ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก สัญญามาเฟีย (TaeNy x TaengSic)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 57


    Chapter 1

     

     

    สนามบินอินชอน เกาหลีใต้

     

    เสียงแฟรชและเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มขึ้นภายในตัวอาคารสนามบินทันทีเมื่อคนกลุ่มหนึ่งก้าวเดินออกมาจากประตูเกทของสนามบินเหล่าบรรดาแฟนคลับแฟนไชส์นักข่าวหรือแม้กระทั่งบรรดาปาปารัสซี่จากสื่อสำนักต่างๆ ต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมายกล้องเลนส์ซูมใกล้ไกลหรือแม้กระทั่งกล้องจากโทรศัพท์มือถือต่างถูกยกขึ้นมาโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นคือไอดอลสาวสวยแห่งวง Girl วง girl group อันดับหนึ่งของเกาหลีใต้พ่วงด้วยตำแหน่งนางฟ้าแห่งชาติที่กำลังเดินโบกมือและส่งยิ้มออกมาจากประตูทางออก

     

    คู่แรกที่เดินนำออกมาเรียกรอยยิ้มและเสียงกรีดร้องของเหล่าแฟนคลับคือคู่จิ้นของวง

    ลีซันนี่ ลีดเดอร์ตัวเล็กที่สุดของวงที่มีไม้ตายสยบแฟนคลับคือการแอ๊บแบ๊วน่ารักแบบเรียกกำปั้นมากกว่าเรียกรอยยิ้มและคู่จิ้นตัวโตของเธอ ชเวซูยอง หญิงสาวร่างบางหุ่นนางแบบที่สูงที่สุดในวงทั้งคู่กำลังเดินตีคู่กันออกมาด้วยรอยยิ้ม และที่ตามออกมาติดๆกันคือหญิงสาวหน้าคมกับผมสีบอร์นสลวยรูปร่างบอบบางเจ้าของฉายาแดนซ์ซิ่งควีนของวงคิมฮโยยอน ที่กำลังเดินส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้กับแฟนคลับชายหญิงตลอดสองข้างทางเดิน  และเพียงไม่นานเสียงกรี๊ดกู่ร้องเรียกชื่อศิลปินที่ดังอยู่แล้วก็ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการปรากฏตัวของเมมเบอร์คนสุดท้ายผู้ซึ่งได้รับฉายาจากเหล่าแฟนคลับว่างดงามเสมือนกับเป็น princess ของวง

    หญิงสาวรูปร่างบอบบางสมส่วนใบหน้าเรียวสวยงดงามราวกับรูปสลักรับกับผมที่ยาวสลวยสีน้ำตาลทอประกายทองในชุดเสื้อโค๊ดตัวหนากับกางขายาวสีดำเข้ารูปดูดีบ่งบอกรสนิยมผู้ใส่ได้เป็นอย่างดีทันทีที่เรียวขาก้าวพ้นออกมาจากประตูดวงตาหวานก็จับจ้องไปที่เหล่าบรรดาแฟนคลับที่รายล้อมอยู่รอบข้างอย่างงุนงงเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากบางสวยจะส่งรอยยิ้มสดใสให้เหล่าบรรดาแฟนคลับได้แดดิ้นตาย  มือบางโบกทักทายแฟนคลับชายหญิงทั้งที่ยังแย้มยิ้มก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนสมาชิกของวงเพื่อไปขึ้นรถตู้ที่จอดรอรับอยู่ที่ด้านหน้าของตัวอาคารสนามบิน

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ฮ่องกง

     

    แฟ้มงานขนาดใหญ่สามสี่แฟ้มถูกปิดลงเมื่อลายเซ็นสุดท้ายถูกเซ็นลงกระดาษเรียบร้อย  ปากกาด้ามหรูถูกวางลงบนโต๊ะทำงานก่อนแผ่นหลังบอบบางแต่แข็งแกร่งจะเอนพิงพนักเก้าอี้ด้วยความเมื่อยล้าหลังจากที่ต้องนั่งทำงานมาทั้งวันตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปนานแล้ว นาฬิกาข้อมือบ่งบอกเวลาว่าขณะนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าๆหากแต่คนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกกลับบ้านหรือออกไปไหน ดวงตาคมเข้มเหลือบมองไปที่ประตูเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเคาะเบาๆ ก่อนที่ประตูห้องทำงานจะเปิดออกพร้อมกับการก้าวเข้ามาของหญิงสาวหน้าคมสองคนในชุดสูทหรูสีดำสนิท 

     

     

    “ว่ายังไง”     น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามผู้มาใหม่ทั้งสองโดยที่ใบหน้าอ่อนวัยยังคงเหม่อมองหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่ด้านนอกคือวิวมุมสูงทั้งหมดของเกาะอ่องกง

     

     

    “เรื่องที่คุณคิดน่าเป็นความจริง  ดูเหมือนทางนั้นเริ่มจะติดต่อกับใครบางคนที่อเมริกาแล้ว”        

    ยูริเอ่ยรายงานผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเจ้านายด้วยน้ำเสียงสุภาพอันเป็นลักษณะนิสัยของเจ้าตัวในขณะที่คนฟังเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้านิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ

     

     

    “พี่แท เรื่องนี้เราใจเย็นไม่ได้แล้วนะถ้าปล่อยให้พวกมันตัดหน้าไปก่อน การเซ็นสัญญาครั้งต่อไปของเรามีปัญหาแน่”

    น้ำเสียงร้อนรนของคนที่เป็นทั้งรุ่นน้องและมือซ้ายคนสนิทดังขึ้นมาอย่างคนใจร้อนเมื่อเห็นว่าผู้เป็นทั้งพี่และนายยังคงนิ่งเฉยไม่มีอาการใดๆต่อเรื่องใหญ่ที่พึ่งได้รับ

     

     

    “ใจเย็นสิยุน  แกคิดว่าเราจะปล่อย มัน ไปเฉยๆโดยที่ไม่ทำอะไรเลยรึไง”    

    น้ำเสียงนิ่งๆของผู้เป็นพี่ร่วมสายเลือดทำให้อารมณ์ใจร้อนของคนวู่วามลดลงเล็กน้อยหากแต่ยังคงหลงเหลืออาการฮึดฮัดเล็กๆอย่างคนที่ถูกขัดใจ

