คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
Chapter 2
“ห๊ะ!! ยัยสิก้าหายไป”
สองไอดอลสาวร้องดังลั่นห้องเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของลีดเดอร์สาวตัวเล็กที่จู่ๆก็วิ่งหน้าตื่นๆเข้าในห้อง
“หายไปได้ยังไง คนทั้งคนนะแกไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวที่ไหนจะได้หายกันง่ายๆ”
ไอดอลสาวขาแดนซ์ประจำวงพูดพลางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เพื่อนสาวตัวเล็กเล่าให้ฟัง
“หายสิ หายจริงๆ อยู่ๆก็โดนใครก็ไม่รู้ลากติดมือวิ่งหายไปเฉยเลย”
คนตัวเล็กยังคงตอบเพื่อนด้วยสีหน้าตื่นๆอย่างตกใจไม่หาย ก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงเธอยืนรออาหารที่กำลังเวฟอยู่ดีๆพอหันมาจะเรียกให้เพื่อนเข้ามาช่วยถือสักหน่อยกลับเห็นเพื่อนถูกใครก็ไม่รู้วิ่งลากไปด้วยเฉยเลย แล้วแถมกำลังจะวิ่งตามออกไปก็โดนผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ตั้งสี่ห้าคนวิ่งชนจนล้มหมดสภาพเกิลร์กรุ๊ปแห่งชาติเกาหลีเลยทีเดียว
คำตอบของลีดเดอร์ตัวเล็กทำให้ซูยองและฮโยยอนนิ่งอึ้งอ้าปากค้างทันที เพื่อนหาย!! โดนใครก็ไม่รู้ลากติดมือไป!! แล้วยัยบ้านั่นก็ยังบ้าจี้วิ่งไปกับเค้าอีก!! โอ๊ยอยากจะบ้าตายแค่พวกเธอหิวข้าวแล้วลงไปหาซื้ออะไรแค่นี้แถมร้านก็ยังอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมอีก เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพื่อนสาวสุดสวยก็หายไปกับใครก็ไม่รู้
ซูกับฮโยอยากจะบ้า
“ทำไงดีอ่า ไอ้คนลากไปเป็นใครก็ไม่รู้รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ จะเป็นพวกแฟนคลับบ้าคลั่งรึป่าว หรือจะเป็นพวกแอนตี้หรือ…หรือโจรโรคจิตชอบลากสาวๆไปทำมิดีมิร้ายตอนดึกๆ หรือ……”
ไม่ทันที่ลีดเดอร์ตัวเล็กจะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดจบก็ต้องหยุดพูดซะก่อนเมื่อโดนสาวขาแดนซ์ยกมือขึ้นเบรกพร้อมกับพูดตัดบทด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง
“พอเลยๆ ซันนี่ หยุดพูดหยุดคิด เพราะยิ่งเธอพูดยิ่งทำให้เราเครียด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหาคำตอบว่าใครที่ลากยัยสิก้าไป แต่เราสิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้คือไปหาพี่ชินยองที่ห้องซะก่อน”
พูดจบก็หันไปสบตาเพื่อนสาวสองคนที่พยักหน้ารับอย่างรัวๆด้วยความเห็นด้วยทันที
.
.
.
คิมชินยองเปิดระตูห้องพักด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นสาวๆในความดูแลสามคนยืนทำหน้าอึ้งอยู่ที่หน้าประตูห้อง ก่อนใบหน้าอวบๆจะขึ้นสีเมื่อเจ้าตัวนึกบางอย่างขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังใส่ชุดนอนซีทรูสีชมพูแปร๋นบางเบา มือป้อมปิดประตูทันทีก่อนจะเปิดออกมาใหม่ภายในเวลาไม่ถึงนาทีด้วยสภาพที่ดูดีขึ้นมากว่าเดิมเพราะเสื้อคลุมตัวหนาที่คลุมอยู่รอบกาย
“เอ้า ว่าไงหละยะมีอะไร มายืนทำหน้าสลอนกันที่หน้าห้องชั้นทำไมเนี่ย”
พอตั้งสติกลบความอายได้วิญญาณผู้จัดการอันแรงกล้าก็เข้าสิงทันที ให้สามสาวที่ยืนอึ้งๆอยู่ต้องมองหน้ากันตาปริบๆอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ค….คือ”
“คืออะไร อ้ำอึ้งอยู่ได้ หรือพวกเธอหิว ก็แน่หละสิเล่นหลับเป็นตายจนไม่ได้ลงมากินข้าวเย็นกันนี่”
คนมีอายุมากกว่าพูดขึ้นด้วยความขบขันเล็กๆก่อนจะทำหน้างงๆเมื่อสามสาวพากันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ
“ไม่หิว แล้วมีอะไรหละ? อย่าบอกนะว่าพวกเธอไปก่อนเรื่องอะไรอีก”
น้ำเสียงจริงจังพร้อมกับดวงตาตี่ๆของเจ้าตัวหรี่มองใบหน้าสวยๆของหญิงสาวทั้งสาวคนอย่างจับผิด
สาวสาวที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะมองหน้ากันไปมาอย่างเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นพูดเรื่องที่ เอ่อ….ไม่ค่อยน่ายินดีนี้ดี สุดท้ายผลก็มาตกที่ลีดเดอร์ตัวเล็กเมื่อศอกแหลมๆของคนรักร่างสูงของตัวเองกระทุ้งเข้าที่สีข้างน้อยๆ
“เอ้าว่าไง ถ้าไม่มีอะไรก็กลับห้องไปนอนได้แล้ว รู้มั๊ยเนี่ยว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
ผู้จัดการร่างท้วมเริ่มจะหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเห็นสาวๆที่ยืนหน้าตื่นอยู่หน้าห้องไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที เอาแต่มองหน้ากันไปมาอยู่ได้เสียเวลานอนอุตส่าห์ฝันถึง Exo อปป้าอยู่แท้ๆ
“ค….คือ ว่า เอ่อ คือว่า”
“ว่า!!”
