ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก สัญญามาเฟีย (TaeNy x TaengSic)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 57


    Chapter  5

     

     

    “ไม่ค่ะ!! ”         

     
     

    จองจินโมถอนหายใจยาวทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากผู้เป็นลูกสาว ความจริงเค้าก็นึกรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวคนโตของเค้าต้องตอบเช่นนี้  คงจะไม่แปลกอะไรนักเป็นใครก็คงตกใจและปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้วเมื่อจู่ๆจะต้องไปอยู่กับคนที่ตัวเองไม่รู้จัก

     

     

    แต่เรื่องนี้มันอันตรายเกินไป!!  และคนที่จะปกป้องดูแลลูกสาวของเค้าได้ก็มีเพียงแค่ คิมแทยอนคนเดียวเท่านั้น

     

     

    ไม่ใช่ว่าใจง่ายยกลูกสาวให้ใครก็ไม่รู้ไปดูแล หากแต่จองจินโมได้คิดและไตร่ตรองอย่างดีแล้วเพียงแต่สิ่งที่เค้าคิดไว้อาจจะไม่ถึงขั้นที่เป็นอยู่นี่เท่านั้นเอง  ในตอนแรกเค้าเพียงขอร้องคิมกรุ๊ปให้ช่วยเหลือเค้าในเรื่องของธุรกิจเพียงเท่านั้น ไม่เคยคิดเลยว่าผู้บริหารสูงสุดของคิมกรุ๊ปคนนี้จะต้องเข้ามาช่วยเหลือเรื่องภายในครอบครัวของตนเอง  หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดกับลูกสาวคนโตและเพราะท่าทีบางอย่างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นมาเฟียอย่างคิมแทยอนที่มีต่อลูกสาวของตนเองเค้าคงจะไม่ตัดสินใจง่ายๆเช่นนี้

     

     

    “สิก้าไม่ไปค่ะ ยังไงก็ไม่ไป!!  อยู่ๆคุณพ่อก็จะให้สิก้าไปอยู่กับใครก็ไม่รู้แบบนี้ได้ยังไงไว้ใจได้รึป่าวก็ไม่รู้ ไม่เอาค่ะ!!  สิก้าไม่ตกลง!! No way”         

     

     

    คำปฏิเสธหัวชนฝาจากบุตรสาวทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดาต้องมองตากันอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะพากันเหลือบมองไปยังบุคคลที่พึ่งถูกเอ่ยถึงด้วยแววตาที่แสดงถึงความเกรงใจและลำบากใจ 

    บุตรสาวคนโตของพวกเค้าเป็นคนหัวดื้อและเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็กเรื่องนี้สองสามีภรรยาตระกูลจองรู้เป็นอย่างดี  แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และอันตรายเกินไป หากสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงเรื่องของธุรกิจเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่น่าหวั่นใจมากนัก แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น…….

     

    เหตุเพราะจองกรุ๊ปคือบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีที่รับขนส่งและนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศทางทะเล จึงไม่น่าแปลกใจนักที่บรรดาบริษัทน้อยใหญ่ต่างๆในเกาหลีจะเลือกใช้บริการของจองกรุ๊ปในการรับส่งสินค้าของบริษัทตนเองจากต่างประเทศ รวมไปถึงธุรกิจต่างๆในเครือตระกูล อ๊ค เช่นเดียวกัน

     

     

    และมันคงจะไม่เป็นปัญหาเลย…..หากว่าสิ่งของที่ตระกูลอ๊คจ้างวานบริษัทของเค้าให้นำเข้ามาจะไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย

     

     

    จะว่าจ้างวานคงจะไม่ถูกนักเรียกว่าข่มขู่บังคับให้ช่วยเหลือจะถูกกว่า  เพราะรู้ดีว่าธุรกิจในต่างๆรวมไปถึงคนในตระกูลนี้เป็นเช่นไร ทำให้จองจินโมตัดสินใจที่จะปฏิเสธและไม่ให้ความช่วยเหลือตามที่ทางฝ่ายนั้นเสนอมาแม้ว่าค่าตอบแทนจะเป็นเงินหลายพันล้านวอนก็ตาม และเพราะเหตุนี้เองทำให้ จองกรุ๊ป ต้องเกิดปัญหาและอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย……..

     

     

    เสี่ยงอันตรายทั้งกับธุรกิจและ……ครอบครัว

     

     

    เค้ารู้ดีว่าอ๊คแทคยอนไม่ได้ต้องการเพียงกิจการของจองกรุ๊ป หากแต่ต้องการมากกว่านั้น

     
     

    อ๊คแทคยอนพึงใจและต้องการครอบครองลูกสาวคนโตของเค้า…….จองเจสสิก้า

     

     

    และนั่นทำให้สองสามีภรรยาตระกูลจองหวั่นเกรง  ในตอนแรกทั้งคู่คิดว่าความต้องการนั้นเป็นเพียงคำขู่ที่อ๊คแทคยอนยกมาขู่เค้าเท่านั้น  คนทั้งคู่ไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะกล้าทำเช่นนั้นจริงจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ในวันนี้

     

    หากเป็นคนอื่นหรือบริษัทอื่น…….จองจินโมก็คงจะจัดการปัญหาได้ไม่ยากเพราะความยิ่งใหญ่และเส้นสายของบริษัทตนเองก็มีไม่แพ้ใคร  แต่ในตอนนี้คนที่เค้ามีปัญหาด้วยคือ อ๊คแทคยอน แห่งตระกูลอ๊ค  ตระกูลผู้มีอิทธิพลที่ทำธุรกิจมืดทุกอย่างที่แม้แต่ตำรวจเกาหลีเองยังไม่กล้าแตะต้อง  เพราะเหตุนี้เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและบริษัทเค้าจึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลที่มีอิทธิพลและมีอำนาจมากกว่าอย่างตระกูลคิม  ถึงแม้จะรู้ว่าตระกูลคิมก็มีธุรกิจบางอย่างที่ดำมืดไม่แตกต่างกันอย่างน้อยเค้าก็รู้ว่า  คิมแทยอน  คนนี้เป็นคนตรงคนจริงและดีพอทำให้เค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจ

     

    และอย่างน้อยๆ การเข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลหรือได้ร่วมทุนกับบริษัทในเครือคิมกรุ๊ปก็ทำให้ครอบครัวและบริษัทของเค้าปลอดภัย  เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อาจต่อกรกับตระกูลคิมได้แม้แต่อ๊คแทคยอนก็ตาม

     

     

    แต่สิ่งที่ทำให้จองจินโมคาดไม่ถึงก็คือ  เค้าไม่คิดว่าจะได้พบกับท่านประธานแห่งคิม  กรุ๊ปรวดเร็วเช่นนี้ เพราะขั้นตอนการขอความช่วยเหลือและเข้าร่วมทุนกับคิมกรุ๊ปยังอยู่ในขั้นที่บริษัทเค้าเองพึ่งส่งเอกสารต่างๆไป  แต่สิ่งที่ทำให้เค้าตกใจยิ่งกว่าก็คือท่านประธานแห่งคิมกรุ๊ปคนนั้นมาพร้อมกับลูกสาวคนโตของเค้าเอง  และนั่นคือการตัดสินใจทั้งหมดของเค้าในวันนี้  ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจมากก็ตามเมื่ออยู่ๆ คิมแทยอนก็เสนอตัวว่าจะปกป้องและคุ้มครองลูกสาวของเค้าให้เอง

     

    อย่างที่บอกไปแล้ว……ไม่ใช่ว่าเค้าใจง่ายยกลูกสาวให้คนที่ไม่รู้จักดูแลได้ง่ายๆ  หากแต่เพราะความรู้สึกบางอย่างความรู้สึกที่เค้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่ความรู้สึกนั้นบอกเค้าว่า

     

     
     

    เจสสิก้าจะปลอดภัยอย่างที่สุด เมื่ออยู่ภายใต้ความคุ้มครองของคิมแทยอน

     

    .

