ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Taeny x Taengsic] Waiting Forขอชั้นรักคุณได้มั๊ย…..

    ลำดับตอนที่ #5 : เธอคนนั้น……

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 56


    Chapter  4     เธอคนนั้น……

     

     

     
    ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก   เสียงเคาะประตูห้องพักแพทย์ที่ดังขึ้นทำให้คุณหมอสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งพักเหนื่อย
    หลังจากผ่านพ้นการผ่าตัดใหญ่ไม่นานต้องเงยหน้ามองไปที่ประตู
     
     
     
    “ เฮ้  แทยอน!!   เพิ่งผ่าตัดเสร็จใช่ป่าว  ยังไม่ได้กินไรหละสิ  นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว…ไปกินข้าวกัน “
    คุณหมอร่างสูงหน้าตาและสีผิวค่อนข้างคมเข้มหนักไปทางหล่อมากกว่าสวยส่งเสียงเข้ามาหลังจากเปิด
    ประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง
     
     
     
    “ไหงวันนี้คุณหมอ ยูริ มาชวนฉันไปทานข้าวด้วยได้เนี่ย  สาวๆแกไปไหนหมดหละ  หรือโดนทิ้ง ”   
     
    คุณหมอตัวเล็กเอ่ยแซวเพื่อนสนิทยิ้มๆ  ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่ทุกวันพอถึงตอนเที่ยงทีไร หมอยูล หรือ  หมอยูริ 
     เพื่อนสนิทของเค้าที่เนื้อหอมในหมู่พยาบาลสาวๆ ต้องออกไปกินข้าวเที่ยงกับสาวๆคนนั้นคนนี้แทบ
    จะไม่ซ้ำหน้ากันทุกวัน  แล้ววันนี้นึกยังไงมาชวนชั้นไปกินข้าวด้วยเนี่ย
     
     
     
    “แหมมมมมมม  คุณหมอแทงกูคะ  ไม่ได้โดนท้งโดนทิ้งอะไรหรอกค่ะ  แค่อยากไปกินข้าวเที่ยง
    กับเพื่อนบ้างไรบ้างแค่นี้ถึงกับแช่งให้โดนทิ้งกันเลยหรอคะ”
     
     
    คนตัวสูงกว่าตอบกลับเพื่อนรักอย่างประชดประชันเล็กน้อย  แหมแช่งมาได้ไง  คนอย่าง ควอนยูริ 
    นี่หรอจะโดนทิ้ง…ไม่มีทาง  มีแต่เค้านี่แหละที่จะเป็นฝ่ายทิ้งมากกว่า
     
     
     
    “ตกลงว่าไง  ไม่ต้องคิดแล้ว  ไปเหอะหิวแล้ว  และอีกอย่างไอ้ยุนก็ไปรอที่ร้านไอ้หยอง
    แล้วด้วย…ช้าหมดอดกินนะโว๊ยยยย”    พูดพร้องกับดึงคุณหมอร่างเล็กให้ลุกจากเก้าแล้วฉุด
    กระชากกึ่งลากถูคนตัวเล็กกว่าให้ออกมาจากห้องพักแพทย์
     
     
     
    “เออๆ  แกไม่ต้องลากก็ได้  ฉันเดินเองได้น่า”
     
     
     
    ภาพคุณหมอหน้าตาดีสองคนเดินมาด้วยกันคนหนึ่งตัวเล็ก  หน้าตาจัดว่าดีมาก น่ารักเรียวใส  
    ริมฝีปากบาง  ผิวขาวผ่องเข้ากับเสื้อกาวน์ที่สวมอยู่  อีกคนตัวสูงสีผิวกับหน้าตาคมเข้มดูดี  
    เรียกเสียงกรี๊ดเบาๆจากเหล่าพยาบาลและคนไข้สาวๆตลอดทางที่ทั้งสองคนเดินผ่าน
     
     
     
    “คุณหมอแทยอนน่ารักนะแก๊  ดูสิๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ  หน้าตาดี  โอ๊ยดูสิดูๆ  รอยยิ้มนั่นอีก  ใจละลายเลยอะแก๊”
     
