ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก สัญญามาเฟีย (TaeNy x TaengSic)

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 57


    Chapter 10

     


     

    “กรี๊ดดด ยัยสิก้าเล่ามาเดี๋ยวนี้นะ อะไรยังไง!!”      

     
     

    เสียงลีดเดอร์ตัวเล็กของวงกรีดร้องขึ้นทันทีที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านและหญิงสาวสองคนสนิทเดินออกไปจากห้องรับแขกสุดหรู  ดวงตากลมโตหรี่มองใบหน้าสวยหวานของเพื่อนสาวด้วยแววตาล้อเลียนให้คนถูกมองต้องหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย

     

     

    “อ……อะไร”     ดวงตาคู่หวานหลบสายตาแวววาวของเพื่อนสนิทที่มองมองทั้งที่ใบหน้าหวานๆนั้นยังขึ้นสีจางๆ ด้วยในใจนั้นรู้ความหมายของคำถามนั้นอยู่แล้ว

     

     

    “อย่ามาตีมึนสิก้า  จะต้องให้ชั้นเล่าโดยละเอียดมั๊ยว่า อะ - ไร ยัง - ไง”    

     คิมโฮยอนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจิกกัดเล็กๆ แต่สายตาและริมฝีปากยังคงส่งรอยยิ้มล้อเลียนปนหมั่นไส้ให้คนถูกมองต้องใบหน้าร้อนผ่าว

     

     

    “ก…….ก็ไม่มีอะไรนี่ แล้ว ย่าส์!!!!  จะพากันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำไมกันยะ เอาหน้าออกไปห่างๆเลย”   

     

    เจ้าของใบหน้าหวานตอบตะกุกตะกักก่อนจะโวยวายขึ้นมาด้วยความเขินอายเมื่อเพื่อนสาวทั้งสามและหนึ่งผู้จัดการ พร้อมใจกันหรี่ตายื่นหน้าเข้ามาหาเธออย่างจับผิดจนหน้าของทั้งสี่คนแทบจะติดกับใบหน้าของเธอ

     

     

    “แหมๆๆๆ ไม่มีอะไร เราไม่ได้ตาบอดนะยะที่จะไม่เห็นว่าเธอกับคุณแทยอนกำลังจะจู…….โอ๊ยยย!!!!”  

    ซูยองพูดพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนปากยื่นปากยาวทำท่าจะจูจุ๊บใส่เพื่อนสาว หากแต่เสียงล้อเลียนนั้นต้องเปลี่ยนเป็นเสียงร้องโอดโอยทันทีเมื่อนิตยสารเล่มหนากะทบกับใบหน้าสวยๆ ดังปั๊กจนเจ้าตัวต้องร้องเสียงหลงพร้อมกับทำตาเขียวปั๊ดใส่คนปา  ที่ตอนนี้ใบหน้าสวยจัดนั้นกำลังขึ้นสีไม่รู้เพราะโกรธหรืออายกันแน่…….

     

     

    แต่ถ้าให้เดาซูยองขอเลือกเป็นอย่างหลังมากกว่า

     
     

    ทั้งคำพูดสายตาและท่าทางล้อเลียนของบรรดาเพื่อนสนิท ทำให้นักร้องสาวคนสวยทั้งอายทั้งโกรธเพื่อนของตัวเอง หากแต่ในใจของนักร้องสาวกลับรู้สึกอายมากกว่าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกือบจะเกิดขึ้นระหว่างเธอและใครอีกคนเหตุการณ์ที่ถ้าเพื่อนเธอไม่เข้ามาขัดจังหวะซะก่อนเธอและเค้าคงจะ……

    เจสสิก้ากรีดร้องในใจยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน   ใบหน้าหวานๆขึ้นสีแดงแปร๊ดดดเมื่อคิดถึงใบหน้าใสๆของอีกคน  ถึงจะแอบเคืองเค้าหน่อยๆก็เถอะที่ปล่อยให้เธอถูกบรรดาเพื่อนๆรุมอยู่คนเดียว แต่จะไปโทษเค้าก็ไม่ได้ในเมื่อยัยเพื่อนและรุ่นพี่ตัวดีพวกนี้ก็เป็นเพื่อนของเธอ แล้วอีกอย่างตั้งแต่แทยอนและเธอเดินเข้ามาพวกนี้กลับทำสงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี้ยมขึ้นมาซะงั้น ซึ่งเธอมารู้ทีหลังว่าไอ้ท่าทีสงบพวกนั้นมันเกิดจากความกลัวมาเฟียตัวเล็กของบรรดาเพื่อนของเธอ แต่พอเค้าเดินออกไปเท่านั้นแหละคนที่เคยสงบๆก็แทบจะพุ่งตรงเข้าหาเธอทันที 

    แต่ถึงแม้หญิงสาวจะนึกเคืองอีกคนเท่าใดพอเอาเข้าจริงกลับต้องเขินอายมากกว่า เมื่อจู่ๆคนที่ทำท่าเหมือนจะไม่อยู่รับผิดชอบร่วมกัน กลับพูดบางอย่างก่อนที่เค้าจะเดินออกไปคำพูดที่ทำให้บรรดาผองเพื่อนของเธอต้องตาโตอ้าปากค้าง

     

     

    พวกคุณตามสบายนะคะไม่ต้องเกรงใจ เพราะยังไง….บ้านหลังนี้ก็เป็นเหมือนบ้านของสิก้าอยู่แล้ว….