    มือขวาคนสนิทเหลือบมองผู้เป็นนายที่ยังคงทำสีหน้านิ่งเฉยอีกครั้ง เค้ารู้จักนิสัยผู้เป็นนายดีนิ่งขรึม สงบ ฉลาดหลักแหลมหากแต่เด็ดขาดและเฉียบคม และไม่ว่ามีเรื่องอะไรเข้ามานายท่านคนนี้สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาดและถูกต้องเสมอ เพราะเหตุนี้ทำให้คิมแทยอนเป็นที่เกรงขามและยอมรับจากคนในตระกูลร่วมถึงผู้รับใช้ทุกคน

     

     

    “ยุนเตรียมเครื่องบินเอาไว้ อีกสามวันชั้นจะไปอเมริกา…..ส่วนแกยูริ เตรียมข้อมูลบริษัทที่มันติดต่อเอาไว้ให้เรียบร้อย”

    น้ำเสียงเรียบนิ่งยังคงถูกส่งมาจากริมฝีปากบางหากแต่แววตาที่ฉายแววบนใบหน้าอ่อนวัยนั้นกลับแข็งกร้าวน่ากลัว

     




     

    “บางทีชั้นควรสั่งสอนมันซะบ้าง ว่าอย่าทำตัวเหมือนหมาลอบกัดกับคนอย่าง คิม- แทยอน”

    .

    .

    .

    .

    .

     


     

    โซล, เกาหลีใต้

     

    “ไปอเมริกา!!!     

                       
    เสียงร้องประสานเสียงของสี่สาวดังลั่นไปทั่วหอพักสุดหรูเมื่อผู้จัดการสาวร่างท้วมเอ่ยบอกตารางงานของวงให้ได้ฟัง

     

     

    “จริงดิ พี่ชินยอง ไม่ได้ล้อเล่นใช่ปะ ดิสนี่แลนด์ๆๆรอชั้นก่อนนะแล้วชั้นจะไปหา”     
                        คิมฮโยยอนสาวขาแดนซ์ของวงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับดวงตาที่ทอเป็นประกายระยิบระยับ

     

     

    “จริงย่ะ แล้วไม่ต้องทำตาแบบนั้นเลย ขนลุก  แล้วอีกอย่างใครจะดิสนี่แลนด์ยะ!!          ผู้จัดการสาวร่างท้วมเอ่ยตอบพร้อมกับผลักหัวศิลปินในสังกัดเบาๆด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดูเล็กๆ

     

     

    “สุดยอดไปเลย ทีนี้หละชั้นจะตะลอนกินให้แหลกเลยคอยดู”       แล้วก็เป็นสาวสวยหุ่นนางแบบของวงที่เอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าอย่างเพ้อฝันเมื่อนึกถึงอาหารชวนอ้วนชนิดต่างๆขึ้นมา

     

     

    “ย๊าส์ๆๆๆ  พอเลยซูยอง เธอคิดว่าชั้นจะปล่อยให้เธอไปตะลุยกินแหลกหรือไงยะ อย่าลืมสิเธอเป็นไอดอลนะอยากใส่ชุดขึ้นโชว์แล้วซิบปริรึไง”  

     

     

    “งั้นไปตะลุยช๊อปปิ้งได้ใช่ปะ”     

     

    คิมชินยองแทบจะเอาหัวโขกกับกำแพงเมื่อได้ยินลีดเดอร์ตัวเล็กของวงพูดขึ้นมา ใครว่าสาวๆวง Girl คือนางฟ้าของชาติ งดงาม เรียบร้อย น่ารัก เพอร์เฟค ชินยองคนนี้อยากจะเถียงขาดใจตั้งแต่เป็นผู้จัดการให้สาวๆพวกนี้มาเธอยังไม่เห็นมุมนั้นเลยสักครั้ง จะมีดีหน่อยก็สวยนี่แหละที่เป็นเรื่องจริงนอกนั้น…….อย่าให้สาธยายเดี๋ยวคนฟังจะพาลรับไม่ได้ความนิยมตกฮวบแล้วเดี๋ยวจะผิดที่ผู้จัดการอีก

     

     

    “นี่พวกเธอช่วยอยู่นิ่งๆเหมือนยัยนั่นได้มั๊ย ชั้นปวดหัว”       ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็หาตัวช่วยอย่างคนที่กำลังนั่งนิ่งๆอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดแบบยัยนั่นก็แล้วกัน

     

     

    อย่างน้อยแม่เจ้าหญิงลูกแมวน้อยของวง……คงจะไม่คิดอะไรแผลงๆอย่างยัยพวกนี้หรอกนะใช่มั๊ย?

     

     

    “ที่ชั้นนิ่งเพราะชั้นคิดว่า ชั้น-จะ-ทำ-ทุก-อย่าง-ที่พวกนี้คิดต่างหากหละ ออนนนนนนี่”        หญิงสาวสวยสุดของวงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มให้ผู้จัดการวงต้องตาโตและอ้าปากค้าง

     

     

    “ย๊าส์!!   สิก้า เจสสิก้า เธอนี่มัน…..มัน  แล้วนั่นพวกเธอจะไปไหนหนะ ย๊าส์ๆๆๆ!!”กว่าผู้จัดการร่างท้วมจะหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนที่แม่ศิลปินสาวตัวดีต่างคนต่างเข้าห้องของตัวเองไปจัดกระเป๋าล่วงหน้ากันก่อนถึงสามวัน

     

     

    “โอ๊ย แล้วนี่จะไม่มีใครถามชั้นเลยสักคนใช่มั๊ยว่าพวกเธอต้องไปทำงานอะไรกัน ฮึ้ย!!  

    ได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียวว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่เลือกมาเป็นผู้จัดการให้สาวๆพวกนี้ แต่เปลี่ยนใจตอนนี้คงจะไม่ทันแล้วหละไหนๆก็ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่นะ

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    เครื่องบินโบอิ้งหรูส่วนตัวของตระกูล คิม ทะยานออกจากสนามบินเพื่อบินลัดฟ้าจากเขตบริหารพิเศษอ่องกงไปยังมหานครนิวยอร์กอเมริกา ในยามค่ำคืนที่ใครหลายคนต่างก็หลับใหลหากแต่บนเครื่องบินหรูนายท่านสูงสุดของตระกูลยังคงเคร่งเครียดกับเอกสารตรงหน้าให้คนสนิททั้งสองต้องมองหน้ากันอย่างหนักใจ

     

     

    “พักก่อนก็ได้นะแทยอน คุณเครียดมาหลายวันแล้ว”          
                        
    ชาร้อนๆตรงถูกวางไว้บนโต๊ะจากความมีน้ำใจของเพื่อนสนิทร่างสูงที่กำลังทิ้งกายลงบนโซฟาตรงข้าม คนเคร่งเครียดทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยขอบใจเบาๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่อยู่ในมืออีกครั้ง

     

     

