คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9
Chapter 9
เป็นอีกวันแล้วที่คฤหาสน์ตระกูลคิมมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะนับตั้งแต่วันนั้น น่าแปลกที่หลังจากเกิดเรื่องจนผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ต้องบาดเจ็บแต่แทนที่บรรยากาศภายในบ้านจะเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดหากแต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น………
โอ๊ย!!
เสียงร้องที่ดังขึ้นจากคนที่นั่งเอนหลังอยู่บนเตียงทำให้อีกคนอีกสี่คนที่เหลือต้องหันไปมองด้วยความสนใจ ก่อนที่หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามทรุดนั่งลงที่ขอบเตียงแล้วเอนตัวเข้าไปหาคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปคะ”
น้ำเสียงร้อนรนถูกส่งออกมาจากริมฝีปากเรียวสวยพร้อมกับที่ดวงตาหวานๆของคนถามมองสำรวจไปยังริมฝีปากบางๆ ของอีกคนด้วยความเป็นห่วง
“ชั้นเจ็บปากหนะ ปากก็เจ็บแขนก็เจ็บ แบบนี้…..ชั้นคงกินข้าวเองไม่ได้แน่ๆ” พูดแล้วก็มองใบหน้าหวานๆนั้นด้วยแววตามีความหมายให้คนถูกมองต้องรู้สึกร้อนๆบนใบหน้า
เจสสิก้ามองคนที่พึ่งเอ่ยคำพูดจบลงถึงแม้เจ้าของใบหน้าอ่อนวัยนั้นจะตีหน้านิ่งหากแต่ใบหน้าใสๆนั้นกลับกำลังขึ้นสีจางๆ ดวงตาหวานมองหน้าอีกคนแล้วอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ คำพูดและการกระทำของแทยอนกำลังทำให้เธอรู้สึกประหม่าและเขินอายแปลกๆ เพราะทั้งคำพูดและแววตาที่ส่งออกมาทำให้เธอรู้ได้ว่าเค้าต้องการอะไร
คำพูดและท่าทางของคนสองคนทำให้สามคนที่คอยแอบมองอยู่ต้องอมยิ้มและแอบกลั้นหัวเราะ จะไม่ให้ยูริยุนอาและยองอีหัวเราะได้อย่างไรในเมื่อไอ้น้ำเสียงนิ่งๆของผู้เป็นนายนั้นมันช่างฟังออดอ้อนอย่างไรพิกล
“อ้าวพี่แทเจ็บแขนหรอ มาๆๆเดี๋ยวยุนป้อนให้” พูดจบก็ทำท่าจะถลาขึ้นไปบนเตียงของผู้เป็นพี่ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไรแต่ยุนอาก็อดที่จะแกล้งคนทั้งคู่ไม่ได้
แหม….คนนึกมัวแต่เก็ก อีกคนก็มัวแต่เขิน แบบนี้มันน่าแกล้งนัก
คำพูดของยุนอาทำให้คนถูกเอ่ยชื่อถึงกับสะดุ้งทันทีก่อนจะหันมาตีหน้ายักษ์ใส่รุ่นน้องขี้เล่นทั้งที่ใบหน้าใสๆ นั้นยังคงขึ้นสีแดงระเรื่อ พอหันไปมองใบหน้าหวานของหญิงสาวอีกคนกลับต้องรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆเมื่อเห็นเจ้าของใบหน้าหวานนั้นยังคงทำหน้าประหนึ่งว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“ ไม่ต้อง!! ชั้นกินเองได้”
พูดแล้วก็คว้าช้อนขึ้นมาทำท่าจะตักโจ๊กในถ้วยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กๆตรงหน้าหากแต่ต้องชะงักไปเมื่อมือของตนถูกมือนุ่มๆของใครบางคนจับไว้ซะก่อน
“คุณ…..ยังเจ็บอยู่ คงทานไม่ถนัด เดี๋ยวชั้นป้อนให้ก็ได้ค่ะ”
เจสสิก้าเอ่ยบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงเบาๆ พร้อมกับที่ใบหน้าหวานนั้นค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนมือบางจะยกถ้วยโจ๊กขึ้นมาแล้วดึงช้อนในมือของอีกคนมาคนอาหารในถ้วยเพื่อไล่ความร้อน
แทยอนมองการกระทำของหญิงสาวตรงหน้า ท่าทางก้มหน้าก้มตาคนโจ๊กในถ้วยทั้งที่ใบหน้าหวานๆนั้นกำลังขึ้นสีทำให้มาเฟียที่เคยเย็นชาต้องอมยิ้ม ความจริงเค้าเองก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายบาดแผลแค่นี้มันเล็กน้อยด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสิ่งที่เค้าเคยผ่านมา
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เค้ากลายเป็นคนแบบนี้……..
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เค้ารู้สึกสุขใจเมื่อมีเจสสิก้าอยู่ข้างๆ
“ทานสิคะ”
เสียงพูดเบาๆพร้อมกับดวงตาหวานมองจ้องมา แทยอนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเบือนสายตาจากใบหน้าหวานของอีกคนแล้วมองไปยังสิ่งที่กำลังจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก โจ๊กหน้าตาหน้าทานในช้อนที่อีกคนยื่นมาให้……
ดวงตาคมเข้มละความสนใจจากสิ่งที่อยู่ตรงมามองคนป้อนที่กำลังคิ้วขมวดน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเค้ายังไม่ยอมทานในสิ่งเธอกำลังป้อน มาเฟียผู้เคยเย็นชาเกือบจะหลุดหัวเราะกับสีหน้าเหมือนเด็กๆที่ถูกขัดใจของหญิงสาว เมื่อเห็นใบหน้าหวานเริ่มงอง้ำริมฝีปากบางจึงเอ่ยถามทันทีด้วยน้ำเสียงอ่อนเจือหัวเราะเล็กๆ
“ไม่ร้อนแล้วนะ”
“ไม่ร้อนแล้วค่ะ ชั้นเป่าแล้ว”
คนป้อนตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีเขินอาย เหตุเพราะเธอยังจำเหตุการณ์เมื่อคืนที่ป้อนข้าวต้มร้อนๆให้เค้าได้ดี
….ดวงตาสามคู่มองภาพหวานๆของคนสองคนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะสบตากันแล้วทยอยออกจากห้องนอนห้องใหญ่ไปเงียบๆ เพื่อปล่อยให้คนสองคนในห้องได้ใช้เวลาพิเศษร่วมกันโดยไม่ต้องมามัวเขินอายสายตาของคนแอบมอง
.
.
.
.
.
.
.