    .

    .

    .

     

    “ไม่ค่ะสิก้าบอกแล้วว่าไม่ไป ก็คือไม่ไป!!  โถ่พ่อคะสิก้าโตแล้วไม่ใช่เด็กๆจะต้องมีผู้ปกครองคอยดูแล แล้วไหนจะงานของหนูอีกหละคะ เราพึ่งคัมแบ็คได้เดือนกว่าเองยังไม่หมดช่วงโปรโมตด้วยซ้ำแล้วแถมจะต้องทำงานทุกวันอีก  ให้สิก้ากลับไปอยู่คอนโดของบริษัทเถอะนะคะแล้วสิก้าสัญญาว่าสิก้าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดไม่ให้พ่อต้องเป็นห่วง นะคะๆ พ่ออย่าให้สิก้าไปอยู่กับไอ้….เอ๊ย คุณคิมแทยอนเลยนะคะ”

     

    นักร้องสาวอ้อนบิดาไปด้วยดวงตาหวานก็เหลือบไปจับจ้องไปที่ใบหน้าใสๆของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามไปด้วย  เธอไม่เข้าใจเลยว่าคนที่นั่งตีหน้านิ่งๆคนนี้ต้องการอะไรและเพราะอะไรเค้าถึงเสนอตัวที่จะเข้ามาปกป้องคุ้มครองเธอเช่นนี้ หันไปหาบิดาก็ได้รับคำตอบเดิมๆ

     
     

    เธอจะปลอดภัยที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้ความคุ้มครองของคิมแทยอน

     

    แล้งไงหละปลอดภัยปลอดภัยจากอะไรปลอดภัยจากใคร?ก็ไม่มีใครอธิบายให้เธอเข้าใจสักคน แล้วแบบนี้จะให้ยอมรับข้อตกลงบ้าๆได้ยังไง

     

     

    แทยอนมองคนเป็นลูกสาวที่กำลังออดอ้อนเกาะแขนพ่อตัวเองเหมือนเด็กๆด้วยความขบขัน  มาเฟียชื่อดังกระตุกยิ้มเล็กๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉยเกือบไม่ทันเมื่อบังเอิญคนที่กำลังออดอ้อนพ่อของตัวเองอยู่เกิดหันมาสบตาพอดี  ความจริงเค้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเลยเถิดถึงขนาดต้องรับอุปการะดูแลแม่ไอดอลสาวคนนี้  แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องราวทุกอย่างเป็นเช่นนี้ไปแล้ว

     

     


    เค้าก็แค่เพียง……..ปิดช่องโหว่และทำทุกอย่างเพื่อคิมกรุ๊ปเท่านั้น

     
     

     

    ถูกแล้วเค้าทำทุกอย่างก็เพื่อคิมกรุ๊ปรวมไปถึงการที่เสนอตัวที่จะปกป้องคุ้มครองผู้หญิงคนนี้ด้วย  เพราะเรื่องยุ่งๆที่ทำให้เค้าต้องบินมาจัดการด้วยตัวเองถึงเกาหลีก็คือเรื่องของตระกูลอ๊ค ตระกูลผู้มีอิทธิพลที่ทำธุรกิจมืดของเกาหลี ตระกูลที่กำลังท้าทายอำนาจและขัดผลประโยชน์กับตระกูลคิม ผลประโยชน์ที่เกี่ยวกับธุรกิจทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายเช่นเดียวกัน

    เค้ารู้ดีว่าอ๊คแทคยอนต้องการครอบครองธุรกิจของจองกรุ๊ปเพื่ออะไร  และถ้าหาก     แทคยอนครอบครองจองกรุ๊ปได้เมื่อใดธุรกิจของคิมกรุ๊ปที่เกาหลีจะมีปัญหาทันที  และเพราะเหตุนี้เค้าจึงต้องทำทุกทางเพื่อปิดช่องโหว่ทุกทางที่จะทำให้อ๊คแทคยอนได้จองกรุ๊ปไป รวมไปถึงวิธีที่ต้องเอาลูกสาวคนโตของจองจินโมมาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตัวเอง

     

     

    เพราะแทยอนรู้ดีว่าหากเจสสิก้าตกไปอยู่ในมือของอ๊คแทคยอน  ประธานจองกรุ๊ปอย่างจองจินโมต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับความปลอดภัยของลูกสาวตนเองเป็นแน่

     
     

    มาเฟียชื่อดังกระตุกยิ้มกับความคิดของตนเองถึงแม้ว่าจะต้องทนรำคานไปหน่อยแต่อย่างน้อยมันก็ปลอดภัยต่อคิมกรุ๊ปของเค้า

     
     

    อย่าคิดว่าเค้าจะเก็บยัยนักร้องบ้าคนนี้เอาไว้นาน  ไว้จัดการตระกูลอ๊คเสร็จเมื่อไหร่เค้าจะรีบส่งแม่นักร้องสาวคนนี้กลับคืนทันที

     

    .

    .

    .

     

     

    “แค่สามเดือน”   

     
     

    คำพูดสั้นๆจากคนที่นั่งตีสีหน้าเรียบเฉยทำให้ครอบครัวจองทั้งสามหันกลับมาทางต้นเสียงพร้อมกับสีหน้าไม่เข้าใจทันที

     

     

    “แค่สามเดือน ที่เธอต้องไปอยู่กับชั้น  แล้วหลังจากนั้นเมื่อชั้นจัดการเรื่องยุ่งๆนี้เสร็จเมื่อไหร่ เธอก็จะเป็นอิสระทันที”

     

    คำอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบๆทำให้หญิงสาวที่ทำหน้ายุ่งอยู่เริ่มเข้าใจ  ถึงจะบอกว่าเข้าใจแต่ก็ใช่ว่าเจสสิก้าจะยอมรับ แค่สามเดือนไม่สิตั้งสามเดือนที่เธอต้องไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ถึงแม้ว่าจะเพื่อความปลอดภัยของเธอเองก็เถอะ  แม้ว่าจะยังหวาดกลัวและตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นไม่หาย…….แต่ให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่ได้รู้จักตั้งสามเดือนเธอไม่เอาหรอก  โดยเฉพาะกับคนๆนี้

     
     