    “เอ้อจริงสิพี่แท ทำไมคราวนี้พี่ถึงเอาคนของเราไปน้อยนัก ยุนไม่เข้าใจ”     คำถามของยุนอาทำให้คนถูกเอ่ยถามต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะตอบคำถามคนที่ตนเองรักเสมือนน้องแท้ๆด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเคย

     

     

    “จะเอาไปเยอะทำไม  แค่พวกเธอสองคนก็พอแล้วนี่”

     

    คำตอบของผู้เป็นนายทำให้สองคนสนิทต้องขมวดคิ้วเบาๆอย่างไม่เห็นด้วย เพราะถึงแม้ว่าเค้าทั้งสองคนและแทยอนจะเก่งกาจแค่ไหนหากแต่ก็ยังคงไว้ใจไม่ได้ เพราะตระกูลคิมเป็นตระกูลมาเฟียที่กว้างขาวงและมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลอื่น ถึงแม้จะมีพันธมิตรมากหากแต่ก็มีศัตรูมากเช่นกัน  ความปลอดภัยของนายท่านสูงสุดแห่งตระกูลคิมคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาไม่ว่าจะทางดีหรือร้ายล้วนแต่ส่งผลและทิศทางของบรรดามาเฟียกลุ่มต่างในเอเชีย ๆทั้งสิ้นความเป็นไปและความปลอดภัยของนายท่านจึงเป็นสิ่งที่ควรปกปิดเป็นความลับที่สุด 

    ดั้งนั้นถึงแม้ว่าจะมีอิทธิพลมากหากแต่น้อยคนนักที่จะรู้จักตัวจริงของนายท่านแห่งตระกูลคิมแต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ที่ไม่รู้เลย  ยังมีบุคคลในมุมมืดที่ยังรอคอยและซุ่มรอเวลาจัดการกับตระกูลคิมอีกมากมาย โดยเฉพาะมาเฟียตระกูลใหญ่อีกตระกูลหนึ่งซึ่งถึงแม้อำนาจบารมีจะไม่อาจเทียบเท่าตระกูลคิมได้แต่ก็มีผู้เข้ามาภักดีมากมายเช่นกัน

     

     

    “แต่คุณควรระวังตัวไว้หน่อยนะแทยอน ชั้นได้ยินมาว่าพวกมันก็กำลังจะไปที่นั่นเหมือนกัน”      

     

    คำเตือนของเพื่อนสนิททำให้คนเป็นนายยกยิ้มออกมาเล็กน้อยแผ่นหลังบอบบางเอนพิงโซฟาพร้อมกับยกมือขึ้นมากอดอกด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนฟังต้องหัวเราะออกมา

     

     

    “ทำเป็นพูดดีไปยูล  ชั้นรู้ว่าแกสั่งเตรียมคนไว้ที่นั่นพร้อมหมดแล้ว เกินร้อยได้มั๊ง….จริงมั๊ย”

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี  , นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

     

    ร่างบอบบางของหญิงสาวสี่คนพร้อมกับผู้จัดการและเหล่าทีมงานของบริษัทก้าวออกมาจากประตูทางออกของสนามบินด้วยท่าทีสบายๆ  ก่อนที่ทั้งหมดจะต้องตกใจเมื่อออกมาแล้วพบกับกองทัพแฟนคลับบางส่วนดักรออยู่ข้างหน้า  ถึงแม้จะไม่มากมายเท่าแถบเอเชียแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน หญิงสาวร่างบางทั้งสี่โบกมือพร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสไปทักทายบรรดากองทัพแฟนคลับทันทีด้วยความดีใจและตื้นตันใจก่อนจะแจกลายเซนต์และยืนให้แฟนคลับกระหน่ำถ่ายรูป ก่อนที่จะถูกเหล่าทีมงานผู้จัดการและบรรดาการ์ดสนามบินกันตัวออกไปขึ้นรถที่รอรับอยู่ด้านนอกตัวอาคาร

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    เสียงกรี๊ดกร๊าดกู่ร้องเรียกชื่อศิลปินและความวุ่นวายขนาดย่อมๆภายในตัวอาคารของสนามบิน  ทำให้บุคลคลคนในชุดสูทเรียบหรูขนาบข้างด้วยคนสนิทซ้ายขวาและกลุ่มชายฉกรรจ์สี่คนที่เดินตามหลังต้องส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาปนรำคานเล็กน้อย ใบหน้าใสอ่อนวัยที่เคยเรียบเฉยบึ้งตึงเล็กน้อยเมื่อไม่สามารถเดินออกจากประตูสนามบินได้ และอาการนั้นของคนตรงกลางทำให้กลุ่มคนที่ยืนขนาบข้างและล้อมหน้าล้อมหลังเริ่มมองตากันเลิ่กลั่กอย่างใจคอไม่ดี

     

     

    “อ่า……คงจะเป็นพวกศิลปินหนะพี่ เอ๊ย!! นายท่าน เดี๋ยวเค้าก็คงไป”     และก็เป็นคนสนิทคนน้องที่เอ่ยขึ้นเบาๆเพื่อขัดบรรยากาศที่เริ่มน่ากลัวของคนตรงหน้า

    ใบหน้าใสอ่อนวัยของมาเฟียฮ่องกงแสยะยิ้มน้อยๆก่อนจะส่งเสียง ฮึ!!  ในลำคอเบาๆ ให้คนรอบตัวต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ก่อนที่บรรยากาศรอบตัวจะดีขึ้นเมื่อเหล่าศิลปินที่มองไม่เห็นตัวถูกบรรดาทีมงานและการ์ดพาออกจากการรุมล้อมของแฟนคลับไปขึ้นรถจนได้
     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    รถยนต์  PorschePanamera V6 Diesel คันหรูสีดำสนิทราคาแพงลิบตามมาด้วย Mercedes-benzC ClassC250 สีเดียวกันจอดสงบนิ่งอยู่ที่จอดรถของเพนท์เฮาส์หรูแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ทั้งสามก้าวผ่านชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทดำสนิทที่โค้งให้อย่างเคารพเข้าไปภายในก่อนจะเข้าไปในลิฟท์และกดหมายเลขชั้นบนสุดของตัวอาคาร  เพนท์เฮ้าส์หรูตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคารเต็มไปด้วยระบบความปลอดภัยชั้นยอด  ภายในมีทั้งหมด 5ห้องนอน6 ห้องน้ำ ซึ่งสามในห้าเป็นของผู้เป็นเจ้าของและคนสนิทคนละห้อง ส่วนอีกสองห้องจัดไว้รับเฉพาะคนสนิทและคนสำคัญเท่านั้นภายในมีลิฟต์ภายในตัวนอกจากนั้นยังมีห้องเก็บไวน์ ห้องอาหารและพื้นที่ระเบียงโดยรอบ ซึ่งทุกห้องล้วนตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิกตามอย่างรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ

    ถึงแม้จะเป็นเพนท์เฮาส์สุดหรูใจกลางมหานครหากแต่ไม่เคยมีผู้ใดได้ย่างกายเข้ามาในนอกไปจากญาติสนิทรวมไปถึงผองเพื่อนอย่างยูริและยุนอา และผู้หญิงคนหนึ่ง…….