“ค คือว่าจู่ๆ ยัยสิก้าก็โดนใครก็ไม่รู้ลากติดมือไป แล้วตอนนี้ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ อ่า”
ลีดเดอร์ตัวเล็กพูดขึ้นมาก่อนที่จะใช่นิ้วชี้ทั้งสองข้างของตัวเองจิ้มกันไปมาด้วยสีหน้าแหยๆ อย่างพยายามให้ดูน่ารัก หากวิธีแอ๊บแบ๊วของตัวเองแต่คงจะไม่ได้ผลในเมื่อตอนนี้ใบหน้าบวมๆของผู้จัดการกำลังขึ้นสีพร้อมกับปากกว้างๆอ้าค้างอย่างคนที่ช๊อคไปแล้ว
“อ..ออนนี่ๆ ฟังอยู่รึป่าว ออนนี่ อ๊ะ!!”
ซูยองใช้นิ้วเรียวเรียวของตัวเองจิ้มไปที่ต้นแขนอวบๆของผู้จัดการเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆผู้จัดการของตัวเองก็แหกปากร้องดังลั่นขึ้นมา
“โอ๊ยยยย ออนนี่จะเสียงดังทำไมเล่าเดี๋ยวเค้าก็ตื่นกันทั้งโรงแรมหรอก”
หากแต่คำพูดประท้วงเบาๆของคิมฮโยยอนไม่เป็นผลเมื่อตอนนี้ผู้จัดการสาวร่างท้วมกำลังจะกลายร่างเป็นนางยักษ์ขมูขีให้สามสาวต้องต้องหัวหดด้วยความหวาดกลัว
“เข้าห้องเดี๋ยวนี้ แล้วเล่าให้ชั้นฟังใหม่ซิ ยัยสิก้า อะ-ไร-ยัง-ไง-นะ”
คำพูดสุดท้ายเน้นย้ำเสียงเข้มให้คนฟังต้องหน้าเหยเกด้วยความกลัว
เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดผู้จัดการวงได้ฟังอีกครั้งจากปากของลีดเดอร์สาวตัวเล็ก หากแต่คราวนี้ปฏิกิริยากลับแตกต่างกัน เพราะแทนที่คิมชินยองจะแหกปากโวยวายลั่นห้องเหมือนกับเพื่อนๆของเธอแต่กลับไม่เป็นเพราะทันทีที่พูดจบผู้จัดการสาวร่างท้วมก็ตาค้างหงายหลังลงไปเลย ให้พวกเธอทั้งสาวคนต้องตกใจอ้าปากค้างไปตามๆกัน
.
.
.
กว่าคนที่สลบไปจะฟื้นขึ้นมาก็เกือบครึ่งชั่วโมง หญิงสาวสามคนที่ได้แต่นั่งมองหน้ากันเงียบๆอยู่ในห้องรีบกรูกันเข้ามาล้อมรอบเตียงทันทีที่ผู้เป็นที่พึ่งสุดท้ายลืมตาขึ้นมา
คิมชินยองมองใบหน้าของคนสามคนรอบเตียงสลับไปมาก่อนเรื่องราวสุดท้ายที่ได้ฟังจะผุดขึ้นมาในความทรงจำ ร่างอวบๆเด้งขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วให้คนที่นั่งรายรอบอยู่ต้องสะดุ้งอย่างตกใจ
“นั่นออนนี่จะไปไหนหนะ ออนนี่ๆ”
มือเรียวสามคู่ฉุดดึงรั้งคนที่จู่ๆก็ลุกขึ้นและทำท่าจะไปไหนก็ไม่รู้โดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลยทันที ก่อนร่างบางของทั้งสามคนจะออกแรงดึงคนที่ตัวใหญ่กว่าให้นั่งลงบนเตียงอีกครั้ง
“นี่ ออนนี่ จะไปไหนคุยกันก่อน”
“ไปตามหายัยสิก้าสิถามได้ โอ๊ยยยตายๆๆๆ มันเกิดเรื่องแบบนนี้ขึ้นได้ยังไงกันเนี่ย ชั้นอยากจะบ้า”
ร่างท้วมหันมาตอบศิลปินในความดูแลของตัวเองก่อนจะทึ้งหัวตัวเองไปมาอย่างคนสติแตก กว่าจะรวบรวมสติกลับมาได้ก็กินเวลาหลายนาทีคิมชินยองถอนหายใจยาวๆอย่างตั้งสติอีกครั้งก่อนจะไล่มองไปยังใบหน้าของสามสาวที่อยู่ตรงหน้าทีละคนๆ
“สรุป ยัยสิก้าถูกใครก็ไม่รู้ ลากไป”
ทันทีที่พูดจบใบหน้างามๆของหญิงสาวทั้งสามคนก็พยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียงกันทันที
“แล้วยัยนั่นก็บ้าจี้วิ่งตามเค้าไป” เป็นอีกครั้งใบหน้างามๆของคนทั้งสามพยักหน้ารับพร้อมกัน
“และตอนนี้ ก็หายไปไหนไม่รู้ หาตัวไม่เจอ”
ทันทีที่ปฏิกิริยาของสามคนตรงหน้าตอบกับมาเหมือนเดิมคิมชินยองแทบอยากจะเป็นลมไปอีกรอบทันที นักร้องสาวชื่อดังถูกใครก็ไม่รู้ลากไป แล้วป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ โฮ๊ยยยยยยยยยยอยากจะร้องไห้ออกมาให้น้ำตาเป็นสายเลือด
“ล….แล้วเราจะทำยังกันดีอ่าออนนี่”
แล้วก็เป็นเสียงหงอยของลีดเดอร์สาวตัวเล็กที่ดังขึ้นมา คนที่สติหลุดไปแล้วรวบรวมสติกลับคืนมาพร้อมกับเปลี่ยนท่าทางให้เคร่งขรึมขึ้นมาทันทีทันที ถึงแม้อยากจะบ้าตายหรืออยากจะกรีดร้องแค่ไหนแต่ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือตั้งสติและเป็นที่พึ่งให้กับทุกคน
“แล้วสิก้าได้เอามือถือออกไปรึป่าว มีใครลองโทรหายัยนั่นรึยัง”
น้ำเสียงนิ่งๆถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งอย่างคนที่เริ่มควบคุมตัวเองได้
“ลองโทรแล้วค่ะ แต่ว่า….สิก้าไม่ได้เอามือถือไปด้วย”
คิมชินยองแทบอยากจะโขกหัวตัวเองกับกำแพงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบที่ได้รับ หายไปแล้วยังไม่ได้เอามือถือออกไปอีกแล้วจะหายังไงกันหละทีนี้
“หรือว่าเรา จะลองออกตามหากันดี เผื่อยัยนั่นจะอยู่แถวๆนี้”
คำพูดของฮโยยอนทำให้ผู้จัดการร่างท้วมฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ทันที ก่อนจะร้องลั่นด้วยความตกใจ
“ซันนี่!!! เธอบอกว่ายัยสิก้าถูกฉุดไป แล้วป่านนี้จะเป็นยังบ้างหละ ไม่ใช่โดนทำมิดีมิร้ายไปแล้วเรอะ!! แล้วพวกเธอยังมานั่งใจเย็นเฝ้าชั้นสลบไปเนี่ยนะ โอ๊ยยยยยยยยย”
อาการสติหลุดของผู้จัดการทำให้สาวๆต้องมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะช่วยกันเบรกผู้จัดการร่างท้วมด้วยข้อเท็จจริงที่เล่ายังไม่หมดทันที
“เดี๋ยวออนนี่ใจเย็นก่อน ซันนี่บอกว่าคนที่ลากยัยสิก้าไปเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง”
“ผู้หญิง? ตัวเล็ก?”
ทวนคำถามอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจอย่างเบาใจขึ้นมาเปราะหนึ่งเมื่อลีดเดอร์ของวงพยักหน้ารับ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ผู้ชายหละนะ
“แล้วตกลงเอาไงดีหละออนนี่”
คำถามร้อนรนทำให้ผู้จัดการสาวร่างท้วมต้องนิ่งอย่างใช้ความคิดคงจะมีอยู่แค่ทางเดียวเท่านั้นที่พวกเธอทั้งหมดจะทำได้ในตอนนี้คือออกไปช่วยกันตามหาเท่าที่จะทำได้ และที่สำคัญเรื่องนี้คงจะขอความช่วยเหลือจากทีมงานคนอื่นๆไม่ได้แน่ๆ เพราะหากยิ่งมีคนรู้มากเท่าไหร่ยิ่งจะเป็นปัญหามากขึ้นเท่านั้น
“ไปช่วยกันตามหา เท่าที่เราจะทำได้”
.
.
.
.
.
.
.
“พี่แท ตกลงจะให้ผู้หญิงนอนที่ไหนอ่า ยุนหนักแล้วนะ”
ทันที่ประตูเพนท์เฮาส์สุดหรูปิดลงร่างสูงโปร่งของอิมยุนอาก็เอ่ยถามผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบจะไม่ให้เหนื่อยได้ยังไงก็เธอเล่นเป็นคนอุ้มผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ตั้งแต่ลงรถจนมาถึงในเพนท์เฮาส์นี่ อย่าได้ถามว่าทำไมถึงต้องเป็นหน้าที่ของเธอหนะหรอ
ก็เพราะพี่ยูริต้องไปอยู่จัดการซากที่นอนตายเกลือนอยู่ตรงนั้นหนะสิ…..ส่วนอีกคนอย่าได้พูดถึง……คนหวงเนื้อหวงตัวอย่างพี่แทยอนไม่ยอมสัมผัสใครและไม่ยอมให้ใครสัมผัสตัวได้ง่ายๆหรอก ถึงแม้ว่าเธอจะแปลกใจนิดๆเมื่อเห็นพี่แทจับมือผู้หญิงคนนี้ในตอนแรกก็เถอะแต่ก็แค่นั้นแหละ พี่แทอาจจะทำไปเพราะสถานการณ์บังคับก็ได้
ดวงตาคมเข้มเหลือบมองหญิงสาวที่รุ่นน้องคนสนิทอุ้มอยู่อีกครั้ง จะว่าไปก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ผู้หญิงบ้าหน้าตาจัดว่า เอ่อ…..สวย คนนี้เป็นใครก็ไม่รู้จู่ๆก็ไปคว้าติดมือมาจนได้แถมยังต้องหอบหิ้วกันกลับมาถึงที่นี่อีก คิดแล้วมาเฟียอย่างคิมแทยอนก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
หาเรื่องยุ่งให้กับตัวเองแท้ๆ
ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าหวานๆนั้นอีกครั้ง
อะไรบางอย่างลึกๆกำลังบอกให้รู้ว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป……ชีวิตปกติของเค้าจะไม่เหมือนเดิมเพราะผู้หญิงที่กำลังสลบคอพับคออ่อนคนนี้
“ให้เธอนอนห้องรับแขกสักห้องมั๊ยพี่แท ยังไงมันก็ว่างอยู่แล้ว”
เสียงของรุ่นน้องคนสนิทที่ดังขึ้นเรียกสติคนที่กำลังเหม่อลอยให้มีสติคืนมา
ดวงตาคมเข้มเหลือบมองใบหน้าสวยๆที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกครั้งก่อนที่ริมฝีปากบางสวยจะกระตุกยิ้มเล็กๆและเอ่ยคำพูดให้คนฟังต้องอ้าปากค้าง
“ไม่ เอาผู้หญิงคนนี้ไปวางไว้ที่โซฟานั่นแหละ ห้องรับแขกมันหรูเกินไปสำหรับคนบ้าอย่างยัยนี่”
.
.
.
เวลาเกือบจะรุ่งสางแล้วหากแต่บุคคลสามคนยังคงปรึกษาหารือถึงที่พึ่งเกิดขึ้นในห้องทำงานหรูอย่างเคร่งเครียด ริมฝีปากบางของผู้เป็นนายกระตุกยิ้มเล็กๆเมื่อได้ข้อสรุปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นฝีมือของใคร รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เป็นนายทำให้รุ่นน้องคนสนิทอดที่จะถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจไม่ได้ ทั้งๆที่พึ่งผ่านเรื่องราวเกือบตายมาแต่พอรู้ว่าเป็นฝีมือของใครนายของเธอกลับยกยิ้มซะนี่
“พี่แท ยุนถามจริงๆเถอะพี่ยิ้มทำไมอะทั้งๆที่พี่ก็เกือบตาย”
คำถามของรุ่นน้องคนสนิททำให้คิมแทยอนต้องยกยิ้มอีกครั้งและคราวนี้กลับยิ้มกว้างกว่าเดิม และมันคงจะดีกว่านี้ถ้ารอยยิ้มนั้นไม่ทำให้คนมองรู้สึกถึงความน่ากลัวเย็นๆที่แผ่ออกมา
“ทำไมชั้นถึงยิ้มหนะหรือ” น้ำเสียงนิ่งๆถูกส่องออกมาทั้งๆที่ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้ม
“ก็เพราะ…..”