     
     
    “ของชั้นต้องหมอ ยูริ ย่ะ  สูง  คม  เข้มเจ้าชู้หน่อยๆ  สเป๊คชั้นเลยอะแก๊  กรี๊ดดดด  ดีใจจริงๆที่คุณหมอยังโสด  
    ไม่อย่างนั้นพยาบาลสาวๆเกือบครึ่งโรงบาลแล้วไหนจะพวกคนไข้สาวๆที่ยังไม่หายและหายแล้วแต่ยังแวะเวียนม
    าโรงบาลเราบ่อยๆต้องอกหักแน่ ”   
     
     
     
    “นั่นสิ  ขอให้โสดไปนานเลยนะคะคุณหมอทั้งสอง…เอ่อ…ไม่สิ  หมอยุนอีกคน  อยู่เป็นขวัญใจ
    ประจำโรงบาลเราไปนานๆเลยนะคะ ขออย่าให้มีใครมาคว้าไปเลยเพี้ยงงงงงง”    
    ไม่พูดปล่าวพนมมือทำท่าเป่ามนต์ไปที่คุณหมอทั้งสองอีกต่างหาก
     
     
     
    ไม่ใช่ว่าเค้าทั้งสองไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองเนื้อหอมและเป็นที่หมายปองของสาวๆแค่ไหน
    เพียงแค่ทั้งสองคนยังไม่สนใจเรื่องนี้จริงจังเท่านั้นเอง  คุณหมอยูริถึงจะเจ้าชู้มีสาวๆเยอะ
    แต่ก็ใช่ว่าจะตกลงปลงใจหรือยอมให้ใครผูกมัดได้  ส่วนคุณหมอแทยอนยิ่งไม่ต้องพูดถึงใหญ่
    แทบจะเรียกได้ว่าไม่สนใจเรื่องนี้เลยก็ว่าได้  ถึงรอยยิ้มกับการกระทำที่อ่อนโยนของเค้า
    จะทำให้มีทั้งหนุ่มและสาวโดยเฉพาะสาวๆเข้าหาเพื่อที่จะสานสัมพันธ์มากมายแต่เค้าก็ไม่
    เคยเปิดรับใครและไม่เคยแสดงท่าที่เป็นพิเศษกับใครที่เข้ามานอกเหนือไปจากลักษณะนิสัยอ่อนโยนอันเป็นปกติเท่านั้น  
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    - กริ๊ง ก่อง –
     
     
    เสียงกระดิ่งที่แขวนที่ประดูร้านดังขึ้นทำให้เจ้าของร้านร่างสูงที่กำลังวุ่นวายกับการชงกาแฟ
    และสั่งงานลูกน้องเงยหน้าขึ้นพร้อมเอ่ยต้อนรับลูกค้าที่มาใหม่
     
     
     
    “ smile  coffee and Bakery  ยินดีต้อนรับค่ะ…..อ้าวไอ้แท ไอ้ยูล มาแล้วหรอ 
     นู่นๆ ไอ้ยุนนั่งรออยู่นู่น  โต๊ะเดิม  เดี๋ยวชั้นสั่งงานลูกน้องก่อนแล้วจะตามไป ”    
     เจ้าของร้านพูดยาวเหยียดหลังจากที่เห็นว่าลูกค้าสองคนที่เข้ามาใหม่เป็นใคร  
     
     
     
    “ พี่แท  พี่ยูล  ทางนี้ๆๆๆๆๆๆ”  เสียงตะโกนถึงแม้ไม่ดังนักแต่ก็ทำให้คนทั้งร้านหันมามอง
     จนเจ้าของร้านต้องหันมาถลึงตาใส่คนที่กำลังโบกมือหยอยๆเรียกคนที่พึ่งมาถึง
     
     
     
    “เบาๆก็ได้  ไม่ต้องตะโกนขนาดนั้น เดี๋ยวไอ้หยองก็เดินมาฆ่าเอาหรอก 
     ข้อหาทำเสียงดังรบกวนลูกค้าโต๊ะอื่น”   ยูริพูดขึ้นก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินมานั่งที่โต๊ะประจำของพวกเค้า
     