     

     

    คนที่เคยครั้งหนึ่งเกือบจะเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกันกับ คิมแทยอน

     

     

    มือบางปลดกระดุมและถอดเสื้อสูทตัวหนาพาดไว้อย่างเป็นระเบียบบนเก้าอี้ทำงานในห้องนอนส่วนตัว ก่อนที่ร่างบอบบางจะทิ้งกายลงบนเตียงหรูอย่างเหนื่อยอ่อน ในระยะสองปีหลังมานี้ไม่บ่อยนักที่เค้าจะมาพักที่เพนท์เฮาส์แห่งนี้นอกซะจากว่าต้องมาติดต่อธุรกิจที่อเมริกาไม่เหมือนกับเมื่อ 5 ปีก่อน ที่เค้าพักอยู่ที่นี่ทุกวันเมื่อครั้งมาเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับยูริยุนอา มหาวิทยาลัยที่ทำให้เค้าได้พบกับ

     

     

    ผู้หญิงคนหนึ่ง……….     

     

     

    ดวงตาคมเข้มปิดลงพร้อมกับสะบัดหัวน้อยๆเพื่อขับไล่ภาพความทรงครั้งเก่าให้ออกไปจากความคิด หากแต่ทำยากเหลือเกินเหมือนว่ายิ่งหลับตายิ่งสะบัดหัวไล่ความคิดเท่าไหร่ก็เหมือนภาพนั้นกลับยิ่งตามมาหลอกหลอนอย่างชัดเจนเมื่อข้าวของทุกชิ้นในห้องยังคงถูกจัดวางไว้ที่เดิมไม่ต่างจากเมื่อก่อนตอนที่เค้าและใครบางคนยังคงใช้ชีวิตด้วยกัน

    สองมือยกขึ้นมาบิดบังใบหน้าอ่อนวัยเหมือนกับจะสกัดกั้นความเจ็บปวดภายในหัวใจและหักห้ามน้ำตาไม่ให้มันรินไหลออกมาจากหัวใจที่เคยแตกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี มาเฟียผู้แข็งกร้าวและเย็นชาต่อทุกสิ่งกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับภาพความทรงจำอันแสนหวานหากแต่สร้างความเจ็บปวดจนเจียนตายในวันวาร

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “กรี๊ดดดดด  หรูสุดๆ”    

                        
    เสียงกรีดร้องแสดงความพึงพอใจจากกลุ่มนางฟ้าแห่งชาติเกาหลีดังขึ้นมาทันทีเมื่อร่างบอบบางทั้งหมดย่างเท้าลงจากรสบัสส่วนตัวแล้วพบกับโรงแรมสุดหรูใจกลางมหานครนิวยอร์ก หากแต่แสดงด้วยความพอใจไร้จริตจก้านอย่างลืมตัวได้เพียงแป๊บเดียวไอดอลทั้งสี่สาวก็ต้องรีบเก็บอาการเปลี่ยนเป็นนางฟ้าเกาหลีทันที  เมื่อพบกับกลุ่มแฟนคลับขนาดย่อมๆที่ยืนรวมกลุ่มดักรอพร้อมกับป้ายไฟอยู่หน้าโรงแรม

    คิมชินยองส่ายหัวกลมๆของตนน้อยๆอย่างเหนื่อยใจก่อนที่ไล่ต้อนผลักดันและกีดกันเหล่าบรรดาแฟนคลับบ้าคลั่งให้ออกห่างจากสาวๆในความดูแลของตนเอง ซึ่งกว่าจะฝ่าฝูงชนได้ก็ทำเอาน้ำหนักตัวที่มีจนล้นแทบลดลงไปในทันทีภายในวันเดียว

     

     

    “ออนนี่ซูนอนกะซันนะ ให้ฮโยนอนกะสิก้าไป” 
     

     

    ทันทีที่เข้ามาภายในโรงแรมไอดอลตัวสูงของวงก็ออดอ้อนจัดแจงแบ่งห้องนอนเองเสร็จสับให้คนตัวเล็กที่ถูกเอ่ยถึงต้องหันมามองอย่างงงๆ ก่อนจะโวยวายด้วยความเขินอายเมื่อคนอื่นๆต่างพากันยกยิ้มล้อเลียนอย่างรู้กันดี

     

     

    “โอ๊ยยยยย ยังโย่งไม่มีใครเค้าแย่งเธอหรอก ใครๆเค้าก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าเธอสองคนอะ  โอ๊ย!! เจ็บนะออนนี่”       

     

    ยังไม่ทันที่ไอดอลสาวขาแดนซ์จะได้พูดจบประโยคก็ถูกมืออ้วนป้อมของผู้จัดการโบกเข้ากับศีรษะเต็มๆไม่เหลือภาพลักษณ์ไอดอลเกิลร์กรุ๊ปอันดับหนึ่งของเกาหลี นอกจากนั้นยังไม่พอยังมีสายตาพิฆาตส่งกลับมาให้คนเกือบหลุดพูดความจริงต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากยากเย็น

     

     

    “เงียบๆแล้วเอากุญแจขึ้นห้องเธอไปซะ!! อ่อ แล้วอีกอย่าง ลากยัยนี่ขึ้นไปด้วย ดูซิยืนตาจะปิดจนหมดภาพเจ้าหญิงของวงแล้วเนี่ย”     

    หญิงสาวทั้งสามพยักหน้าน้อยๆเมื่อได้ยินผู้จัดการส่วนตัวพูดจบก่อนจะพากันเดินไปที่ลิฟท์ของโรงแรมโดยที่ไม่ลืมลากเจ้าหญิงของวงที่กำลังจะแบตหมดอยู่รอมร่อให้ขึ้นไปด้วย

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    เสียงเคาะประตูห้องเบาๆทำให้คนที่นอนปล่อยใจและน้ำตาอยู่ต้องยกหัวขึ้นน้อยๆก่อนจะปาดน้ำตาลวกออกจากใบหน้าของตนเอง  คิ้วเรียวสวยคลายลงพร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้งเมื่อพบว่าผู้เป็นเพื่อนสนิทกำลังเดินเข้ามาในห้อง

    ดวงตาคมยืนมองผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเจ้านายด้วยแววตาห่วงใยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆกับผู้ที่นอนปิดหน้าตัวเองอยู่  มือบางบีบไหล่เล็กๆของผู้เป็นเพื่อนอย่างปลอบใจหากแต่ไม่มีใครพูดใดหลุดออกมา มีแค่เพียงการกระทำที่แสดงออกถึงความรู้สึกทั้งหมดระหว่างกัน

     

    .