    เหอะ!!   ใช้ชีวิตอยู่กับคิมแทยอน เจสสิก้าไม่อยากจะคิด อยู่กับคนน่าหมั่นไส้ไร้อารมณ์วันทั้งวันคงไม่ต้องทำอะไร คงได้แต่ทะเลาะกันจนไม่เค้าก็เธอหละที่ตายกันไปข้างนึง

     

     
     

    “แล้วทำไมชั้นต้องไปอยู่กับคุณ”        

     

    น้ำเสียงห้วนๆพร้อมกับอาการของคนพูดที่ตีหน้าไม่พอใจกับไอ้ท่ายกมือขึ้นมากอดอกแบบเด็กๆทำให้คนถูกถามเกือบที่จะหลุดยิ้มออกมา คิมแทยอนปรับสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามด้วยคำตอบที่ทำให้คนต้องนิ่งอึ้ง

     
     

     

    “งั้นเธอก็เลือกเอาเองแล้วกันว่า ไปอยู่กับชั้นอย่างปลอดภัยหรือจะไปอยู่กับอ๊คแทคยอนที่ไม่มีใครรับรองได้ว่าเธอจะปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น ร่าง-กาย  หรือ จิตใจ”

     

    พูดไม่พูดป่าวคนพูดยังส่งสายตามองไปทั่วเรือนร่างของหญิงสาวเพื่อเน้นคำว่าร่างกาย ให้คนถูกมองต้องหน้าขึ้นสีเล่นๆ  เจสสิก้าถลึงตามองกลับคนพูดด้วยใบหน้าที่ยังขึ้นสีแดงระเรื่อ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเค้าหมายถึงอะไรก็ในเมื่อคำพูดและสายตาของเค้าบ่งบอกชัดเจนซะขนาดนั้น

     
     

     

    “แต่ชั้นต้องทำงาน”          ถึงแม้ว่าเริ่มเข้าใจแต่ก็ยังยากที่จะยอมรับง่ายๆ ไปอยู่กับเค้าแล้วเธอจะทำยังไงหละ งานของเธอมันกำหนดตายตัวชัดเจนเหมือนคนอื่นซะที่ไหน

     

     
     

    “เธอก็ทำของเธอไปตามปกติ ก็แค่ให้ผู้จัดการของเธอไปรับไปส่งเธอที่บ้านชั้นก็เท่านั้น อ่อแล้วอีกอย่าง  เพื่อความปลอดภัยของเธอชั้นจะให้ยุนอาตามไปดูแลเธอด้วยก็แค่นั้นเอง”   

     
     

    หญิงสาวอ้าปากค้างทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆจากคนตรงหน้า  แค่นั้นมันแค่นั้นตรงไหน แล้วเธอจะบอกเพื่อนๆกับผู้จัดการของเธอว่ายังไง แล้วไหนจะยัยผู้หญิงที่ยืนฉีกยิ้มกว้างนั่นอีก จะให้ตามติดไปดูแลเธอด้วยเนี่ยนะ ไปยังไง? ไปแบบไหน? ไม่เอาหรอกแบบนี้เธอไม่ตกเป็นข่าวหรือเป็นที่สงสัยหรอกรึ พวกนักข่าวหรือไม่ก็แฟนคลับคงได้สงสัยตายหรือไม่คงมีพาดหัวข่าวตัวโตๆ

     

     
     

    นักร้องสาวคนสวยชื่อดังควงหญิงสาวหน้าตาสวยกว่าไปด้วยกันทุกที่……..บลาๆๆๆๆ

     

     

    โฮยยยยยย เจสสิก้าไม่อยากจะคิด

     

     

    “ไม่เอา!!”     คำตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ทำให้คนฟังต้องกระตุกคิ้วน้อยๆ

     

     

    “ทำไม”      น้ำเสียงเกือบห้วนไม่แพ้กันถามออกไปทันทีกึ่งไม่เข้าใจกึ่งหงุดหงิดเล็กๆ

     
     

    “ก…..ก็  ถ้าคุณให้คนของคุณไปกับชั้นทุกที่ชั้นก็เป็นข่าวเสียหายหนะสิ”     

     
     

    คำตอบของนักร้องสาวทำให้คิมแทยอนต้องอ้าปากค้าง  เหอะ!!  ยัยบ้านี่ห่วงชื่อเสียงของตัวเองมากกว่าความปลอดภัยของตัวเองซะอีก แต่ก็นั่นแหละเค้าคิดไว้อยู่แล้วปัญหาแค่นี้ทำไมคนอย่างคิมแทยอนจะจัดการไม่ได้

     

     

    หึ!!  เค้ามีเรื่องมากมายที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องตกใจอีกเยอะ

     

     
     

    “คิดว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็กลัวเป็นข่าวนี่เอง”     คำพูดเรียบๆแต่ฟังขัดหูทำให้คนฟังต้องหันมาตีหน้าเหวี่ยงใส่คนหน้าตายเล็กๆ ด้วยความไม่สบอามรณ์

     

     
     

    “เรื่องนั้นอย่าห่วงไปเลยค่ะคุณเจสสิก้า เพราะชั้นจะเข้าไปคุ้มครองคุณในฐานะผู้จัดการอีกคนของวง ^^  ”     คำตอบสบายๆของหญิงสาวอีกคนทำให้เจสสิก้าต้องอ้าปากค้างทันที

     

     

    ห๊ะ!!   อะไรนะ!!  ผู้จัดการวงอีกคน?   เหอะ!!  เจสสิก้าอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง แต่คิดอีกทีอย่าดีกว่าเธอไม่อยากใส่ฟันปลอมแล้วอีกอย่างฟันของเธอก็สวยดีอยู่แล้วด้วย ว่าแต่เธอคิดถึงไหนแล้วนะ?   อ่อถึงยัยนี่บอกจะไปเป็นผู้จัดการวงของเธอ นี่เธออยากรู้จริงๆว่าสามคนนี่คิดว่าการเข้าเป็นผู้จัดการวงไอดอลชื่อดังมันเป็นกันง่ายๆขนาดนั้นเชียว  นี่บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีเชียวนะ  ไม่ใช่บริษัทเล็กๆที่ใครจะเข้าจะออกก็ทำได้ง่ายๆ แล้วแถมอีกอย่าง ท่านประธานของเธอคงยอมลงทุนจ้างผู้จัดการอีกคนอยู่หรอกงกซะขนาดนั้นหึ!! 

     
     

    ถ้าคิดว่าตัวเองทำได้ก็ลองทำดู

     

    คิดแล้วริมฝีปากบางๆของนักร้องสาวก็เหยียดยิ้มให้คนที่นั่งตรงข้าม  คิมแทยอนกระตุกยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นสีหน้าและรอยยิ้มของหญิงสาว ถ้าเค้าเดาไม่ผิดเจสสิก้าคงกำลังยิ้มเยาะเย้ยเค้าอยู่เป็นแน่  แต่ก็นั่นแหละเค้าเคยบอกไปแล้วไม่มีอะไรที่คนอย่างคิมแทยอนจะทำไม่ได้

     

    นิ้วเรียวของคนเป็นนายกระดิกสองสามทีรุ่นน้องคนสนิทก็ส่งโทรศัพท์เครื่องหรูให้เจ้านายทันทีอย่างรู้กัน  ก่อนที่มือจะกดเลขหมายสิบหลักที่จำได้ขึ้นใจแล้วกดโทรออกทันที

     

    เจสสิก้าหรี่ตามองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเบิกตากว้างและอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำทักทายและเสียงที่ปลายสายที่คุ้นเคยเล็ดลอดออกมา

     

     
     

    “สวัสดีพี่ฮีชอล  ชั้นเองนะ”

     

     

    “อ่าใช่ตอนนี้ชั้นอยู่เกาหลี…….พอดีมีเรื่องจะให้พี่ช่วยนิดหน่อย……………….