     

     

    คำพูดธรรมดาๆ แต่ความจริงแล้วแฝงความในให้ใครต่อใครรู้ได้……

     

     

    แต่ไม่ใช่กับเจสสิก้า……..

     

     

    เธอยอมรับว่าในตอนแรกคำพูดของเค้าทำเอาเธออึ้งค้าง กว่าสมองจะประมวลผลได้ว่าเค้าหมายถึงอะไรก็ตอนที่คนพูดหันมาส่งยิ้มมุมปากตามสไตล์ให้เธอก่อนเค้าจะเดินออกไปแล้วทิ้งให้เธอยืนหน้าแดงท่ามกลางสายตาอันหิวกระหายของบรรดาเพื่อนสาวที่รอคอยจังหวะเหมือนบรรดาตัวไฮยีน่ารอขย้ำลูกกวางตัวน้อยที่น่าสงสาร

    .

    .

    .

    .


    “เอ้าๆ แกจะนั่งบิดอีกนานมั๊ย แหมไม่มีอะไร แล้วบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของสิก้าเหมือนกัน มันหมายความว่ายังไงยะ”    

    ซันนี่ยกคำพูดของเจ้าของบ้านตัวเล็กขึ้นมาจิกกัดเพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่ตัวเองจะหันไปดูจมูกให้กับคนรักที่ยังคงลูบจมูกตัวเองเบาๆอย่างน่าสงสาร

     

     

    “ตกลงแกกับคุณแทยอนอะไรยังไงเจสสิก้า  รีบๆตอบมาก่อนต่อมโมโหของพี่ชินยองจะทำงาน”     

    ฮโยยอนเร่งเตือนเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆ ก่อนเจ้าตัวจะส่งยิ้มแหยๆเมื่อหันไปเจอเจ้าของใบหน้ากลมกำลังถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจที่ถูกอ้างชื่อโดยไม่เตี๊ยมกันซะก่อนถึงแม้ใจจริงแล้วตัวเองก็อยากรู้เรื่องราวท่าเกิดขึ้นจนแทบจะอดใจไม่ไหวด็เถอะ

     
     

    คำพูดจิกกัดล้อเลียนของบรรดาเพื่อนสนิททำให้เจ้าของใบหน้าสวยหวานต้องส่งยิ้มแหยกลับคืนไปให้  ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกบรรดาผองเพื่อนและผู้จัดการสาวรุ่นพี่ซักไซ้แน่ๆ

     

     

    แต่ก็นั่นแหละ……เล่นเข้ามาในช่วงโป๊ะเชะโชะเด๊ะขนาดนั้นไม่ถามก็คงแปลก 

     

     

    แต่จะให้เธอตอบอะไรได้ในเมื่อเธอและเค้ายังไม่ได้ตกลงกันเป็นกิจจาลักษณะแล้วแถมอีกอย่าง เอาเข้าจริงที่เค้าพูดมาเธอยังมึนๆเบลอๆอยู่เลยว่าตกลงตอนนี้เธอและเค้าอยู่ในสถานะคนรักของกันและกันแล้วหรือยัง ในเมื่อคำพูดสุดท้ายที่เธอจำได้คือ

     

     

    การเป็นคนรักของมาเฟียกับไอดอลอย่างเธอมันก็อันตรายเท่าๆกัน

     

     

    แล้วคำพูดเหล่านั้นมันหมายถึงเธอและเค้าเป็นคนรักของกันและกันแล้วหรือยัง เจสสิก้าก็ไม่อาจจะตอบได้  แล้วอีกอย่างความจำของเธอก็ยังเบลอๆงงๆเธอจำได้แค่นี้ เพราะความทรงจำหลังจากนั้นก็คือ

     
     

    ใบหน้าใสๆกับริมฝีปากบางๆของอีกใครอีกคนที่ค่อยเข้ามาใกล้ๆกับใบหน้าของเธอ……


    .

    .

    .

    .


    “ก็” “ก็อะไร!!!”    เพียงแค่เธอเอ่ยปากทั้งสี่คนก็พร้อมใจกันถามขึ้นมาให้เธอต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ

     
     

    ….ก็”   

     

     

    “โอ๊ย!! แกเลิก ก็ ได้แล้วสิก้า เอางี๊ชั้นถามตรงๆเลยแล้วกัน เธอกับคุณแทยอนถึงขั้นไหนกันแล้ว”    


    คำถามของซันนี่ที่ทำเอาคนถูกถามถึงกับต้องทำตาโตอ้าปากค้าง ดูเหมือนซันนี่จะถามข้ามขั้นตอนไปรึป่าวจริงๆเพื่อนเธอควรถามว่าเธอและแทยอนเป็นอะไรกันอย่างนี้ไม่ใช่รึไง

     

     

    หรือเธอกำลังคิดอะไรผิดไป?

