คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5
Chapter 5
“ไม่ค่ะ!! ”
จองจินโมถอนหายใจยาวทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากผู้เป็นลูกสาว ความจริงเค้าก็นึกรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวคนโตของเค้าต้องตอบเช่นนี้ คงจะไม่แปลกอะไรนักเป็นใครก็คงตกใจและปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้วเมื่อจู่ๆจะต้องไปอยู่กับคนที่ตัวเองไม่รู้จัก
แต่เรื่องนี้มันอันตรายเกินไป!! และคนที่จะปกป้องดูแลลูกสาวของเค้าได้ก็มีเพียงแค่ คิมแทยอนคนเดียวเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าใจง่ายยกลูกสาวให้ใครก็ไม่รู้ไปดูแล หากแต่จองจินโมได้คิดและไตร่ตรองอย่างดีแล้วเพียงแต่สิ่งที่เค้าคิดไว้อาจจะไม่ถึงขั้นที่เป็นอยู่นี่เท่านั้นเอง ในตอนแรกเค้าเพียงขอร้องคิมกรุ๊ปให้ช่วยเหลือเค้าในเรื่องของธุรกิจเพียงเท่านั้น ไม่เคยคิดเลยว่าผู้บริหารสูงสุดของคิมกรุ๊ปคนนี้จะต้องเข้ามาช่วยเหลือเรื่องภายในครอบครัวของตนเอง หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดกับลูกสาวคนโตและเพราะท่าทีบางอย่างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นมาเฟียอย่างคิมแทยอนที่มีต่อลูกสาวของตนเองเค้าคงจะไม่ตัดสินใจง่ายๆเช่นนี้
“สิก้าไม่ไปค่ะ ยังไงก็ไม่ไป!! อยู่ๆคุณพ่อก็จะให้สิก้าไปอยู่กับใครก็ไม่รู้แบบนี้ได้ยังไงไว้ใจได้รึป่าวก็ไม่รู้ ไม่เอาค่ะ!! สิก้าไม่ตกลง!! No way”
คำปฏิเสธหัวชนฝาจากบุตรสาวทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดาต้องมองตากันอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะพากันเหลือบมองไปยังบุคคลที่พึ่งถูกเอ่ยถึงด้วยแววตาที่แสดงถึงความเกรงใจและลำบากใจ
บุตรสาวคนโตของพวกเค้าเป็นคนหัวดื้อและเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็กเรื่องนี้สองสามีภรรยาตระกูลจองรู้เป็นอย่างดี แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และอันตรายเกินไป หากสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงเรื่องของธุรกิจเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่น่าหวั่นใจมากนัก แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น…….
เหตุเพราะจองกรุ๊ปคือบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีที่รับขนส่งและนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศทางทะเล จึงไม่น่าแปลกใจนักที่บรรดาบริษัทน้อยใหญ่ต่างๆในเกาหลีจะเลือกใช้บริการของจองกรุ๊ปในการรับส่งสินค้าของบริษัทตนเองจากต่างประเทศ รวมไปถึงธุรกิจต่างๆในเครือตระกูล อ๊ค เช่นเดียวกัน
และมันคงจะไม่เป็นปัญหาเลย…..หากว่าสิ่งของที่ตระกูลอ๊คจ้างวานบริษัทของเค้าให้นำเข้ามาจะไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย
จะว่าจ้างวานคงจะไม่ถูกนักเรียกว่าข่มขู่บังคับให้ช่วยเหลือจะถูกกว่า เพราะรู้ดีว่าธุรกิจในต่างๆรวมไปถึงคนในตระกูลนี้เป็นเช่นไร ทำให้จองจินโมตัดสินใจที่จะปฏิเสธและไม่ให้ความช่วยเหลือตามที่ทางฝ่ายนั้นเสนอมาแม้ว่าค่าตอบแทนจะเป็นเงินหลายพันล้านวอนก็ตาม และเพราะเหตุนี้เองทำให้ จองกรุ๊ป ต้องเกิดปัญหาและอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย……..
เสี่ยงอันตรายทั้งกับธุรกิจและ……ครอบครัว
เค้ารู้ดีว่าอ๊คแทคยอนไม่ได้ต้องการเพียงกิจการของจองกรุ๊ป หากแต่ต้องการมากกว่านั้น
อ๊คแทคยอนพึงใจและต้องการครอบครองลูกสาวคนโตของเค้า…….จองเจสสิก้า
และนั่นทำให้สองสามีภรรยาตระกูลจองหวั่นเกรง ในตอนแรกทั้งคู่คิดว่าความต้องการนั้นเป็นเพียงคำขู่ที่อ๊คแทคยอนยกมาขู่เค้าเท่านั้น คนทั้งคู่ไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะกล้าทำเช่นนั้นจริงจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ในวันนี้
หากเป็นคนอื่นหรือบริษัทอื่น…….จองจินโมก็คงจะจัดการปัญหาได้ไม่ยากเพราะความยิ่งใหญ่และเส้นสายของบริษัทตนเองก็มีไม่แพ้ใคร แต่ในตอนนี้คนที่เค้ามีปัญหาด้วยคือ อ๊คแทคยอน แห่งตระกูลอ๊ค ตระกูลผู้มีอิทธิพลที่ทำธุรกิจมืดทุกอย่างที่แม้แต่ตำรวจเกาหลีเองยังไม่กล้าแตะต้อง เพราะเหตุนี้เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและบริษัทเค้าจึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลที่มีอิทธิพลและมีอำนาจมากกว่าอย่างตระกูลคิม ถึงแม้จะรู้ว่าตระกูลคิมก็มีธุรกิจบางอย่างที่ดำมืดไม่แตกต่างกันอย่างน้อยเค้าก็รู้ว่า คิมแทยอน คนนี้เป็นคนตรงคนจริงและดีพอทำให้เค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจ
และอย่างน้อยๆ การเข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลหรือได้ร่วมทุนกับบริษัทในเครือคิมกรุ๊ปก็ทำให้ครอบครัวและบริษัทของเค้าปลอดภัย เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อาจต่อกรกับตระกูลคิมได้แม้แต่อ๊คแทคยอนก็ตาม
แต่สิ่งที่ทำให้จองจินโมคาดไม่ถึงก็คือ เค้าไม่คิดว่าจะได้พบกับท่านประธานแห่งคิม กรุ๊ปรวดเร็วเช่นนี้ เพราะขั้นตอนการขอความช่วยเหลือและเข้าร่วมทุนกับคิมกรุ๊ปยังอยู่ในขั้นที่บริษัทเค้าเองพึ่งส่งเอกสารต่างๆไป แต่สิ่งที่ทำให้เค้าตกใจยิ่งกว่าก็คือท่านประธานแห่งคิมกรุ๊ปคนนั้นมาพร้อมกับลูกสาวคนโตของเค้าเอง และนั่นคือการตัดสินใจทั้งหมดของเค้าในวันนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจมากก็ตามเมื่ออยู่ๆ คิมแทยอนก็เสนอตัวว่าจะปกป้องและคุ้มครองลูกสาวของเค้าให้เอง
อย่างที่บอกไปแล้ว……ไม่ใช่ว่าเค้าใจง่ายยกลูกสาวให้คนที่ไม่รู้จักดูแลได้ง่ายๆ หากแต่เพราะความรู้สึกบางอย่างความรู้สึกที่เค้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่ความรู้สึกนั้นบอกเค้าว่า
เจสสิก้าจะปลอดภัยอย่างที่สุด เมื่ออยู่ภายใต้ความคุ้มครองของคิมแทยอน
.
