คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ....................
Chapter 9 ………………….
“เป็นไงหละทีนี้ ชั้นเคยบอกเธอแล้ว……งานนี้เธอติดลบตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ ฟานี่!!!”
ซันนี่บ่นขึ้นมาอย่างหัวเสียเมื่อได้ยินเรื่องราวจากเพื่อนสาวคนสนิทเธอเองก็ไม่รู้จะสงสารเห็นใจหรือสมน้ำหน้าเพื่อนสาวคนนี้ดี เธอเคยเตือนทิฟฟานี่ไปแล้วแต่แม่เพื่อนสาวตัวดีก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันบ้างหละไม่ได้คิดอะไรบ้างหละแล้วเป็นไงหละทีนี้ เมื่อวานหลังจากที่เธอสองคนแยกกันไม่ถึงชั่วโมงแม่เพื่อนสาวตัวดีก็รีบโทรศัพท์หาเธอด้วยน้ำเสียงอย่างกับคนที่กำลังจะร้องไห้บอกแต่เพียงว่าให้เธอช่วยๆ ตัวเธอเองก็นึกว่าแม่เพื่อนสาวเป็นอันตรายอะไรหรือว่าโดนผู้บริหารหนุ่มหน้าหล่อลากเข้าโรงแรมรึไงแต่ปล่าวเลย กลับกลายเป็นว่าแม่นางเอกสาวไปเจอคุณหมอคิมแทยอนควงแขนไปทานข้าวกับนางแบบสาวหน้าหวานเจสสิก้าเท่านั้นเอง เท่านั้นยังไม่พอทิฟฟานี่ยังโทรปลุกเธอตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อให้เธอมาหาที่คอนโดเธอถึงได้มายืนอยู่ในห้องหรูต้องแต่ยังไม่เก้าโมงดีด้วยซ้ำ
“โธ่ ซันนี่….ชั้นไม่ได้คิดอะไรกับคุณนี่จริงๆนี่นา และชั้นก็ไม่คิดด้วยว่าจะเจอแทแทที่นั่นด้วยนี่” ทิฟฟานี่พูดพร้อมกับทำหน้าจะร้องไห้ให้เพื่อนสาวได้ส่ายหัวอีกครั้ง
“แทแท….?” ซันนี่ถึงกับงงเมื่อได้ยินสรรพนามใหม่ที่นางเอกสาวใช้เรียกคนหมอตัวเล็กคนนั้น
“เลิกงงก่อน ตอนนี้เธอต้องช่วยชั้นว่าชั้นจะทำไงดีถึงจะได้เจอแทแทอีกครั้งอ่า….ชั้นจะให้เค้าเข้าใจผิดแบบนี้ไม่ได้นะ ง่า…..แบบนี้แทแทก็ยิ่งเกลียดชั้นหนะสิ ชั้นควรทำไงดี ชั้นควรทำไงดี ชั้นควรทำไงดี……” ทิฟฟานี่พูดพร้อมกับเดินวนไปวนมาคล้ายคนใกล้เสียสติก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบบโซฟาหรูอย่างคนไร้เรี่ยวแรง
“โอ๊ยนี่ หยุดเดินก่อนได้มั๊ยชั้นปวดหัวจะแย่แล้ว” ซันนี่อดแหวเพื่อนสาวคนสวยด้วยความโมโหไม่ได้เมื่อเห็นอาการนั้น
“ถ้าเธออยากเจอเค้า เธอก็ไปหาเค้าแต่….ชั้นแนะนำให้เธอเคลียตัวเองซะก่อนเข้าใจมั๊ยฟานี่”
“อยากเจอก็ไปเจอหรอ?” นางเอกสาวขบริมฝีปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะผุดยิ้มออกมาและลุกขึ้นยืนทันทีก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์กระเป๋าเงินและกุญแจรถแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง….