     

     

    “ว่าไงหละ”    คำถามชิลๆด้วยน้ำเสียงสบายๆของเพื่อนสาวขาแดนซ์ทำเอาคนที่กำลังอยู่ในภวังค์ต้องหันมาตวัดสายตาส่งค้อนวงใหญ่ให้บรรดาสามสี่คนที่เหลือต้องหัวเราะกันคิกคัก

     

     

    “ยังไม่ถึงขั้นไหนย่ะ….แม้แต่จูบยังไม่เคย”     ประโยคสุดท้ายคิดในใจเบาๆอย่างแอบเคือง

     

     

    “ต๊ายยยย ยังไม่ถึงขั้นไหนแล้วไปนั่งค่อมเค้าแถมยังจะจูบกันอีก ใครเชื่อก็บ้าแล้ว”    ซูยองถามขึ้นพร้อมกับทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

     

     

    “ก็มันจริงนี่”      ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงห้วนและใบหน้างอๆอย่างคนถูกขัดใจ และสีหน้าท่าทางของหญิงสาวนั้นทำให้บรรดาสี่สาวที่เหลือต้องปรับอารมณ์ใหม่

     

     

    เดี๋ยวยัยสิก้าองค์ลงจะอดได้คำตอบกันพอดี

     

     

    “เอางี๊ๆ  เธอกับคุณแทยอนตกลงคบกันแล้วใช่มั๊ย”      แล้วก็เป็นฮโยยอนที่เอ่ยถามเพื่อนสาวขึ้นมาอย่างใจเย็น

    เจสสิก้าชะงักทันทีกับคำถามของเพื่อนสาว อย่างที่บอกไปแล้วถึงแทยอนจะพูดความในใจของเค้าให้เธอฟังว่าเธอและเค้าต่างก็รู้สึกตรงกัน แต่เอาเข้าจริงเธอและเค้าก็ยังไม่ได้กำหนดสถานะอะไรแน่นอนว่าตอนนี้เธอและเค้าอยู่ในสถานะไหนกันแน่  คิดแล้วก็เจ้าของใบหน้าสวยก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับที่ใบหน้างอง้ำที่เริ่มเปลี่ยนเป็นหงอยเหงา

     

     

    ถึงเค้าจะสารภาพความรู้สึกกับเธอ….แต่เธอก็ไม่รู้และไม่แน่ใจจริงๆนี่นาว่าเค้าให้เธออยู่ในสถานะไหน……


     

    “ไม่รู้สิ”        คำตอบเบาๆกับใบหน้าเศร้าๆ ถึงกับทำเอาคนที่เหลือต้องอ้าปากค้างก่อนจะพากันเกาหัวอย่างงงๆ


    ความจริงพวกเธอก็แน่ใจในสถานะของทั้งสองคนตั้งแต่ที่แทยอนบอกว่าบ้านนี้เป็นเหมือนบ้านของเพื่อนเธอ เพียงแต่ว่าพวกเธออยากได้ยินคำยืนยันจากปากของเจ้าตัวแต่พอเจ้าตัวพูดแบบนี้ทำเอาพวกเธอถึงกับงงกันเลยทีเดียว

     



    “อะไรที่ว่าเธอไม่รู้”    

    ชินยองถามขึ้นด้วยความหงุดหงิดขนาดพวกเธอยังรู้เลย ก็ทั้งสายตารอยยิ้มและคำพูดของแทยอนมันแสดงออกซะขนาดนั้นแล้วเจ้าตัวจะมาไม่รู้ได้ยังไง เข้าใจว่าเจสสิก้าเป็นผู้หญิงที่มีความคิดแปลกๆไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าแต่แบบนี้เจ้าตัวจะดูไม่ออกเลยหรือ

     

     

    “ก….ก็ไม่รู้จริงๆนี่นาออนนี่ แทยอนเค้าไม่ได้บอกนี่ว่าชั้นและเค้าเป็นอะไรกัน”

     

     

    น้ำเสียงหงอยๆถูกส่งออกมาให้คนฟังต้องอ้าปากค้างอีกรอบ ก่อนที่เจ้าของใบหน้าสวยหวานและทุกคนในห้องจะต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากหน้าห้อง  

    ดวงตาสิบคู่หันไปมองทางประตูห้องทันทีและภาพที่เห็นก็คือเจ้าของบ้านยืนอมยิ้มน้อยๆโดยที่ข้างกายมีร่างสูงของยูริและยุนอาที่กำลังยืนหัวเราะปากกว้างอยู่

     

    คิมแทยอนยืนมองคนที่นั่งทำหน้าตกใจอยู่บนโซฟาตัวหรูด้วยรอยยิ้ม ความจริงเค้ามายืนอยู่หน้าห้องรับแขกนานแล้ว เพราะหลังจากที่เค้าเดินออกจากห้องไปเพราะยูริมากระซิบบอกเรื่องของยัยตัวยุ่งที่กำลังจะมาเกาหลี เมื่อคุยธุระเสร็จเค้าก็อดที่จะเดินมาดูคนที่ถูกทิ้งไว้ในห้องรับแขกไม่ได้ เพราะเค้ารู้ดีว่าถึงแม้เพื่อนของเจสสิก้าจะไม่ถามอะไรในตอนที่เค้าอยู่ด้วยแต่สายตาและท่าทางก็ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าเจสสิก้าจะต้องโดนถามเรื่องระหว่างเค้าและเธอแน่