     

     

    “ใช่…………….ขอบคุณมาก แล้วเจอกัน บาย”

     

    เจสสิก้าอ้าปากค้างตลอดเวลาที่คนตรงหน้ายังคงพูดโทรศัพท์ ถ้าเธอได้ยินไม่ผิดเสียงที่โต้ตอบกลับมาคือเสียงของท่านประธานบริษัทของเธอ แล้วคนๆนี้กับท่านประธานของเธอไปรู้จักกันได้ยังไงแถมยังคุยกันสนิทสนมแบบนั้นอีก แล้วแถมถ้าเธอเดาไม่ผิดตอนนี้ผู้หญิงที่ชื่อยุนอาคนนั้นคงได้เป็นผู้จัดการของเธอไปเรียบร้อยแล้ว

     

     

    ….ไอ้บ้านี่น่ากลัวเกินไป…….

     

     

    คิมแทยอนมองใบหน้าคนที่ทำท่าเหมือนจะช๊อคไปแล้วด้วยรอยยิ้มเยาะๆ  แค่นี้ถึงกับช๊อคไปเลย บอกแล้วว่าคนอย่างคิมแทยอนไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

     
     

    “ฮึ!!   นี่ชั้นยังไม่ได้บอกเธอรึไงว่าชั้นกับประธานบริษัทของเธอ เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่เคยเรียนด้วยกัน”

     

     

    ช๊อค!!      บอกได้คำเดียวว่าช๊อคนักร้องสาวคนสวยไม่รู้ว่าจะหาคำพูดหรือคำนิยามใดๆให้กับคนตรงหน้าได้อีก เป็นมาเฟีย เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายมหาศาล เป็นคนที่พ่อและแม่ของเธอรู้จักแล้วยังจะมาเป็นรุ่นพี่รุ่นพี่รุ่นน้องกับท่านประธานบริษัทของเธออีก 

     

     

    แล้วนี่!!   เกิดอยู่ๆด้วยกันไปคนนี้จะเป็นอะไรได้อีกหละเนี่ย  เจสสิก้าไม่อยากจะคิด

     

     

    “เอาหละ ปัญหาของเธอมีแค่นี้ใช่มั๊ยถ้ามีแค่นี้ตอนนี้เธอก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว”    

     

     คำว่า ไปเตรียมตัว ทำให้นักร้องสาวคนสวยที่ยังคงนิ่งค้างหันหน้ากลับไปมองคนพูดทันทีด้วยความไม่เข้าใจ

                                     

     
     

    “อ……เอ่อ สิก้า นี่พ่อยังไม่บอกลูกหรือว่าลูกต้องไปอยู่กับคุณคิมวันนี้”          คำบอกเล่าของผู้เป็นบิดาทำให้หญิงสาวต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

     
     

     

    “อ….อะไรกัน ไปวันนี้เนี่ยนะคะ!!

     

     
     

    โอ๊ยยยยยย  เจสสิก้าอยากจะกรี๊ดดดดดดดด  ยังค่ะ!! คุณพ่อที่รัก ยังเลยค่ะ!! คุณพ่อยังไม่บอกหนูแม้แต่นิดเดียวเลยมาบอกตอนนี้คือกะว่ามัดมือชกกันเลยใช่มั๊ยคะ?

     

     
     

    “เพื่อความปลอดภัยของหนูนะลูก”

     

    เสียงอ่อนๆของผู้เป็นมารดาทำให้คนที่ตั้งท่าจะอาละวาดให้บ้านแตกมีท่าทีอ่อนลงไปเกือบจะทันที  ดวงตาสวยหวานมองหน้าผู้เป็นมารดาพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆอย่างไม่ยอมรับ

     

    เธอพึ่งจะกลับบ้านได้แค่คืนเดียวเองนะ  นานๆถึงจะมีเวลาได้กลับบ้านสักทีแล้วนี่อะไร อยู่ๆก็ถูกใครก็ไม่รู้มาพรากเธอไปจากครอบครัว คิดแล้วก็อยากหาอะไรไปฟาดหัวไอ้นายอ๊คแทคยอนนั่นจริงๆ ช่างหาเรื่องให้เธอแท้ๆ

     

    เมื่อนึกถึงชื่อตัวปัญหาหญิงสาวก็ฉุกคิดขึ้นมา พ่อกับแม่ของเธอบอกว่าเธอจะไม่ปลอดภัย แล้วน้องสาวของเธอหละคริสตัลจะไม่เป็นอันตรายหรือรวดเร็วเท่าความคิดหญิงสาวเอ่ยถามผู้เป็นบิดาในสิ่งที่ตนสงสัยและกังวลทันที

     

     
     

    “พ่อคะ แล้วคริสหละ คริส……จะไม่เป็นอะไรหรอคะ?”          

     

    จองจินโมมองหน้าบุตรสาวด้วยแววตาลำบากใจ จะให้บอกลูกสาวคนโตได้อย่างไรว่าคนที่เป็นจุดประสงค์และเป็นที่ต้องการของฝ่ายนั้นคือบุตรสาวคนโตไม่ใช่บุตรสาวคนเล็ก  หากแต่ว่าสิ่งที่ลูกสาวถามขึ้นมาก็ทำให้คนที่เป็นบิดาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้  แต่ก็ต้องเบาใจขึ้นเมื่อคนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นมา

     

     

    “เรื่องนั้นคุณอย่าห่วงไปเลยค่ะคุณเจสสิก้า  เพราะคุณแทยอนไม่ได้ให้ยุนอาไปดูแลคุณแค่คนเดียวแต่ให้ไปดูแลน้องสาวคุณด้วยอีกคน เพราะฉะนั้นคุณสบายใจได้ค่ะว่าน้องสาวของคุณจะปลอดภัย”

     

    คำบอกเล่าของยูริทำให้สองสามีภรรยาจองพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจและสบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ยังมีคนดูแลบุตรสาวคนเล็กของพวกเค้าถึงแม้ว่าจองซูจองจะไม่ใช่เป้าหมายแต่พวกเค้าก็ยังไว้ใจไม่ได้  ได้คนสนิทของตระกูลคิมมาดูแลก็ยังพอให้อุ่นใจได้บ้าง

     

     

     

    “ใครจะดูแลใครคะ?”   