.
.
.
“ไม่ค่ะสิก้าบอกแล้วว่าไม่ไป ก็คือไม่ไป!! โถ่พ่อคะสิก้าโตแล้วไม่ใช่เด็กๆจะต้องมีผู้ปกครองคอยดูแล แล้วไหนจะงานของหนูอีกหละคะ เราพึ่งคัมแบ็คได้เดือนกว่าเองยังไม่หมดช่วงโปรโมตด้วยซ้ำแล้วแถมจะต้องทำงานทุกวันอีก ให้สิก้ากลับไปอยู่คอนโดของบริษัทเถอะนะคะแล้วสิก้าสัญญาว่าสิก้าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดไม่ให้พ่อต้องเป็นห่วง นะคะๆ พ่ออย่าให้สิก้าไปอยู่กับไอ้….เอ๊ย คุณคิมแทยอนเลยนะคะ”
นักร้องสาวอ้อนบิดาไปด้วยดวงตาหวานก็เหลือบไปจับจ้องไปที่ใบหน้าใสๆของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามไปด้วย เธอไม่เข้าใจเลยว่าคนที่นั่งตีหน้านิ่งๆคนนี้ต้องการอะไรและเพราะอะไรเค้าถึงเสนอตัวที่จะเข้ามาปกป้องคุ้มครองเธอเช่นนี้ หันไปหาบิดาก็ได้รับคำตอบเดิมๆ
เธอจะปลอดภัยที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้ความคุ้มครองของคิมแทยอน
แล้งไงหละปลอดภัย? ปลอดภัยจากอะไร? ปลอดภัยจากใคร?ก็ไม่มีใครอธิบายให้เธอเข้าใจสักคน แล้วแบบนี้จะให้ยอมรับข้อตกลงบ้าๆได้ยังไง
แทยอนมองคนเป็นลูกสาวที่กำลังออดอ้อนเกาะแขนพ่อตัวเองเหมือนเด็กๆด้วยความขบขัน มาเฟียชื่อดังกระตุกยิ้มเล็กๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉยเกือบไม่ทันเมื่อบังเอิญคนที่กำลังออดอ้อนพ่อของตัวเองอยู่เกิดหันมาสบตาพอดี ความจริงเค้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเลยเถิดถึงขนาดต้องรับอุปการะดูแลแม่ไอดอลสาวคนนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องราวทุกอย่างเป็นเช่นนี้ไปแล้ว
เค้าก็แค่เพียง……..ปิดช่องโหว่และทำทุกอย่างเพื่อคิมกรุ๊ปเท่านั้น
ถูกแล้วเค้าทำทุกอย่างก็เพื่อคิมกรุ๊ปรวมไปถึงการที่เสนอตัวที่จะปกป้องคุ้มครองผู้หญิงคนนี้ด้วย เพราะเรื่องยุ่งๆที่ทำให้เค้าต้องบินมาจัดการด้วยตัวเองถึงเกาหลีก็คือเรื่องของตระกูลอ๊ค ตระกูลผู้มีอิทธิพลที่ทำธุรกิจมืดของเกาหลี ตระกูลที่กำลังท้าทายอำนาจและขัดผลประโยชน์กับตระกูลคิม ผลประโยชน์ที่เกี่ยวกับธุรกิจทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายเช่นเดียวกัน
เค้ารู้ดีว่าอ๊คแทคยอนต้องการครอบครองธุรกิจของจองกรุ๊ปเพื่ออะไร และถ้าหาก แทคยอนครอบครองจองกรุ๊ปได้เมื่อใดธุรกิจของคิมกรุ๊ปที่เกาหลีจะมีปัญหาทันที และเพราะเหตุนี้เค้าจึงต้องทำทุกทางเพื่อปิดช่องโหว่ทุกทางที่จะทำให้อ๊คแทคยอนได้จองกรุ๊ปไป รวมไปถึงวิธีที่ต้องเอาลูกสาวคนโตของจองจินโมมาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตัวเอง
เพราะแทยอนรู้ดีว่าหากเจสสิก้าตกไปอยู่ในมือของอ๊คแทคยอน ประธานจองกรุ๊ปอย่างจองจินโมต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับความปลอดภัยของลูกสาวตนเองเป็นแน่
มาเฟียชื่อดังกระตุกยิ้มกับความคิดของตนเองถึงแม้ว่าจะต้องทนรำคานไปหน่อยแต่อย่างน้อยมันก็ปลอดภัยต่อคิมกรุ๊ปของเค้า
อย่าคิดว่าเค้าจะเก็บยัยนักร้องบ้าคนนี้เอาไว้นาน ไว้จัดการตระกูลอ๊คเสร็จเมื่อไหร่เค้าจะรีบส่งแม่นักร้องสาวคนนี้กลับคืนทันที
.
.
.