     
    ใช่แล้วหละที่นี่คือที่รวมตัวของพวกเค้าทุกคน  smile  coffee and Bakery 
     ร้านกาแฟและเบเกอรี่ไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ได้รับการตกแต่งอย่างดูดีกึ่งสบายๆและดูดีมีระดับในคราวเดียวกัน
      บรรยากาศของร้านที่ให้ความรู้สึกสบายๆด้วยสีเขียวอ่อน  โต๊ะ  เก้าอี้  ชั้นวางหนังสือ  และของตก
    แต่งร้านจัดวางเป็นมุมดูเก๋และติสผสมกันไม่เกะกะ  มีทั้งมุมเพื่อให้คนมาแบบส่วนตัว
    ได้มานั่งผ่อนคลายสบายๆและมุมที่ไว้ให้คนที่มาแบบส่วนรวมได้มานั่งสรวนเสเฮฮา 
     และมุมพิเศษมุมประจำเวลาที่พวกเค้ามารวมตัวกันคือมุมนี้มุมติดหน้าต่างที่มีโต๊ะและโซฟาจัดอย่างเข้าชุด
    เพื่อรับรองลูกค้าสี่ถึงห้าคนแต่ไม่เกินสิบคนได้นั่งอย่างสบายๆ  และเจ้าของร้านก็ใช่ใครที่ไหน 
     ชเวซูยอง  เพื่อนสนิทของพวกเค้านั่นเอง
     
     
     
    ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนสนิทกัน  แทยอนสนิทกับซูยอง  ยูริและยุนอาซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน 
    มาตั้งแต่เด็กเพราะทั้งสามครอบครัวรู้จักกันและเรียนมอต้นที่โรงเรียนเดียวกันก่อนที่เค้า
    จะบินไปเรียนต่อระดับไฮสคูลและมหาวิทยาลัยที่อเมริกา  ถึงจะอยู่ไกลกันแต่ทั้งสี่คนก็ยังคง
    ติดต่อกันอยู่เสมอจนเค้ากลับมาจากอเมริกาเมื่อปีที่แล้วและเข้าทำงานในโรงพยาบาลของครอบครัว
    จึงเจอกับยูริที่มาเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลของเค้าแล้วส่วนยุนอาพึ่งเรียนจบและเข้ามาเป็นแพทย์ที่
    โรงพยาบาลเดียวกันในปีนี้   อีกคนที่ดูจะแปลกแยแยกออกไปคือซูยอง  เค้าไม่ได้เรียนหมอแต่
    เลือกที่จะเรียนด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์เมื่อเรียนจบแล้วก็เข้าไปช่วยบริหารธุรกิจของครอบครัวบ้าง
    ก่อนที่จะมาเปิดร้านกาแฟตามความฝันของตัวเอง  ดังนั้นร้านนี้จึงเป็นแหล่งรวมตัวของพวกเค้าทั้งสี่คน
    รวมไปถึงฮโยยอนและซอฮยอนพี่สาวและน้องสาวของแทยอนบ้างในบางโอกาส
     
     
     
    “พึ่งผ่าตัดเสร็จรึไงแทงกู…ดูเหนื่อยๆนะ”   เจ้าของร้านร่างสูงพูดขึ้นหลังจากทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้
    คั่นกลางระหว่างยูริและยุนอา
     
     
     
    “ทำไมมีแต่แกที่ดูยุ่งๆ  แล้วไอ้หมาเอ๊ยหมอสองตัวนี้ที่ว่างหละ  โดยเฉพาะแกไอ้ยุน 
     ฉันเห็นแกว่างงงงงงมานั่งส่องลูกค้าสาวที่ร้านชั้นแทบทุกวัน”
     
     
     