“เดี๋ยวฟานี่!!! นั่นเธอจะทำอะไรแล้วเธอจะไปไหน” ซันนี่ร้องทักเสียงดังด้วยความตกใจ
“ไปโรงพยาบาลไง?” ทิฟฟานี่หันมาส่งยิ้มให้เพื่อนสาวอีกครั้ง….คำตอบที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวสวยนั้นถึงกับทำให้ซันนี่ต้องอ้าปากค้างไปนานก่อนจะพูดออกมายาวเหยียดให้คนที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องต้องหยุดฟังอีกครั้ง
“ไปโรงพยาบาล ตอนนี้นี่นะ โอ๊ยเธอจะบ้ารึไงฟานี่ เธอคิดว่าเธอไปแล้วเธอจะได้เจอเลยรึไง คุณหมอแทยอนเค้าเป็นศัลยแพทย์นะไม่ใช่แพทย์ทั่วไป…ถ้าเธอไม่ขาหักไส้ติ่งอักเสบรถชนหรือป่วยเป็นอะไรหนักๆเธอจะได้เจอเค้ารึไง!!!!”
“ชั้นก็….เคยเจ็บข้อเท้าไง (ถึงแม้ตอนนี้จะหายแล้วก็เถอะ)” นางเอกสาวทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบเพื่อนสนิทออกไป
“โอ๊ยๆๆๆๆ ชั้นอยากจะบ้าตายกับเธอ………เฮ้อ เอางี้นะชั้นถามเธอหน่อยสิ ถ้าเธอไปโรงพยาบาลแล้วเธอเจอเค้าจริงๆ เธอจะทำยังไงเธอจะพูดอะไรกับเค้า” ซันนี่พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจพร้อมกับส่ายหัวเบาๆอีกครั้ง
“…………………………..”
“ว่าไงหละ?”
คำถามที่ออกมาจากเพื่อนสาวทำให้ทิฟฟานี่ต้องหยุดคิดอีกครั้ง นั่นสินะถ้าเธอเจอแทยอนจริงๆเธอจะทำยังไงเธอจะพูดอะไร ให้เดินเข้าไปแก้ตัวเลยก็คงไม่ได้เค้าจะฟังเธอรึป่าวก็ไม่รู้แล้วอีกอย่างเค้ากับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วด้วย หรือถึงเค้าจะอ่อนโยนและรับฟังเธอแต่เค้าจะคิดยังไงหละเค้าไม่คิดว่าเธอบ้าหรือไงกัน……ใจหนึ่งก็อยากจะไปเจอหน้าคุณหมอตัวเล็กอีกครั้งแต่อีกใจก็ยังคงลังเลด้วยหาเหตุผลที่จะไปหาไม่ได้….แต่ดูเหมือนความคิดแรกจะมีอิทธิพลต่อจิตใจมากกว่าปากเรียวสวยจึงตอบออกไปอย่างที่ใจคิดทันที
“ไม่รู้สิ ไปเจอก่อน…เจอแล้วค่อยคิด” พูดแล้วเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปทันทีก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“และเธอ…..ต้องไปเป็นเพื่อนชั้น”
.
.
.
.
.
.
ภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังบรรยากาศคราคร่ำไปด้วยผู้ป่วยที่เดินทางมารับการรักษาพยาบาลกันตั้งแต่เช้าหมอและพยาบาลต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขัน…ก่อนที่สายตาเกือบทุกคู่จะหยุดมองสาวสวยสองคนที่กำลังเดินเข้ามายังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล….คนหนึ่งสวยขาวมีออร่าแม้ใบหน้าสวยจะถูกบดบังด้วยแว่นดำขนาดใหญ่แต่ก็พอมองออกว่าคงเป็นดาราไม่อย่างนั้นก็เป็นนางแบบสักคนแน่ อีกคนตัวเล็กกว่าแต่หน้าตาก็ดูดีทีเดียว
“……เอ่อ ขอโทษนะคะชั้นมาพบคุณหมอแทยอน…..คุณหมอแทยอนอยู่ไหมคะ” นางเอกสาวถามประชาสัมพันธ์สาวที่กำลังทำหน้าที่ตรงนั้นออกไปทันทีที่เดินมาถึง