“แค่สามเดือน”
คำพูดสั้นๆจากคนที่นั่งตีสีหน้าเรียบเฉยทำให้ครอบครัวจองทั้งสามหันกลับมาทางต้นเสียงพร้อมกับสีหน้าไม่เข้าใจทันที
“แค่สามเดือน ที่เธอต้องไปอยู่กับชั้น แล้วหลังจากนั้นเมื่อชั้นจัดการเรื่องยุ่งๆนี้เสร็จเมื่อไหร่ เธอก็จะเป็นอิสระทันที”
คำอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบๆทำให้หญิงสาวที่ทำหน้ายุ่งอยู่เริ่มเข้าใจ ถึงจะบอกว่าเข้าใจแต่ก็ใช่ว่าเจสสิก้าจะยอมรับ แค่สามเดือนไม่สิตั้งสามเดือนที่เธอต้องไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ถึงแม้ว่าจะเพื่อความปลอดภัยของเธอเองก็เถอะ แม้ว่าจะยังหวาดกลัวและตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นไม่หาย…….แต่ให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่ได้รู้จักตั้งสามเดือนเธอไม่เอาหรอก โดยเฉพาะกับคนๆนี้
เหอะ!! ใช้ชีวิตอยู่กับคิมแทยอน เจสสิก้าไม่อยากจะคิด อยู่กับคนน่าหมั่นไส้ไร้อารมณ์วันทั้งวันคงไม่ต้องทำอะไร คงได้แต่ทะเลาะกันจนไม่เค้าก็เธอหละที่ตายกันไปข้างนึง
“แล้วทำไมชั้นต้องไปอยู่กับคุณ”
น้ำเสียงห้วนๆพร้อมกับอาการของคนพูดที่ตีหน้าไม่พอใจกับไอ้ท่ายกมือขึ้นมากอดอกแบบเด็กๆทำให้คนถูกถามเกือบที่จะหลุดยิ้มออกมา คิมแทยอนปรับสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามด้วยคำตอบที่ทำให้คนต้องนิ่งอึ้ง
“งั้นเธอก็เลือกเอาเองแล้วกันว่า ไปอยู่กับชั้นอย่างปลอดภัยหรือจะไปอยู่กับอ๊คแทคยอนที่ไม่มีใครรับรองได้ว่าเธอจะปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น ร่าง-กาย หรือ จิตใจ”
พูดไม่พูดป่าวคนพูดยังส่งสายตามองไปทั่วเรือนร่างของหญิงสาวเพื่อเน้นคำว่าร่างกาย ให้คนถูกมองต้องหน้าขึ้นสีเล่นๆ เจสสิก้าถลึงตามองกลับคนพูดด้วยใบหน้าที่ยังขึ้นสีแดงระเรื่อ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเค้าหมายถึงอะไรก็ในเมื่อคำพูดและสายตาของเค้าบ่งบอกชัดเจนซะขนาดนั้น
“แต่ชั้นต้องทำงาน” ถึงแม้ว่าเริ่มเข้าใจแต่ก็ยังยากที่จะยอมรับง่ายๆ ไปอยู่กับเค้าแล้วเธอจะทำยังไงหละ งานของเธอมันกำหนดตายตัวชัดเจนเหมือนคนอื่นซะที่ไหน
“เธอก็ทำของเธอไปตามปกติ ก็แค่ให้ผู้จัดการของเธอไปรับไปส่งเธอที่บ้านชั้นก็เท่านั้น อ่อแล้วอีกอย่าง เพื่อความปลอดภัยของเธอชั้นจะให้ยุนอาตามไปดูแลเธอด้วยก็แค่นั้นเอง”
หญิงสาวอ้าปากค้างทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆจากคนตรงหน้า แค่นั้น? มันแค่นั้นตรงไหน แล้วเธอจะบอกเพื่อนๆกับผู้จัดการของเธอว่ายังไง แล้วไหนจะยัยผู้หญิงที่ยืนฉีกยิ้มกว้างนั่นอีก จะให้ตามติดไปดูแลเธอด้วยเนี่ยนะ ไปยังไง? ไปแบบไหน? ไม่เอาหรอกแบบนี้เธอไม่ตกเป็นข่าวหรือเป็นที่สงสัยหรอกรึ พวกนักข่าวหรือไม่ก็แฟนคลับคงได้สงสัยตายหรือไม่คงมีพาดหัวข่าวตัวโตๆ
นักร้องสาวคนสวยชื่อดังควงหญิงสาวหน้าตาสวยกว่าไปด้วยกันทุกที่……..บลาๆๆๆๆ
โฮยยยยยย เจสสิก้าไม่อยากจะคิด
“ไม่เอา!!” คำตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ทำให้คนฟังต้องกระตุกคิ้วน้อยๆ
“ทำไม” น้ำเสียงเกือบห้วนไม่แพ้กันถามออกไปทันทีกึ่งไม่เข้าใจกึ่งหงุดหงิดเล็กๆ
“ก…..ก็ ถ้าคุณให้คนของคุณไปกับชั้นทุกที่ชั้นก็เป็นข่าวเสียหายหนะสิ”
คำตอบของนักร้องสาวทำให้คิมแทยอนต้องอ้าปากค้าง เหอะ!! ยัยบ้านี่ห่วงชื่อเสียงของตัวเองมากกว่าความปลอดภัยของตัวเองซะอีก แต่ก็นั่นแหละเค้าคิดไว้อยู่แล้วปัญหาแค่นี้ทำไมคนอย่างคิมแทยอนจะจัดการไม่ได้
หึ!! เค้ามีเรื่องมากมายที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องตกใจอีกเยอะ
“คิดว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็กลัวเป็นข่าวนี่เอง” คำพูดเรียบๆแต่ฟังขัดหูทำให้คนฟังต้องหันมาตีหน้าเหวี่ยงใส่คนหน้าตายเล็กๆ ด้วยความไม่สบอามรณ์
“เรื่องนั้นอย่าห่วงไปเลยค่ะคุณเจสสิก้า เพราะชั้นจะเข้าไปคุ้มครองคุณในฐานะผู้จัดการอีกคนของวง ^^ ” คำตอบสบายๆของหญิงสาวอีกคนทำให้เจสสิก้าต้องอ้าปากค้างทันที
ห๊ะ!! อะไรนะ!! ผู้จัดการวงอีกคน? เหอะ!! เจสสิก้าอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง แต่คิดอีกทีอย่าดีกว่าเธอไม่อยากใส่ฟันปลอมแล้วอีกอย่างฟันของเธอก็สวยดีอยู่แล้วด้วย ว่าแต่เธอคิดถึงไหนแล้วนะ? อ่อถึงยัยนี่บอกจะไปเป็นผู้จัดการวงของเธอ นี่เธออยากรู้จริงๆว่าสามคนนี่คิดว่าการเข้าเป็นผู้จัดการวงไอดอลชื่อดังมันเป็นกันง่ายๆขนาดนั้นเชียว นี่บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีเชียวนะ ไม่ใช่บริษัทเล็กๆที่ใครจะเข้าจะออกก็ทำได้ง่ายๆ แล้วแถมอีกอย่าง ท่านประธานของเธอคงยอมลงทุนจ้างผู้จัดการอีกคนอยู่หรอกงกซะขนาดนั้นหึ!!
ถ้าคิดว่าตัวเองทำได้ก็ลองทำดู
คิดแล้วริมฝีปากบางๆของนักร้องสาวก็เหยียดยิ้มให้คนที่นั่งตรงข้าม คิมแทยอนกระตุกยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นสีหน้าและรอยยิ้มของหญิงสาว ถ้าเค้าเดาไม่ผิดเจสสิก้าคงกำลังยิ้มเยาะเย้ยเค้าอยู่เป็นแน่ แต่ก็นั่นแหละเค้าเคยบอกไปแล้วไม่มีอะไรที่คนอย่างคิมแทยอนจะทำไม่ได้
นิ้วเรียวของคนเป็นนายกระดิกสองสามทีรุ่นน้องคนสนิทก็ส่งโทรศัพท์เครื่องหรูให้เจ้านายทันทีอย่างรู้กัน ก่อนที่มือจะกดเลขหมายสิบหลักที่จำได้ขึ้นใจแล้วกดโทรออกทันที
เจสสิก้าหรี่ตามองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเบิกตากว้างและอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำทักทายและเสียงที่ปลายสายที่คุ้นเคยเล็ดลอดออกมา
“สวัสดีพี่ฮีชอล ชั้นเองนะ”
“อ่าใช่ตอนนี้ชั้นอยู่เกาหลี…….พอดีมีเรื่องจะให้พี่ช่วยนิดหน่อย……………….”