    ความจริงเค้าเองก็ตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปตั้งแต่มาถึง แต่ท่าทางเขินอายกับคำถามล่อแหลมของเพื่อนสาวตัวเล็กทำให้เค้าต้องยิ้มออกมาและคอยฟังว่าหญิงสาวจะตอบคำถามอย่างไร หากแต่ยืนฟังได้ไม่นานมาเฟียอย่างคิมแทยอนก็ต้องถอนหายใจออกมาทั้งที่ริมฝีปากยังคงคลี่ยิ้มเมื่อได้ฟังคำตอบด้วยน้ำเสียงหงอยๆของอีกคน 

     

     

    เจสสิก้าก็ยังคงเป็นเจสสิก้าแต่นั่นก็เป็นเสน่ห์ของเธอที่ทำให้เค้าหลงรัก

     

     

    และมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอที่เธอจะตอบออกไปแบบนั้น บางทีคนที่ผิดอาจจะเป็นเค้าเองที่ไม่ได้สรุปอะไรลงไปให้อีกคนได้เข้าใจชัดเจน

     

    แทยอนเดินเข้ามาในห้องโดยมียูริและยุนอาตามเข้ามา ก่อนที่มาเฟียตัวเล็กจะทิ้งกายลงนั่งข้างหญิงสาวที่ยังคงอ้าปากเหวอ และการเข้ามาของเจ้าของบ้านนี้ก็ทำให้หญิงสาวอีกสี่คนที่เหลือเงียบกริบไปในทันที

     

     

    “ชั้นเข้ามาขัดจังหวะอะไรรึป่าวคะ”      

    น้ำเสียงนุ่มๆถูกส่งออกมาพร้อมร้อยยิ้ม แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้หญิงสาวสี่พร้อมใจกันส่ายหัวพรืดทันทีจนยุนอาต้องหัวเราะออกมาอีกรอบ

     

     

    “โถ่พี่ๆคะ พี่แทไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นซะหน่อย ทำไมต้องทำหน้ายังกับว่าจะโดนพี่แทฆ่าอย่างนั้นหละคะ”      ยุนอาพูดขึ้นทั้งที่เจ้าตัวยังคงหัวเราะกับสีหน้าตลกๆของบรรดาออนนี่ทั้งสี่


    ความจริงแล้วเค้าก็รู้ตั้งนานแล้วหละว่าบรรดาออนนี่คนใหม่ต่างก็เกรงกลัวพี่แทของเค้าตั้งแต่ที่รู้ว่าพวกเค้าเป็นมาเฟีย  แล้วยิ่งมารู้เรื่องบู๊ของพี่แทและพี่สิก้าบรรดาพี่สาวทั้งสี่ยิ่งเกรงกันเข้าไปใหญ่  ขนาดเธอบอกว่าพวกพี่เค้าสามารถมาหาพี่สิก้าที่บ้านได้บรรดาออนนี่ยังถามแล้วถามอีกว่ามาได้จริงหรือบ้างหละ คุณแทยอนไม่ว่าอะไรจริงๆหรือบ้างหละ ไปแล้วต้องทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยหรือไม่ มีพิธีรีตองอะไรรึป่าว จนเค้าต้องห้ามแล้วบอกว่าพี่แทเป็นคนบอกให้เค้าชวนพวกพี่ๆมาเองเพราะกลัวว่าพี่สิก้าจะเหงานั่นหละถึงจะได้พากันมา  แต่ถึงอย่างนั้นไอ้อาการกลัวจนนั่งเกร็งนี่ก็ยังทำให้เค้าอดขำไม่ได้

     
     

    “อ…..เอ่อ ยังไงเราก็ต้องขอโทษคุณแทยอนอีกครั้งนะคะ ที่มารบกวน”    คิมชินยองพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางเกรงใจจนคนเป็นเจ้าของบ้านต้องส่งยิ้มบางๆออกมา

     

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นบอกไปแล้วว่าตามสบายเลย”    น้ำเสียงสบายๆถูกส่งออกมาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้คนนั่งเกร็งได้ใจชื่นขึ้นมาบ้าง

     

     

    การพูดคุยด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองและท่าทางสบายๆกับเพื่อนของเธอทำให้เจสสิก้าอดที่จะคอยชำเลืองมองคนที่นั่งข้างกายไม่ได้ท่าทางและน้ำเสียงของแทยอนที่แสดงออกต่อเพื่อนของเธอทำให้เธอนึกขอบคุณเค้าในใจ ทั้งที่รู้ว่านิสัยส่วนตัวของเค้าเป็นอย่างไรแต่เค้าก็ยังสุภาพและมีน้ำใจกับเพื่อนๆของเธอ 

    ริมฝีปากเรียวสวยคลี่ยิ้มบางๆยิ่งอยู่ด้วยกันมากขึ้นเท่าใดเธอยิ่งมองเห็นอีกด้านหนึ่งของแทยอนมากขึ้นเท่านั้น  ทั้งที่ตอนแรกหมั่นไส้แทบตายกับท่าทางขี้เก๊กเกินเหตุของอีกคนไหนจะน้ำเสียงกับหน้าตานิ่งๆอย่างกับผีดิบของเค้ายิ่งทำให้เธอหมั่นไส้เข้าไปใหญ่  แต่ในตอนนี้เธอกลับมองเห็นอีกด้านของเค้า

     

     

    ภายใต้ใบหน้าที่เย็นชาแต่ความจริงแล้วคนๆนี้ยังมีอีกด้านที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนทำให้หัวใจของเธอตกหลุมรักเค้าไปโดยไม่รู้ตัว