แสงแดดที่ส่องมายามสายไม่ทำให้คนที่ยืนชื่นชมความงามของดอกไม้ที่สวนกลางบ้านต้องรู้สึกร้อน ดวงตาหวานมองเหล่าดอกไม้และต้นไม้เล็กๆที่ถูกปลูกและตกแต่งไว้ด้วยแววตาชื่นชม เจสสิก้าชอบมาที่นี่เธอชอบมานั่งที่สวนแห่งนี้ทุกครั้งเมื่อมีเวลาว่าง ร่างบางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตัวเดิมที่เธอและแทยอนได้นั่งทานอาหารกลางวันร่วมกันในวันนั้น
เมื่อคิดถึงใครอีกคนหญิงสาวก็อดที่จะนึกแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรือเพราะสิ่งใดที่ทำให้คนที่มีชีวิตต่างกันอย่างเธอและเค้าได้มาเจอกันจนมาอยู่ร่วมกันในวันนี้ ภาพคนตัวเล็กที่ฉุดมือของเธอให้วิ่งหลบกระสุนไปด้วยกันเมื่อวันแรกเจอ ภาพการปะทะคารมต่อปากต่อคำระหว่างเธอและเค้า ภาพวันที่เราได้พบกันอีกครั้งโดยบังเอิญในวันงานประมูลเครื่องเพชรจนมาถึงวันที่เธอและเค้าไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกันจนถึงภาพระหว่างกันและในวันนี้
ภาพทุกภาพกำลังย้อนกลับคืนมาในความทรงจำ…
ริมฝีปากเรียวสวยคลี่ยิ้มด้วยความรู้สึกบางอย่างในหัวใจ……..ทั้งที่ในตอนแรกเธอหมั่นไส้เค้าแทบตายแต่ในตอนนี้นี่สิ……..ความรู้สึกของเธอกลับกลายเป็นอย่างนี้ซะได้
ร่างบางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยความผ่อนคลายใบหน้าหวานเงยขึ้นมองท้องฟ้าสดใสทั้งที่ริมฝีปากกำลังยกยิ้ม
อ๊ะคุณ!!
เจสสิก้าร้องขึ้นและสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆใบหน้าใสของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นแทนภาพท้องฟ้าที่เธอกำลังเงยหน้ามองอยู่ คิมแทยอนมองคนที่พึ่งจะตกใจเพราะการกระทำของเค้าพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆกันด้วยท่าทีสบายๆ
ถึงแม้ว่าเค้าจะบาดเจ็บแต่บาดแผลแค่นี้ก็ไม่ได้ทำให้เค้าละเลยในสิ่งที่เค้าต้องทำทุกวันความเคร่งเครียดจากการตรวจเอกสารต่างๆในห้องทำให้เค้าเมื่อยล้าจนทำให้ต้องเดินออกมาเพื่อหาที่ผ่อนคลาย หากแต่เมื่อเดินมาถึงจุดหมายเรียวขากลับต้องชะงักเพราะใครบางคน ดวงตาคมเข้มมองภาพหญิงสาวที่กำลังยืนยิ้มหวานกับบรรยากาศภายในสวนอย่างเผลอไผลจนกระทั่งร่างบอบบางนั้นนั่งลง ท่าทางเหม่อมองท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มของหญิงสาวทำให้เค้านึกอยากแกล้งอีกคนขึ้นมา ใบหน้าใสอ่อนวัยจะชะโงกหน้าเข้าหาให้อีกคนได้ตกใจเล่นๆ
“ยังโกรธอยู่รึไง” น้ำเสียงอ่อนๆหากแต่มันยังคงเจือด้วยเสียงหัวเราะเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนยังนั่งทำหน้างอง้ำอยู่
“ไม่ได้โกรธแค่ตกใจ ใครบอกให้คุณเล่นอะไรบ้าๆ เผื่อชั้นตกใจจนหงายหลังหัวฟาดพื้นขึ้นมาทำไง”
น้ำเสียงที่ตอบออกมาสะบัดน้อยๆ เธอไม่ได้โกรธแค่ยังคงตกใจและโมโหนิดๆกับการเล่นบ้าๆของเค้า คิดได้ไงชะโงกหน้าเข้ามาหาเธอตอนที่เธอกำลังดื่มด่ำกับภาพท้องฟ้าอันสดใสนี่ถ้าเธอสะดุ้งแรงกว่านี้มีหวังเก้าอีได้พาเธอหงายหลังหัวฟาดพื้นแน่
“เธอจะกลัวอะไร ถ้าเธอหงายหลังลงไปชั้นก็ยังคอยรับเธออยู่”
คำพูดเรียบๆหากแต่ทำให้คนฟังกลับหน้าขึ้นสี ดวงตาหวานมองเสี้ยวหน้าใสๆของอีกคนก่อนจะหันหนีอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าของใบหน้าใสนั้นหันมา
“ก…..ก็ไม่รู้แหละ ใครบอกให้คุณเล่นบ้าๆหละ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มมองใบหน้าหวานของอีกคนก่อนที่ริมฝีปากบางจะยกยิ้มอีกครั้ง
ไม่รู้ทำไม ไม่รู้เมื่อไหร่ แต่เจสสิก้าทำให้เค้ายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวได้เสมอ
“เอาเป็นว่าชั้นขอโทษแล้วกัน ที่ทำให้เธอตกใจ”
คำขอโทษทำให้คนที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ต้องหันกลับมามองอีกคนพร้อมกับทำตาโตด้วยความแปลกใจ
คิมแทยอนขอโทษเธอ……
เธอไม่คิดว่าคนหยิ่งเย็นชาและถือตัวอย่างเค้าจะเอ่ยปากขอโทษใครได้ ถึงแม้ในช่วงหลังๆมานี้เค้าจะมีท่าทีอ่อนลงก็เถอะ แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะได้ยินคำขอโทษจากปากคนอย่างเค้า อย่างน้อยๆ ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่หรือแม้กระทั่งตอนที่พึ่งรู้จักกันเธอยังไม่เคยได้ยินคำๆนี้หลุดออกมาจากปากของเค้าเลยไม่ว่าจะกับใคร
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น กำลังนินทาชั้นอยู่ในใจหละสิ”
คำพูดลอยๆของอีกคนทำให้คนที่มีชนักต้องสะดุ้งก่อนจะทิ้งค้อนวงน้อยๆให้อีกคนต้องยกยิ้มเล็กๆ
.
.
.
.