“ใช่…………….ขอบคุณมาก แล้วเจอกัน บาย”
เจสสิก้าอ้าปากค้างตลอดเวลาที่คนตรงหน้ายังคงพูดโทรศัพท์ ถ้าเธอได้ยินไม่ผิดเสียงที่โต้ตอบกลับมาคือเสียงของท่านประธานบริษัทของเธอ แล้วคนๆนี้กับท่านประธานของเธอไปรู้จักกันได้ยังไงแถมยังคุยกันสนิทสนมแบบนั้นอีก แล้วแถมถ้าเธอเดาไม่ผิดตอนนี้ผู้หญิงที่ชื่อยุนอาคนนั้นคงได้เป็นผู้จัดการของเธอไปเรียบร้อยแล้ว
อ….ไอ้บ้านี่น่ากลัวเกินไป…….
คิมแทยอนมองใบหน้าคนที่ทำท่าเหมือนจะช๊อคไปแล้วด้วยรอยยิ้มเยาะๆ แค่นี้ถึงกับช๊อคไปเลย บอกแล้วว่าคนอย่างคิมแทยอนไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
“ฮึ!! นี่ชั้นยังไม่ได้บอกเธอรึไงว่าชั้นกับประธานบริษัทของเธอ เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่เคยเรียนด้วยกัน”
ช๊อค!! บอกได้คำเดียวว่าช๊อคนักร้องสาวคนสวยไม่รู้ว่าจะหาคำพูดหรือคำนิยามใดๆให้กับคนตรงหน้าได้อีก เป็นมาเฟีย เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายมหาศาล เป็นคนที่พ่อและแม่ของเธอรู้จักแล้วยังจะมาเป็นรุ่นพี่รุ่นพี่รุ่นน้องกับท่านประธานบริษัทของเธออีก
แล้วนี่!! เกิดอยู่ๆด้วยกันไปคนนี้จะเป็นอะไรได้อีกหละเนี่ย เจสสิก้าไม่อยากจะคิด
“เอาหละ ปัญหาของเธอมีแค่นี้ใช่มั๊ย? ถ้ามีแค่นี้ตอนนี้เธอก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
คำว่า ไปเตรียมตัว ทำให้นักร้องสาวคนสวยที่ยังคงนิ่งค้างหันหน้ากลับไปมองคนพูดทันทีด้วยความไม่เข้าใจ
“อ……เอ่อ สิก้า นี่พ่อยังไม่บอกลูกหรือว่าลูกต้องไปอยู่กับคุณคิมวันนี้” คำบอกเล่าของผู้เป็นบิดาทำให้หญิงสาวต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“อ….อะไรกัน ไปวันนี้เนี่ยนะคะ!!”
โอ๊ยยยยยย เจสสิก้าอยากจะกรี๊ดดดดดดดด ยังค่ะ!! คุณพ่อที่รัก ยังเลยค่ะ!! คุณพ่อยังไม่บอกหนูแม้แต่นิดเดียวเลยมาบอกตอนนี้คือกะว่ามัดมือชกกันเลยใช่มั๊ยคะ?
“เพื่อความปลอดภัยของหนูนะลูก”
เสียงอ่อนๆของผู้เป็นมารดาทำให้คนที่ตั้งท่าจะอาละวาดให้บ้านแตกมีท่าทีอ่อนลงไปเกือบจะทันที ดวงตาสวยหวานมองหน้าผู้เป็นมารดาพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆอย่างไม่ยอมรับ
เธอพึ่งจะกลับบ้านได้แค่คืนเดียวเองนะ นานๆถึงจะมีเวลาได้กลับบ้านสักทีแล้วนี่อะไร อยู่ๆก็ถูกใครก็ไม่รู้มาพรากเธอไปจากครอบครัว คิดแล้วก็อยากหาอะไรไปฟาดหัวไอ้นายอ๊คแทคยอนนั่นจริงๆ ช่างหาเรื่องให้เธอแท้ๆ
เมื่อนึกถึงชื่อตัวปัญหาหญิงสาวก็ฉุกคิดขึ้นมา พ่อกับแม่ของเธอบอกว่าเธอจะไม่ปลอดภัย แล้วน้องสาวของเธอหละ? คริสตัลจะไม่เป็นอันตรายหรือ? รวดเร็วเท่าความคิดหญิงสาวเอ่ยถามผู้เป็นบิดาในสิ่งที่ตนสงสัยและกังวลทันที
“พ่อคะ แล้วคริสหละ คริส……จะไม่เป็นอะไรหรอคะ?”
จองจินโมมองหน้าบุตรสาวด้วยแววตาลำบากใจ จะให้บอกลูกสาวคนโตได้อย่างไรว่าคนที่เป็นจุดประสงค์และเป็นที่ต้องการของฝ่ายนั้นคือบุตรสาวคนโตไม่ใช่บุตรสาวคนเล็ก หากแต่ว่าสิ่งที่ลูกสาวถามขึ้นมาก็ทำให้คนที่เป็นบิดาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็ต้องเบาใจขึ้นเมื่อคนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นมา
“เรื่องนั้นคุณอย่าห่วงไปเลยค่ะคุณเจสสิก้า เพราะคุณแทยอนไม่ได้ให้ยุนอาไปดูแลคุณแค่คนเดียวแต่ให้ไปดูแลน้องสาวคุณด้วยอีกคน เพราะฉะนั้นคุณสบายใจได้ค่ะว่าน้องสาวของคุณจะปลอดภัย”
คำบอกเล่าของยูริทำให้สองสามีภรรยาจองพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจและสบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ยังมีคนดูแลบุตรสาวคนเล็กของพวกเค้าถึงแม้ว่าจองซูจองจะไม่ใช่เป้าหมายแต่พวกเค้าก็ยังไว้ใจไม่ได้ ได้คนสนิทของตระกูลคิมมาดูแลก็ยังพอให้อุ่นใจได้บ้าง
“ใครจะดูแลใครคะ?”