น้ำเสียงขาดช่วงไปเล็กน้อยหากแต่ไม่นานคนพูดก็เอ่ยให้จบประโยคด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเช่นเคย
“ชั้นไม่ตายหนะสิยุนอา…..และ….การที่ชั้นยังไม่ตายมันคงกำลังทำให้ใครบางคนแทบคลั่ง…..จนควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วละมั๊งตอนนี้”
น้ำเสียงสุดท้ายแผ่รังสีความเยือกเย็นออกมาให้คนฟังต้องรู้สึกขนลุก
คงจะจริงอย่างที่ผู้เป็นนายว่า ป่านนี้ตัวการของเรื่องทั้งหมดคงกำลังคับแค้นใจจนแทบคลั่งที่ทำอะไรแทยอนไม่ได้เหมือนเคยแล้วแถมยังต้องสูญเสียคู่ค้าอาวุธที่สำคัญไปอีก แค่นี้ก็คงทำให้ หลางซื่อหมิน คับแค้นจนแทบจะอกแตกตายไปแล้วหละมั๊ง คิดแล้วยุนอาก็อดที่จะยกยิ้มตามผู้เป็นนายไม่ได้ไม่ต้องส่งคนไปถล่มแค่อยู่เฉยๆก็ทำให้ศัตรูอกแตกตายได้
“แต่ถึงยังไงก็ต้องระวังตัวไว้หน่อยนะแทยอน ชั้นว่าพวกมันไม่ยอมหยุดแน่ๆ”
คำเตือนของเพื่อนสนิททำให้คนตัวเล็กต้องยกยิ้ม
“มันไม่มีทางหยุดอยู่แล้วหละยูริ จนกว่า……”
น้ำเสียงเย็นๆยังคงถูกส่งออกมาอีกครั้งก่อนที่ริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้ม…..ที่ไม่ว่าใครที่เห็นก็ต้องรู้สึกหวั่นเกรง
“…….ใครสักคนจะต้องตาย”
.
.
.
.
.
.
เฮือก!!! โอ๊ยยยยยย
ร่างบอบบางของคนที่นอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาสะดุ้งสุดตัวก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องดังลั่นเมื่อเจ้าตัวเกิดสะดุ้งแรงไปหน่อยจนพลิกตัวจนตกจากโซฟา ดวงตาหวานปรือขึ้นเล็กน้อยอย่างงัวเงียก่อนจะพยายามปีนป่ายกลับขึ้นไปนอนยังที่ๆตัวเองตกลงมาอีกครั้งพร้อมกับปิดตาลง อย่างง่วงงุน หากแต่เพียงไม่ถึงสิบวินาทีดวงตาหวานก็ลืมขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วและคราวนี้กลับเบิกกว้างกว่าเดิมเมื่อแสงสว่างที่สาดสองเข้ามาทำให้มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ที่ๆไม่คุ้นเคย ห้องที่ไม่คุ้นชินไม่ใช่โรงแรมที่เธอพักอยู่
ที่นี่ที่ไหนหนะ!! แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!! นักร้องสาวได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆก่อนจะพยายามนึกถึงเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ
ถ่ายหนัง? เสียงปืน? คนตาย?.......คนตาย?.......คนตาย? ตายจริงๆไม่ใช่ตายปลอมๆ สมองไหลเลย
ริมฝีปากบางค่อยๆอ้าค้างน้อยๆหลังจากที่สมองเริ่มจดจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ภาพที่ไม่ควรเห็นยังคงติดตา ไม่น่าอยากรู้อยากเห็นก้มลงไปดูเลยจองเจสหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แล้วนี่เธออยู่ไหนละเนี่ย หรือว่า
ชั้นจะโดนจับตัวมาเรียกค่าไถ่……หรือว่า หรือว่า จะโดนจับมาฆ่าปิดปาก ใช่แน่ต้องใช่แน่ๆ ในเมื่อเธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและก็เห็นหน้าพวกมันแล้ว ยัยผู้หญิงตัวเล็กๆขาวๆ หน้าตาดีๆ เท่ๆ เฮ้ย!! ไม่ๆสิก้าอย่าไปชมมัน มันจะฆ่าเธอนะ
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยย”
คิดแล้วก็กรีดร้องขึ้นมาชีวิตเธอกำลังสดใสใครๆก็รุมล้อมแฟนก็ยังไม่มีแถมยังไม่ได้แต่งงานอีก เธอจะต้องมาตายโดยที่ไม่มีใครรู้ที่นี่ได้ยังไงคิดแล้วก็อยากจะร้องไห้
“นี่!! จะแหกปากร้องอีกนานมั๊ย”
น้ำเสียงนิ่งๆเย็นๆกึ่งโมโหที่ดังขึ้นมาทำให้คนที่กำลังแหกปากร้องไห้ฟูมฟายต้องหยุดร้องทันทีมือบางปัดผมเผ้าที่รุงรังปิดบังใบหน้าออกก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อหาต้นตอของเสียงที่ได้ยิน
ดวงตาหวานเบิกกว้างทันทีเมื่อพบบุคคลหน้าตาดีสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งน่าจะเป็นโต๊ะอาหารซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ดวงตาที่เบิกโพลงค่อยๆจับจ้องไปที่ใบหน้าของคนทั้งสามทีละคนๆ คนแรกผิวเข้มหน้าคมสวยแต่ดูนิ่งๆ เฉยๆ น่ากลัว คนที่สองสวยไม่ต่างจากคนแรกและหน้าตาดูคล้ายๆกันแต่ขาวกว่าคนนี้น่าจะใจดีเพราะเธอคนนั้นกำลังฉีกยิ้มกว้างส่งมา ส่วนคนสุดท้าย…….คนสุดท้ายใบหน้าใสๆ ขาวๆ ดูดีไม่รู้จะเรียกว่าหล่อหรือสวยดี ไม่สิๆ เธอจำยัยนี่ได้ดี ทันที่เห็นใบหน้าคนสุดท้ายนักร้องสาวก็ร้องลั่นขึ้นมาทันที
“ย๊าส์!!! ยัยบ้าฆาตกร”