“เธอ ชอบที่นี่รึไง” คำถามลอยๆดังขึ้นทั้งที่คนถามไม่ได้หันมามองคนถูกถามเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเจสสิก้าก็อดที่จะเหลือบมองใบหน้าของอีกคนด้วยความแปลกใจไม่ได้
“ชั้นเห็นเธอชอบมาที่นี่บ่อยๆ เลยคิดว่าเธอคงชอบ หรือชั้นเข้าใจผิด”
“ชั้นชอบที่นี่…..ชอบมากๆค่ะ” ตอบพร้อมกับหันกลับไปมองธรรมชาติด้านหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ
น้ำเสียงหวานๆที่ถูกส่งออกมาทำให้คนที่เอาแต่นั่งมองธรรมชาติด้านหน้าต้องหันกลับมามองเสี้ยวหน้าของอีกคนก่อนที่จะชะงักค้าง
ใบหน้าหวานๆ ที่เคยงดงามแม้ไม่ถูกแต่งแต้มด้วยสิ่งใดบัดนี้กลับแลดูงดงามขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าของใบหน้านั้นกำลังแย้มยิ้ม
รอยยิ้มหวานๆ…..ที่มักส่งผลต่อหัวใจเมื่อได้มอง
ไม่รู้ว่าตัวเองเหม่อมองใบหน้าหวานนั้นนานเท่าใด อาจจะแค่ชั่วครู่ชั่วนาทีหรือแค่เพียงชั่วเวลาไม่นาน หากแต่แทยอนกลับรู้สึกเนิ่นนานเหลือเกินจนเมื่อเจ้าของใบหน้านั้นหันมาด้วยความแปลกใจ
“อ……เอ่อ ชั้นดีใจที่เธอชอบมัน” ทั้งที่ไม่ได้อยากพูดคำนี้เลยสักนิดหากแต่ความรู้สึกลึกๆกลับเป็นดังเช่นที่พูดออกมาจริงๆ
ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะสามารถนั่งมองสวนแห่งนี้ได้อีก ทั้งที่คิดว่าสวนแห่งนี้คือความทรงจำที่ทำให้เจ็บปวด แต่ในเวลานี้ในสถานที่แห่งนี้เค้ากลับสามารถนั่งมองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ได้โดยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดจนเหมือนจะขาดใจดังแต่ก่อน
“คุณเป็นคนแต่งสวนนี้หรือคะ” คนถามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสดใสหากแต่คนฟังต้องชะงัก
“ป่าว….ไม่ใช่ชั้น” แม้ไม่ได้ตั้งใจแต่ปลายเสียงยังคงห้วนเล็กๆ หากแต่อีกคนยังคงไม่ได้สังเกตเห็น
“ตอนแรกชั้นนึกว่าคุณแต่งมันซะอีก แต่คนแต่งก็เก่งจริงๆนะคะแต่งออกมาสวยเชียว”
ดวงตาคมเข้มแข็งกร้าวขึ้นมาทันใดหากแต่เพียงไม่นานมันกลับแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง ริมฝีปากบางที่ในระยะหลังเคยยกยิ้มบ่อยๆเม้มแน่นเข้าหากัน คำพูดของเจสสิก้าทำให้หัวใจและความรู้สึกหวนถึงใครบางคน
ผู้หญิงที่มีดวงตาโค้งดั่งพระจันทร์เมื่อแย้มยิ้ม ผู้หญิงที่งดงามอ่อนหวานและทำให้เค้ามีความสุขเสมอเมื่อไม่ว่าเค้าและเธอจะอยู่หรือไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผู้หญิงที่เป็นกำลังใจ เป็นแสงสว่าง เป็นรอยยิ้ม เป็นเสียงหัวเราะ เป็นความสุข เป็นความรัก เป็นหัวใจ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคิมแทยอน
ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของหัวใจของเค้ามาตลอดตั้งแต่เมื่อแรกพบกัน…….
ความเงียบของอีกคนทำให้หญิงสาวต้องหันกลับไปมองคนที่นั่งข้างกันอีกครั้ง ดวงตาหวานที่เคยสดใสสลดลงเมื่อพบแววตาของอีกฝ่าย เป็นอีกครั้งแล้วที่เธอเห็นแววตาเช่นนี้จากดวงตาคมเข้มคู่นั้น
แววตาที่ฉายแววของความเศร้าเสียใจ หมดหวัง และอ่อนแรง…..
หัวใจดวงน้อยของนักร้องสาวกระตุกขึ้นทันทีเมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาความคิดที่เธอไม่เคยคิดอยากจะนึกถึงมัน แต่ในครั้งนี้มันกลับวิ่งวนเข้ามาเหมือนกับพยายามยัดเยียดและผลักใสให้เธอต้องนึกถึงความจริงบางอย่าง
ความจริงที่ว่าคนๆนี้…….เค้ามีคนรักอยู่แล้ว
เจ็บ…
คือความรู้สึกที่เจสสิก้าสัมผัสได้ เธอไม่เคยคิดว่าเธอจะรู้สึกเจ็บถึงขนาดนี้และความรู้สึกนี้ก็ทำให้น้ำตาของเธอแทบจะไหลออกมาเธอ
“ขอโทษค่ะ ถ้าชั้น….ถามอะไรที่ไม่สมควรออกไป” หญิงสาวเอ่ยขอโทษอีกคนน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ
คำขอโทษของหญิงสาวข้างกายทำให้เค้ารู้สึกตัว ดวงตาคมเข้มมองคนที่ก้มหน้าอยู่ด้วยความรู้สึกแปลกในหัวใจเมื่อกี๊เค้ายังรู้สึกเจ็บปวดเพราะคิดถึงผู้หญิงอีกคน แต่ในตอนนี้เค้ากลับรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจขึ้นมามากกว่าเมื่อแววตาที่แสดงออกมาของผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเค้าตอนนี้
แววตาที่แสดงออกถึงความเสียใจ น้อยใจ และตัดพ้อในคราวเดียวกัน…
“เจสสิก้า…..” น้ำเสียงอ่อนๆเอ่ยเรียกชื่อของอีกคน
เพียงแค่เค้าหันกลับมามองเธอเพียงแค่เค้าเอ่ยเรียกชื่อเธอ น้ำตาที่กักเก็บไว้ก็พาลจะไหล ใบหน้าหวานเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าทำไม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ทั้งที่คิดว่าความรู้สึกทุกอย่างต้องใช้เวลา
ทั้งที่คิดว่าเธอและเค้าก็พึ่งเจอกันได้ไม่นานจนไม่คิดว่าจะทำให้ถลำตัว
หากแต่ในตอนนี้หญิงสาวกลับอยากที่จะร้องไห้เพียงเพราะรู้ว่าเค้ามีคนในใจ
แทยอนมองหญิงสาวที่เบือนหน้าหนีเค้าด้วยความรู้สึกบางอย่างในหัวใจ น้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นจากดวงตาหวานคู่นั้นทำให้เค้ารู้สึกเจ็บปวด ตลอดเวลาที่ผ่านทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นถึงแม้ว่าไม่รู้แน่ใจมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ความจริงแล้วเค้ารู้ตัวเองเสมอ ใบหน้าหวานๆ ท่าทางบ้าๆ สีหน้า แววตา หรือแม้กระทั่งเสียงโวยวายหนวกหูของอีกคนที่แม้พบกันครั้งเดียว