“อ…เอ่อ….คุณหมอแทยอนน่าจะราวน์วอร์ดเช้าอยู่คะ…แต่คงใกล้เสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ ดิชั้นจะได้เรียนคุณหมอได้ถูก” ประชาสัมพันธ์สาวพูดอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อยด้วยอาการไม่ทันตั้งตัว
…..ก่อนที่นางเอกสาวจะกล่าวอะไรออกไปก็รู้สึกถึงแรงสะกิดของเพื่อนสาวตัวเล็กเมื่อหันหลังกลับไปเพื่อจะถามกลับต้องอึ้งและอ้าปากค้างเล็กน้อยเมื่อสายตามองเห็นใครบางคนที่กำลังยืนคุยกับผู้ป่วยสูงวัยด้วยรอยยิ้ม……..เสื้อกาวน์สีขาวซึ่งสวมทับเสื่อเชิ๊ตสีฟ้าอ่อนดูเข้ากันกับกางเกงแสลคสีดำเข้ารูป หูฟังที่ใช้ตรวจโรคพาดอยู่บนบ่าเล็ก รอยยิ้มอ่อนโยนที่ประดับอยู่บนใบหน้าเรียวที่ดูอ่อนวัยทุกสิ่งทุกอย่างล้วนทำให้คุณหมอตัวเล็กคนนั้นดูดี มีเสน่ห์มากถึงมากที่สุดและดึงดูดสายตาของผู้พบเห็นให้อดมองด้วยความหลงใหลไม่ได้….ทิฟฟานี่ค้างไปทันทีกับภาพนั้น เธอเคยเห็นตอนที่เค้าใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงแสลคเท่านั้นแต่ไม่เคยเห็นเค้าในเครื่องแบบคุณหมอมาก่อน ความดูดีของเค้านั้นทำให้ใบหน้าของนางเอกสาวร้อนผ่าวขึ้นมารู้สึกเหมือนว่าเลือดถูกสูบฉีดขึ้นไปบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว….สายตาเรียวสวยยังคงมองภาพนั้นนิ่งค้างก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวและหันมามองด้านข้างอย่างรวดเร็วเมื่อมีเสียงกรี๊ดและเสียงพูดคุยจากพยาบาลสาวสองคนที่อยู่ไม่ไกลดังขึ้นมา
“กรี๊ดดด คุณหมอแทยอนอะเธอ..ดูสิวันนี้ก็ยังคงดูดีเหมือนเดิม”
“นั่นสิๆ ดูรอยยิ้มสิ ชั้นชอบเวลาที่คุณหมอยิ้มที่สุดเลยอะ ชักอยากเป็นคนป่วยในความดูแลของคุณหมอบ้างแล้วสิ”
“ใครๆก็อยากมาให้คุณหมอแทยอนตรวจทั้งนั้นแหละเธอ เป็นชั้นๆก็อยากนะ” พูดพร้อมกับหัวเราะคิกคักให้นางเอกสาวสวยได้เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
.
.
.
“เอ่อ….คุณคะ คุณ….คุณได้นัดคุณหมอแทยอนไว้รึป่าวคะ พอดีคุณหมอแทยอนไม่ได้ประจำที่ห้องตรวจโรคทั่วไปคะ…ถ้าคุณจะ……” ประชาสัมพันธ์สาวยังพูดไม่ทันจบประโยคดีก็ต้องอึ้งค้างเมื่อเห็นสาวสวยตรงหน้ากำลังเดินตรงไปหาคุณหมอตัวเล็กอย่างรวดเร็ว
“ใครหนะเธอ หน้าคุ้นๆนะเหมือนเคยเห็นที่ไหน” ประชาสัมพันธ์สาวพูดกับเพื่อนที่ทำหน้าที่อยู่ข้างๆก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจอีกครั้ง
“น…นั่น…คุณทิฟฟานี่ฮวังนี่”
.
.
.
.
เรียวขาสวยก้าวอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาของคุณที่กำลังมองมาเธอรู้ว่าหลายคนจำเธอได้แต่เธอไม่สนใจความสนใจทั้งหมดอยู่ที่คุณหมอตัวเล็กตรงหน้าเท่านั่น…ไม่นานนางเอกสาวก็มาหยุดยืนตรงหน้าคุณหมอตัวเล็กที่กำลังทำหน้าแปลกใจไม่น้อยเมื่อพบเธอ
“สวัสดีคะ คุณหมอแทยอน”
“ค…คุณทิฟฟานี่?”
.
.
.
.
คิมแทยอนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของตนเองที่นั่งอยู่ตรงข้ามของเค้าคือนางเอกสาวสวยทิฟฟานี่ฮวังที่เมื่อห้านาทีก่อนจู่ๆก็มาโผล่ตรงหน้าของเค้าพร้อมกับทำท่าทีเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง…เค้าไม่เข้าใจเลยว่าเธอจะมาที่นี่ทำไม ถ้ามาแค่ตรวจร่างกายเธอสามารถพบหมอคนอื่นได้ แต่นี่เหมือนกลับเธอจงใจเดินเข้ามาหาเค้า….และเพราะสายตามากมายของคนที่อยู่แถวนั้นทั้งผู้ป่วยพยาบาลแม้กระทั่งหมอบางคนที่เริ่มมองอย่างอยากรู้อยากเห็นและสงสัยทำให้เค้าต้องเชิญเธอเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัว….โดยที่เจ้าตัวเข้ามาเพียงคนเดียวส่วนผู้จัดการสาวร่างเล็กขอตัวออกไปเดินเล่นรอบๆ
“คุณทิฟฟานี่มีอะไรหรือป่าวคะถึงมาที่นี่ได้” คุณหมอตัวเล็กกล่าวออกไปด้วยเสียงเรียบๆ
“เอ่อ….คือ……”
“คุณมาที่นี่เพราะมีธุระอะไรกับชั้นรึป่าวคะ หรือว่าต้องการขอคำปรึกษาเรื่องการรักษาพยาบาลด้านใดรึป่าวคะ”
“….เอ่อ….ไม่ใช่คะ….ช…ชั้นตั้งใจมาพบคุณ” ริมฝีปากเรียวสวยตัดสินใจพูดออกไปหลังจากนั่งเกร็งเพื่อหาคำตอบอยู่นาน…..และคำพูดนั้นทำให้คุณหมอตัวเล็กนิ่งค้างไปทันที
“ถ้าคุณไม่ได้ตั้งใจมาพบชั้นเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์แล้วคุณ…มาพบชั้นเรื่องอะไรคะ”
น้ำเสียงที่นิ่งสนิทพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกว่าผู้พูดกำลังอยู่ในอารมณ์ใดทำให้นางเอกสาวที่เคยมีความมั่นใจในตัวเองสูงเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเหงื่อเริ่มซึมน้อยๆตามฝ่ามือ…เธอแค่คิดจะมาเจอเค้าถึงแม้ว่ามีเรื่องที่จะพูดมากมายแต่ก็พูดไม่ออกยิ่งเจอใบหน้านิ่งๆและน้ำเสียงเรียบๆยิ่งทำให้ความมั่นใจที่เคยหดหายแทบจะไม่เหลือ….ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
“…………………”
“ถ้า..คุณไม่มีเรื่องอะไร ชั้นขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ” คุณหมอตัวเล็กลุกขึ้นยืนพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไป
“แทแท….เดี่ยวก่อน”
คำที่ออกจากปากเรียวสวยนั้นทำให้คิมแทยอนต้องชะงักค้างใบหน้านิ่งอึ้งไปทันทีริมฝีปากเม้มแน่นสนิทดวงตามองกลับไปยังไปหน้าด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยอย่างรวดเร็วพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง
“แทแท” น้ำเสียงที่ใช้เรียกชื่อคนตรงหน้าสั่นน้อยๆอย่างคนที่กำลังกลั้นก้อนสะอื้น แค่เพียงเพราะคนตรงหน้าเฉยชาใส่เธอและกำลังจะเดินหนีเธออีกครั้งก็ทำให้นางเอกสาวคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นเมื่อแปดปีก่อนสมองยังไม่ทันได้กลั่นกรองคำพูดที่จะออกมาแต่ความรู้สึกกลับสั่งให้เธอพูดคำนั้นเพื่อที่จะรั้งคนตรงหน้าไว้….ชื่อที่ไม่ได้เรียกเมื่อนานแสนนาน….และมันดูเหมือนจะได้ผลเมื่อคนตรงหน้าหยุดค้างและยังไม่เดินไปไหนแต่สิ่งที่ทำให้เธอแทบร้องไห้คือสายตายแข็งกร้าวที่เธอเห็นเพียงชั่วครู่ก่อนที่เค้าจะพยายามปรับเปลี่ยนมัน….ความเงียบเกิดขึ้นทันทีระหว่างนั้น…คนสองคนซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกันกำลังจมหายไปกับความคิดของตนเอง คนหนึ่งกำลังคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นและอยากที่จะอธิบายแต่อีกคนหนึ่งกำลังคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นพร้อมกับความเจ็บปวด…..