คำเรียกไม่ใช่สิคำแรกที่ยัยผู้หญิงบ้าเอ่ยทักทายขึ้นมาทำให้คิ้วบางๆของคนถูกทักและชี้หน้ากระตุกเล็กน้อย ผิดกับอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันเมื่อได้ยินก็หัวเราะพรืดออกมาทันทีไม่เว้นแม้แต่คนเคร่งขรึมอย่างควอนยูริก็ยังต้องหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้กำลังชี้หน้าด่าเจ้านายของตัวเองไม่ใช่บ้าอย่างเดียวแถมยังเป็นฆาตกรอีกต่างหาก
“ยัยบ้าฆาตกรรึ”
น้ำเสียงเย็นๆถูกส่งออกมาทันที ไม่เคยมีใครเรียกเค้าแบบนี้และไม่เคยมีใครชี้หน้าเค้าแบบนี้เช่นกันแล้วยัยผู้หญิงบ้านี่เป็นใครตื่นมาก็ชี้หน้าด่าเธอทันที
ฮึ!! สงสัยยัยนี่อยากตายจริงๆ
“พวกแกจับชั้นมาทำไมจะฆ่าปิดปากรึไง ช…ชั้นเป็นไอดอลนะแถมยังเป็นนางฟ้าแห่งชาติด้วยพวกแกฆ่าชั้นไม่ได้นะ นะ นะ นะ อย่าฆ่าชั้นเลยนะ ชั้นขอร้อง ฮือ”
จากที่ทำปากเก่งโวยวายตอนแรกสุดท้ายก็ต้องมานั่งปาดน้ำตาป้อยๆขอร้องคนที่ตัวเองชี้หน้าด่าป่าวๆเมื่อเห็นใบหน้าใสๆนั้นเกิดบึ้งตึงทำท่าจะเอาจริงขึ้นมา เธอลืมไปเลยว่าคนที่เธอพึ่งด่าไปคือคนที่ยิงผู้ชายที่วิ่งตามเธอพวกนั้นตายอย่างหน้าตาเฉย และถ้าเธอเดาไม่ผิดผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆคงจะเป็นคนจัดการพวกที่นอนเกลื่อนกลาดอะไรๆไหลออกมาแน่ๆเลย
ท่าทางตลกๆหมดสภาพนักร้องสาวแสนสวยทำให้คนที่มองอยู่ต้องหัวเราะออกมาดังๆ ไม่เว้นแม้แต่คนที่นั่งหน้าตายยังเผลอกระตุกยิ้มเล็กๆ ก่อนคนหน้านิ่งจะรู้สึกตัวแล้วรีบหุบยิ้มกลับมาปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิมทันที
ฮึ!! ไอดอลหรือ ไอดอลอะไรผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างกับคนบ้าแล้วยังไอ้เสื้อโค๊ดตัวหนาสีหวานๆที่มีคราบโกโก้หกใส่เป็นดวงๆนั่นอีก ใครเชื่อยัยนี่ก็บ้าแล้ว
“นี่เธอ ไม่มีใครเค้าจะฆ่าเธอหรอกนะเลิกร้องได้แล้ว”
น้ำเสียงสบายๆแต่ยังคงกลั้วหัวเราะถูกส่งออกมาจากหญิงสาวสวยผิวขาวคนที่ส่งยิ้มกว้างให้เธอ
นักร้องสาวคนสวยหยุดร้องไห้ทันทีก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามคนที่ยังหัวเราะอยู่อีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นๆและถามย้ำๆอีกครั้งเมื่อคนหน้าสวยพยักหน้ายิ้มๆ
“ม…ไม่ฆ่าชั้นจริงๆนะ พูดจริงๆนะ”
“ฮึ ยัยบ้า เธอนี่คงจะบ้าจริงๆสินะ”
แล้วก็เป็นคนหน้าตายที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวหากแต่ขัดหูคนฟัง โดยเฉพาะคนฟังอย่างเจสสิก้าจอง
“ฮึ้ย เธอหนะสิบ้าๆๆๆ ทำให้ชั้นต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ” เ
มื่อได้ยินน้ำเสียงและคำเรียกที่ขัดหูก็ทำต่อมไม่ยอมใครที่มีอยู่เต็มร้อยของไอดอลสาวทำงานขึ้นทันที ตอนแรกก็กลัวอยู่หรอกแต่พอเค้าบอกว่าจะไม่ฆ่าก็ทำเก่งทันที
คนอะไรก็ไม่รู้หน้าตาก็ดีแต่ขี้เก๊กน่าโมโหชะมัดชาตินี้เคยยิ้มกับเค้าบ้างรึป่าวก็ไม่รู้ใครได้เป็นแฟนคงอกแตกตาย
ริมฝีปากบางของคนที่ถูกแอบด่าว่าขี้เก็กกระตุกเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มด้วยท่าทางที่คนมองอยู่เห็นแล้วอยากจะเบ้หน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้
คนบ้าอะไร แค่กินกาแฟยังต้องเก๊ก
คนคิ้วบางหน้าขาวหรี่ตามองผู้หญิงที่ยืนจ้องหน้าตัวเองเล็กน้อยอย่างรู้ทันก่อนจะเอ่ยคำพูดนิ่งๆสบายๆหากแต่ทำให้คนฟังต้องอึ้งด้วยความตกใจ
“นี่ยัยบ้า ชั้นรู้นะว่าเธอกำลังนินทาชั้นในใจอยู่ เลิกคิดซะ ถ้า-ยัง-ไม่-อยากตาย”
พูดจบก็หันไปดื่มกาแฟในแก้วต่ออย่างไม่สนใจคนที่กำลังฮึดฮัดอย่างขัดใจ แต่นักร้องสาวก็ทำได้เพียงเท่านั้นก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนที่พึ่งขู่ว่าจะฆ่าเธอจู่ๆก็ลุกขึ้นมา มือบางกำหมัดพร้อมกับตั้งการ์ดอย่างเงอะงะแบบเตรียมป้องกันตัวทันทีที่คนตัวเล็กๆนั่นพุ่งเข้ามา หากแต่นักร้องสาวสุดสวยก็ต้องนิ่งค้างและหน้าแตกยับเมื่อคนที่กำลังเดินเข้ามากลับเดินผ่านเธอไปเฉยเลยอย่างไม่สนใจ แต่อะไรก็ไม่สามารถทำให้เจสสิก้าจองรู้สึกหน้าเสียและอับอายได้เท่ากับ
ไอ้ริมฝีปากบางๆบนใบหน้าขาวๆนั่นกำลังกระตุกยิ้มให้เธออย่างสมเพชเวทนาพร้อมกับกระซิบเอ่ยคำพูดเบาๆให้คนได้ยินต้องอ้าปากค้างและหน้าขึ้นสีไม่รู้ว่าด้วยความโกรธหรือเป็นเพราะเจ้าตัวกำลัง……อับอาย
“ฮึ!! ชั้นไม่ฆ่าเธอหรอกยัยบ้า…..แต่…ถ้า ทำอย่างอื่นละก็ ไม่-แน่ ”
“……………!!!"