แต่เค้ากลับไม่ลืมเลือน
ทั้งที่ตลอดเวลาที่ 2 ปีที่ผ่านมามีผู้หญิงมากมายพยายามที่จะพาตัวเองมาข้องเกี่ยวเค้ากลับไม่ใส่ใจ แต่กับผู้หญิงคนนี้ทั้งที่พบกันแค่ครั้งเดียวและเนิ่นนานเป็นเดือนกว่าที่เค้าและเธอจะได้พบกันอีกครั้งแต่เค้ากลับจดจำเธอได้เสมอ แม้ว่าไม่ได้ตั้งใจจะจดจำหากแต่เค้าก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าทำไมถึงไม่เคยลืมจนวันที่เค้าและเธอได้มาพบกันอีกครั้ง
ภาพเจสสิก้าที่อยู่บนเวทีเค้ายังจำได้ดี
วันนั้นเธอคนนี้ทำให้เค้าไม่เป็นตัวของตัวเองจนเผลอทำอะไรที่ทำให้เพื่อนสนิทและรุ่นน้องแปลกใจถึงแม้จะพยายามไม่ใส่ใจและคิดว่าเค้าและเธอคงไม่มีทางที่จะได้พบเจอกันอีกเป็นครั้งที่สาม หากแต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้เค้าและเธอต้องมาข้องเกี่ยวกันทั้งๆที่ตัวเค้าก็ไม่เต็มใจ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ต้องเดินออกจากห้องทำงานมาเพื่อยืนดูอีกคนเข้าห้องของตัวเอง
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อยากรับฟังเรื่องราวของอีกคนจากรุ่นน้องคนสนิท
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เผลอยิ้มหรือหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางหรือการกระทำของอีกคน
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หัวใจเต้นแปลกไปจนไม่เป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่ใกล้เธอ
และไม่รู้ว่าเมื่อใดที่บาดแผลและความเจ็บปวดในใจค่อยๆจางหายเมื่ออยู่ใกล้ๆเธอคนนี้
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นเกิดขึ้นเมื่อใด
แต่เค้ารู้…….ว่ามันเป็นเพราะอะไร
รู้……หากแต่ยังไม่อยากยอมรับ
ทั้งที่บอกตัวเองตลอดมาทั้งที่ยังไม่อยากยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ทั้งที่คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมเปิดใจให้ใครหรือมอบความรักให้กับใครได้อีก แต่เพียงแค่เห็นว่าเจสสิก้ากำลังตกอยู่ในอันตราย เพียงแค่เห็นน้ำตาของเธอ เพียงแค่รู้ว่าเธอต้องตกไปเป็นของคนอื่นถ้าหากว่าเค้าปกป้องเธอไม่ได้ เพียงแค่นั้นหัวใจของเค้ากลับเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหว
และเพียงแค่นั้นเช่นกัน……ที่ทำให้เค้ายอมแพ้กับหัวใจของตนเอง
ยอมแพ้……ให้กับความรู้สึกที่ว่า
คิมแทยอน……คงหลงรักยัยนักร้องบ้าคนนี้เข้าให้แล้ว
.
.
.
มือนุ่มจับปลายคางคนที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นให้ค่อยๆหันกลับมา ก่อนที่จะใช้นิ้วเรียวเกลี่ยซับน้ำตาออกจากใบหน้าหวานเบาๆอย่างทะนุถนอม น้ำตาของเจสสิก้าทำให้แทยอนต้องพ่ายแพ้คงต้องยอมรับความรู้สึกของตัวเองสักที
มันคงถึงเวลาที่เค้าจะเปิดหัวใจอีกครั้ง และในครั้งนี้เค้าจะลองเปิดมันอีกครั้งให้กับเธอ…..ให้กับผู้หญิงที่ชื่อ จองเจสสิก้าคนนี้
.
.
.
.
ดวงตาหวานมองสบตาคนที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เธออย่างไม่เข้าใจ การกระทำอันอ่อนโยนของเค้าทำให้หัวใจของเธอรู้สึกหวั่นไหวและอบอุ่น หากแต่ว่าความรู้สึกบางอย่างในหัวใจกลับพยายามฉุดรั้งและเตือนสติไม่ให้เธอหลงไปกับความอ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่คอยย้ำเตือนว่าเค้าคงมีคนที่อยู่ในหัวใจอยู่แล้วทำให้นักร้องสาวเลือกที่จะเบือนหน้าหลบแววตาจากดวงตาคมเข้มคู่นั้น ใบหน้าหวานพยายามเบือนหนีจากมือนุ่มของอีกคนหากแต่ว่าหญิงสาวกลับทำไม่ได้เมื่อนิ้วเรียวนั้นรั้งเธอเอาไว้เบาๆ
“เธอร้องไห้ทำไม” น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมาอ่อนโยนจนทำให้หัวใจที่เคยพยายามจะหักห้ามความรู้สึกเอาไว้ต้องสั่นไหว
“ชั้นป่าว” เจสสิก้าตอบกลับอีกคนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกับก้มหน้าหลบแววตาที่มองมาจากดวงตาของเค้าคู่นั้น
แทยอนมองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับยกยิ้มบางๆ คำพูดและการกระทำของเจสสิก้ามันช่างขัดกันเหลือเกิน
“ชั้นไม่ชอบเห็นเธอร้องไห้ น้ำตาของเธอมันทำให้ชั้น…….เอ่อ ชั้น…..”
พูดออกไปแล้วแล้วกลับหยุดชะงักเมื่ออีกคนเงยหน้าขึ้นมามองสบตาด้วยแววตาไม่เข้าใจ หัวใจที่เคยแข็งแกร่งกลับเต้นระรัวด้วยความประหม่าเพียงแค่สบตาคนตรงหน้า
นานแล้วที่เค้าไม่เคยเป็นเช่นนี้
นานแล้วที่หัวใจไม่ได้รู้สึกว่ามันกำลังทำงานหนักและเต้นแปลกๆเพราะใครบางคน
“เอ่อ เอาเป็นว่าชั้นไม่ชอบเห็นเธอร้องไห้ก็แล้วกัน” พูดจบก็ส่งยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่ายพร้อมกับเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มใสนั้นไปด้วย