     

     เสียงของผู้มาใหม่ทำให้คนทั้งหมดต้องพร้อมใจกันหันหน้าไปทางต้นเสียงทันที  ก่อนจะพบหญิงสาวหน้าตาสะสวยไม่แตกต่างจากผู้เป็นพี่สาวยืนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจอยู่หน้าประตู

     

    ดวงตาหวานของจองคนน้องมองครอบครัวของตนสลับกับหญิงสาวสามคนที่ไม่รู้จักอย่างไม่เข้าใจ  เธอแปลกใจตั้งแต่รถของบริษัทมาส่งที่หน้าบ้านแล้วพบกับรถหรูที่ไม่คุ้นเคย  และหญิงสาวต้องแปลกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วพบกับคนที่ไม่รู้จักกำลังนั่งคุยเรื่องบางอย่างด้วยท่าทางเคร่งเครียดกับครอบครัวของเธอ  และถ้าเธอฟังไม่ผิดผู้หญิงหน้าตาคมเข้มคนนั้นกำลังพูดถึงเธอ

     
     

     

    “ว่าไงคะ มีใครให้คำตอบคริสได้บ้าง”    

     
     

    ท่าทางเอาเรื่องไม่แตกต่างจากพี่สาวทำให้ใครบางคนทียืนยิ้มอยู่อดที่จะหัวเราะขึ้นมาเบาๆไม่ได้  และท่าทางนั้นทำให้คนที่กำลังมีคำถามต้องตวัดสายตามามองคนที่กำลังเสียมารยาทอยู่ด้วยความไม่สบอารมณ์

     

     

    “หัวเราะอะไร!!”    

     
     

    คำถามห้วนๆอย่างเอาเรื่องแต่ทำให้คนฟังหาได้กลัวไม่ ยุนอายังคงหัวเราะอยู่อย่างนั้นก่อนจะตอบคำถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเจือด้วยเสียงหัวเราะและท่าทีกวนๆ

     
     

     

    “ป่าวนี่”         คำตอบสั้นๆแต่คนฟังอยากจะกรี๊ด จองคนเล็กตั้งท่าจะเอาเรื่องหากแต่ต้องสงบลงทันทีเมื่อมีเสียงของบิดาแทรกเข้ามา

     

     
     

    “คริสอย่าเสียมารยาทลูก  นี่คุณคิมแทยอนคนที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทของเรา แล้วนั่นคือคุณควอนยูริคนสนิทของคุณแทยอน แล้วคนที่หนูเพิ่งหาเรื่องเค้าไปนั่นคือคุณ อิมยุนอา คนสนิทของคุณแทยอนเช่นเดียวกัน”

     

    คำบอกเล่าของบิดาทำให้คนที่กำลังจะมีเรื่องสงบลงทันที เพราะความที่อยู่บ้านบ่อยกว่าพี่สาวทำให้เธอพอที่จะรู้เรื่องปัญหาของครอบครัวมาบ้างถึงไม่จะไม่รู้รายละเอียดก็ตาม เธอพอที่จะรู้ว่าธุรกิจของครอบครัวกำลังมีปัญหา  และการที่บิดาของเธอแนะนำคนที่บอกว่าเป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวทำให้หญิงสาวต้องรักษามารยาทไว้บ้างถึงแม้จะหมั่นไส้ผู้หญิงหน้าสวยที่เอาแต่ส่งยิ้มกวนๆมาให้เธอ

                                         

     

    “อ่อจริงสิคริส  คุณยุนอานอกจากจะเข้ามาเป็นผู้จัดการคนใหม่ให้สิก้าแล้ว เค้ายังจะมาเป็นคนดูแลลูกด้วยนะ”        

     

    จบคำของบิดาจองคริสตัลก็หันกลับมามองคนที่ถูกเอ่ยถึงด้วยความตกใจก่อนจะตะโกนลั่นขึ้นมาทันที

     

     

    “อะไรนะคะ!!  พ่อว่าอะไรนะ!!

     

     

    “เอาหละๆนั่งก่อนซูจอง”        จองจินโมเอ่ยเรียกชื่อจริงของลูกสาวอย่างเหนื่อยใจ ลูกสาวสองคนนอกจากหน้าตาจะคล้ายกันแล้วยังถอดแบบนิสัยออกมาเหมือนกันอีก คิดแล้วก็น่าหนักใจแทนคุณแทยอนและคุณยุนอาแท้ๆ

     

     

    “ทั้งสิก้าและคริสตัลฟังพ่อนะ”      จองจินโมตัดสินใจอธิบายๆเรื่องราวย่อๆแต่จงใจข้ามข้อมูลที่สำคัญและเป็นอันตรายเกินไปให้ลูกสาวทั้งสองได้รับรู้

     

    “คือแบบนี้ ตอนนี้ธุรกิจของครอบครัวกำลังมีปัญหานิดหน่อยเพราะเราไปขัดใจใครบางคนเข้าและนั่นมันทำให้พ่อและแม่กังวลว่าลูกทั้งสองจะไม่ปลอดภัยโดยเฉพาะเจสสิก้า  เอาหละๆสิก้าลูกอย่าพึ่งถามอะไรฟังพ่อพูดให้จบก่อน”        จินโมยกมือเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าลูกสาวคนโตกำลังจะอ้าปากถาม ก่อนจะอธิบายเรื่องราวต่ออย่างใจเย็น 

     

    “อย่างที่พ่อบอกโดยเฉพาะเจสสิก้า  เพราะดูเหมือนว่าฝั่งโน้นจะถูกใจลูกขึ้นมา  ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของลูกและความสบายใจของพ่อและแม่ พ่อจึงให้ลูกไปอยู่ในความคุมครองของคุณแทยอน เพราะพ่อเชื่อแน่ว่าคุณแทยอนจะดูแลลูกได้เป็นอย่างดี

    ส่วนคริสตัลถึงแม้ว่าลูกจะไม่ใช่เป้าหมายแต่เราก็ยังไว้วางใจไม่ได้  เพราะอย่างนั้นคุณแทยอนเลยให้คุณยุนอาไปดูแลลูกด้วยอีกคนนอกเหนือที่จะต้องไปดูแลสิก้า  อ่อแล้วพ่อกับแม่ลูกทั้งสองก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะนอกจากคนของเราแล้วคุณแทยอนยังมีน้ำใจส่งคนของตระกูลคิมมาดูแลครอบครัวเราด้วย  เอาหละพ่อพูดจบแล้วมีใครจะถามอะไรมั๊ย”

     

     

    หญิงสาวสองพี่น้องจองมองสบตากันทันทีเมื่อบิดาพูดจบ  ถึงแม้อยากจะแย้งเพียงใดแต่เมื่อมองตบตาของบิดาและมารดาที่มองมาหญิงสาวทั้งคู่ก็ต้องใจอ่อน

                                                              

     

    อย่างน้อยสิ่งที่พ่อและแม่ของพวกเธอทำก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเธอ

     


    เมื่อไม่มีคำแย้งใดๆจากปากของลูกสาวทั้งสองคนจองจินโมหันไปสบตาภรรยาก่อนจะยกยิ้มอย่างยินดี  อย่างน้อยในระหว่างที่เค้าและคิมแทยอนร่วมมือกันจัดการเรื่องยุ่งๆ ลูกสาวทั้งสองคนของเค้าก็ปลอดภัย