    “แหมพี่หยอง  ว่างเวิ่งอะไรกันหละ  ยุนเคลียงานเสร็จแล้วต่างหากถึงมาอะ”     ยุนอาหรือหมอยุน
    ลูกพี่ลูกน้องที่ทั้งหน้าตาและส่วนสูงคล้ายกับยูริ  จะต่างกันก็เพียงสีผิวเท่านั้น  ยูริมีสีผิวที่คมเข้ม
    แต่ยุนอาจะมีผิวขาวออกใส  รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่อะไรหรอกเค้ากลัวคุณหมอตัวเล็ก
    ที่เป็นถึงรองประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลที่เค้าทำงานอยู่จะหาว่าเค้าอู้งานหนะสิและ
    อีกเหตุผลซึ่งเป็นเหตุผลที่สำคัญซะด้วยนั่นคือเค้าไม่อยากให้น้องสาวรุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้รู้นี่นา
    ว่าเวลาว่างของเค้าชอบมานั่งส่องสาว  เอ๊ย…มานั่งชิลร้านเพื่อนพี่สาวทุกวัน  เพราะแค่นี้คะแนน
    ของเค้าก็แทบจะติดลบจนต่ำเตี้ยติดดินอยู่แล้ว   = =”  
     
     
     
    “ฉันก็ไม่ว่างขนาดน๊านนนนนนนนน  วันไหนเคลียงานเสร็จเร็วก็มาหาเพื่อนบ้างอะไรบ้างน่า”    
     คุณหมอคนพี่รีบพูดอย่างรวดเร็วเช่นกัน
     
     
     
    “แล้วอีกอย่าง  พวกฉันสองคนก็ไม่ได้ยุ่งเหมือนศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลนี่ 
     ที่จะต้องมีเคสผ่าตัดแทบทุกวัน”      พูดพลางหันไปหาคุณหมอตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆตนเอง
    ที่ตอนนี้กำลังนั่งทำหน้า เหมือนคิดอะไรในใจสักอย่าง
     
     
     
    “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรพวกแกนี่…”   คนถูกเอ่ยถึงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับมา
    พร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้กับเพื่อนและรุ่นน้อง
     
     
     
    “ ถ้ามันยุ่งจนไม่มีเวลากินข้าวกินปลาทำไมไม่หาใครซักคนดูแลหละว๊า….”    
     
     เสียงเจ้าของร้านร่างสูงแซวขึ้น  เค้าไม่เข้าใจเพื่อนตัวเล็กคนนี้เลย  หน้าตาก็ดี 
     การศึกษาก็ดี  หน้าที่การงานก็ดี  ฐานะก็ดี  นิสัยรึก็ดี  คนเข้ามาจีบก็เยอะ 
     แต่ทำไมเพื่อเค้าถึงปิดโอกาสทุกคนและครองตัวเป็นโสดโดยไม่ข้องเกี่ยวหรือกิ๊กๆกั๊กๆกับใครสักคน
     
     
     
    “ทำมายยยจะไม่มีหละว๊าหยองงงงงง  ก็นางแบบสาวสวยดาวรุ่งที่กำลังพุ่งแรงอยู่ตอนนี้ไง หละเพื่อน”       
     เสียงล้อเลียนของคุณหมอผิวเข้มดังขึ้นพร้อมกับใบหน้ากวนๆเรียกเสียงหัวเราะให้อีกสองคนที่เหลือ
    ยกเว้นคุณหมอตัวเล็กหน้าเด็กที่ทำได้แต่เพียงยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
     
     
     
    “…..สิก้าหรอ….แค่เพื่อนกันหนะ”   
     
     
     