คำพูดและการกระทำของแทยอนกำลังทำให้เจสสิก้าไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆเค้าอ่อนโยนกับเธอทั้งที่ก่อนหน้านั้นแววตาของเค้ากลับแสดงความเจ็บปวด เป็นความเจ็บปวดที่ไม่ว่าใครก็ดูออกและรู้ได้ว่าเป็นเพราะเหตุผลใด แต่ในตอนนี้เค้ากลับมาแสดงท่าทางอ่อนโยนกับเธอ เจสสิก้าไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองไม่อยากคิดหวังสิ่งใด ถ้าเค้ายังมีคนในหัวใจเค้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้กับเธอ
หรือเป็นเพราะตัวตนที่แท้จริงของคนๆนี้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว…..อ่อนโยนกับผู้หญิงทุกคนหรือบางที………..จริงๆแล้วเค้าอาจจะแค่สงสารเธอ
ทุกสิ่งที่เค้าแสดงออกมามันคงไม่ใช่ความรัก แทยอนอาจจะแค่เผลอไผลเพราะความที่เราสองคนใกล้ชิดกัน
มันคงเป็นแค่นั้น……แค่นั้นจริงๆ
ริมฝีปากเรียวเม้มแน่นสนิทเมื่อคิดถึงความคิดของตัวเอง หรือบางทีเพื่อเป็นการป้องกันหัวใจของตัวเองเธอควรที่จะหยุดความรู้สึกนี้……ควรหยุดหัวใจของตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ แต่ชั้น……ไม่เป็นไรแล้ว” เจสสิก้าเอ่ยบอกบอกคนที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เธออยู่ พร้อมกับเบือนใบหน้าหวานหน้าออกจากนิ้วเรียวนั้นอย่างรวดเร็ว
ท่าทางและการกระทำของหญิงสาวทำให้แทยอนต้องถอนหายใจน้อยๆ เจสสิก้าก็ยังคงเป็นเจสสิก้ายังคงดื้อเหมือนเด็กๆ ไม่ต้องเอ่ยถามแต่แทยอนก็ยังพอเดาได้ว่าท่าทางแบบนี้หญิงสาวแสนดื้อคงกำลังคิดเองเออเองสรุปบางอย่างอยู่ในใจเป็นแน่
“ชั้นเคยมีคนรัก…….” คำพูดของแทยอนทำให้เจสสิก้าถึงกับชะงักค้าง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าคนพูดอย่างรวดเร็วด้วยความไม่เข้าใจ
“แต่สุดท้ายความรักของชั้นมันก็พังลง แต่นั่นมันผ่านมาตั้งสองปีแล้ว”
คนพูดยังคงพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา ก่อนที่ริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มเมื่อเห็นคนฟังมีท่าทางสนใจจนคิ้วเรียวสวยบนใบหน้าหวานนั้นขมวดน้อยๆ
“ชั้นยอมรับ….ว่ายังเจ็บปวดและเสียใจกับเรื่องราวที่ผ่านมา แต่ในตอนนี้ความเจ็บปวดนั้นมันเจือจางลงไปแล้ว เธอรู้มั๊ยว่าเพราะอะไร”
พูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้หญิงสาวข้างกาย ก่อนจะพูดต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกคนได้ตอบคำถามนั้น
“เพราะชีวิตที่เคยสงบสุขของชั้นมันถูกป่วนด้วยผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงบ้าที่ชั้นเผลอลากติดมือมาด้วยตอนที่อยู่นิวยอร์กเมื่อคราวนั้น ผู้หญิงบ้าที่ด่าชั้นว่าเป็นไอ้บ้าฆาตกรตั้งแต่เธอคนนั้นลืมตาขึ้นมา ผู้หญิงที่กล้าต่อปากต่อคำกับชั้น ผู้หญิงที่จู่ๆชั้นก็ต้องมารับผิดชอบชีวิตเธอผู้หญิงที่ลากชั้นขึ้นในสิ่งที่ชั้นเกลียดที่สุด ผู้หญิงบ้าๆที่ในตอนแรกชั้นไม่อยากสนใจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร………ใบหน้าและเรื่องราวของผู้หญิงคนนั้นถึงไม่หายไปจากความทรงจำสักที
แต่มัน…..ก็น่าแปลกนะ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นคอยแต่สร้างวุ่นวายให้กับชั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ความเจ็บปวดที่เคยมีเริ่มจางหาย และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่เช่นกันที่ชั้นกลับยิ้มและหัวเราะได้เพราะ……………เธอ”
คำพูดส่งท้ายถูกส่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนที่แทบจะไม่มีใครเคยได้เห็น หากแต่ในตอนนี้รอยยิ้มและแววตานั้นกำลังถูกส่งมาให้เธอ
คำพูดยาวๆน้ำเสียงนุ่มๆและแววตาที่อ่อนโยนนั้นทำให้เจสสิก้าต้องนิ่งค้าง ความรู้สึกที่มีกำลังตีกันอย่างยุ่งเหยิงวุ่นวายทั้งที่ในตอนแรกเธอเกือบจะโวยวายเค้าไปแล้วด้วยซ้ำที่เค้าบังอาจเรียกว่าผู้หญิงบ้า แต่คำพูดโวยวายทั้งหมดกลับถูกกลืนหายใจเพราะคำพูดต่อมาของเค้า
คำพูดที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว…….
คำพูดที่ทำให้ทำให้หัวใจที่ทำให้หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวต้องพองโต
คำพูดที่เหมือนเป็นการสารภาพความรู้สึกของเค้า…..ที่มีต่อเธอ
ใบหน้าสวยหวานขึ้นสีทันทีด้วยความเขินอาย คำพูดที่พึ่งจบไปไม่นานยังคงดังอยู่ในหัวใจและความรู้สึก ดวงตาหวานจับจ้องที่ใบหน้าอ่อนวัยของอีกฝ่ายพร้อมกับริมฝีปากเรียวสวยเผยอน้อยๆ
“คุณ….คุณ……สารภาพรักชั้นหรอ”
.
.
.
.
.
ดวงตาคมเข้มมองสบดวงตาหวานของอีกคนด้วยแววตาแน่วแน่ ถึงแม้คำถามของเจสสิก้ามันจะตรงจนทำให้คนถามต้องเผลออ้าปากค้าง แต่เจสสิก้าก็เป็นแบบนี้แหละเค้ารู้ดีถ้าไม่แปลกก็คงไม่ใช่เธอ และคงเพราะนิสัยแปลกๆของเธอแบบนี้นี่แหละที่ทำให้หัวใจที่เคยเย็นชาของเค้ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ดวงตาคมเข้มของเค้ายังคงมองเข้าไปในดวงตาหวานของหญิงสาว หากแต่ครั้งนี้มันกลับทำให้คนถูกมองยิ่งเขินอายมากขึ้นเมื่อริมฝีปากบางของเค้าค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา
รอยยิ้มอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ
รอยยิ้มที่ทำให้ต้องยอมรับกับตัวเองว่า……..