“แทแท…ฟานี่ขอโท….”
"ขอโทษคะ ชื่อนั้นชั้นเอาไว้ให้คนสำคัญเรียกเท่านั้น และชั้นคิดว่าเราสองคนพึ่งจะเจอกันไม่นาน….ชั้นคิดว่าเรา…ไม่สนิทกันพอที่คุณจะเรียกชั้นแบบนั้น” คุณหมอตัวเล็กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิทอีกครั้ง สายตาที่เคยอ่อนโยนอยู่เสมอกลับกลายเป็นเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“แล้วอีกอย่าง….เราพึ่งรู้จักกันคุณจะมาขอโทษชั้นเรื่องอะไร” น้ำเสียงที่เคยนิ่งและเรียบแปลเปลี่ยนเป็นกดเน้นคำพูดเมื่อผู้พูดกำลังพยายามกดอารมณ์ให้เป็นปกติ
ทิฟฟานี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยเธอกำลังพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลกับคำพูดและท่าทีของคนตรงหน้าน้ำเสียงที่เย็นชาและท่าทีเรียบเฉยทำให้เธอพูดไม่ออก เธอจะรู้สึกดีกว่านี้และกล้าพูดอะไรออกมามากกว่านี้ถ้าเค้ามีท่าทีโกรธเกรี้ยวใส่เธอเพราะอย่างน้อยก็แสดงว่าเค้ายังจดจำเรื่องของเราได้ แต่เพราะถ้าทีที่แสนเย็นชานั้นกลับทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก…..ความรู้สึกภายในกำลังสับสนหมดใจหนึ่งบอกให้ยอมถอยออกมาก่อนแต่อีกใจเตือนให้เดินหน้าเมื่อโอกาสมาถึงแล้วอย่าปล่อยให้โอกาสต้องหลุดมืออีก…..
.
.
.
“ถ้าคุณไม่มีธุระกับชั้นแล้วก็เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ ชั้นขอตัวไปตรวจ……”
“ชั้นแค่อยากมาพบคุณ…ชั้นรู้ว่าคุณจำชั้นได้ มีเรื่องราวมากมายที่ชั้นอยากบอกคุณถึงแม้ว่าคุณจะลืมมันไปแล้วหรือไม่อยากรับฟังมันก็ตาม แต่ชั้นอยากบอกคุณว่าในเมื่อโชคชะตาทำให้เราได้เจอกันอีกครั้ง ชั้นก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องทำพลาดอีก….ชั้นจะไม่ปล่อยให้อะไรๆต้องสายเกิดไปอีกแล้ว และชั้นจะไม่ปล่อยให้……….คุ…….คนสำคัญ………ต้องเดินหายไปจากชีวิตอีกแล้ว”
ริมฝีปากเรียวสวยพรั่งพรูทุกอย่างออกมาทันทีเมื่อตัดสินใจได้น้ำเสียงที่พูดนั้นสั่นเล็กแต่หนักแน่นมั่นคงดวงตาเรียวงามมองจ้องไปที่ใบหน้าของคุณหมอร่างเล็กที่กำลังนิ่งค้าง….สายตาสองคู่ที่กำลังมองกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง คนหนึ่งมองจ้องอย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยวและมั่นคงว่าจะไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมืออีกครั้ง แต่อีกคนหนึ่งกำลังจ้องมานิ่งอึ้งอย่างไม่เข้าใจและสับสนในคำพูดและการกระทำของคนตรงหน้านั้น…..สายตาสองคู่ยังคงมองค้างกันอยู่อย่างนั้นก่อนที่คุณหมอตัวเล็กจะหลบสายตาพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น
“ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้วก็เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ เพราะชั้นต้องไปทำงานแล้ว…และอีกอย่างคุณก็ทำชั้นเสียเวลามามากแล้ว”
คุณหมอร่างเล็กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆพร้อมทั้งมองดูคนตรงหน้าด้วยแววตาเฉยชาอีกครั้ง….การกระทำนั้นทำให้นางเอกสาวต้องขบริมฝีปากแน่นและลุกขึ้นยืนทันทีทิฟฟานี่หันหลังกลับและเดินออกไปจากห้อง ขาเรียวงามหยุดชะงักที่หน้าประตูเล็กน้อยใบหน้าสวยหันกลับมาหาคุณหมอร่างเล็กอีกครั้งริมฝีปากเรียวสวยแย้มยิ้มก่อนที่จะเอ่ยคำพูดบางคำแล้วเดินออกไปจากห้องทันที…คำพูดที่ทำให้คนฟังต้องนั่งนิ่งค้าง
“และอีกอย่างที่ชั้นอยากบอกคุณนะคะคุณหมอคิมแทยอน….ไม่ว่ามีเรื่องอะไร..ชั้นก็จะไม่ถอยอีกแล้ว….ชั้นจะไม่ปล่อยให้อะไร..อะไรหลุดมือชั้นไปอีกแล้ว”
.