     

     

    ดวงตาหวานยังคงลอบมองคนข้างกายด้วยรอยยิ้ม ก่อนใบหน้าหวานที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงระเรื่อขึ้นมาอีกเมื่อเจ้าตัวนึกได้ว่าเค้าคงได้ยินคำถามของเพื่อนเธอและคำตอบของเธอหมดแล้วยิ่งเห็นอีกคนมองสบตามาพอดียิ่งทำให้หญิงสาวเขินอาย เจ้าของใบหน้าสวยหวานจึงต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่นทันที                                       
                                         

    ดวงตาคมเข้มของแทยอนมองคนที่หันหน้าหนีเค้าไปเมื่อเราเกิดบังเอิญสบตากัน ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นเสี้ยวไปหน้างดงามนั้นขึ้นสีจางๆ ซึ่งคงเป็นเพราะความเขินอาย ที่แทยอนเดาได้ไม่ยากว่าความเขินอายนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุใด

    คิมแทยอนยังคงทอดสายตามองหญิงสาวข้างกายด้วยแววตาอ่อนโยน  คำตอบของเจสสิก้าที่ตอบเพื่อนของเธอเค้าเข้าใจความหมายและเข้าใจความรู้สึกของเธอ  ถึงแม้จะเอ่ยความในใจจนเข้าใจตรงกันว่าเราทั้งคู่ต่างคิดเช่นไรแต่เค้าผิดเองที่ไม่ได้ทำให้สถานะของหญิงสาวข้างกายคนนี้ชัดเจน อีกทั้งการกระทำของเค้าที่มีต่อเธอในสวนกลางบ้านที่ทุกคนได้เห็นอาจทำให้เจสสิก้าถูกมองอย่างเสียหายได้ซึ่งแทยอนไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น…….

     

     

    ในเมื่อเค้าตัดสินใจแล้ว….

    ในเมื่อเค้าเปิดหัวใจตัวเองยอมรับว่าเค้ารู้สึกอย่างไรกับเจสสิก้า…..

    ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะวางหัวใจของเธอไว้ในมือของเค้า…….

    และเค้าเอง…..ก็ตัดสินใจที่จะวางหัวใจของเค้าไว้ในมือของเธอ

     

    คิมแทยอนก็จะดูแลผู้เป็นเจ้าของหัวใจให้ดีที่สุด เค้าเต็มใจที่จะยกย่องและให้เกียรติเธอคนนี้…..และ……เค้าเต็มใจและดีใจที่สุด

     

     

    ถ้าหากว่านายหญิงของตระกูลคิมในอนาคตจะเป็น จองเจสสิก้า คนนี้

     
     

     

    รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคนเมื่อเห็นแววตาของมาเฟียที่เคยน่ากลัวมองหญิงสาวข้างกายและเห็นท่าทางเขินอายของนักร้องสาวที่มีต่ออีกคน  เพียงแค่เท่านี้ทุกคนก็รับรู้ได้แล้วว่าคนทั้งคู่รู้สึกอย่างไรต่อกัน ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่เอ่ยถึงสถานะความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันออกมา แต่เรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องระหว่างทั้งสองคนที่จะต้องไปตกลงทำความเข้าใจกันเอาเอง คนนอกอย่างพวกเค้าคงทำได้เพียงคอยลุ้นให้มาเฟียอย่างคิมแทยอนทำให้คนแปลกๆอย่างเจสสิก้าเข้าใจสถานะของตัวเอง (ที่คนอื่นรู้หมดแล้ว)สักที

    .

    .

    .

    .

    .

     
     

    เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วหากแต่ในสวนดอกไม้กลางบ้านยังมีหญิงสาวเรือนร่างบอบบางยืนชมบรรยากาศในยามค่ำคืนอยู่  ใบหน้าสวยหวานนั้นเหม่อมองท้องฟ้าที่แม้จะมืดมิดหากยังมีดวงดาวมากมายทอแสงเป็นประกายจนทำให้เจ้าของใบหน้างดงามนั้นต้องคลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มที่เจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะความสวยงามของดวงดาวบนท้องฟ้าหรือเป็นเพราะความสุขที่เกิดขึ้นในวันนี้กันแน่

     

     

    ความสุขที่เธอได้รับจากใครบางคน……

     

    ใครบางคน…..ที่ทำให้เธอมีความสุขเพราะคำสารภาพความรู้สึกของเค้า

    ใครบางคน…..ที่ใจดีให้ยุนอาชวนเพื่อนๆของเธอมาที่บ้านเพราะกลัวเธอจะเหงา (ซึ่งเธอรู้จากชินยองตอนที่ทานอาหารเย็นด้วยกัน)

    ใครบางคน…..ที่ถึงแม้ว่าหลังจากที่อยู่พูดคุยกับเพื่อนๆของเธอได้ไม่นานก็ขอตัวไปสะสางงานที่บริษัท (เพื่อปล่อยให้เธอและเพื่อนๆมีอิสระเต็มที่ในบ้านของเค้าโดยไม่อึดอัด แถมก่อนไปยังใจดีสั่งแม่บ้านและเด็กๆในบ้านให้ดูแลเธอและเพื่อนเป็นอย่างดี จนเพื่อนของเธอทั้งประทับใจทั้งหลงเสน่ห์ชมเค้าไม่ขาดปากทั้งที่ในตอนแรกทำท่าเกรงกลัวกันแทบตาย)