เธอได้ยกหัวใจของเธอให้กับคนๆนี้ไปหมดแล้วจริงๆ
แทยอนยังคงมองหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม ท่าทางผู้หญิงตรงหน้าเค้าคนนี้คงช๊อคไปแล้วแต่ก็นั่นแหละท่าทางของเธอมันช่างดูน่ารักเหลือเกินในสายตาของเค้า ไม่อยากคิดหาเหตุผลใดๆอีกแล้วว่าเป็นเพราะอะไรในเมื่อตอนนี้เค้าได้ตัดสินใจแล้ว
มือแกร่งที่เคยจับแต่อาวุธกุมมือบอบบางของอีกคนเบาๆ ใช่ว่าจะล่วงเกินหรือถือวิสาสะใดๆ หากเพียงแต่เค้าอยากให้เธอมั่นใจในสิ่งที่เค้ากำลังจะบอกกับเธอ
“สิ่งที่เธอถามเมื่อกี๊…ชั้นคงตอบเธอไม่ได้ แต่ชั้นคิดว่าเธอคงสามารถรู้ได้เองในสิ่งที่ชั้นกำลังจะบอกกับเธอ”
ดวงตาคมเข้มยังคงมองสบดวงตาหวานด้วยความแน่วแน่และมั่นคง ถึงแม้จะประหม่าและเขินอายแต่คิมแทยอนได้ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อรู้หัวใจตนเองก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะต้องปฏิเสธ
“ชั้นคงไม่สามารถเอ่ยคำหวานหรือเอ่ยคำพูดที่ทำให้เธอฟังแล้วรู้สึกดีได้ เพราะชั้น….ไม่ใช่คนที่จะพูดหรือแสดงออกอะไรในเรื่องแบบนี้ได้ดีนัก แต่สิ่งที่ชั้นได้พูดให้เธอฟังก่อนหน้านั้นมันเป็นความรู้สึกของชั้นที่มีต่อเธอจริงๆ ในตอนนี้เธออาจคิดว่าความรู้สึกของชั้นที่บอกเธอไปมันเร็วเกินไปในเมื่อเราก็พึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เธออย่าได้กังวล ชั้นจะไม่บีบบังคับความรู้สึกของเธอถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วหัวใจของเธอมันไม่ได้ตรงกับหัวใจของชั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชั้นอยากบอกให้เธอได้รับรู้เอาไว้
ว่าหากวันใดที่เธอพร้อมและเต็มใจให้ชั้นดูแล คิมแทยอนคนนี้จะดูแลเธอให้ดีที่สุดด้วยความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจที่ชั้นมี…….ความรู้สึกที่นับแต่นี้จะเป็นของเธอเพียงคนเดียว”
…….ไม่รู้ว่าน้ำตามันรินไหลออกมาเมื่อตั้งแต่เมื่อใดแต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้คิดจะเช็ดมันออกไป ดวงตาหวานยังคงจ้องมองใบหน้าของอีกคนผ่านม่านน้ำตา น้ำตาที่รินไหลออกมาด้วยความสุขในหัวใจ คำพูดที่หนักแน่นและแววตาที่มั่นคงของเค้าทำให้หัวใจเธอต้องยอมแพ้…….เวลาที่เคยขอกับตัวเอง ความรู้สึกที่เคยคิดจะไตร่ตรอง ในตอนนี้ ณ ขณะนี้คงไม่จำเป็นอีกแล้วเมื่ออีกคนได้มีหัวใจและความรู้สึกตรงกับเธอ
คงไม่ต้องรออะไรอีกแล้วในเมื่อตอนนี้หัวใจของเราทั้งคู่ได้ตรงกัน
ร่างบอบบางของนักร้องสาวโถมเข้าหาคนตรงหน้าทั้งน้ำตาพร้อมกับที่มือบางกอดรัดร่อีกคนไว้แน่น แทยอนโอบกอดคนที่พึ่งพุ่งเข้าหาเค้าพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ แม้ว่าหลังจากที่เค้าพูดจบหญิงสาวที่เค้าพึ่งสารภาพความรู้ไปจะไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ ที่แสดงว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อเค้าเป็นเช่นไร หากแต่การกระทำของเธอได้ทำให้เค้าได้รู้…….
เค้ารู้แล้วว่า………ในตอนนี้หัวใจของเค้าและเธอตรงกัน
อ้อมแขนแข็งแกร่งยังคงโอบกอดคนที่บัดนี้นั่งซุกหน้าร้องไห้อยู่ในอ้อมอกบนตักของเค้ามือนุ่มลูบผมยาวสลวยของอีกคนเบาๆอย่างทะนุถนอม โดยที่ริมฝีปากยังคงปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าที่เคยเรียบเฉยเย็นชา
อบอุ่น…
คือความรู้สึกที่แทยอนได้สัมผัส มันไม่เพียงแค่อบอุ่นที่กายหากแต่ความรู้สึกอบอุ่นนี้มันแผ่ขยายไปถึงหัวใจ……หัวใจที่เคยเย็นเยียบ หัวใจที่คิดว่ามันหยุดเต้นไปแล้วแต่ในตอนนี้มันกลับมีชีวิตชีวาเพราะคนที่เอาแต่ซุกหน้าในอ้อมกอด
“ร้องไห้อีกแล้วนะ ชั้นเคยบอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้เธอร้องไห้” แทยอนเอ่ยบอกคนในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ พร้อมกับเกลี่ยซับน้ำตาออกจากใบหน้าหวานด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาหวานเงยมองคนคนที่โอบกอดตนอยู่ก่อนจะต้องหลบตาของอีกคนลงอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย
“ชั้นร้องก็เพราะคุณนั่นแหละ” น้ำเสียงพึมพำเบาๆของคนในอ้อมกอดทำให้แทยอนต้องหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะสะดุ้งน้อยๆเมื่อถูกฝ่ามือของอีกคนฟาดเข้าที่หัวไหล่เบาๆ
“ตีชั้นทำไมสิก้า”
“แล้วคุณหัวเราะทำไมหละ” หญิงสาวเอ่ยเถียงทันควันทั้งๆที่ยังซุกหน้าอยู่ที่อกของอีกฝ่าย
“ชั้นหัวเราะ เพราะชั้นมีความสุข” คำพูดสั้นๆของเค้าทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าของอีกคนทันที
“เธอมีความสุขรึป่าว” ถามพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนให้ใบหน้าหวานๆของนักร้องสาวต้องขึ้นสีอีกครั้ง
“อ…..อื้ม”
“อื้มอะไร ชั้นไม่เข้าใจ” คำถามเจือเสียงหัวเราะของอีกคนทำให้คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาหลังตอบคำถามต้องตวัดสายตาขึ้นมามองคนที่กำลังกลั้นหัวเราะอีกครั้ง
“อื้มไง อื้ม”
“อื้มของเธอแปลว่าอะไรหละ ชั้นไม่รู้นี่” แทยอนพูดพร้อมกับยกยิ้มกวนๆให้คนที่ใบหน้าเริ่มจะงอง้ำ
“อื้มก็แปลว่าชั้นมีความสุข พอใจรึยัง!!” พูดจบก็สะบัดหน้าไปอีกทางให้คนมองอยู่ต้องหัวเราะ
“ชั้นดีใจที่เธอมีความสุข”
คำพูดสั้นๆของเค้าทำให้ริมฝีปากเรียวสวยของหญิงสาวต้องคลี่ยิ้ม ไม่ใช่แค่เค้ามีความสุข ในตอนนี้เธอก็มีความสุขเช่นกัน
แทยอนมองใบหน้าหวานๆของอีกคนด้วยรอยยิ้ม ในตอนนี้เค้ากำลังมีความสุข เป็นความสุขที่เค้าไม่เคยคิดว่าจะได้รับอีกครั้ง หัวใจที่เคยตายด้านเย็นชากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
และครั้งนี้เค้าจะใช้มันเพื่อปกป้องดูแลเธอคนนี้……..