.
.
ใบหน้าที่เคยนิ่งค้างของคุณหมอร่างเล็กเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยทันทีที่นางเอกสาวออกไปจากห้อง ริมฝีปากบางขบกันแน่นแววตาที่เคยสับสนหลังจากได้ยินประโยคสุดท้ายของนางเอกสาวแปรเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าวและเรียบเฉยก่อนที่จะปิดมันลงพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น แผ่นหลังเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานช้าๆ ปล่อยให้สมองได้คิดทบทวนในสิ่งที่ได้ฟังและสิ่งที่เคยได้เห็น……..ภาพของทิฟฟานี่กับชายหนุ่มรูปหล่อเมื่อวานยังติดอยู่ในความทรงจำ เค้าไม่เข้าใจในเมื่อทิฟฟานี่เองก็มีคนรักอยู่แล้วเธอจะมาทำแบบนี้กับเค้าอีกทำไม….หรือเธอกำลังเล่นสนุกอะไรอยู่…ดวงตาเรียวค่อยๆลืมขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับแววตาหม่นหมองเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองคิดได้
……....เธอไปท้าเรื่องของชั้นกับใครมาอีกหละ ทิฟฟานี่…………..
.
.
.
คิมแทยอนนั่งเหม่อลอยและยังคงจมอยู่กับความคิดของตนเองในห้องทำงานยังดีที่วันนี้เค้าไม่มีเคสผ่าตัดคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแย่หากตนเองต้องทำการผ่าตัดด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติ เสียงถอนหายใจดังออกมาจากริมฝีปากสวยเป็นรอบที่เท่าใดเจ้าตัวก็ไม่อาจนับได้ ก่อนที่เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นจะดึงสติที่ยังไม่ค่อยจะสมบูรณ์ให้กลับมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูหน้าห้องพักแพทย์ถูกเคาะรัวๆก่อนที่เปิดออกในทันที ไม่ทันที่เจ้าของห้องจะเอ่ยอนุญาตผู้มาใหม่ทั้งสองก็เข้ามานั่งบนโซฟาในห้องพักแล้ว แทยอนเหลือบตามองพร้อมกับเอ่ยทักผู้มาใหม่ทั้งสองก่อนที่ก้มหน้าลงบนโต๊ะอีกครั้งแล้วแกล้งทำเป็นทำงานต่อโดยไม่สนใจสีหน้าที่กำลังแสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ของคุณหมอสองพี่น้องที่กำลังมองมา
“ว่าไง แกสองคนว่างแล้วหรือถึงมาหาชั้นที่ห้องได้”
“แกไม่ต้องมาถามชั้นแทยอน แกบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าคุณทิฟฟานี่มาหาแกทำไม” ยูริพูดพร้อมกับหรี่ตามองเพื่อนตัวเล็กอย่างจับผิด