     

     

    เมื่อนึกถึงใครบางคนริมฝีปากเรียวสวยที่แย้มยิ้มอยู่แล้วยิ่งคลี่ยิ้มกว้างขึ้นไปอีกไม่ใช่ว่าเธอไม่ห่วงเค้าที่เค้ายังไม่กลับบ้าน แต่ในทางกลับกันเธอเป็นห่วงเค้ามากจนต้องแอบโทรไปถามยุนอาจนเมื่อรู้ว่าเค้าปลอดภัยดีจึงเบาใจอารมณ์ดีจนต้องออกมายืนชื่นชมบรรยากาศสวยๆของสวนดอกไม้ในยามค่ำคืน

    .

    .

    .

    .

     

    ร่างบอบบางของใครบางคนในสวนกลางบ้านทำให้คนที่พึ่งกลับมาต้องหยุดชะงัก คิมแทยอนยืนมองหญิงสาวเจ้าของใบหน้าหวานที่มีอิทธิพลต่อเค้ามากขึ้นทุกวันโดยที่เค้าเองก็ไม่รู้ตัว  รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองอยากให้หญิงสาวคนนี้อยู่ข้างกายตลอดเวลาและเค้าเองก็ไม่อยากห่างจากเธอไปไหน และอาการนี้ก็มีที่ท่าว่าจะเป็นมากขึ้นจนน่าตกใจเมื่อตลอดครึ่งวันที่ผ่านมาที่เค้าไม่ได้อยู่ใกล้เธอ เค้ากลับคิดถึงและเป็นห่วงเธอจนแทบอยากจะหอบงานกลับมาทำที่บ้านหากไม่ติดที่ยูริห้ามไว้ซะก่อน

    ทั้งที่ในใจอยากรีบกลับบ้านไปหาอีกคนแค่ไหนแต่เพราะมีงานสำคัญให้ต้องสะสางและจัดการ  จนกว่าจะถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยเกือบครึ่งค่อนคืนจนนึกถอดใจว่าใครอีกคนคงเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว  แต่การที่ได้พบเธอในสวนกลางบ้านเวลานี้จึงทำให้เค้าแปลกใจและรู้สึกดีภายในหัวใจยิ่งนัก


    ดวงตาคมเข้มยังคงทอดมองหญิงสาวที่ยืนมองฟ้าด้วยรอยยิ้มสดใส

     
     

    ….รอยยิ้มที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ได้เห็นก็ทำให้เค้าต้องคลี่ยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว

    .

    .

    .

    .

    .

    เจ้าของร่างบอบบางยังคงยืนปล่อยใจเหม่อมองท้องฟ้าร่างบอบบางห่อตัวน้อยๆพร้อมกับกระชับกอดตัวเองแน่นขึ้นเพราะอากาศที่เริ่มเย็นลง  แม้ว่าในใจยังนึกอยากยืนชื่นชมบรรยากาศต่ออีกสักครู่แต่เพราะความเย็นของอากาศที่ทำท่าว่าจะเย็นลงเรื่อยๆทำให้เจ้าตัวต้องตัดสินใจกลับไปหาไออุ่นภายในห้องนอน  

    หากแต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนเจสสิก้ากลับต้องชะงักค้างเมื่อมีเสื้อโค๊ดตัวหนาคลุมลงบนร่างกายที่บอบบางของเธออย่างแผ่วเบา  แต่การกระทำนั้นยังไม่ทำให้หัวใจของหญิงสาวต้องสั่นไหวและเต้นแรงเท่ากับการที่ผู้เป็นเจ้าของเสื้อโค๊ดวาดวงแขนของเค้ามาสวมกอดเธอจากทางด้านหลังแล้ววางคางของเค้าบนไหล่เธอเบาๆ……

     

     

    อ้อมกอด……..ที่ไม่ได้รัดแน่นเกินไปจนทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่ได้แผ่วเบาเกินไปจนสัมผัสไม่ได้แต่เป็นอ้อมกอดที่ทำให้เจสสิก้ารู้สึกอบอุ่น……อบอุ่นยิ่งกว่าการมีเสื้อโค๊ดตัวหนาห่อหุ้มร่างกาย

     

    ความอบอุ่นที่เธอรับรู้ได้ว่ามันมาจากร่างกายของคนที่กำลังโอบกอดเธออยู่…..