…….จองเจสสิก้า………
หากแต่ริมฝีปากบางกลับแย้มยิ้มได้ไม่นานเมื่อความคิดนึกถึงความจริงอีกข้อหนึ่ง ใบหน้าที่เคยสดใสอย่างอารมณ์ดีกลับเคร่งเครียดลง ข้อเท็จจริงบางอย่างกำลังทำให้เค้ากังวล
คิมแทยอนเป็นมาเฟีย…
เค้าเป็นมาเฟีย…..และมันก็เสี่ยงและอันตรายเหลือเกินถ้าหากใครได้รู้ว่าเจสสิก้าเป็นคนรักของเค้า เค้าไม่ได้ห่วงตัวเอง…..ไม่เลย เค้าห่วงหญิงสาวคนนี้ต่างหาก ถ้าหากว่าทางฝ่ายที่เป็นศัตรูของเค้าได้รู้ว่าเจสสิก้าคือคนรักคือผู้หญิงของคิมแทยอน เธอคงต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่แท้
ไม่ใช่ว่าเค้าดูแลเธอไม่ได้ตรงกันข้ามเค้าจะดูแลเธอด้วยชีวิตทั้งหมดของเค้า
แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในอันตราย เพราะเค้ารู้ดีว่าศัตรูตัวฉกาจของเค้านั้นร้ายยิ่งกว่าที่คิด
ความเงียบของอีกคนทำให้เจ้าของใบหน้าหวานต้องมองกลับมา คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าอ่อนวัยนั้นเคร่งเครียดอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด และความเคร่งเครียดนั้นของเค้าส่งผลมาจนทำให้เธอสัมผัสได้
“เป็นอะไรไปคะ”
น้ำเสียงหวานๆที่ดังขึ้นทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดถึงกับสะดุ้ง ดวงตาคมเข้มมองสบตาแววตาสงสัยของอีกคน ก่อนที่เจ้าของใบหน้าอ่อนวัยจะสิ่งยิ้มบางๆและส่ายหน้าน้อยๆ
“ชั้นรู้ว่าคุณเป็นสีหน้าของคุณโกหกชั้นไม่ได้หรอก” คำพูดของหญิงสาวบนตักทำให้มาเฟียอย่างแทยอนต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ หากแต่ริมฝีปากนั้นยังคงยกยิ้มบางๆเช่นเดิม
“ปัญหาของคุณ ให้ชั้นได้รับรู้มันบ้างเถอะค่ะ ถ้ามันเกี่ยวกับชั้นถึงแม้ว่าชั้นจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ชั้นสัญญาว่าชั้นจะไม่สร้างปัญหาให้คุณเพิ่มแน่นอน”
พูดพร้อมกับทำหน้าจริงจังให้แทยอนถึงกับต้องหัวเราะออกมา แต่เจสสิก้าพูดจริง…..ถึงแม้ว่าเธอจะช่วยเค้าแบ่งเบาปัญหาไม่ได้แต่เธอสัญญาว่าเธอจะพยายามไม่เพิ่มปัญหาให้เค้าแน่นอน
แทยอนมองใบหน้าจริงจังจนคิ้วขมวดของอีกคน สีหน้าและท่าทางของเธอทำให้เค้าต้องหัวเราะ นี่คงเป็นเสน่ห์อีกอย่างของเธอที่เค้าค้นพบ เสน่ห์ที่ทำให้เค้าหัวเราะได้ไม่ว่าเค้าจะต้องพบเจอเรื่องกับเรื่องที่เคร่งเครียดและน่ากังวลเพียงใด
“ชั้นจริงจังค่ะ กรุณาอย่าหัวเราะ” พูดพร้อมกับตวัดสายตาเหวี่ยงใส่จนคนที่กำลังหัวเราะอยู่แล้วต้องหัวเราะดังขึ้นไปอีก ก่อนคนหัวเราะอยู่จะยกมือทำท่ายอมแพ้เมื่อเห็นสีหน้าที่เริ่มจะเหวี่ยงเต็มที่ของคนที่อยู่บนตัก
“เอาหละๆ ชั้นไม่หัวเราะแล้ว”ถึงแม้จะบอกออกไปอย่างนั้นหากแต่ปลายเสียงยังเจือหัวเราะนิดๆ ให้เจ้าของดวงตาหวานต้องตวัดสายตาใส่อีกครั้ง
“ไม่หัวเราะแล้วก็บอกมาสิ ว่าคุณเป็นอะไร”
คำถามของเจสสิก้าทำให้แทยอนต้องชะงัก ดวงตาคมเข้มมองใบหน้าหวานของหญิงสาวอีกครั้ง หากแต่การมองครั้งนี้มันกลับทำให้คนถูกมองต้องรู้สึกประหม่า เมื่อแววตาที่ถูกส่งออกมาจากดวงตาคมเข้มคู่นั้นมันไม่ได้แววหยอกล้อดังก่อนหน้านั้น หากแต่ในตอนนี้แววตาที่ถูกส่งออกมามันกลับดูเคร่งเครียดและกังวลแทน
“ชั้นเป็นห่วงเธอ” คำพูดสั้นๆของแทยอนทำให้คิ้วเรียวสวยของเจสสิก้าต้องขมวดน้อยๆ
“เป็นห่วงชั้น ทำไมคะ” ไม่มีคำตอบใดจากคนที่เธอเอ่ยถามๆ หากแต่เค้ากลับยกมือขึ้นมาลูบผมเธอเบาๆ เท่านั้น
“อย่าเป็นห่วงชั้นเลยค่ะ ชั้นดูแลตัวเองได้……ชั้นพูดจริงๆนะ”
หญิงสาวเอ่ยบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะเอ่ยยืนยันอีกครั้งให้เค้าได้สบายใจ เมื่อพบเห็นแววตาที่ยังคงฉายแววกังวลจากคนที่มองมา
“เธอไม่รู้หรือไง ว่าการเป็นคนรักของมาเฟียมันอันตรายและต้องเจ็บปวดขนาดไหน”
แทยอนเอ่ยบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจังหากแต่ปลายสายอ่อนลงเพราะความเป็นห่วงและกังวล
คำพูดของแทยอนทำให้เจสสิก้าต้องนิ่งค้าง คำพูดคำนั้นของเค้าบอกเรื่องราวและเหตุผลของทุกอย่าง เธอเข้าใจแล้วว่าเค้าเป็นทุกข์และกังวลเรื่องอะไร ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเคร่งเครียดและอันตราย หากแต่ริมฝีปากเรียวสวยกลับคลี่ยิ้มด้วยความสุขใจ
เพียงเพราะรู้ว่าเค้าเป็นห่วงเธอ……….