    “ โอ๊ยยยยยยยยยยย  เชื่อตายหละคุณหมอแทงกู……………”  ทั้งสามร้องขึ้นพร้อมกัน 
     
    ถ้าเพื่อนก็คงเป็นเพื่อนที่พิเศษมากแหละว๊า  ก็เล่นไปรับไปส่ง ไปกินข้าว ไปดูหนัง 
    ไปนั่นไปนี่ด้วยกันทุกครั้งที่คุณหมอตัวเล็กว่าง  ไหนจะไอ้ท่าทีอ่อนโยนและคำพูดที่อบอุ่น
    เป็นพิเศษเกินคนอื่นนั่นอีกหละ  แล้วท่าทีของนางแบบสาวที่มอบให้กับคนตัวเล็กก็
    อบอุ่นอ่อนโยนแสดงออกถึงความห่วงใยและใส่ใจที่มีให้เหลือเกิน ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์
    ที่บรรดาสื่อต่างตั้งฉายาให้เจ้าหล่อนว่าเจ้าหญิงน้ำแข็ง…..โอ๊ยใครเชื่อก็บ้าแล้ว  ถึงไม่ใช่แฟนก็คนพิเศษแหละวะ
     
     
     
    “ก็……..เป็นเพื่อนกันจริงๆนี่นา….”     คุณหมอตัวเล็กส่ายหน้าเบาๆให้กับอาการของเพื่อน 
     แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อไปเสียงโทรศัพท์ของเค้าก็ดังขึ้น  เจ้าตัวยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรเข้ามา
     
     
     
    “ ว่าไงคะสิก้า…….เย็นนี้แทว่าง  เดี๋ยวแทไปรับนะคะ  ที่งาน…….ใช่มั๊ย  
     ตกลงค่ะแล้วเจอกัน  ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ  เป็นห่วงนะคะ……..คิดถึงเหมือนกันค่ะ บาย”  
     
     วางหูก่อนจะยิ้มให้โทรศัพท์อีกครั้งแล้วต้องชะงักไปเพราะเห็นใบหน้าของเพื่อนจอมกวนและ
    รุ่นน้องจอมแสบกำลังจ้องมาที่ตัวเองอย่างจับผิด
     
     
     
    “ แหม๊มมมมมมมมมมมม  แค่เพื่อนกันนนนนนน……”     สามแสบแซวขึ้นพร้อมกันก่อนจะตาม
    ด้วยเสียงหัวเราะที่ดังไม่หยุด
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
     
    “อะนี่ที่แกต้องการ ฟานี่”     เสียงผู้จัดการสาวร่างเล็กเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่น
    บางอย่างให้นางเอกสาวสวยเพื่อนสนิท
     
     
     
    “……………………..”
     
     
     
    “ข้อมูลคุณหมอคิมแทยอนที่แกต้องการไง  ยังจะมาทำหน้างงอีก  จะเอาหรือไม่เอาหละย๊ะ”  
      พูดพร้อมกับจะดึงกระดาษกลับเมื่อเห็นเพื่อนสาวนั่งทำหน้างง  แต่ยังไม่ทันได้ดึงกลับ
      นางเอกสาวสวยก็รีบดึงกระดาษนั้นไปซะแล้ว
     
     
     
    “เอาสิย๊ะ  ทำไมจะไม่เอาหละ  ชั้นแค่อึ้งที่เธอสามารถหาข้อมูลได้เร็วขนาดนี้เท่านั้นเอง” 
     นางเอกตายิ้มตอบกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกวาดตาดูข้อมูลในมือที่พึ่งได้รับมา
     
     
     
    “ก็คุณหมอของเธอธรรมดาที่ไหนกันหละ  แค่เปิดคอมก็เจอแล้วแทบไม่ต้องสืบเลย”  
    ซันนี่แหวเพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้
     
     
     
    ทิฟฟานี่รีบอ่านกระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็วเมื่ออ่านจบก็ยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ
    เต็มที่จนเพื่อนที่มองอยู่นึกหมั่นตะหงิดๆ  ที่พอใจก็ไม่ใช่เพราะตำแหน่งหน้าที่การงาน
    หรือฐานะหรอกนะ  แต่เป็นบรรทัดสุดท้ายต่างหาก
     
     
     
       คิมแทยอน……………..ศัลยแพทย์มือหนึ่งและรองประธานกรรมการบริหาร  Kim  Hospital…………………………………………………………………………………………………
    ………………………………………………………………………………………………………………
    ……………………………………………………………………………………..สถานะภาพโสด  
     
