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เมื่อหันไปมองยังต้นเสียงก็พบกับสายตาที่มองมาอย่างห่วงใยเค้ารู้ว่าเธอคนนี้เป็นห่วงเค้าแค่ไหน เค้ารู้ดี…..รอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนถูกส่งออกมาให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างพร้อมกับลูบหัวของเธอเบาๆด้วยมือที่ว่างหลังจากได้ฟังอีกประโยคจากริมฝีปากเรียวสวย
“แทรู้ใช่มั๊ยคะ….ว่าต่อให้แทไม่เหลือใคร…แต่แทจะมีสิก้าอยู่ข้างๆแทเสมอ…”
คุณหมอตัวเล็กส่งยิ้มอ่อนโยนให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างอีกครั้งพร้อมเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนหน้าหวานมีรอยยิ้มออกมา….
“แทรู้ค่ะ….รู้มาตั้งแต่วันนั้นแล้ว”
TBC.
อ่านแล้วช่วยกันเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ด้วยเน้อ ^^
ยังไงก็ขอขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะค๊ะ
ความคิดเห็น