“ย…ย๊าส์ๆๆๆ ไอ้บ้าไอ้เตี้ย ไอ้ๆๆ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ฮึ่ยๆๆๆ พูดบ้าอะไรเนี่ย ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต ย๊าส์” กว่านักร้องสาวจะหาเสียงตัวเองเจอได้คนถูกด่าก็หัวเราะหึๆเดินเข้าห้องหายไปซะแล้ว
.
.
.
.
เงียบสนิทและน่าอึดอัดเป็นที่สุด…..เจสสิก้าได้แต่นั่งนิ่งและมองหน้าหญิงชราที่ดูน่าจะเป็นเมดคนเดียวของบ้านด้วยใบหน้าแหยๆ เกือบสามชั่วโมงแล้วที่ผู้หญิงน่ากลัวสามคนนั้นหายเงียบเข้าไปในห้องซึ่งนักร้องสาวคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นห้องทำงานแล้วปล่อยทิ้งให้เธอนั่งโดดเดียวเคว้งคว้างอยู่คนเดียวในห้องรับแขกหรูนาดใหญ่ อ่อ!! จะว่าคนเดียวก็ไม่ได้สิเพราะมีเมดแก่ๆท่าทางใจดีคนนี้นั่งอยู่ด้วยอีกคน และบรรยากาศมันคงจะดีกว่านี้ถ้าคุณยายคนนั้นไม่มานั่งจ้องหน้าและส่งยิ้มให้เธอ…..เฮ้อ เจสสิก้าอยากจะบ้าตายถามอะไรไปคุณยายก็ไม่เคยตอบเอาแต่ส่ายหน้ายิ้มๆอย่างเดียว
น่าเบื่อๆๆๆๆๆ หญิงสาวได้แต่คิดในใจ ทำอะไรก็ไม่ได้เดินไปไหนก็ไม่ได้ขยับตัวทีคุณยายนี่ก็ขยับตามทันที โอ๊ยยยยยย อยากจะบ้าตาย ถ้าจะจับเธอมาแล้วปล่อยให้เธอมานั่งๆนอนแบบนี้หละก็ ปล่อยเธอกลับไปเถอะ อย่างน้อยๆเธอจะได้ไปนั่นไปนี่กับพวกเพื่อนๆให้สมกับที่อดทนทำงานอย่างบ้าพลังตั้งสองสามวัน
พูดถึงเพื่อนๆดวงตาหวานก็เบิกกว้างทันทีป่านนี้พวกนั้นจะรู้รึยังว่าเธอหายไป แล้วจะออกตามหากันรึป่าวหรือเป็นข่าวใหญ่ไปแล้วหรือยัง นักร้องสาวไอดอลสุดสวยหายไปทั้งคนคงเป็นเรื่องใหญ่วุ่นวายแน่ๆ
ทำไงดีสิก้า คิดสิๆ หรือจะไปเคาะประตูห้องแล้วทำท่าหน้าตาหน้าสงสารออดอ้อนให้เค้าเห็นใจแล้วปล่อยไปดีหละ แต่หน้าโหดๆอย่างยัยเตี้ยนั่นจะเห็นใจเธอหรอดีไม่ดีอาจโดนยัยบ้าโรคจิตลามกนั่นทำมิดีมิร้ายเหมือนที่มันพูดจริงๆ โฮ้ววววว คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้
ใบหน้าหวานกำลังจะร้องไห้ออกมาจริงแต่ก็ต้องหยุดไว้ก่อนเมื่อประตูที่ปิดเงียบไปตั้งสามชั่วโมงจู่ๆก็เปิดออกมาพร้อมกับหญิงสาวหน้าสวยคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับส่งยิ้มอย่างใจดี
.
.
.
.
ดวงตาหวานของนักร้องสาวมองใบหน้าสวยที่กำลังส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีด้วยความแปลกใจ จะไม่ให้นักร้องสาวแปลกใจได้ยังไงในเมื่อจู่ๆผู้หญิงน่าสวยคนนี้ก็เดินส่งยิ้มเข้ามาหา
“คุณชื่ออะไรอะ? คำถามสั้นๆที่น่าจะเข้าใจง่ายแต่คนฟังกลับขมวดคิ้วอย่างงงๆ
“จ….จองเจสสิก้า ถ…ถามทำไม?
“โอ๊ะจำชื่อตัวเองได้ งั้นคุณก็ไม่ใช่คนบ้าอย่างที่พี่แทบอกสินะ”
หือคนบ้า? นักร้องสาวเลิกคิ้วด้วยความงุนงงเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากค้าเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ คนบ้า!! ยัยเตี้ยขี้เก๊กโรคจิตนั่นเรียกไอดอลสาวสวยที่ใครๆต่างก็ยกให้เป็นเจ้าหญิงของวงการว่าคนบ้า แถมยังบอกคนอื่นอีกว่าเธอบ้า โอ๊ยยยยย เจสสิก้าอยากจะกรี๊ด อย่าโผล่หน้าออกมาจากห้องนะแม่จะข่วนให้หน้าใสๆนั่นลายจนเป็นรอยเลย ฮึ่ย!!