     
     
    “นี่เธอ  ไม่ต้องยิ้มจนออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้  สถานะภาพโสดก็ใช่ว่าจะไม่มีใครนะย๊ะ
     บางที่การที่เราไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มีก็ได้”        
       
     ผู้จัดการสาวร่างเล็กอดเอ่ยขึ้นอย่างหมั่นใส้ไม่ได้   ก็แม่นางเอกสาวดาวรุ่งเพื่อนของเธอ
    ตอนนี้แทบจะนั่งยิ้มจนตาปิดอยู่แล้ว
     
      
     
    “โสด  ก็เหมารวมได้ว่ายังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน  อย่างนี้ชั้นถือว่าชั้นยังมีสิทธ์อยู่นะ”   
     นางเอกสาวสวยพูดพร้อมกับยักไหล่และส่งยิ้มตาปิดอีกครั้ง  ถ้าเป็นอย่างนี้เธอก็จะลุย
    ให้เต็มที่เพื่อตามเอาหัวใจและความรักของเธอกลับคืนมา
     
     
     
    “ เฮ้อ…….ตามใจเธอ  ว่าแต่จะจีบเค้าแล้วเธอหละ  เคลียตัวเองรึยัง  ไปตามจีบเค้า
    แล้วเค้ารู้ทีหลังนอกจากจะอดแล้วคราวนี้จะถูกเกลียดจนมองหน้ากันไม่ได้อีกเลยนะจะบอกให้”     
     
     
     ผู้จัดการสาวอดที่จะพูดเตือนเพื่อนสนิทไม่ได้  ก็มีอย่างที่ไหนถึงเพื่อนเธอจะโสดไม่คบใคร
    เป็นจริงเป็นจังก็จริง  แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสใคร  แถมยังไปนั่นไปนี่ด้วยกันให้ปาปารัสซี่ได้ตามถ่ายรูปอีก  
    โดยเฉพาะกับ นิชคุณ ลูกชายเจ้าของบริษัท NT ent. ผู้ผลิตสื่อยักษ์ใหญ่ของเกาหลีนั่นอีก  รายนั้นก็ดู
    ท่าจะจริงจังกับแม่นางเอกตายิ้มซะด้วย  แล้วไอ้ท่าทีเป็นกันเองแล้วยังรอยยิ้มจนตาปิดนั่นอีกหละถึงเพื่อน
    สาวของเธอจะไม่ได้คิดอะไรแต่คนอื่นก็คงคิดเข้าข้างตัวเองว่าได้รับโอกาสจากนางเอกสาวสวยคนนี้แล้ว  
    แล้วอีกอย่างนะเท่าที่ดูๆคุณหมอตัวเล็กคนนี้คงจะฝังใจและคงไม่ชอบลักษณะนิสัยเฟรนลี่เกินไปแบบนี้แน่ๆ 
     เฮ้อ คิดแล้วก็เหนื่อยใจแทนเพื่อนสาวตัวดีจริงๆ
     
     
     
    “ทำไมหละ  ชั้นยังไม่ได้คบใครจริงๆจัง สักหน่อย ที่ผ่านๆมาก็แค่คุยๆเองนะ”  ถามพร้อมกับทำหน้าแปลกใจ
     
     
     
    “แต่กับแทยอน  ชั้นจริงจังและจริงใจ จริงๆนะ”      เธอพูดความจริงกับคนที่ผ่านๆมาและคนที่เข้ามาอยู่ตอนนี้
      เธอก็ให้เค้าเหล่านั้นได้เพียงแค่ฐานะเพื่อนเท่านั้น  ไม่เคยมีใครทำให้เธอเปิดใจหรือมอบความรักให้ได้เลย 
     อย่างมากก็แค่รู้สึกดี  แต่กับเค้าคนนั้นมันไม่ใช่  แค่พึ่งเจอกันครั้งเดียวหลังจากห่างหายจากกันนานแสนนาน
    กลับทำให้ใจเธอเต้นอย่างมีความสุข  และเพียงแค่คิดว่าตลอดเวลาที่ห่างกันเค้าอาจมีใครอื่นแล้วเพียงแค่นี้ในใจ
    ก็กลับมีความทุกข์จนเจ็บปวดได้  เธอมั่นใจว่าตัวเธอเองยังรักเค้าและมีแค่เค้าคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอ……..
     