     

     
     

    “เอาหละ ถ้าไม่มีใครขัดข้องอะไรแล้วก็ตกลงตามนี้นะ  อ่อแล้วสิก้าขึ้นไปจัดเตรียมกระเป๋าได้แล้วลูก อย่าให้คุณแทยอนต้องรอนาน”

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลคิมที่เกาหลีเปิดกว้างก่อนที่รถยนต์คันหรูสองคันจะแล่นเข้ามาและจอดสนิทอยู่หน้าประตูบ้าน  เจสสิก้าอ้าปากค้างเล็กน้อยเมื่อลงมาจากรถแล้วพบกับคฤหาสน์สไตล์เกาหลีโบราณที่มีสวนพันธุ์ไม้ใหญ่น้อยซึ่งถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามอยู่รายรอบ ริมฝีปากเรียวสวยของนักร้องสาวคลี่ยิ้มทันทีเมื่อพบกับความสวยงามที่ถูกจัดไว้อย่างลงตัวของคฤหาสน์ชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ตรงหน้า  ความหวาดกลัวในครั้งแรกค่อยๆหมดไปเปลี่ยนเป็นความตื่นตาตื่นใจเข้ามาแทนที่บ้านหลังนี้ดูดีและสวยงามเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านของมาเฟีย 

     

    คิมแทยอนกระตุกยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางตื่นตาตื่นใจเหมือนเด็กๆของหญิงสาวข้างๆ  ผู้หญิงคนนี้เหมือนเด็กจริงๆ เดี๋ยวเหวี่ยงเดี๋ยวโวยวายเหมือนตอนที่เจ้าตัวอยู่บ้านแล้วไหนยังเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรเหมือนเด็กเล็กๆที่ถูกขัดใจมาตลอดทาง  แล้วยังจะไอ้ท่าทีตื่นเต้นเหมือนเด็กๆที่เจอของถูกใจเมื่อลงรถนั่นอีก  คิดแล้วก็ทำให้มาเฟียผู้เคร่งขรึมอดที่จะส่ายหน้าเบาๆไม่ได้

     
     

    ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่เสนอให้หญิงสาวมาอยู่ที่บ้านคิดแล้วก็เกิดปวดหัวขึ้นมา  ท่าทางความสงบที่เคยมีคงจะหมดไปเพราะผู้หญิงคนนี้แน่ๆ

     

     
     

    “อ้าวคุณหนู กลับมาแล้วหรือคะ”        น้ำเสียงใจดีที่ดังขึ้นทำให้คนที่ปวดหัวกับความคิดของตัวเองและคนที่เอาแต่มองนู่นมองนี่ต้องหันกลับมามองที่ต้นเสียง ก่อนที่เจ้าของบ้านจะยิ้มน้อยๆ

     

     

    “กลับมาแล้วค่ะ อ่อจริงสินี่เจสสิก้าเธอจะมาอยู่กับเราสักระยะ ยังไงแทฝากป้ายองอีดูแลเธอด้วยนะคะ”     

     

    คำพูดของแทยอนทำให้หญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงอ้าปากค้างทันทีไม่ใช่อ้าปากค้างในเนื้อหาที่อีกคนพูด หากแต่อ้าปากค้างเพราะรอยยิ้มและคำพูดอ่อนหวานที่อีกคนใช้กับหญิงชราตรงหน้านี่ต่างหาก

     

    คำพูดอ่อนหวานที่หญิงสาวคิดว่าตัวเองหูฝาดเมื่อได้ยินครั้งแรก แล้วอีกอย่างถ้าเธอตาไม่ฝาดเธอเห็นคิมแทยอนยิ้ม!!  ไม่ใช้ยิ้มมุมปากเหมือนที่เจ้าตัวชอบทำแต่เป็นยิ้มจริงๆ รอยยิ้มที่เจสสิก้าไม่เคยเห็น

     

     

    รอยยิ้ม………ที่ทำให้หัวใจคนมองต้องกระตุก

     

    แล้วไหนจะคำแทนตัวเองที่แสนจะน่ารักนั่นอีก…………..

     

     

    อ่า………โรคหัวใจกำเริบอีกแล้วสิเรา

     

    .

    .

    .

     

    “นายหญิงคนใหม่หรือคะคุณหนู น่ารักจริงๆนะคะ”

     

    คำถามสั้นๆ และรอยยิ้มน้อยๆจากหญิงชราท่าทางใจดีตรงหน้าทำให้คนสองคนที่ถูกเอ่ยถึงต้องอ้าปากค้าง ดวงตาสองคู่สบตากันอย่างไม่ได้นัดหมายด้วยความตกใจก่อนจะพากันรีบปฏิเสธความเข้าใจผิดนั้นทันทีด้วยท่าทางเลิกลักร้อนรนให้คนอีกสองคนที่มองอยู่ต้องแอบอมยิ้ม

     

     

    “ม….ไม่ใช่นะป้ายองอี ผู้หญิงคนนี้แค่จะมาอยู่ด้วยชั่วคราวเท่านั้นเอง ไม่ใช่อย่างที่ป้าคิดซะหน่อย”

     

    คิมยองอีมองท่าทางของคุณหนูที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กและใบหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายคุณหนูของเธอก่อนจะยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู  นานแล้วที่ไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของมาเฟียผู้เคร่งขรึมและเย็นชานานแล้วที่คุณหนูของเธอไม่เคยพาใครมาที่บ้านหลังนี้

     

     

    นานแล้วที่บ้านที่เคยเต็มไปด้วยความอบอุ่นหลังนี้ไร้ชีวิตชีวา

    และนานแล้ว….ที่เธอไม่เห็นคุณหนูของเธอจะสนใจใครถึงขนาดพาเข้ามาอยู่ที่บ้านที่คุณหนูรักนักรักหนา

     

     

    แม่บ้านเก่าแก่ของตระกูลอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าการเข้ามาของคุณผู้หญิงท่าทางน่าเอ็นดูคนนี้คงจะทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในบ้านหลังนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง เพียงแค่เธอพึงเจอก็อดที่จะนึกรักและเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้  แล้วกับคนใจแข็งแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นอย่างคุณหนูของเธอหละจะไม่ใจอ่อนบ้างเชียวหรือ

    ถึงแม้ว่าคุณหนูของเธอจะปฏิเสธในสิ่งที่เธอถามแต่อย่างน้อยการที่คุณหนูของเธอพาคุณผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ภายในบ้านก็น่าจะแสดงให้เห็นได้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนสำคัญ  ไม่เช่นนั้นคุณหนูของเธอคงไม่พาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นแน่

     

    .

    .

    .

    .