คำถามจากยูริทำให้แทยอนต้องละสายตาจากงานที่ (แกล้ง) ทำตรงหน้าก่อนที่จะถอนหายใจอีกครั้ง เค้ารู้ดีว่าการที่จู่ๆนางเอกสาวดาวรุ่งมาถามหาเค้าถึงโรงพยาบาลแล้วยังอาการรีบเดินเข้ามาหาเค้าอย่างรวดเร็วเมื่อพบหน้าต้องสร้างความสงสัยให้กับผู้คนที่พบเห็นและคงเอาเรื่องนี้ไปพูดกันทั้งโรงพยาบาลแน่แท้……นางเอกสาวคนดังที่ไม่เคยย่างกลายเข้ามายังโรงพยาบาลแห่งนี้แต่วันนี้กลับมาปรากฏตัวพร้อมกับถามหาคุณหมอตัวเล็กทั้งที่ก่อนนี้ไม่ได้มีสันญาณใดๆที่บ่งบอกว่าคนทั้งคู่รู้จักกัน เป็นใครก็คงสงสัย……
“…………………”
“หรือว่า……นอกจากพี่จะกิ๊กกับนางแบบแล้วพี่ยังกิ๊กกับนางเอกด้วย!!” ยุนอาพูดพร้อมกันทำตาโตด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่จะต้องทำหน้าเหยเกทันทีเมื่อพบกับสายตาเย็นเฉียบที่กำลังมองมา
“ยุนแค่แซวเล่นเองอ่า พี่แททำไมต้องโกรธด้วย”
คุณหมอตัวเล็กถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะพยามยามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ชั้นกับเค้าเราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวและที่เค้ามาวันนี้ก็แค่แวะหาเท่านั้น”
“แล้วทำไมต้องแวะมาหาแกทั้งๆแกก็บอกเองว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว?”
“ชั้นเคยรักษาข้อเท้าให้เค้า….แล้วอย่าถามว่าวันไหนเพราะขี้เกียจจะเล่า วันนี้เค้าผ่านแถวนี้และรู้ว่าชั้นทำงานอยู่ที่นี่เลยเข้ามาให้ชั้นเช็คซ้ำให้เท่านั้น”
คุณหมอตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องที่สลักสำคัญอะไรก่อนที่จะทำเป็นก้มหน้าก้มตาทำงานของตนต่อไปโดยไม่สนใจสายตาของคุณหมอสองแสบที่ยังคงมองอย่างจับผิด
“แค่นั้น?” ยูริยังคงถามขึ้นอย่างอดใจไม่ได้
“ก็แค่นั้น แกคิดว่ามีอะไรอีก” น้ำเสียงที่ดังขึ้นแสดงถึงความหงุดหงิดของผู้พูดอย่างเห็นได้ชัดนั่น
“อ…เอ่อไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรน่า แกอย่าพึ่งหงุดหงิด พวกชั้นแค่แปลกใจเลยมาถามดูอ่า”
ควอนยูริรีบพูดแก้ตัวอย่างรวดเร็วก่อนที่เพื่อนของตนเองจะโกรธขึ้นมา เค้ารู้ดีว่าถึงคนๆนี้จะอบอุ่นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ถ้าได้หงุดหงิดหรือโกรธขึ้นมาละก็…..บรึ๋ย ยูลไม่อยากจะคิด
คุณหมอตัวเล็กเหลือบตามองเพื่อนอีกครั้งก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“….แกสองคนมาหาชั้นเพราะจะถามเรื่องที่ได้ยินมาหรือจะชวนไปกินข้าวเที่ยง”
“อ…เอ่อ ทั้งสองอย่างอะพี่แท”
“งั้นก็ไปกันได้แล้วชั้นหิว” คุณหมอตัวเล็กพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้องก่อนที่สองพี่น้องตัวแสบจะคิดได้แล้วรีบลุกตามกันไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย แท / พี่แท รอกันด้วยสิ”
.
.
.
.
.
.