     
     
    “ตามใจเธอเถอะ จะทำอะไรก็คิดดีๆแล้วกัน…..เอ้อ แล้วนี่งานเปิดตัวน้ำหอมวันนี้จะไปรึป่าว”
     
     
     
    “ไปสิ…..มีนางแบบเดินแบบด้วยใช่มั๊ย?”
     
     
     
    “ใช่แล้วย่ะ  วันนี้เจสสิก้า   นางแบบดาวรุ่งพุ่งแรงไม่แพ้เธอลูกสาวจองกรุ๊ป 
     เดินชุดฟินเนเล่ด้วยนะย๊ะจะบอกให้”
     
     
     
    เจสสิก้าจอง  นางแบบสาวสวยดีกรีนักเรียนนอก  ทั้งฐานะ  ชาติตระกูล  หน้าตา  การศึกษา
    ไม่มีอะไรที่แพ้เธอเลย  ถ้าเธอเป็นดาวเด่นในโลกมายา  เจสสิก้าก็เป็นดาวเด่น
    ในวงการนางแบบและแฟชั่น  จะต่างกันก็เพียงแต่เธอเองมีข่าวกับบรรดาชายหนุ่มค่อนข้างมาก
    แต่เจสสิก้าแทบจะไม่มีข่าวในทำนองนี้เลย  สื่อสำนักต่างๆยกให้พวกเธอเป็นดาวเด่น
    แห่งปีด้วยกันทั้งสองคน  บางสำนักยังเขียนอีกว่าพวกเธอเป็นคู่แข่งกันด้วยซ้ำ  แต่ในความเป็นจริงแล้ว
    เธอสองคนไม่เคยคุยกันหรอกนะถึงแม้บางงานไปร่วมงานเดียวกันแต่ก็อยู่คนละมุมต่างคนต่างอยู่ในที่
    ของตนเองเท่านั้น
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
     
    งานเปิดตัวน้ำหอมก็เป็นเหมือนงานไฮโซทั่วไป  มีดารา  เซเลป  ไฮโซ  ไฮซ้อต่างๆ  
    มาร่วมงานอย่างคับคั่ง  ดาวเด่นของงานวันนี้คงไม่พ้นทิฟฟานี่และเจสสิก้า  เธอทั้งสองคนต่าง
    ได้รับการต้อนรับแถมด้วยการถูกรุมล้อมเป็นอย่างดีตั้งแต่เปิดงานจนแทบจะปิดงาน……
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    “ซันนี่  เดี๋ยวชั้นไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ  แล้วเราค่อยกลับกัน”   ทิฟฟานี่บอกกับเพื่อนสาวร่างเล็ก
    ก่อนจะรีบตรงไปเข้าห้องน้ำ  แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูเข้าไปประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกซะก่อน
     
     
     
    “ขอโทษ คะ / ขอโทษ คะ”    สองสาวพูดขึ้นพร้อมกัน
     
     
     
    “อ้าว / เอ่อ”
     
     
     
    “………………………”
     
     
     
    “……………………..”
     
     
     
    “เอ่อ….สวัสดีค่ะ  ชั้นทิฟฟานี่ฮวังคะ  ยินดีที่ได้รู้จัก”     นางเอกสาวกล่าวทักทาย
    พร้อมส่งรอยยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
     
     
     
    “เจสสิก้าจอง ค่ะ”     นางแบบสาวเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย
     
     
     
    “เอ่อ  คุณสวยมากเลยนะคะ”   นางเอกสาวเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังรู้สึกว่าบรรยากาศ
    เริ่มเก้อเขิน
     
     
     
    “คุณก็สวยมากคะ”      นางแบบสาวเอ่ยพร้อมยิ้มน้อยๆอีกครั้ง
     
     
     
    “…………………..”
     