     

    “คิดว่าเธอหลับไปแล้ว”       แทยอนเอ่ยถามคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆก่อนริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าหวานๆของเจสสิก้าเริ่มขึ้นสีจางๆ

     

    สัมผัสใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างกัน อีกทั้งคำถามและน้ำเสียงอบอุ่นที่ดังขึ้นข้างหูทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงจนเจ้าตัวนึกกลัวว่าใครอีกคนจะได้ยิน เพราะความเขินอายที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าของใบหน้าหวานๆไม่กล้าที่จะหันมาสบตาคนที่กำลังใช้ใบหน้าใสๆคลอเคลียอยู่ข้างแก้มของตน  หญิงสาวจึงทำได้เพียงแต่เอ่ยเรียกชื่ออีกคนออกมาเบาๆเท่านั้น

     

    “ท…..แทยอน”       น้ำเสียงตะกุกตะกักจากคนในอ้อมกอดที่เอ่ยออกมาแผ่วเบาทำให้คิมแทยอนต้องหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู

     
     

    “ก็ชั้นหนะสิเธอคิดว่าเป็นใครกัน แต่……มันจะไม่มีทางเป็นคนอื่นหรอกเพราะคนที่จะทำแบบนี้กับเธอได้ ต้องเป็นชั้นคนเดียวเท่านั้น”       

     น้ำเสียงที่ส่งออกมาไม่ได้เจือไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นชาหรือข่มขู่ให้เจสสิก้านึกกลัว หากมันกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนและมั่นคงจนหัวใจของเธอสัมผัสได้ คำพูดของเค้าถึงแม้หากฟังแล้วจะออกแนวเอาแต่ใจแต่มันทำให้เธออดที่จะรู้สึกดีจนอยากจะบอกอีกคนออกไปเหมือนกัน

     

     

    ว่าคนที่เธอจะให้ทำแบบนี้ได้ก็มีแต่เค้าเพียงคนเดียวเท่านั้น……..

     

     

     หากแต่คำพูดเอาแต่ใจเล็กๆนั้นทำให้เจสสิก้ารู้สึกอยากแกล้งอีกคนขึ้นมา

     

    “ใครบอกว่ามีแค่คุณคนเดียวที่ทำได้คะ ชั้นถูกกอดแบบนี้บ่อยจะตายไปทั้งตอนถ่ายทำ mv ทั้งตอนถ่ายละคร”         

     

    คำพูดสบายๆของเจสสิก้าทำให้คิ้วบางๆของแทยอนต้องกระตุกดวงตาคมเข้ามองคนในอ้อมกอดด้วยแววตาที่ทำให้เจสสิก้าถึงกับหัวเราะออกมา

     

     

    แววตาของแทยอนตอนนี้มันเหมือนแววตาของเด็กที่หวงของไม่พอใจและกลัวว่าคนอื่นจะมาแย่งของๆตัวเอง

     

     

    “มันเป็นใคร”       คำถามนิ่งๆของแทยอนทำให้เจสสิก้าต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจจนต้องเอ่ยถามซ้ำออกมา

     

     

    “คะ?

     

     

    “ชั้นถามว่ามันเป็นใคร ไอ้คนที่ได้กอดเธอก่อนชั้น”         ถึงแม้น้ำเสียงที่ส่งออกมาจะแข็งด้วยความไม่พอใจ แต่มันกลับทำให้เจ้าของใบหน้าสวยหวานต้องคลี่ยิ้มและหัวเราะออกมา

     

     

    “เธอหัวเราะอะไร”     

     

     

    คำถามห้วนๆของแทยอนทำให้ทำให้เจสสิก้าต้องหัวเราะเข้าไปใหญ่ เธอไม่คิดว่ามาเฟียที่เคยเย็นชาอย่างคิมแทยอนจะมีมุมที่เหมือนเด็กๆได้ขนาดนี้ ในตอนนี้เค้าดูเหมือนเด็กน่ารักๆคนหนึ่งที่กำลังอารมณ์เสียเมื่อถูกขัดใจ

    ท่าทางฮึดฮัดของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวรู้ว่าแทยอนกำลังเริ่มหงุดหงิดและถ้าหากเธอยังแกล้งเค้าต่อไปเค้าอาจจะเข้าใจผิดจนทำให้บรรยากาศดีๆที่มีในตอนนี้เสียไปแน่

     

     

    “ชั้นแค่ล้อคุณเล่น คุณโกรธจริงๆหรอแทยอน”      น้ำเสียงหงอยๆถูกส่งออกมาให้คนที่กำลังตีหน้านิ่งต้องนิ่งค้าง หากแต่แทยอนเลือกที่จะเงียบไปและไม่ตอบคำถามใดๆ

     
     

    ความนิ่งและเงียบของอีกคนทำให้เจสสิก้าเริ่มใจเสีย นึกโทษตัวเองอยู่ในใจว่าไม่ควรนึกสนุกไปแกล้งเค้าเลย เธอชอบแทยอนในโหมดอบอุ่นมากกว่าโหมดเย็นชาเธอไม่อยากให้เค้าทำเย็นชาใส่เธอ

     

     

    “แทยอน…..”       น้ำเสียงหงอยๆถูกส่งออกมาให้คนที่ถูกเรียกชื่อต้องแอบยิ้มหากแต่เจ้าของชื่อยังเลือกที่จะเงียบต่อไปให้เจ้าของใบหน้าหวานๆเริ่มหน้าเสีย

     

     

    ……………..