    .

    .

     

    “ยูล ตอนนี้ชั้นน่าสมเพชมากมั๊ย”    

     

    เสียงผ่อนคลายถูกส่งออกมาให้คนนั่งมองอยู่ต้องยกยิ้มบางๆ  นานแล้วตั้งแต่ที่แทยอนขึ้นรับตำแหน่งและแบกรับอะไรมากมายถึงแม้ทั้งคู่จะยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันหากแต่ไม่บ่อยนักที่คนที่กำลังนอนอยู่จะผ่อนคลายและเป็นดังเช่นแทยอนธรรมดาๆเหมือนสมัยเรียนด้วยกันไม่ใช่นายท่านของทุกคนอย่างปัจจุบัน

     

     

    “ไม่หรอก มันไม่ผิดถ้าแกจะปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาบ้าง ยังไงแกก็เป็นแค่คนธรรมดาไม่ใช่คนเหล็กหรือหุ่นยนต์นะไอ้แท”

     

    ร่างสูงตบเบาๆที่บ่าของเพื่อนสนิทก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายและเป็นกันเองไม่แพ้กัน ไม่ใช่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงหากแต่ยูริเป็นคนที่วางตัวดีเสมอว่าเวลาไหนควรจะวางตัวเช่นไร

     

     

    “ขอบใจมากนะยูล แกคือคนที่เข้าใจชั้นที่สุด”    

     

    มือบางบีบตอบมือของอีกคนที่ยังคงวางอยู่บนไหล่อย่างขอบคุณเบาๆ  เค้าอ่อนแอได้เค้ารู้……แต่ไม่ตลอดไปหรอก เพราะในเวลานี้เค้ายังมีอีกหลายอย่างต้องทำ…….

     

    ในฐานะนายท่านแห่งตระกูลคิม……

     

    โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการให้เสร็จในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    รถยนต์ Porsche สีดำคันหรูพร้อมรถยนต์ติดตามสีเดียวกันอีกสองคันขับเข้ามาจอดหน้าบริษัทส่งออกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอเมริกา  ร่างเล็กหากแต่แลดูสง่าและน่าเกรงขามในคราวเดียวกันในชุดสูทกับกางเกงเข้ารูปและรองเท้าหนังสีดำ ก้าวเท้าลงมาจากรถพร้อมคนสนิทซ้ายขวาในชุดสูทหรูเรียบไม่แพ้กันก่อนที่จะก้าวเข้าไปยังภายตัวอาคาร

    .

    .

    .

     

    รอยยิ้มน้อยๆถูกส่งออกมาริมฝีปากบางสวยหากแต่แลดูมีอำนาจและน่าเกรงขามสำหรับผู้พบเห็น ผู้บริหารระดับสูงวัยกลางคนยกยิ้มเล็กๆในขณะที่ประเมินและดูท่าทีของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำแห่งตระกูลมาเฟียชื่อดัง ผู้หญิงตัวเล็กๆหากแต่ฉลาดหลักแหลม เด็ดขาด และดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ตลอดระยะเวลาที่ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาเค้าสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาจากเธอ และยิ่งเมื่อได้มีการพูดคุยตกลงเจรจากันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกทึ่งและแปลกใจเข้าไปใหญ่

     

    คิมแทยอนคนนี้ เหมาะสมแล้วที่จะเป็นผู้นำของมาเฟียตระกูลดัง และเหมาะสมแล้วที่เค้าจะทำธุรกิจด้วยที่สุด

     

    สัญญาการค้าสองฉบับซึ่งกลุ่มบริษัททั้งสองตกลงทำร่วมกันถูกยื่นให้ทั้งสองฝ่ายก่อนที่มือหนาและมือบางจะจับกันเบาๆบ่งบอกถึงการตกลงระหว่างกัน ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างยอมรับกับความสามารถของอีกคนด้วยความจริงใจ

     

     

    “หวังว่าธุรกิจระหว่างเราจะเป็นไปด้วยดีนะครับ คุณแทยอน”

     

    “แน่นอนค่ะ ตราบใดที่คุณยังไว้ใจเราและเรา ยังไว้ใจคุณ”     คำพูดสบายๆหากแต่แฝงความในให้คนเข้าใจความหมายต้องยกยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างคนที่รู้ทันซึ่งกันและกัน

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


     

    !!!!

     

    เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นด้วยความไม่พอทำให้คนสามสี่คนในห้องทำงานขนาดใหญ่ต้องสะดุ้งและหวาดผวาไปตามๆกัน หลังโต๊ะทำงานที่พึ่งถูกทุบคือชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังยืนกำหมัดแน่นด้วยความโมโหริมฝีปากหนาปิดสนิทอย่างข่มอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเย็นๆตัดขั้วหัวใจคนฟังออกมาอีกครั้ง

     

     

    “ไหน พวกแกลองบอกชั้นอีกทีสิ ว่าคิมแทยอนมันทำอะไรนะ”

     

     

    “ค…..คือ   

     

     

    “คืออะไร!!!

     

    น้ำเสียงสั่นๆด้วยความหวาดกลัวถูกส่งออกไปหากแต่คนพูดต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อน้ำเสียงทรงอำนาจตวาดออกมา

     

     

    “คือ  คิมแทยอนมันเซ็นสัญญาซื้อขายอาวุธกับคุณโทมัส ตัดหน้าเราครับนาย”   

     

    เพียงแค่คำพูดสุดท้ายหลุดออกมาร่างกายของคนที่พึ่งพูดจบก็กองลงกับพื้นทันทีด้วยวัตถุสีเงินเก็บเสียงที่มีควันลอยออกมาจากปลายกระบอกเล็กน้อย

     

    ดวงตาคมลุกวาวด้วยความน่ากลัว คิมแทยอน มาเฟียตระกูลคิม ตระกูลมาเฟียเก่าแก่และยิ่งใหญ่กว่าตระกูลใดๆ

    หากแต่ไม่ใช่กับ ตระกูล  หลาง  ของเค้า หลางซื่อหมินซึ่งตอนนี้คือนายใหญ่คนปัจจุบัน

     

    มือหนากำด้ามจับกระบอกปืนแน่นด้วยความแค้นใจ กี่ครั้งแล้วที่ หลางซื่อ ต้องแพ้ให้  คิมกรุ๊ป กี่ครั้งแล้วที่เค้าต้องแพ้ให้คิมแทยอน ผู้หญิงตัวเล็กๆหากแต่ร้ายกาจจนยากจะรับมือ ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มเมื่อคิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ รอยยิ้มที่ทำให้คนที่เห็นต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

     

     

    ถึงแม้ว่าครั้งนี้คิมแทยอนจะได้เซ็นต์สัญญาไป…..หากแต่ว่าสัญญาคงจะไม่มีผลอะไร ถ้าคนเซ็น  ได้ตายไปแล้ว……..