     

    หญิงสาวไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองต้องอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจและตื่นตาตื่นใจไปแล้วกี่ครั้งนับตั้งแต่เดินเข้ามาภายในบ้านหลังนี้  ถึงแม้ภายนอกจะดูสวยงามลงตัวแต่ภายในนั้นกลับสวยงามมากกว่า คฤหาสน์ที่ถึงแม้มีเพียงชั้นเดียวแต่กลับมีหลายห้อง ทั้งห้องโถงที่ดูกว้างขวางโอ่อ่าแต่ถูกจัดตกแต่งไว้อย่างเรียบหรูด้วยชั้นวางเครื่องปั้นดินเผาที่ดูน่าจะมีราคาแพงรวมไปถึงตู้โชว์และชั้นหนังสือที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบหรู  ยังไม่นับรวมกรอบรูปภาพเขียนสีโบราณลวดรายต่างๆและเครื่องปั้นดินเผาชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้างที่ประดับอยู่ตามทางเดินที่จะไปแต่ละห้องภายในบ้านนั่นอีก ทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้ช่างลงตัวไม่ว่าเป็นสีส้มอ่อนๆจากแสงของหลอดไฟ สวนเล็กที่เปิดโล่งตรงกลางของบ้านและของประดับตกแต่งแต่ละชิ้นซึ่งล้วนแต่บอกถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี

     

     
     

    บ้านหลังนี้ถึงแม้ว่าจะเงียบสงบแต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างประหลาด

     

     

     

    “ถึงแล้วค่ะคุณหนูเจสสิก้า”

     

    น้ำเสียงเอื้ออารีและรอยยิ้มใจดีทำให้คนที่มองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความชื่นชมมาตลอดทางต้องสะดุ้งน้อยๆ   ริมฝีปากเรียวสวยยกยิ้มแหยๆให้หญิงชราท่าทางใจดีที่ยืนส่งยิ้มอยู่ตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องที่ประตูบานใหญ่สลักรูปหงส์สีทองไว้อย่างงดงามด้วยความตกใจ

    ห้องขนาดใหญ่ที่จัดตกแต่งด้วยสไตล์เดียวกันกับภายนอก เตียงนอนไม้ขนาดใหญ่ดูหรูหรากับโซฟาหนังนุ่มและโต๊ะไม้ดูเข้ากันกับชั้นหนังสือใบโต ถึงแม้จะดูวินเทจออกแนวโบราณแต่กลับมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างเป็นอย่างดี

     

     
     

    “คุณหนูแทยอนเธอบอกให้คุณหนูอยู่ห้องนี้ค่ะ”        คำบอกเล่าของแม่บ้านวัยชราทำให้คนที่นิ่งค้างอยู่พยักหน้าน้อยๆ

     

     

    “อยู่ให้สบายคิดซะว่าเป็นบ้านของคุณหนูเองนะคะ ถ้ามีอะไรก็บอกป้าหรือเด็กๆในบ้านได้ไม่ต้องเกรงใจ อ่อแล้วอีกอย่างบ้านนี้ก็ไม่ได้มีกฎเข้มงวดอะไรนอกจากทานอาหารเช้า 7 โมงครึ่ง และอาหารเย็นหกโมงตรง นอกนั้นแล้วแต่ว่าคุณหนูเจสสิก้าจะทำอะไรคุณหนูเธอไม่ห้ามค่ะ เธอขอแต่เพียงว่าคุณหนูจะไม่พังบ้านของเธอก็พอ ” 

     

    น้ำเสียงและรอยยิ้มอารีทำให้คนฟังอยู่รู้สึกใจชื่นขึ้นมาอย่างน้อยคนที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คิดไว้ตั้งแต่ทีแรกแต่ก็ต้องมาขัดใจกับคำพูดสุดท้ายนี่แหละ…….คนอะไรตัวไม่มาแต่ยังอุตส่าห์ฝากคำจิกกัดมาอีก พูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้แล้วเจ้าของบ้านอยู่ห้องไหนหละตั้งแต่เข้าในบ้านก็พากันเดินหายไปเลยทั้งสามคน

     
     

    “อ…….เอ่อป้ายองอีคะ แล้วสามคนนั้นเค้าไปไหนหละคะ ไม่ได้พักที่บ้านนี้หรอกหรือ”คำถามของคุณหนูคนใหม่ทำให้คุณแม่บ้านต้องยกยิ้มน้อยๆ

     

     

    “คุณยูริอยู่ห้องทางปีกด้านขวาค่ะ คุณยุนอาอยู่ห้องทางปีกด้านซ้าย ส่วนตรงกลางของตัวบ้านคือห้องของคุณหนูและคุณหนูแทยอนที่อยู่ติดกันนี่ไงคะ”

     

    เจสสิก้าอ้าปากค้างทันทีที่คุณแม่บ้านพูดจบห้องของเธอและแทยอนอยู่ติดกัน งั้นไอ้ประตูบานใหญ่ๆ ลายมังกรสีทองที่อยู่ถัดจากห้องของเธอคือห้องของไอ้เจ้าของบ้านคนนั้นสินะ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นพร้อมกับสอดส่ายสายตามองสำรวจไปทั่วห้องทันที

     

     

    “คุณหนู ทำอะไรคะ?

     

    ท่าทางลุกลี้ลุกลนเดินไปมาพร้อมกับเอามือเคาะตรงนั้นทีตรงนี้ทีของคุณหนูคนใหม่ทำให้คุณแม่บ้านต้องมองตามด้วยความแปลกใจ จนเจ้าตัวต้องเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนเดียวในห้องไม่มีท่าทีจะหยุดเคาะหรือหยุดเดิน

    คำถามของแม่บ้านทำให้คนที่เดินวุ่นไปทั่วห้องหยุดเดินชั่วครู่ก่อนจะหันมาตอบคุณแม่บ้านของบ้านด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

     

     

    “สำรวจหาประตูลับค่ะ ก็ป้ายองอีบอกเองนี่คะว่าห้องของไอ้เอ้ยคุณแทยอนอยู่ติดห้องของชั้น  ชั้นก็ต้องสำรวจเอาไว้สิคะเผื่อมีปะตูลับเชื่อมติดกันเหมือนในหนังชั้นจะได้ขอเปลี่ยนห้องใหม่  อ๊ะเอ่อแต่ไม่ใช่ว่าห้องนี้มันไม่ดีนะคะมันดีมากๆ แต่ชั้นก็ต้องป้องกันตัวไว้ก่อนเผื่อวันดีคืนดีคุณหนูของป้าเปิดประตูห้องลับเข้ามาทำมิดีมิชั้นขึ้นมา ชั้นจะทำยังไงหละคะ”

     

    คำตอบยาวเหยียดของนักร้องสาวทำให้แม่บ้านวัยชราต้องอ้าปากค้างก่อนจะหลุดหัวเราะเสียงดังออกมาด้วยความขบขันปนเอ็นดู  คุณหนูคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คุณยุนอากระซิบบอกมาจริงๆด้วย เธอไม่แปลกใจเลยจริงๆที่คุณยุนอาหรือแม้แต่คุณยูริเองจะบอกว่าคุณหนูเจสสิก้าคนนี้จะทำให้บ้านของเราเปลี่ยนไปเธอเชื่อแล้วจริงๆ

     

    .

    .

    .

    .

    .                   