“เอ้าคุณเป็นไรรึป่าวอะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นหละ”
ยุนอาถามขึ้นอย่างงงๆเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างกับโกรธแค้นใคร
“ป่าว!! แล้วพวกคุณมีไรหละ แล้วจับชั้นมาไว้ที่นี่ทำไม”
คำตอบและคำถามห้วนๆสั้นๆทำให้คนฟังต้องหัวเราะน้อยๆด้วยความตลกขบขัน
“จับหรอ? ไม่มีใครจับคุณซะหน่อยก็เมื่อคืนคุณหนะสลบไปแล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะไปส่งที่ไหนพี่แทก็เลยบอกให้พากลับมาที่นี่”
พี่แท? ว่าแต่ไอ้เตี้ยโรคจิตนั่นชื่อแทหรอ แทอะไร แทแท แทแท้ หรือแทเฉยๆ โอ๊ยแล้วเธอจะสนใจทำไม คิดแล้วก็สะบัดหัวแรงๆอยู่คนเดียวแต่จะชื่ออะไรก็ช่างเถอะอย่างน้อยๆ ยัยบ้านั่นก็เป็นคนดีเหมือนกันแฮะ นึกว่าจะทิ้งให้เธอเป็นลมล้มพับอยู่กับพวกผู้ชายพวกนั้นแล้วชิ่งหนีไปซะอีก
หากแต่นักร้องสาวนึกชมคนที่ถูกด่าว่าเป็นโรคจิตได้ไม่ทันไรก็แทบจะถอนคำพูดคืนแทบไม่ทันเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากหญิงสาวอารมณ์ดีตรงหน้า
“อ้อ แล้วความจริงต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆนะที่ต้องให้นอนที่โซฟา พอดีพี่แทบอกว่าห้องรับแขกมันหรูเกินสำหรับคนบ้าอย่างคุณหนะ เนี่ยถ้าชั้นรู้ว่าคุณไม่ได้บ้านะชั้นคงขอพี่แทให้คุณได้นอนในห้องรับแขกสบายๆไปแล้ว 5555555 ”
“………………….”
ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ อึ้งค่ะอึ้ง เป็นคนบ้าแล้วยังต้องมานอนหลังขดหลังแข็งที่โซฟาอีก โอ๊ยยยยยย เจสสิก้าอยากจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
“อ้อจริงสิ มัวแต่คุยกับคุณเพลินๆลืมไปเลยว่าพี่แทฝากให้มาบอกคุณว่า ให้คุณเตรียมตัวได้แล้ว อีกเดี๋ยวเราจะไปส่งคุณ^^ ”
“…………………….” อึ้งรอบสองค่ะ ไม่มีอะไรจะพูดทีเรื่องสำคัญยัยผู้หญิงอารมณ์ดีคนนี้กลับลืมแล้วแถมยังมาชวนเธอพูดคุยเรื่องบ้าๆอยู่ได้ เหอะ
.
.
.
.
อีกเดี๋ยว!! ในความคิดของคนทั่วไปอาจจะเป็นเวลาไม่นานแต่นี่ชั่วโมงกว่าเข้าไปแล้วที่ผู้หญิงคนนั้นเดินมาบอกให้เธอเตรียมตัวชั่วโมงกว่าที่หญิงสาวต้องนั่งรอ เดี๋ยวบ้าเดี๋ยวบออะไรคิดแล้วก็ให้หงุดหงิดขึ้นมาคอยดูนะออกมาเมื่อไหร่แม่จะด่าให้หูดับเลยนักร้องสาวได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่คนเดียว ไม่สิ!! สองคนกับคุณยายแม่บ้านแก่ๆที่ยังคงนั่งอยู่อีกคน
เสียงประตูที่เปิดเบาๆทำให้คนที่นั่งอารมณ์เสียอยู่ต้องหันไปมอง ใบหน้าเหวี่ยงๆและคำพูดแรงๆที่เตรียมจะหลุดออกมานิ่งค้างอึ้งไปทันทีเมื่อดวงตาหวานๆหันไปพบกับใครบางคนที่กำลังเดินออกมาด้วยท่าทางนิ่งๆหากแต่ดึงดูดสายตา
คนตัวเล็กแลดูบอบบางแต่กลับดูมีอำนาจและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันในชุดสูทสีดำสนิทเข้ารูปดูเรียบหรู ใบหน้าขาวใสอ่อนวัยที่ดูเคร่งขรึมค่อนไปทางหล่อมากกว่าสวยกับผมยาวๆสีน้ำตาลเข้มขับให้เจ้าตัวดูดีจนแทบจะหาที่ติไม่ได้
ไอดอลสาวจ้องมองผู้ที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างไม่อาจละสายตาได้พร้อมกับที่หัวใจดวงน้อยๆเริ่มเต้นรัว มือบางยกขึ้นมาทาบที่หน้าอกด้านซ้ายของตนเองอย่างลืมตัว
นี่เธอกำลังเป็นอะไรไปเพียงแค่ไอ้บ้าโรคจิตน่ากลัวคนนั้นเดินเข้ามาหัวใจที่เคยสงบนิ่งก็กลับเต้นรัว……….
.
.
.
.
“นี่ยัยบ้า เป็นโรคจิตรึไงยืนจ้องหน้ากันอยู่ได้?”
คำถามเรียบๆนิ่งๆฟังดูธรรมดาแต่กลับทำให้คนที่กำลังใจลอยสะดุ้งขึ้นมาทันที นักร้องสาวคนสวยหันไปส่งค้อนวงโตให้คนพูดหน้าตายๆอย่างหมั่นไส้ด้วยใบหน้าขึ้นสีน้อยๆ
เกือบไปแล้วเจสสิก้า…..เกือบหลงไปกับภาพลวงตาที่ไอ้บ้านั่นสร้างขึ้นแล้วมั๊ยหละ ดีนะที่ถอนตัวทัน
“จะกลับรึป่าวบ้านหนะ แต่จะว่าไป ความจริงชั้นไม่ได้อยากจะให้เธออยู่ที่นี่นานหรอกนะ แค่ลากเอาเธอติดมือมาด้วยนี่ ก็เป็นภาระจะแย่”
คำพูดเย็นชาพร้อมกับริมฝีปากบางนั่นที่กระตุกยิ้มเล็กๆ ทำให้นักร้องสาวต้องหันกลับมามองคนพูดด้วยสายตาเอาเรื่องทันทีก่อนจะเอ่ยคำพูดให้คิ้วบางๆของคนฟังต้องกระตุกน้อยๆ
“ฮึ!! ใครเค้าอยากจะอยู่ที่นี่นานกัน น่าอึดอัดยังกับอยู่กับผีดิบดูดเลือดร้อยวันพันปีคงไม่เคยยิ้มเลยมั๊ง แล้วอีกอย่างนะถ้าไม่ใช่เพราะคุณเป็นคนลากชั้นมาชั้นก็คงไม่ได้มาอยู่ที่นี่หรอก”
ทันทีที่นักร้องสวนพูดจบก็เหมือนมีกระแสสายฟ้าฟาดฟันระหว่างสองสายตาที่ยังคงจับจ้องกันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร และมันคงจะเป็นเช่นนั้นอยู่อีกนานถ้าไม่ได้คนสองคนที่ยืนมองอยู่เข้ามาห้ามศึกเสียก่อน
.