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “โอ๊ยยยยย เสร็จซะที”      

     

    ร่างบอบบางของแดนซ์ซิ่งควีนของวงทิ้งกายลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่อย่างหมดสภาพตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของคนตัวสูงประจำวงที่นอนทับลงมา และร่างเล็กสุดของลีดเดอร์ที่ทิ้งตัวแผ่หลาอย่างหมดสภาพลงใกล้ๆกัน  จะมีก็แต่เพียงหญิงสาวร่างบางใบหน้าเรียวสวยคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ไม่ใช่เพราะมีพลังงานเหลือเฟือเต็มที่หากแต่ตรงกันข้ามแบตใกล้จะหมดอยู่รอมร่อแต่ไม่สามารถทิ้งตัวลงบนเตียงได้เพราะพื้นที่เต็มจนไม่สามารถแทรกกายลงไปได้จึงทำได้เพียงลากขาคนนั้นโน้นทีคนนั้นทีเพื่อขยับหาช่องว่าง

     

    “ย๊าส์ พวกเธอไปนอนที่ห้องตัวเองสิมานอนอะไรห้องชั้น”สุดท้ายแล้วหญิงสาวสุดสวยที่น่าสงสารก็ไม่สามารถแทรกกายลงไปได้จึงทำได้เพียงลากผ้าห่มและหมอนลงมานอนข้างๆเตียงแทน

     

    ความจริงบรรดาไอดอลสาวจะหมดสภาพก็คงจะไม่แปลกอะไรเพราะหลังจากที่ได้พักเต็มอิ่มแค่เพียงวันเดียว  วันเดียวเท่านั้นหลังจากนั้นบรรดาสาวๆทั้งหลายก็ต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพราะการปลุกสุดโหดของผู้จัดการสาวคิมชินยองเพื่อลุกขึ้นมาถ่ายโฟโต้บุค บวกเอ็มวีตัวใหม่ถึงสองวันสองคืนเต็มๆด้วยข้ออ้างสุดเย้ายวนใจคือ

     

     

    จะได้รีบทำงานรีบเสร็จไวๆเพื่อเอาเวลาที่เหลือไปพักผ่อนและท่องเที่ยวตามที่เพ้อฝันกันไว้

     

    และเพราะเหตุผลลมๆข้อนี้ทำให้ทั้งสี่คนต้องทำงานอย่างบ้าพลังสุดชีวิตก่อนจะหมดแรงมานอนกองกันหมดสภาพนางฟ้าแห่งชาติอย่างที่เห็นและพากันสลบไสลไปในที่สุด

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ดวงตาหวานปรือขึ้นมาอย่างงัวเงียเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงความมืดมิดภายในห้อง มือบางควานหาโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเพื่อดูเวลาก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกเมื่อในเวลานี้ปาไปเที่ยงคืนกว่าๆเข้าไปแล้ว

     

     

    มิน่าหละถึงรู้สึกหิวๆพี่ชินยองนะพี่ชินยองทีอย่างนี้หละไม่มาปลุกกัน

     

    ร่างบอบบางลุกขึ้นเดินเปะปะพร้อมกับคลำหาสวิตซ์ไฟภายในห้องก่อนที่จะเปิดขึ้นและริมฝีปากบางหัวเราะเสียงดังทันทีเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนแต่ละคน ซูยองยังคงนอนทับฮโยยอนโดยมีซันนี่ที่กลิ้งไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้นอนทับอยู่บนตัวอีกที

    หลังจากที่หัวเราะและถ่านรูปเตรียมแบล็คเมเพื่อนอยู่คนเดียวจนหมดแรงความหิวก็เริ่มครอบงำอีกครั้ง จากมือบางที่สะกิดเพื่อนเบาๆด้วยความเกรงใจในตอนแรกเปลี่ยนเป็นถีบแรงๆจนคนที่นอนกองกันอยู่ต้องกลิ้งตกเตียงลงไปนอนร้องโอดโอยโวยวายดังลั่นห้อง

     

     

    “ก็พวกแกอะนอนกินบ้านกินเมืองไม่หิวกันรึไง”       ร่างบางเฉไฉกลบเกลื่นทันที่เมื่อเห็นหน้าตาที่เริ่มจะเอาเรื่องของเพื่อนๆ

     

     

    “แล้วแกหละ ตื่นนานแล้วนี่”      ลีดเดอร์ตัวเล็กยืนกอดอกถามเพื่อนสาวด้วยตาขวางๆ

     

     

    “ก….ก็ พึ่งตื่นเหมือนกันอ่า ก็มันหิวนี่  พวกแกไม่หิวรึไงเที่ยงคืนกว่าแล้วนะ”

     

    คำว่าเที่ยงคืนกว่าทำให้บรรดาเมมเบอร์ที่เหลือตาลีตาเหลือกอย่างตกใจขึ้นมาทันทีก่อนจะพร้อมใจกันบ่นให้ผู้จัดการร่างท้วมอย่างเซ็งๆและก็ต้องเซ็งหนักมากขึ้นไปอีกเมื่อต่างก็เกี่ยงกันเพราะไม่อยากโทรไปรบกวนครัวของทางโรงแรม จนในที่สุดก็เหลือทางเลือกสุดท้ายคือลงไปซื้ออาหารจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆโรงแรม และความโชคดีก็มาตกที่……..