“แทคะ เป็นอะไรรึป่าว”
เสียงหวานที่เอ่ยทักขึ้นทำให้แทยอนรู้สึกตัวก่อนที่ส่ายหัวช้าๆแล้วส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคนตรงหน้า….เจสสิก้ามองหน้าคนตัวเล็กตรงหน้าอีกครั้ง วันนี้หลังจากที่เธอเลิกงานและแทยอนไม่มีเคสผ่าตัดใหญ่และเคสผ่าตัดเร่งด่วนเธอสองคนก็มาทานข้าวเย็นด้วยกันอีกครั้งตามปกติเมื่อต่างคนต่างมีเวลาว่าง เธอสังเกตว่าแทยอนเหม่อลอยและเงียบขรึมถึงแม้เค้าเองจะยังมีน้ำเสียงและรอยยิ้มที่อ่อนโยนส่งมาให้เธอเสมอ….แม้จะมีคำถามอยู่ในใจแต่เธอก็ไม่อยากซักไซ้ไล่เลียงเค้าให้เค้าต้องรู้สึกอึดอัดหากเค้าอยากพูดออกมาเค้าก็คงจะพูดออกมาเอง ตอนนี้เธอคงทำได้เพียงเก็บข้อสงสัยของตัวเองไว้เท่านั้น
“แทไม่เป็นไรแน่นะคะ ถ้าแททำงานเหนื่อยนักก็พักบ้างนะคะ สิก้าเป็นห่วง” น้ำเสียงอ่อนหวานและสายตาที่ห่วงใยถูกแสดงออกมาให้คนตรงหน้าได้รับรู้ถึงความรู้สึกภายในจิตใจ….
…..แทยอนมองใบหน้าสวยหวานของคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนที่จะยิ้มบางๆ ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ดีกับเค้าทุกอย่าง ไม่เคยทำให้เค้าเสียใจเลยสักครั้ง คอยเป็นห่วงเป็นใยและอยู่เคียงข้างเค้าเสมอ ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เค้าควรจะคิดถึงให้มากและตอบแทนความรู้สึกของเธอ เค้ารู้ว่าเจสสิก้าไม่เคยเรียกร้องหรือเร่งรัดอะไรให้เค้าต้องรู้สึกอึดอัด เค้าเองก็รู้สึกพิเศษกับผู้หญิงคนนี้ผู้หญิงคนที่สองที่เค้าเกิดความรู้สึกแบบนี้ด้วยแต่ก็เป็นเพราะเค้าเองยังไม่กล้าและหวาดกลัวที่จะยอมรับสถานะเพราะรอยแผลที่เกิดขึ้นในอดีตและเจสสิก้าเองก็รู้ถึงข้อนี้ดี ทำให้สถานะของเค้าและเธอตอนนี้เป็นแค่คนพิเศษที่เข้าใจกันเท่านั้นและเค้าเองก็ไม่อยากที่จะทำให้เธอต้องเสียใจไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม……แทยอนสลัดภาพนางเอกสาวและเหตุการณ์เมื่อเช้าออกไปจากสมองเค้าไม่เข้าใจในจุดประสงค์ที่เธอทำและนั่นทำให้เค้าเก็บมาคิดจนเหม่อลอยทั้งวันให้คนตรงหน้าได้เป็นห่วงและตอนนี้เค้าต้องเลิกคิดได้แล้วผู้หญิงคนนั้นไม่สำคัญสำหรับเค้าเท่าคนตรงหน้านี้ สายตาที่แสดงถึงความห่วงใยและกังวลทำให้เค้าต้องยิ้มออกมาน้อยๆ
…….มือเล็กเอื้อมไปกุมมือเรียวสวยไว้หลวมๆพลางลูบที่หลังมือนั้นเบาๆ รอยยิ้มและน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนถูกส่งไปให้หญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“สิก้าไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องเป็นห่วงแทนะคะ แทแค่ทำงานเหนื่อยแค่นั้นเองเดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องกังวลนะคะ”
“แล้วอีกอย่าง ถึงแทจะไม่ดูแลตัวเองแทก็รู้ว่ายังไงสิก้าก็ต้องดูแลแทอยู่แล้ว สิก้าคงไม่ปล่อยให้แทโทรมเป็นซอมบี้เดินได้หรอกใช่มั๊ยคะ”
น้ำเสียงที่พูดกลั้วหัวเราะน้อยๆ พร้อมกับทำหน้าตาล้อเลียนคนฟังอย่างอารมณ์ดี นั่นทำให้คนที่กำลังมีสีหน้ากังวลต้องหัวเราะตามไปด้วยก่อนที่ทั้งโต๊ะจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นอ่อนโยนที่คนทั้งสองมีให้แก่กัน
.
.
.
.
.
……..ใช่ ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ต่างหากที่เค้าควรจะดูแลและมอบความรู้สึกให้ไม่ใช่คนอื่น……..
TBC.
ความคิดเห็น