ในเมื่อตอนนี้เธอได้รู้ความกังวลใจของเค้าแล้ว เธอรู้ว่าเค้าเป็นห่วงเธอรู้ว่าเค้าคิดมากเพราะเธอ แต่เธอยากบอกเค้าเหลือเกินว่าเธอไม่เคยนึกกลัว ตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองหลงรักมาเฟียอย่างเค้าเธอก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว ถึงแม้ว่าวันข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรแต่เธอไม่เคยนึกกลัว
เพียงแค่มีเค้าอยู่ข้างๆ แค่มีแทยอน ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรเธอก็ไม่กลัวทั้งนั้น
คิดแล้วหญิงสาวก็คลี่ยิ้มน้อยๆให้คนตรงหน้าก่อนที่มือบางสองข้างจะยกขึ้นมาคล้องคอของอีกคนเอาไว้เอาไว้หลวม พร้อมกับริมฝีปากบางเอ่ยสิ่งที่ตัวเองคิดในใจให้เค้าได้ฟัง
“คุณรู้อะไรมั๊ยแทยอน ตั้งแต่ที่ชั้นรู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับคุณชั้นก็เตรียมใจไว้แล้ว แต่คุณรู้มั๊ยว่าไม่ว่าต้องเจอกับอะไรหรือเจอกับอันตรายแค่ไหนชั้นก็พร้อมที่จะเสี่ยงมันไปกับคุณ ขนาดชั้นที่บอบบางกว่าคุณยังไม่กลัว แล้วคุณจะกลัวอะไรคะ”
นักร้องสาวพูดพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานให้อีกฝ่ายต้องยกยิ้มตาม ก่อนจะตามมาด้วยคำพูดที่ทำให้ความเคร่งเครียดที่เคยมีต้องจางหายไปในทันใด
“แล้วคุณไม่รู้หรือไง ว่าเป็นคนรักของไอดอลอย่างชั้นมันก็อันตรายไม่แพ้กัน ไหนจะนักข่าวไหนจะแฟนคลับ แล้วยังปาปารัสซี่อีกเยอะแยะ เห็นมั๊ยหละแค่นี้เราก็อันตรายเท่ากันแล้ว”
เสียงหัวเราะดังขึ้นทันทีเมื่อเจ้าของใบหน้าหวานๆพูดจบ เจสสิก้าก็ยังเป็นเจสสิก้ายังคงทำให้แทยอนหัวเราะได้เสมอ ผู้หญิงที่มีความคิดแปลกๆหากแต่ความแปลกนั้นมันกลับสามารถทำให้เรื่องที่เคร่งเครียดกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยได้ นี่คงเป็นเสน่ห์อย่างอย่างของเธอที่เค้าคนพบ การมองเรื่องต่างๆในแง่ของเธอทำให้ชีวิตที่เคยเคร่งเครียดของเค้าลดความตรึงเครียดลง เหมือนๆกับการเข้ามาของเธอทำให้ชีวิตที่เคยมีแต่สีดำของเค้าเริ่มจะมีสีสัน
ดวงตาคมเข้มมองสบดวงตาหวานที่โค้งเล็กๆเพราะการหัวเราะ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะหยุดลงเมื่อเจ้าของดวงตาหวานคู่นั้นรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังถูกจ้องมอง ใบหน้าหวานๆของนักร้องสาวขึ้นสีทันทีเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้เธอและเค้าอยู่ในสภาพเช่นไร
ทั้งที่มือทั้งสองข้างของเธอยังคล้องอยู่ที่คอของเค้า
ทั้งใบหน้าของเราทั้งคู่ที่แทบจะชิดกัน
สถานการณ์ตอนนี้กำลังทำให้ทั้งเค้าและเธอต้องนิ่งค้าง
…..ดวงตาสองคู่มองสบตากันและกันอย่างลืมตัว……พร้อมๆกับที่ใบหน้าของคนสองคนค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันก่อนที่ดวงตาคู่หวานของนักร้องสาวจะปิดลงอย่างช้าๆ เพื่อรอรับสัมผัสอันอ่อนโยนของอีกคนที่เข้ามา
ท่ามกลางความงดงามของบรรดาพันธุ์ไม้หลากสีสันที่รายรอบ
ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นใจ
ริมฝีปากของคนสองคนค่อยๆเคลื่อนเข้าไปหากัน
ใกล้….จนปลายจมูกของคนทั้งคู่แทบจะแนบชิด
ใกล้....จน………..ได้ยินเสียงลมหายใจ
.
.
.
.
.
ใกล้……จน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
วู้!!!! สิก้า!!!!!! เจสสิก้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เรามา ย………..เยี่ยม……ชะอุ้ย!!!!! สงสัยจะเข้ามาผิดเวลา
นักร้องสาวร่างสูงของวงส่งยิ้มแห้งๆให้คนสองคนที่พึ่งดีดตัวออกจากกันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คนอีกห้าคนที่ตามมาทีหลังแต่บังเอิญทันเห็นช๊อตเกือบเด็ดจะหันมาส่งยิ้มแหยๆให้กับคนทั้งสองคนเช่นเดียวกัน
“เอ่อตามสบายนะคะคุณแทยอน ตามสบายเลยนะยัยสิก้า เดี๋ยวเราไปนั่งรอทางนู้นได้ ไม่ต้องรีบนะคะวันนี้เราอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน”
พูดจบลีดเดอร์ตัวเล็กก็รีบลากแขนคนรักและเพื่อนสาวขาแดนซ์ออกไปทันที ตามด้วยผู้จัดการสาวร่างท้วมที่ส่งยิ้มแห้งๆให้เจ้าของบ้านอีกครั้ง และปิดท้ายด้วยสองพี่น้องยูริและยุนอาที่ส่งรอยยิ้มและแววตาล้อเลียนให้คนทั้งคู่ก่อนจะรีบเดินออกไปเมื่อเห็นแววตาดุๆเจ้าของบ้านที่ส่งกลับมา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
RRRRRRRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขั้นในกระเป๋ากางเกงทำให้เจ้าของร่างสูงต้องคว้ามันออกมาดู ก่อนที่ใบหน้าสวยของยุนอาจะยกยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นรายชื่อว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา นิ้วเรียวสไลด์ปุ่มรับสายพร้อมกับเอ่ยทักปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใส
“ว่าไงยัยตัวยุ่งคิดถึงพี่หละสิถึงโทรมา”
“แหมๆๆ พี่ยุนแซวเล่นหน่อยเดียวเองทำไมต้องดุกันด้วย รู้หรอกน่าว่าเราคิดถึงใคร”
ยุนอายังคงพูดกับปลายสายอย่างอารมณ์ดีก่อนจะต้องตาเหลือกร้องดังลั่นบ้านเมื่อได้ยินคนที่อยู่ปลายสายพูดบางอย่างก่อนจะวางสาย
“เป็นไรยุน ร้องอย่างกับบ้านจะแตก” น้ำเสียงเรียบๆของคนเป็นพี่เอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นคนเป็นน้องวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นๆ
“แตกแน่พี่ยูล บ้านแตกแน่ๆหละคราวนี้”
“ทำไม?”
“ก็พรุ่งนี้…..ซอจู กำลังจะมาเกาหลีหนะสิ”
คำพูดของยุนอาทำให้ยูริชะงักไปทันที หัวใจที่เคยเต้นเป็นปกติกลับเต้นรัวเมื่อได้ยินยุนอาเอ่ยชื่อคนที่เค้าเป็นห่วงขึ้นมา หากแต่เหนือสิ่งอื่นใดดวงตาคมกลับมองไปยังทิศทางที่คนสองคนกำลังเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วงมากกว่า
สงสัยงานนี้บ้านคงจะแตกอย่างที่ยุนอาว่าจริงๆซะแล้ว
TBC.
กราบสวัสดีรีดเดอร์หลังจากที่หายไปนานค่ะ วันนี้ไม่พูดมากเอาแค่ “อ่านแล้วคอมเม้นให้กันบ้างนะคะ” ^^
ความคิดเห็น