     

     

    “โอ๊ยยยย ชั้นเป็นคนปลุกพวกแกนะทำไมชั้นต้องลงมาซื้อด้วยเนี่ย หนาวก็หนาวหิวก็หิว ฮือ”      หญิงสาวร่างบางที่มีใบหน้างดงามราวกับรูปสลักร้องประท้วงกับเพื่อนร่วมชะตากรรมเบาๆ

     

     

    “เอาน่าแกจะบ่นทำไมสิก้า ชั้นก็ลงมากับเหมือนกันเนี่ย”     ลีดเดอร์ตัวเล็กบ่นเบาๆด้วยความเซ็งไม่แพ้กัน ก่อนที่จะลากมือเพื่อนสาวเดินร่าวๆเข้าร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วยความรวดเร็ว

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ร่างเล็กในชุดเสื้อโค้ดตัวหนาสีดำสนิทเดินปล่อยอารมณ์อย่างคนใจลอยอยู่เพียงลำพังไม่ไกลจากสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ความจริงจะว่าเดินคนเดียวก็คงไม่ถูกนักในเมื่อเพื่อนสนิทของเค้าพ่วงด้วยตำแหน่งมือขวาส่งคนคอยติดตามรักษาความปลอดภัยรวมทั้งเจ้าตัวเองก็คงจะอยู่ไม่ห่างจากเค้าเท่าไหร่  ไม่ใช่ไม่รู้เค้ารู้แต่เพียงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้นเค้ารู้ดีว่ายูริและยุนอาห่วงความปลอดภัยของเค้าแค่ไหน

     

     

    หากแต่เค้าต้องการแค่เพียง……เดินเล่นไปเรื่อยๆในสถานที่คุ้นเคยในความทรงจำเพียงเท่านั้น

     

    เสื้อโค้ดตัวหนาถูกกระชับแน่นขึ้นเมื่อเจ้าตัวรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างรอบตัวมือเล็กค่อยๆล้วงเข้าไปในเสื้อโค้ดพร้อมกับสองขายังคงเดินไปเรื่อยอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ผิดสังเกตใดๆ หากแต่เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวที่ใครคนหนึ่งในเสื้อคลุมหนาสีดำสนิทกำลังจะเดินเข้าใกล้มาวัตถุสีเงินเงางามภายในเสื้อโค้ดก็ถูกชักออกมาพร้อมกับเสียงปืนที่ดังสนั่นขึ้นท่ามกลางความมืดมิดทันที


     

     

    ปั้ง!!!!!

     

     

    ร่างบางในชุดเสื้อคลุมตัวหนาสีหวานสะดุ้งเล็กน้อยเมื้อได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายเสียงจุดพลุอยู่ไม่ไกลหากแต่ไม่ได้สนใจอะไร  ดวงตาหวานยังคงมองเข้าภายในร้านสะดวกซื้อซึ่งเพื่อนตัวเล็กของตัวเองกำลังรออาหารที่อุ่นจากไมโคเวฟจากพนักงานชีกอขี้หลีภายในร้าน 

    โกโก้ร้อนในมือยังคงถูกดูดไปได้ไม่ถึงเมื่อที่ใครบางคนจะวิ่งเข้าชนเธอเต็มๆจนคนทั้งคู่ล้มก้นจ้ำเบ้าและแก้วน้ำร้อนๆหกรดตัวเธอเต็มๆ

     

     

    “โอ๊ยยยยยยย อยากตายรึไงยัยบ้าหลบไปเซ่”                                                                    

                       
    สองเสียงร้องขึ้นพร้อมกันพร้อมกับที่คนตัวเล็กกว่าบ่นขึ้นเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงชัดเป๊ะรัวๆแล้วลุกขึ้นเตรียมจะวิ่งอีกครั้งหากแต่ไปไม่ได้เพราะถูกมือเรียวดึงไว้ด้วยสีหน้าเอาเรื่องไม่แพ้กัน

     

     

    “ฮึ่ยยย  ยัยบ้าชนแล้วจะหนีหรอดูสิโกโก้มันหกรดเสื้อชั้นหมดแล้วเนี่ยเห็นมั๊ย”    

     

    คิมแทยอนแทบอยากจะบ้าตายทันทีเมื่อได้ยินคนตรงหน้าบ่นกลับมาด้วยภาษาเดียวกันอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ยัยบ้านี่ไม่ได้ยินเสียงปืนรึไงนะ แล้วอีกอย่างไอ้พวกนั้นก็กำลังตามมาทางนี้แล้วด้วยลำพังยูริยุนอาและลูกน้องสามสี่คนคงเอามันไม่อยู่แน่เล่นขนกันมาเป็นสิบซะขนาดนั้น 

     

     

    “นี่ยัยบ้าปล่อยซี่ เธออยากตายรึไงห๊า”    

                        
    มือเล็กพยายามสะบัดออกจากการเกาะกุมของยัยหน้าสวยแต่มือเหนียวเป็นบ้าก่อนจะตัดสินใจลากเอาคนหน้าเหวี่ยงไปด้วยเมื่อเห็นชายสามสี่คนกำลังวิ่งตามมาพร้อมกับเล็งปืนมาที่เค้าและเธอ

     

     

    “ว๊ายยยย จะลากชั้นไปไหนหนะยัยโรคจิต ปล่อยนะชั้นบอกให้ป……     

                        น้ำเสียงขาดหายไปทันทีมือเสียง ปัง ดังขึ้นรัวๆใกล้ๆหู  เดี๋ยวนะถ้าเธอยังมีสติดีอยู่เธอเห็นยัยผู้หญิงตัวเล็กคนนี้พึ่งจะยกปืนขึ้นมายิงไปทางข้างหลัง

    ทันทีที่นึกได้ใบหน้าเรียวสวยหันหลังกลับทันทีทั้งที่กำลังวิ่งอยู่และภาพที่เห็นก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นผู้ชายสามสี่คนกำลังวิ่งตามมาล้มลงทีละคน หากแต่คนที่เหลือที่วิ่งตามมายังคงยกปืนและยิงมาทางเธอและเค้าเหมือนเดิม

     

     

    อะไร ยังไง เกิดอะไรขึ้น หรือเค้ากำลังถ่ายหนังฮอลลีวูดกัน?