.
.
.
ขาเรียวงามชะงักไปเล็กน้อยเมื่อก้าวพ้นออกมาจากตัวลิฟท์แล้วพบกับห้องโถงหรูหราซึ่งถูกจัดตกแต่งไว้อย่างดูดี ดวงตาหวานกวาดมองไปรอบๆก่อนจะอ้าปากค้างน้อยเมื่อกลุ่มชายหนุ่มหลายสิบคนในชุดสีดำสนิทโค้งศีรษะให้คนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างเธอด้วยความเคารพ หญิงสาวอดที่จะเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้างๆไม่ได้ ใบหน้าใสอ่อนวัยแต่แฝงไว้ซึ่งความมีอำนาจทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคนๆนี้คงไม่ใช่นักธุรกิจที่มีฐานะร่ำรวยธรรมดาๆ คงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนที่ถึงขนาดมีคนตายเกิดขึ้นแต่กลับไม่มีสำนักข่าวใดรายงานข่าวออกมา ไหนจะผู้หญิงตัวสูงสองคนในชุดสูทหรูที่ยืนขนาบข้างซ้ายขวายังกับบอดีการ์ดรวมไปถึงกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ยืนเรียงรายหลายสิบคนนี่อีก
ถ้าไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล…...ก็คงเป็นพวกมาเฟียแน่แท้
มือบางๆยกขึ้นมาปาดเหงื่อที่เริ่มไหลซึมออกมาบนใบหน้าอย่างลืมตัวเมื่อความกลัวเริ่มเข้าครอบงำ ทำปากเก่งด่าเค้าไว้ซะเยอะพอลงมาแล้วเจอลูกน้องเค้าเป็นสิบ…….นักร้องสาวก็อดที่จะขาสั่นขึ้นมาไม่ได้
.
.
ภาพมาเฟียชื่อดังที่น่าเกรงขามในชุดสูทสีดำสนิทเรียบหรูดูดีกับผู้หญิงสาวสวยใบหน้าใสๆไร้เครื่องสำอางในชุดเสื้อโค๊ดตัวโตสีหวานมีร่อยรอยดำๆเหมือนอะไรบางอย่างหกใส่เป็นรอยด่างดวง ที่กำลังเดินคู่กันมาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาดีเดินขนาบข้างซ้ายขวาเพื่อไปขึ้นรถหรูที่จอดรอรับอยู่ด้านหน้าตึกดึงดูดสายตาของผู้ที่ได้พบเห็นได้ไม่น้อย เจสสิก้าอดที่จะประหม่าขึ้นมาไม่ได้เมื่อพบกับดวงตาหลายสิบกำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยความสนใจ ถึงแม้จะเป็นนักร้องชื่อดังที่ถูกจ้องมองเป็นกิจวัตรอยู่แล้วแต่ในตอนนี้กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แววตาที่มองมาในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความชื่นชมหรือรักใคร่หากแต่เป็นแววตาที่แสดงถึงความแปลกใจไม่ไว้วางใจและดูเหมือนจะคอยระแวดระวังภัยให้คนที่เดินอยู่ข้างๆเธอในตอนนี้มากกว่า
“จะให้ไปส่งที่ไหน”
ทันที่ที่ประตูรถปิดลงน้ำเสียงนิ่งๆเย่อหยิ่งของคนข้างๆก็เอ่ยขึ้นมา โดยที่ใบหน้าใสอ่อนวัยนั้นไม่ได้เหลือบมามองคนถูกถามเลยแม้น้อย นักร้องสาวเหลือบตามองคนข้างด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่จะเอ่ยชื่อโรงแรมที่พักให้คนถามได้ฟังพร้อมกันกับรถหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปยังจุดมุ่งหมายปลายทาง
เงียบ…..ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างคนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน เจสสิก้าอดที่จะชำเลืองมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากับเอกสารในมือโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างไม่ได้ คิ้วบางของคนข้างๆขมวดมุ่นน้อยๆอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดพอๆกับใบหน้าใสอ่อนวัยที่ดูเคร่งเครียด ดวงตาหวานไล่จับจ้องไปยังทุกส่วนบนใบหน้าขาวๆนั้นอย่างลืมตัวก่อนริมฝีปากบางจะแอบคลี่ยิ้มน้อยๆ
คนบ้าอะไรหน้าตาดีแต่ขี้เก๊กชะมัด
TBC.
มาลงตอนที่สองให้แล้วนะคะ ดูเหมือนว่าจะมีคนอ่านอยู่แต่คอมเม้นค่อนข้างน้อยจริงๆ ตอนที่แล้วมีคอมเม้นเพื่มมาแค่หนึ่งหรือสองคอมเม้นเอง (บางทีฟิคเรื่องนี้คงไม่ค่อยถูกใจรีดเดอร์เท่าไหร่)
แต่ยังไงไรท์เตอร์ขอขอบคุณมากนะคะสำหรับคอมเม้นที่เม้นให้กัน แต่ถึงอย่างนั้นอ่านกันเยอะแต่คอมเม้นน้อยแบบนี้ก็ทำให้ไรท์เสียกำลังใจนะคะ ถ้าหากว่ายังเป็นแบบนี้ต่อไปไรท์เตอร์ก็ขออนุญาตลงตอนนี้ในเด็กดีเป็นตอนสุดท้ายแล้วขอลงฟิคเรื่องนี้แค่ในบอร์ดอย่างเดียว ยังไงรีดเดอร์ก็อย่าว่ากันเลยนะคะเพราะเห็นคอมเม้นน้อยๆแบบนี้แล้วไรท์เตอร์ท้อใจจริงๆ
ปล.สำหรับคนที่ติดตามชื่นชอบ และคอมเม้นให้อยู่บ่อยๆ ไรท์ต้องขอโทษและขอบคุณจริงๆนะคะ
ความคิดเห็น