เสียงของผู้มาใหม่ทำให้คนทั้งหมดต้องพร้อมใจกันหันหน้าไปทางต้นเสียงทันที ก่อนจะพบหญิงสาวหน้าตาสะสวยไม่แตกต่างจากผู้เป็นพี่สาวยืนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจอยู่หน้าประตู
ดวงตาหวานของจองคนน้องมองครอบครัวของตนสลับกับหญิงสาวสามคนที่ไม่รู้จักอย่างไม่เข้าใจ เธอแปลกใจตั้งแต่รถของบริษัทมาส่งที่หน้าบ้านแล้วพบกับรถหรูที่ไม่คุ้นเคย และหญิงสาวต้องแปลกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วพบกับคนที่ไม่รู้จักกำลังนั่งคุยเรื่องบางอย่างด้วยท่าทางเคร่งเครียดกับครอบครัวของเธอ และถ้าเธอฟังไม่ผิดผู้หญิงหน้าตาคมเข้มคนนั้นกำลังพูดถึงเธอ
“ว่าไงคะ มีใครให้คำตอบคริสได้บ้าง”
ท่าทางเอาเรื่องไม่แตกต่างจากพี่สาวทำให้ใครบางคนทียืนยิ้มอยู่อดที่จะหัวเราะขึ้นมาเบาๆไม่ได้ และท่าทางนั้นทำให้คนที่กำลังมีคำถามต้องตวัดสายตามามองคนที่กำลังเสียมารยาทอยู่ด้วยความไม่สบอารมณ์
“หัวเราะอะไร!!”
คำถามห้วนๆอย่างเอาเรื่องแต่ทำให้คนฟังหาได้กลัวไม่ ยุนอายังคงหัวเราะอยู่อย่างนั้นก่อนจะตอบคำถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเจือด้วยเสียงหัวเราะและท่าทีกวนๆ
“ป่าวนี่” คำตอบสั้นๆแต่คนฟังอยากจะกรี๊ด จองคนเล็กตั้งท่าจะเอาเรื่องหากแต่ต้องสงบลงทันทีเมื่อมีเสียงของบิดาแทรกเข้ามา
“คริสอย่าเสียมารยาทลูก นี่คุณคิมแทยอนคนที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทของเรา แล้วนั่นคือคุณควอนยูริคนสนิทของคุณแทยอน แล้วคนที่หนูเพิ่งหาเรื่องเค้าไปนั่นคือคุณ อิมยุนอา คนสนิทของคุณแทยอนเช่นเดียวกัน”
คำบอกเล่าของบิดาทำให้คนที่กำลังจะมีเรื่องสงบลงทันที เพราะความที่อยู่บ้านบ่อยกว่าพี่สาวทำให้เธอพอที่จะรู้เรื่องปัญหาของครอบครัวมาบ้างถึงไม่จะไม่รู้รายละเอียดก็ตาม เธอพอที่จะรู้ว่าธุรกิจของครอบครัวกำลังมีปัญหา และการที่บิดาของเธอแนะนำคนที่บอกว่าเป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวทำให้หญิงสาวต้องรักษามารยาทไว้บ้างถึงแม้จะหมั่นไส้ผู้หญิงหน้าสวยที่เอาแต่ส่งยิ้มกวนๆมาให้เธอ
“อ่อจริงสิคริส คุณยุนอานอกจากจะเข้ามาเป็นผู้จัดการคนใหม่ให้สิก้าแล้ว เค้ายังจะมาเป็นคนดูแลลูกด้วยนะ”
จบคำของบิดาจองคริสตัลก็หันกลับมามองคนที่ถูกเอ่ยถึงด้วยความตกใจก่อนจะตะโกนลั่นขึ้นมาทันที
“อะไรนะคะ!! พ่อว่าอะไรนะ!!”
“เอาหละๆนั่งก่อนซูจอง” จองจินโมเอ่ยเรียกชื่อจริงของลูกสาวอย่างเหนื่อยใจ ลูกสาวสองคนนอกจากหน้าตาจะคล้ายกันแล้วยังถอดแบบนิสัยออกมาเหมือนกันอีก คิดแล้วก็น่าหนักใจแทนคุณแทยอนและคุณยุนอาแท้ๆ
“ทั้งสิก้าและคริสตัลฟังพ่อนะ” จองจินโมตัดสินใจอธิบายๆเรื่องราวย่อๆแต่จงใจข้ามข้อมูลที่สำคัญและเป็นอันตรายเกินไปให้ลูกสาวทั้งสองได้รับรู้
“คือแบบนี้ ตอนนี้ธุรกิจของครอบครัวกำลังมีปัญหานิดหน่อยเพราะเราไปขัดใจใครบางคนเข้าและนั่นมันทำให้พ่อและแม่กังวลว่าลูกทั้งสองจะไม่ปลอดภัยโดยเฉพาะเจสสิก้า เอาหละๆสิก้าลูกอย่าพึ่งถามอะไรฟังพ่อพูดให้จบก่อน” จินโมยกมือเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าลูกสาวคนโตกำลังจะอ้าปากถาม ก่อนจะอธิบายเรื่องราวต่ออย่างใจเย็น
“อย่างที่พ่อบอกโดยเฉพาะเจสสิก้า เพราะดูเหมือนว่าฝั่งโน้นจะถูกใจลูกขึ้นมา ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของลูกและความสบายใจของพ่อและแม่ พ่อจึงให้ลูกไปอยู่ในความคุมครองของคุณแทยอน เพราะพ่อเชื่อแน่ว่าคุณแทยอนจะดูแลลูกได้เป็นอย่างดี
ส่วนคริสตัลถึงแม้ว่าลูกจะไม่ใช่เป้าหมายแต่เราก็ยังไว้วางใจไม่ได้ เพราะอย่างนั้นคุณแทยอนเลยให้คุณยุนอาไปดูแลลูกด้วยอีกคนนอกเหนือที่จะต้องไปดูแลสิก้า อ่อแล้วพ่อกับแม่ลูกทั้งสองก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะนอกจากคนของเราแล้วคุณแทยอนยังมีน้ำใจส่งคนของตระกูลคิมมาดูแลครอบครัวเราด้วย เอาหละพ่อพูดจบแล้วมีใครจะถามอะไรมั๊ย”
หญิงสาวสองพี่น้องจองมองสบตากันทันทีเมื่อบิดาพูดจบ ถึงแม้อยากจะแย้งเพียงใดแต่เมื่อมองตบตาของบิดาและมารดาที่มองมาหญิงสาวทั้งคู่ก็ต้องใจอ่อน
อย่างน้อยสิ่งที่พ่อและแม่ของพวกเธอทำก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเธอ
เมื่อไม่มีคำแย้งใดๆจากปากของลูกสาวทั้งสองคนจองจินโมหันไปสบตาภรรยาก่อนจะยกยิ้มอย่างยินดี อย่างน้อยในระหว่างที่เค้าและคิมแทยอนร่วมมือกันจัดการเรื่องยุ่งๆ ลูกสาวทั้งสองคนของเค้าก็ปลอดภัย
“เอาหละ ถ้าไม่มีใครขัดข้องอะไรแล้วก็ตกลงตามนี้นะ อ่อแล้วสิก้าขึ้นไปจัดเตรียมกระเป๋าได้แล้วลูก อย่าให้คุณแทยอนต้องรอนาน”
.