     

     

    ใช่แน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ ยิงกันกลางเมืองแบบนี้ถ่ายหนังชัวร์ แล้วกล้องก็คงแอบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง  หญิงสาวได้แต่คิดและยิ้มอยู่คนเดียวหากแต่ยังคงก้มหัวหลบกระสุนตามสัญชาตญาณเป็นระยะๆ

     

     

    ดีแฮะ……ได้เป็นดาราจำเป็นออกกล้องของฮอลลีวูดซะด้วย แค่นี้ก็คุ้มแล้วเจสสิก้ายิ้มไว้ๆ เดี๋ยวออกกล้องไม่สวย

     

     

     

    “นี่ยัยบ้า บ้าไปแล้วรึไงเค้าจะฆ่าเธอยังจะมายิ้มอีก”

     

    แทยอนอดไม่ได้ที่จะตวาดยัยผู้หญิงหน้าสวยแต่ท่าจะบ้าด้วยความหงุดหงิดเมื่อความเป็นและความตายห่างกันแค่ชั่วเสี้ยวเดียวของวินาทียัยผู้หญิงคนนี้ยังคงเอาแต่ยิ้มอยู่ได้

     

     

    “เอ้าต้องยิ้มสิคุณ เดี๋ยวออกกล้องแล้วไม่สวย”

     

    คำตอบของคนที่วิ่งอยู่ข้างๆแทบจะทำให้มาเฟียชื่อดังอย่างคิมแทยอนแทบจะสะดุดล้มไปกองที่พื้นทันที กล้อง? กล้องบ้ากล้องบออะไรสงสัยยังนี่คงจะบ้าจริงๆ ไม่น่าคว้าติดมือมาด้วยเลยให้ตายสิ

     

    ถึงแม้จะหงุดหงิดและโมโหแค่ไหนหากแต่มือแข็งแกร่งยังคงจับกระชับมือบางของอีกคนโดยกึ่งลากกึ่งจูงผู้หญิงในเสื้อโค๊ดสีหวานให้วิ่งตามกันก่อนจะผลักร่างบางของผู้หญิงคนนั้นให้เข้ามาหลบในซอกตึกแคบๆแล้วดันตัวเองตามเข้ามาติดๆ

     

     

    “เงียบ!!     น้ำเสียงนิ่งกึ่งโมโหถูกส่งออกไปพร้อมกับมือเรียวเล็กปิดปากหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากทันที

     

    คำสั่งเดียวของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ปากที่กำลังจะอ้าต้องหุบนิ่งทันทีพร้อมกับหัวใจดวงน้อยๆที่เริ่มจะทำงานหนักและเต้นรัว ไม่ใช่เพราะจากการวิ่งในระยะทางที่ค่อนข้างไกลหากแต่เป็นเพราะใบหน้าขาวๆใสๆที่พราวไปด้วยเม็ดเหงื่อที่เริ่มจะขึ้นสีน้อยๆเพราะความเหนื่อยอ่อนของคนตรงหน้าซึ่งอยู่ไม่ไกลเพียงแค่ฝ่ามือกั้นเท่านั้น

     

    ดวงตาคมของมาเฟียชื่อดังยังคงจับจ้องไปที่ช่องเล็กของซองตึกด้วยความระแวดระวัง ก่อนที่เสียงปืนจะดังสนั่นขึ้นรัวๆพร้อมกับร่างบอบของคนตรงหน้าสะดุ้งน้อยๆด้วยความตกใจ มือบางข้างที่ถือปืนกระชับเกร็งแน่นอย่างเตรียมพร้อมเหนี่ยวไกเต็มที่หากมีใครสักคนโผล่เข้ามา  และเพียงไม่นานเสียงปืนที่เคยดังอย่างต่อเนื่องก็เงียบสงบลง ร่างเล็กผ่อนคลายการเกร็งลงเล็กน้อยหากแต่ยังคงไม่ลดปืนในมือลงก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินเสียงของคนคุ้นเคย

     

     

    “แทยอนเป็นยังไงบ้าง”      ยูริเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันทีเมื่อเห็นร่างเล็กที่พวกเค้าตามหาเดินออกมาอย่างปลอดภัย

     

     

    “ไม่เป็นไร แล้วคนอื่นๆหละ”     น้ำเสียงเรียบๆหากแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นซากของฝ่ายตรงข้ามนอนตายเกลื่อนกลาดเต็มพื้นถนน

     

     

    “ปลอดภัยดี คนของเราบาดเจ็บไปสาม”    ยูริยังคงตอบเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบปนหวาดกลัวเล็กน้อย นี่ถ้าเค้าไม่โทรสั่งให้คนของเรามาช่วยเหลือยูริไม่อยากจะคิดเลยว่าทั้งเค้าและนายท่านจะเป็นยังไง

     

    “พี่แทเป็นไงมั่งอะอ้าวแล้วนี่ใครหละ”       

     ยุนอาที่วิ่งตามมาทีหลังเอ่ยถามผู้เป็นพี่ด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าสวยคนหนึ่งยืนจับมือผู้เป็นทั้งพี่และนายด้วยใบหน้างงๆ

    คำถามของยุนอาทำให้ยูริหันกลับไปมองทันทีเมื่อกี๊มัวแต่กังวลและเป็นห่วงแทยอนจนไม่ได้มองว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ข้างๆเจ้านายของตัวเอง

     

     

    “ไม่รู้สิ ติดมือมา”    

     

    คำตอบเรียบๆกับน้ำเสียงนิ่งๆของผู้เป็นนายทำให้คนสนิทสองพี่น้องตั้งหันมาสบตากันด้วยความตกใจ หมายความว่ายังไงติดมือมา หากแต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรร่างบางข้างๆเจ้านายก็เอ่ยคำพูดขึ้นมาเสียก่อน คำพูดที่ทำให้สองพี่น้องตกใจยิ่งกว่าคำพูดเมื่อสักครู่ที่ออกมาจากปากของแทยอน

     

     

    “นี่ๆ พวกคุณนี่ถ่ายหนังสมจริงกันจริงๆเนอะ นอนตายกันเกลื่อนเลยเอฟเฟคก็เหมือนจริงมากกก แถมเลือดกับแผลก็ยังสมจริงอีกดูสิหัวพรุนเลย”

     

    หากแต่เจสสิก้าก็พูดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะเป็นลมล้มพับลงไปให้คนตัวเล็กกว่าได้คว้าเอาไว้ได้ทันเมื่อจู่ๆตัวเองดันก้มลงไปดูบาดแผลที่หัวของชายคนหนึ่งแล้วเกิดเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกยิง

     

     

    “อ้าวนั่นเป็นลมไปเลย แล้วจะทำยังไงดีหละพี่แท”

     

    คิ้วบางกระตุกเล็กๆก่อนจะก้มลงมองคนที่เป็นลมคอพับคออ่อนในอ้อมกอดด้วยสายตาเอือมระอา 

     


     

     

    “จะทำไงได้อีกหละ นอกจากจะต้องแบกยัยบ้านี่กลับไปด้วย”

     




     

     

    TBC.










    TALK

    มาลงตอนที่หนึ่งให้แล้วนะคะ   อ่านแล้วก็คอมเม้นเป็นกำลังใจให้กันบ้างไรท์เตอร์จะได้มีกำลังใจลงต่อได้เรื่อยๆ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×