     
     
    “…………………..”
     
     
     
    “คุณจะเข้าห้องน้ำใช่มั๊ยคะ  ยังไงชั้นขอตัวก่อนนะคะคุณ….ทิฟฟานี่”   นางแบบสาวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
    พร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อยแล้วเดินจากไป  ทิ้งให้นางเอกสาวยืนค้างก่อนส่ายหัวเบาๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
    ……สงสัยจะเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างที่เค้าว่าจริงๆด้วยสินะ
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    “ซันนี่  ทางนี้เร็วสิยะ  ชั้นง่วงแล้วนะ”     นางเอกสาวบ่นพร้อมลากแขนเพื่อนสาวร่างเล็ก
    ให้เดินไปที่รถโดยเร็ว  ก็กว่าจะฝ่าวงล้อมของนายแบบและไฮโซหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่รุมเธออยู่ 
     รวมไปถึงฝ่าดงนักข่าวออกมาได้ก็เล่นเอาแทบจะหมดแรง  แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงรถขาเรียวสวย
    กับก้าวไม่ออกเมื่อตามองไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า
     
     
     
    “อุ๊บ!!   นี่  ถ้าจะหยุดก็บอกก่อนซิ ย…ยะ   อ…. อ้าว  คุณหมอแทยอน  สวัสดีค่ะ”    ผู้จัดการสาว
    ตัวเล็กกำลังจะบ่นให้เพื่อนสาวก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นต้นเหตุให้เพื่อนสาวของเธอหยุดเดินดื้อๆ
    .
    .
    .
    .
    .
    เพียงแค่มองเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น  คนที่คิดว่าจะไม่ได้เจอง่ายๆ แต่ตอนนี้เค้ากลับยืนอยู่ตรงหน้า  
    แค่เห็นว่าเป็นเค้าหัวใจของนางเอกสาวที่เคยเต้นปกติกลับเต้นผิดจังหวะและเสียงดังจนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน
    ความรู้สึกภายในกำลังตีกันอย่างบ้าคลั่ง  ดีใจ  เสียใจ  จนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร  จนเสียงเพื่อนของเธอทักเค้าดังขึ้น
    นั้นแหละเธอถึงรู้สึกตัวอีกครั้ง….
     
     
     
    “สวัสดีคะคุณซันนี่….คุณทิฟฟานี่….เอ่อ ข้อเท้าเป็นยังไงบ้างคะ”      คนตัวเล็กตรงหน้าเธอ
    เอ่ยทักออกมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ 
     วันนี้เค้าใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเข้ากับกางเกงแสลคเข้ารูปสีดำ  เค้ามางานนี้ด้วยหรือเค้าพึ่งออก
    จากโรงพยาบาลกันแน่นะนางเอกสาวคิดในใจ
     
     
     
    “อ…เอ่อ…สวัสดีคะ คุณหมอแทยอน….ข้อเท้าเอ่อ ดีขึ้นแล้วค่ะ”      และเพราะไม่คิดว่าเค้า
    จะทักเธอทำให้ไม่ทันได้เตรียมตัวคำตอบที่ตอบออกไปจึงตะกุกตะกักเล็กน้อย
     
     
     
    “คุณหมอมางานนี้ด้วยหรือคะ” เป็นซันนี่ที่ถามออกไปหลังจากเห็นอาการนิ่งแบบใบ้แทบกินของเพื่อนสาว
     
     
     
    “อ๋อ ป่าวหรอกคะ ฉันแค่……….”     คุณหมอตัวเล็กพูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็มีเสียงเรียกชื่อเค้า
    อย่างอ่อนหวานดังขึ้นเสียก่อน
     
     
     
     
     
    “แท……รอสิก้านานรึป่าวคะ”
     
     

     

     

    TBC.


     เย้ๆๆ ในที่สุดสิกก้าก็ออกมาซะที  ยังไงก็ติดตามกันต่อไปและช่วยคอมเม้นเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ด้วยนะคะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×