.
.
.
.
.
ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลคิมที่เกาหลีเปิดกว้างก่อนที่รถยนต์คันหรูสองคันจะแล่นเข้ามาและจอดสนิทอยู่หน้าประตูบ้าน เจสสิก้าอ้าปากค้างเล็กน้อยเมื่อลงมาจากรถแล้วพบกับคฤหาสน์สไตล์เกาหลีโบราณที่มีสวนพันธุ์ไม้ใหญ่น้อยซึ่งถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามอยู่รายรอบ ริมฝีปากเรียวสวยของนักร้องสาวคลี่ยิ้มทันทีเมื่อพบกับความสวยงามที่ถูกจัดไว้อย่างลงตัวของคฤหาสน์ชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ความหวาดกลัวในครั้งแรกค่อยๆหมดไปเปลี่ยนเป็นความตื่นตาตื่นใจเข้ามาแทนที่บ้านหลังนี้ดูดีและสวยงามเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านของมาเฟีย
คิมแทยอนกระตุกยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางตื่นตาตื่นใจเหมือนเด็กๆของหญิงสาวข้างๆ ผู้หญิงคนนี้เหมือนเด็กจริงๆ เดี๋ยวเหวี่ยงเดี๋ยวโวยวายเหมือนตอนที่เจ้าตัวอยู่บ้านแล้วไหนยังเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรเหมือนเด็กเล็กๆที่ถูกขัดใจมาตลอดทาง แล้วยังจะไอ้ท่าทีตื่นเต้นเหมือนเด็กๆที่เจอของถูกใจเมื่อลงรถนั่นอีก คิดแล้วก็ทำให้มาเฟียผู้เคร่งขรึมอดที่จะส่ายหน้าเบาๆไม่ได้
ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่เสนอให้หญิงสาวมาอยู่ที่บ้านคิดแล้วก็เกิดปวดหัวขึ้นมา ท่าทางความสงบที่เคยมีคงจะหมดไปเพราะผู้หญิงคนนี้แน่ๆ
“อ้าวคุณหนู กลับมาแล้วหรือคะ” น้ำเสียงใจดีที่ดังขึ้นทำให้คนที่ปวดหัวกับความคิดของตัวเองและคนที่เอาแต่มองนู่นมองนี่ต้องหันกลับมามองที่ต้นเสียง ก่อนที่เจ้าของบ้านจะยิ้มน้อยๆ
“กลับมาแล้วค่ะ อ่อจริงสินี่เจสสิก้าเธอจะมาอยู่กับเราสักระยะ ยังไงแทฝากป้ายองอีดูแลเธอด้วยนะคะ”
คำพูดของแทยอนทำให้หญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงอ้าปากค้างทันทีไม่ใช่อ้าปากค้างในเนื้อหาที่อีกคนพูด หากแต่อ้าปากค้างเพราะรอยยิ้มและคำพูดอ่อนหวานที่อีกคนใช้กับหญิงชราตรงหน้านี่ต่างหาก
คำพูดอ่อนหวานที่หญิงสาวคิดว่าตัวเองหูฝาดเมื่อได้ยินครั้งแรก แล้วอีกอย่างถ้าเธอตาไม่ฝาดเธอเห็นคิมแทยอนยิ้ม!! ไม่ใช้ยิ้มมุมปากเหมือนที่เจ้าตัวชอบทำแต่เป็นยิ้มจริงๆ รอยยิ้มที่เจสสิก้าไม่เคยเห็น
รอยยิ้ม………ที่ทำให้หัวใจคนมองต้องกระตุก
แล้วไหนจะคำแทนตัวเองที่แสนจะน่ารักนั่นอีก…………..
อ่า………โรคหัวใจกำเริบอีกแล้วสิเรา
.
.
.
“นายหญิงคนใหม่หรือคะคุณหนู น่ารักจริงๆนะคะ”
คำถามสั้นๆ และรอยยิ้มน้อยๆจากหญิงชราท่าทางใจดีตรงหน้าทำให้คนสองคนที่ถูกเอ่ยถึงต้องอ้าปากค้าง ดวงตาสองคู่สบตากันอย่างไม่ได้นัดหมายด้วยความตกใจก่อนจะพากันรีบปฏิเสธความเข้าใจผิดนั้นทันทีด้วยท่าทางเลิกลักร้อนรนให้คนอีกสองคนที่มองอยู่ต้องแอบอมยิ้ม
“ม….ไม่ใช่นะป้ายองอี ผู้หญิงคนนี้แค่จะมาอยู่ด้วยชั่วคราวเท่านั้นเอง ไม่ใช่อย่างที่ป้าคิดซะหน่อย”
คิมยองอีมองท่าทางของคุณหนูที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กและใบหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายคุณหนูของเธอก่อนจะยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู นานแล้วที่ไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของมาเฟียผู้เคร่งขรึมและเย็นชานานแล้วที่คุณหนูของเธอไม่เคยพาใครมาที่บ้านหลังนี้
นานแล้วที่บ้านที่เคยเต็มไปด้วยความอบอุ่นหลังนี้ไร้ชีวิตชีวา
และนานแล้ว….ที่เธอไม่เห็นคุณหนูของเธอจะสนใจใครถึงขนาดพาเข้ามาอยู่ที่บ้านที่คุณหนูรักนักรักหนา
แม่บ้านเก่าแก่ของตระกูลอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าการเข้ามาของคุณผู้หญิงท่าทางน่าเอ็นดูคนนี้คงจะทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในบ้านหลังนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง เพียงแค่เธอพึงเจอก็อดที่จะนึกรักและเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ แล้วกับคนใจแข็งแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นอย่างคุณหนูของเธอหละจะไม่ใจอ่อนบ้างเชียวหรือ
ถึงแม้ว่าคุณหนูของเธอจะปฏิเสธในสิ่งที่เธอถามแต่อย่างน้อยการที่คุณหนูของเธอพาคุณผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ภายในบ้านก็น่าจะแสดงให้เห็นได้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนสำคัญ ไม่เช่นนั้นคุณหนูของเธอคงไม่พาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นแน่
.
.
.
.
หญิงสาวไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองต้องอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจและตื่นตาตื่นใจไปแล้วกี่ครั้งนับตั้งแต่เดินเข้ามาภายในบ้านหลังนี้ ถึงแม้ภายนอกจะดูสวยงามลงตัวแต่ภายในนั้นกลับสวยงามมากกว่า คฤหาสน์ที่ถึงแม้มีเพียงชั้นเดียวแต่กลับมีหลายห้อง ทั้งห้องโถงที่ดูกว้างขวางโอ่อ่าแต่ถูกจัดตกแต่งไว้อย่างเรียบหรูด้วยชั้นวางเครื่องปั้นดินเผาที่ดูน่าจะมีราคาแพงรวมไปถึงตู้โชว์และชั้นหนังสือที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบหรู ยังไม่นับรวมกรอบรูปภาพเขียนสีโบราณลวดรายต่างๆและเครื่องปั้นดินเผาชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้างที่ประดับอยู่ตามทางเดินที่จะไปแต่ละห้องภายในบ้านนั่นอีก ทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้ช่างลงตัวไม่ว่าเป็นสีส้มอ่อนๆจากแสงของหลอดไฟ สวนเล็กที่เปิดโล่งตรงกลางของบ้านและของประดับตกแต่งแต่ละชิ้นซึ่งล้วนแต่บอกถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
บ้านหลังนี้ถึงแม้ว่าจะเงียบสงบแต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างประหลาด
“ถึงแล้วค่ะคุณหนูเจสสิก้า”
น้ำเสียงเอื้ออารีและรอยยิ้มใจดีทำให้คนที่มองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความชื่นชมมาตลอดทางต้องสะดุ้งน้อยๆ ริมฝีปากเรียวสวยยกยิ้มแหยๆให้หญิงชราท่าทางใจดีที่ยืนส่งยิ้มอยู่ตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องที่ประตูบานใหญ่สลักรูปหงส์สีทองไว้อย่างงดงามด้วยความตกใจ
ห้องขนาดใหญ่ที่จัดตกแต่งด้วยสไตล์เดียวกันกับภายนอก เตียงนอนไม้ขนาดใหญ่ดูหรูหรากับโซฟาหนังนุ่มและโต๊ะไม้ดูเข้ากันกับชั้นหนังสือใบโต ถึงแม้จะดูวินเทจออกแนวโบราณแต่กลับมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างเป็นอย่างดี
“คุณหนูแทยอนเธอบอกให้คุณหนูอยู่ห้องนี้ค่ะ” คำบอกเล่าของแม่บ้านวัยชราทำให้คนที่นิ่งค้างอยู่พยักหน้าน้อยๆ
“อยู่ให้สบายคิดซะว่าเป็นบ้านของคุณหนูเองนะคะ ถ้ามีอะไรก็บอกป้าหรือเด็กๆในบ้านได้ไม่ต้องเกรงใจ อ่อแล้วอีกอย่างบ้านนี้ก็ไม่ได้มีกฎเข้มงวดอะไรนอกจากทานอาหารเช้า 7 โมงครึ่ง และอาหารเย็นหกโมงตรง นอกนั้นแล้วแต่ว่าคุณหนูเจสสิก้าจะทำอะไรคุณหนูเธอไม่ห้ามค่ะ เธอขอแต่เพียงว่าคุณหนูจะไม่พังบ้านของเธอก็พอ ”
น้ำเสียงและรอยยิ้มอารีทำให้คนฟังอยู่รู้สึกใจชื่นขึ้นมาอย่างน้อยคนที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คิดไว้ตั้งแต่ทีแรกแต่ก็ต้องมาขัดใจกับคำพูดสุดท้ายนี่แหละ…….คนอะไรตัวไม่มาแต่ยังอุตส่าห์ฝากคำจิกกัดมาอีก พูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้แล้วเจ้าของบ้านอยู่ห้องไหนหละตั้งแต่เข้าในบ้านก็พากันเดินหายไปเลยทั้งสามคน
“อ…….เอ่อป้ายองอีคะ แล้วสามคนนั้นเค้าไปไหนหละคะ ไม่ได้พักที่บ้านนี้หรอกหรือ”คำถามของคุณหนูคนใหม่ทำให้คุณแม่บ้านต้องยกยิ้มน้อยๆ
“คุณยูริอยู่ห้องทางปีกด้านขวาค่ะ คุณยุนอาอยู่ห้องทางปีกด้านซ้าย ส่วนตรงกลางของตัวบ้านคือห้องของคุณหนูและคุณหนูแทยอนที่อยู่ติดกันนี่ไงคะ”
เจสสิก้าอ้าปากค้างทันทีที่คุณแม่บ้านพูดจบห้องของเธอและแทยอนอยู่ติดกัน งั้นไอ้ประตูบานใหญ่ๆ ลายมังกรสีทองที่อยู่ถัดจากห้องของเธอคือห้องของไอ้เจ้าของบ้านคนนั้นสินะ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นพร้อมกับสอดส่ายสายตามองสำรวจไปทั่วห้องทันที
“คุณหนู ทำอะไรคะ?”
ท่าทางลุกลี้ลุกลนเดินไปมาพร้อมกับเอามือเคาะตรงนั้นทีตรงนี้ทีของคุณหนูคนใหม่ทำให้คุณแม่บ้านต้องมองตามด้วยความแปลกใจ จนเจ้าตัวต้องเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนเดียวในห้องไม่มีท่าทีจะหยุดเคาะหรือหยุดเดิน
คำถามของแม่บ้านทำให้คนที่เดินวุ่นไปทั่วห้องหยุดเดินชั่วครู่ก่อนจะหันมาตอบคุณแม่บ้านของบ้านด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง
“สำรวจหาประตูลับค่ะ ก็ป้ายองอีบอกเองนี่คะว่าห้องของไอ้เอ้ยคุณแทยอนอยู่ติดห้องของชั้น ชั้นก็ต้องสำรวจเอาไว้สิคะเผื่อมีปะตูลับเชื่อมติดกันเหมือนในหนังชั้นจะได้ขอเปลี่ยนห้องใหม่ อ๊ะเอ่อแต่ไม่ใช่ว่าห้องนี้มันไม่ดีนะคะมันดีมากๆ แต่ชั้นก็ต้องป้องกันตัวไว้ก่อนเผื่อวันดีคืนดีคุณหนูของป้าเปิดประตูห้องลับเข้ามาทำมิดีมิชั้นขึ้นมา ชั้นจะทำยังไงหละคะ”
คำตอบยาวเหยียดของนักร้องสาวทำให้แม่บ้านวัยชราต้องอ้าปากค้างก่อนจะหลุดหัวเราะเสียงดังออกมาด้วยความขบขันปนเอ็นดู คุณหนูคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คุณยุนอากระซิบบอกมาจริงๆด้วย เธอไม่แปลกใจเลยจริงๆที่คุณยุนอาหรือแม้แต่คุณยูริเองจะบอกว่าคุณหนูเจสสิก้าคนนี้จะทำให้บ้านของเราเปลี่ยนไปเธอเชื่อแล้วจริงๆ
.
.
.
.
.