     

    นอนไม่หลับ….นี่คืออาการที่หญิงสาวเป็น ร่างบางนอนกระสับกระส่ายไปมาบนเตียงหรูก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินออกไปหาอะไรอุ่นๆดื่มเพื่อให้ตนเองหลับดีขึ้น ถึงแม้ว่ายองอีจะบอกเธอไว้แล้วว่าสามารถเรียกใช้คนในบ้านได้ตลอดเวลา แต่หญิงสาวก็รู้สึกเกรงใจที่จะเรียกใช้ใครในเวลาเกือบจะตีหนึ่งเช่นตอนนี้

    เรียวขางามค่อยๆก้าวไปตามทางเดินที่ยังคงเปิดไฟสว่างไว้ตลอดทางเพื่อตรงไปยังห้องครัวก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่ที่สวนเล็กๆใจกลางตัวบ้าน 

     
     

    ร่างเล็กในชุดเสื้อคลุมตัวหนาอย่างดียืนเงียบๆพลางเอามือไขว้หลังใบหน้าที่แลดูอ่อนวัยและดวงตาคมเข้มนั้นเหม่อมองขึ้นไปยังบนท้องฟ้าที่มืดมิดโดยไร้จุดหมาย

     
     

    เจสสิก้ายืนมองภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆถอยหลังกลับไปอย่างเงียบเชียบ ไม่ใช่ว่ากลัวหรือรังเกียจเจ้าของบ้านจนไม่อยากจะพูดคุย  หากแต่เพราะท่าทางของเค้าทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายหรือยุ่งวุ่นวายในเวลาที่ใครอีกคนต้องการความเป็นส่วนตัวเช่นนี้

                                                                      

     


    “นอนไม่หลับหรือ”

     

    น้ำเสียงนิ่งๆที่ดังขึ้นมาทำให้คนที่ทำท่าว่าจะถอยหลังกลับต้องชะงักค้าง

     

     

    …………………………….

     

     

    “คงเพราะแปลกที่เลยทำให้เธอนอนไม่หลับ  แต่ไม่ต้องห่วงหรอกไม่นานเธอก็คงจะชินไปเอง”  

     

    น้ำเสียงเรื่อยๆยังคงถูกส่งออกมาจากคนที่ยังคงยืนหันหลังให้เธออยู่อย่างนั้น  หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนที่ยังคงเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ

     

     

    “ทำไมคุณถึงรู้ว่าเป็นชั้น” 

     

    แทยอนไม่ตอบคำถามใดๆจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย ดวงตาคมเข้มเพียงแต่เหลือบมองใบหน้าสวยหวานที่ยังคงงดงามแม้ไร้เครื่องสำอางใดๆชั่วครู่ ก่อนที่ดวงตาที่มีเสน่ห์นั้นจะเงยหน้าขึ้นไปจับจ้องดวงดาวบนท้องฟ้าเช่นเดิม

     

     

    “เธอคงจะไม่เข้าใจสินะว่าทำไมเธอถึงต้องมาอยู่ที่นี่”        

     

    คำถามเรียบๆหากแต่ตรงกับความคิดทำให้คนที่กำลังยืนกอดตัวเองเพราะความเย็นของอากาศภายนอกต้องหันกลับมามองหน้าคนพูดอีกครั้งด้วยความแปลกใจ  ก่อนจะแปลกใจมากยิ่งขึ้นพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่เริ่มขึ้นสีจางๆ  เมื่อจู่ๆอีกคนกลับค่อยๆคลุมเสื้อตัวหนาที่เค้าเคยสวมใส่อยู่ให้กับเธอ

     

     

    “อากาศตอนกลางคืนเย็นกว่าปกติ เธอไม่ควรออกมาเดินข้างนอกโดยที่ไม่มีเสื้อคลุม”

     

    ถึงแม้จะเป็นเพียงคำพูดสั้นๆแต่ก็ทำให้ใบหน้าคนฟังที่ขึ้นสีอยู่แล้วต้องขึ้นสีขึ้นมาอีก  ดวงตาหวานเหม่อมองใบหน้าใสๆนั้นด้วยความไม่เข้าใจ  คนๆนี้มักทำให้เธอต้องแปลกใจเสมอ บางครั้งเธอคิดว่าเค้าเป็นแบบหนึ่งแต่ตัวเค้าเองกลับแสดงให้เห็นอีกอย่างหนึ่ง และครั้งนี้เองก็เช่นกัน

     

     

    คนที่ดูเคร่งขรึมจนเย็นชาในบางครั้ง……ในตอนนี้กลับแสดงท่าทางใจดีกับเธอ

     

     

    “เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกว่าชั้นจะคิดไม่ดีกับเธอ  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชั้นตัดสินใจมักมีเหตุผลในตัวของมันเองเสมอ  ขอให้เธอรู้แต่เพียงว่าชั้นจะดูแลเธอให้ดีที่สุดและเธอจะปลอดภัยที่สุด……เมื่ออยู่กับชั้น”   

     

    เมื่อพูดจบคนพูดก็หันหลังและเดินจากไปทันทีโดยไม่ให้คนฟังได้โต้แย้งหรือทัดทานใดๆ  ดวงตาหวานของนักร้องสาวมองตามแผ่นหลังของคนที่พึ่งเดินจากไปอย่างเหม่อลอย  หญิงสาวกำลังไม่เข้าใจตัวเอง

     

     

    บางครั้งคนเย็นชาคนนี้ก็ทำรู้สึกเหน็บหนาวจนเหมือนอยู่ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง

    แต่บางครั้งคนๆเดียวกันนี้เช่นกัน…..กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นจนร้อนรุ่มเหมือนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ 

     

     

    มือบางกระชับเสื้อคลุมตัวหนาอย่างลืมตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของใครบางคนยังคงหลงเหลืออยู่บนเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกาย  ริมฝีปากเรียวสวยค่อยๆคลี่ยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินกลับเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มทั้งที่สวมเสื้อคลุม

     

    อาจเป็นเพราะได้เดินอออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามค่ำคืน…..หรือเป็นเพราะความอบอุ่นจากเสื้อคลุมของใครบางคนที่ยังคมห่อหุ้มอยู่บนตัว  แต่จะเป็นเพราะสิ่งใดก็ตามเจสสิก้าก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้เช่นกัน

     

    แต่ในค่ำคืนและสถานที่ๆไม่คุ้นเคยเช่นนี้…….หญิงสาวกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด ริมฝีปากเรียวสวยยกยิ้มน้อยๆพร้อมๆกับที่ดวงตาหวานค่อยๆปิดลงเพื่อพาเจ้าตัวเข้าสู่ห้วงนิทราในค่ำคืนที่ยังคงอีกยาวไกล……………………..

     

     

     

     

    อย่างน้อยๆในคืนนี้……เธอก็คงนอนหลับฝันดี

                                                                                    

     

     

     

    TBC.




    อ่านแล้วคอมเม้นเป็นกำลังใจให้กันบ้างนะคะ หรือใครมีคำถามอะไรสามารถถามได้ค่ะ (แล้วไรท์จะมาตอบให้ในตอนถัดไปนะคะ)  ส่วนใครที่รอฟานี่รอก่อนนะคะ อีกไม่นานหรอกค่ะเดี๋ยวคุณหนูฮวังก็จะมาแล้ว แต่จะอะไรยังไงก็คงต้องติดตามกันต่อไปนะคะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×