นอนไม่หลับ….นี่คืออาการที่หญิงสาวเป็น ร่างบางนอนกระสับกระส่ายไปมาบนเตียงหรูก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินออกไปหาอะไรอุ่นๆดื่มเพื่อให้ตนเองหลับดีขึ้น ถึงแม้ว่ายองอีจะบอกเธอไว้แล้วว่าสามารถเรียกใช้คนในบ้านได้ตลอดเวลา แต่หญิงสาวก็รู้สึกเกรงใจที่จะเรียกใช้ใครในเวลาเกือบจะตีหนึ่งเช่นตอนนี้
เรียวขางามค่อยๆก้าวไปตามทางเดินที่ยังคงเปิดไฟสว่างไว้ตลอดทางเพื่อตรงไปยังห้องครัวก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่ที่สวนเล็กๆใจกลางตัวบ้าน
ร่างเล็กในชุดเสื้อคลุมตัวหนาอย่างดียืนเงียบๆพลางเอามือไขว้หลังใบหน้าที่แลดูอ่อนวัยและดวงตาคมเข้มนั้นเหม่อมองขึ้นไปยังบนท้องฟ้าที่มืดมิดโดยไร้จุดหมาย
เจสสิก้ายืนมองภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆถอยหลังกลับไปอย่างเงียบเชียบ ไม่ใช่ว่ากลัวหรือรังเกียจเจ้าของบ้านจนไม่อยากจะพูดคุย หากแต่เพราะท่าทางของเค้าทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายหรือยุ่งวุ่นวายในเวลาที่ใครอีกคนต้องการความเป็นส่วนตัวเช่นนี้
“นอนไม่หลับหรือ”
น้ำเสียงนิ่งๆที่ดังขึ้นมาทำให้คนที่ทำท่าว่าจะถอยหลังกลับต้องชะงักค้าง
“…………………………….”
“คงเพราะแปลกที่เลยทำให้เธอนอนไม่หลับ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกไม่นานเธอก็คงจะชินไปเอง”
น้ำเสียงเรื่อยๆยังคงถูกส่งออกมาจากคนที่ยังคงยืนหันหลังให้เธออยู่อย่างนั้น หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนที่ยังคงเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าเป็นชั้น”
แทยอนไม่ตอบคำถามใดๆจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย ดวงตาคมเข้มเพียงแต่เหลือบมองใบหน้าสวยหวานที่ยังคงงดงามแม้ไร้เครื่องสำอางใดๆชั่วครู่ ก่อนที่ดวงตาที่มีเสน่ห์นั้นจะเงยหน้าขึ้นไปจับจ้องดวงดาวบนท้องฟ้าเช่นเดิม
“เธอคงจะไม่เข้าใจสินะว่าทำไมเธอถึงต้องมาอยู่ที่นี่”
คำถามเรียบๆหากแต่ตรงกับความคิดทำให้คนที่กำลังยืนกอดตัวเองเพราะความเย็นของอากาศภายนอกต้องหันกลับมามองหน้าคนพูดอีกครั้งด้วยความแปลกใจ ก่อนจะแปลกใจมากยิ่งขึ้นพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่เริ่มขึ้นสีจางๆ เมื่อจู่ๆอีกคนกลับค่อยๆคลุมเสื้อตัวหนาที่เค้าเคยสวมใส่อยู่ให้กับเธอ
“อากาศตอนกลางคืนเย็นกว่าปกติ เธอไม่ควรออกมาเดินข้างนอกโดยที่ไม่มีเสื้อคลุม”
ถึงแม้จะเป็นเพียงคำพูดสั้นๆแต่ก็ทำให้ใบหน้าคนฟังที่ขึ้นสีอยู่แล้วต้องขึ้นสีขึ้นมาอีก ดวงตาหวานเหม่อมองใบหน้าใสๆนั้นด้วยความไม่เข้าใจ คนๆนี้มักทำให้เธอต้องแปลกใจเสมอ บางครั้งเธอคิดว่าเค้าเป็นแบบหนึ่งแต่ตัวเค้าเองกลับแสดงให้เห็นอีกอย่างหนึ่ง และครั้งนี้เองก็เช่นกัน
คนที่ดูเคร่งขรึมจนเย็นชาในบางครั้ง……ในตอนนี้กลับแสดงท่าทางใจดีกับเธอ
“เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกว่าชั้นจะคิดไม่ดีกับเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชั้นตัดสินใจมักมีเหตุผลในตัวของมันเองเสมอ ขอให้เธอรู้แต่เพียงว่าชั้นจะดูแลเธอให้ดีที่สุดและเธอจะปลอดภัยที่สุด……เมื่ออยู่กับชั้น”
เมื่อพูดจบคนพูดก็หันหลังและเดินจากไปทันทีโดยไม่ให้คนฟังได้โต้แย้งหรือทัดทานใดๆ ดวงตาหวานของนักร้องสาวมองตามแผ่นหลังของคนที่พึ่งเดินจากไปอย่างเหม่อลอย หญิงสาวกำลังไม่เข้าใจตัวเอง
บางครั้งคนเย็นชาคนนี้ก็ทำรู้สึกเหน็บหนาวจนเหมือนอยู่ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง
แต่บางครั้งคนๆเดียวกันนี้เช่นกัน…..กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นจนร้อนรุ่มเหมือนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ
มือบางกระชับเสื้อคลุมตัวหนาอย่างลืมตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของใครบางคนยังคงหลงเหลืออยู่บนเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกาย ริมฝีปากเรียวสวยค่อยๆคลี่ยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินกลับเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มทั้งที่สวมเสื้อคลุม
อาจเป็นเพราะได้เดินอออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามค่ำคืน…..หรือเป็นเพราะความอบอุ่นจากเสื้อคลุมของใครบางคนที่ยังคมห่อหุ้มอยู่บนตัว แต่จะเป็นเพราะสิ่งใดก็ตามเจสสิก้าก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้เช่นกัน
แต่ในค่ำคืนและสถานที่ๆไม่คุ้นเคยเช่นนี้…….หญิงสาวกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด ริมฝีปากเรียวสวยยกยิ้มน้อยๆพร้อมๆกับที่ดวงตาหวานค่อยๆปิดลงเพื่อพาเจ้าตัวเข้าสู่ห้วงนิทราในค่ำคืนที่ยังคงอีกยาวไกล……………………..
อย่างน้อยๆในคืนนี้……เธอก็คงนอนหลับฝันดี
TBC.
อ่านแล้วคอมเม้นเป็นกำลังใจให้กันบ้างนะคะ หรือใครมีคำถามอะไรสามารถถามได้ค่ะ (แล้วไรท์จะมาตอบให้ในตอนถัดไปนะคะ) ส่วนใครที่รอฟานี่รอก่อนนะคะ อีกไม่นานหรอกค่ะเดี๋ยวคุณหนูฮวังก็จะมาแล้ว แต่จะอะไรยังไงก็คงต้องติดตามกันต่อไปนะคะ ^^
ความคิดเห็น