     
     

    ดวงตาคู่หวานแอบมองเสี้ยวใบหน้าของอีกคนซึ่งเจ้าของใบหน้าใสนั้นยังคงตีหน้านิ่งให้คนแอบมองต้องใจเสียจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ก่อนจะเรียกชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

     
     

    “แทยอนอาโกรธชั้นจริงๆนะหรอ”        

     
     

    น้ำเสียงอ้อนๆของเจสสิก้าทำให้คนที่กลั้นยิ้มอยู่ต้องเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เพราะเจสสิก้าน่ารักแบบนี้ไงแทยอนเลยทำใจแข็งจริงจังใส่ไม่ได้สักที

     

     

    “แทยอนคุณอย่าโกรธชั้นเลยนะ ชั้นแค่ล้อคุณเล่นไม่เคยมีใครได้ทำแบบนี้กับชั้น และชั้นสัญญานะว่าชั้นจะให้คุณทำแบบนี้แค่คนเดียว” 

    พูดไปก็เหลือบมองใบหน้านิ่งๆของอีกคนไปด้วยสีหน้าหงอยๆก่อนเจ้าของใบหน้าสวยหวานจะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเมื่ออยู่ๆคนที่เอาแต่ทำหน้าเครียดกลับหัวเราะออกมา

    คำสารภาพความจริงทำให้คนที่กลั้นยิ้มจนแก้มแทบแตกต้องหัวเราะและคิมแทยอนยังคงจะหัวเราะอยู่อย่างนั้นต่อไป ถ้าหญิงสาวในอ้อมกอดไม่ตวัดสายเหวี่ยงพร้อมกับโวยวายใส่เค้า

     

     
     

    “ คุณแกล้งชั้นรึไง คิมแทยอน!!!

     

     
     

    “ป่าวนี่ไม่ได้แกล้ง ชั้นโกรธเธอจริงๆ”       ถึงแม้จะบอกอย่างนั้นหากแต่แทยอนยังคงหัวเราะให้อีกฝ่ายต้องทำหน้างอง้ำ

     
     

     

    “ชั้นพูดจริงนะสิก้า ชั้นโกรธเธอจริงๆ ไม่ใช่เพราะเธอโกหกชั้น แต่ชั้นโกรธที่เธอทำให้ชั้นหึงในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงต่างหาก”     
      

    แทยอนเอ่ยบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นจนคนถูกกอดต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความเขินอายเมื่อได้ยินคำสารภาพจากอีกฝ่าย

    ถึงแม้ว่าจะดีใจที่รู้ว่าเค้าหึงเธอหากแต่ความน้อยใจในสถานะที่ไม่แน่นอนทำให้เจสสิก้าต้องเอ่ยคำพูดที่อยู่ในใจออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

     

     
     

    “คุณจะมาหึงชั้นทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

     
     

    คำพูดของเจสสิก้าทำให้แทยอนต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง เค้านึกแล้วว่าเธอยังคงคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ  อ้อมแขนแข็งแกร่งกอดกระชับอีกคนให้แน่นขึ้นไปอีกพร้อมกับที่ใบหน้าใสเคลื่อนเข้าไปคลอเคลียกับใบหน้าหวานๆของอีกฝ่าย ก่อนที่ริมฝีปากบางๆจะยกยิ้มแล้วเอ่ยคำพูดออกมาให้คนฟังต้องใจเต้นแรง

     

     

    “ทำไมเราถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันหละ ทุกสิ่งที่ชั้นบอกเธอไปและทุกการกระทำที่ชั้นแสดงออกต่อเธอ มันยังทำให้เธอไม่แน่ใจหรือ”      

     
     

     แทยอนเอ่ยบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงนุ่มๆก่อนจะพูดต่อไปโดยไม่เปิดโอกาสให้คนฟังต้องเอ่ยปากค้าน

     

     
     

    “ถ้าหากเธอยังไม่เข้าใจ ชั้นก็จะขอบอกเธออีกครั้งเจสสิก้า”         แทยอนพูดพร้อมกับจับอีกคนให้หันหน้ามามองสบตากัน มือแกร่งเกาะกุมมือบางของอีกคนเอาไว้ก่อนคนที่เคยเอาแต่เย็นชาจะเอ่ยคำพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่มั่นคง

     

     

    “ทุกคำพูดของชั้นที่ได้บอกกับเธอไปชั้นรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ……หากเธอยังไม่แน่ใจและยังไม่มั่นใจขอให้เธอรู้ไว้ว่า คิมแทยอนคนนี้ได้วางหัวใจและความรักของเค้าเอาไว้ในมือของเธอแล้ว   และถ้าหากว่าเธอ……เลือกที่จะวางหัวใจและความรักของเธอไว้ที่ชั้นเช่นกัน นั่นก็หมายถึงนับแต่นี้ต่อไปคิมแทยอนคือคนรักของจองเจสสิก้าเป็นคนรักของจองเจสสิก้าเพียงคนเดียว และเธอ…..จองเจสสิก้าก็จะเป็นคนรักของคิมแทยอนแต่เพียงคนเดียวเช่นกัน”

     
     

    น้ำเสียงหนักแน่นและแววตาที่มั่นคงที่แทยอนแสดงออกมาทำให้น้ำตาของหญิงสาวต้องรินไหล หากแต่หยดน้ำตาที่ไหลออกมานั้นหาได้มาจากความเสียใจแต่มันกลับกลั่นออกมาจากความดีใจ  ความไม่แน่นอนที่เคยคิดกลัวจางหายและสลายไปทันทีเมื่อแทยอนเอ่ยคำพูดออกมา แม้ไม่ใช่คำพูดขอความรักแม้ไม่ใช่คำพูดเพื่อขอเป็นคนรักแต่สิ่งที่แทยอนพูดออกมามันกลับมีค่ามีความหมายและลึกซึ้งจนเธอไม่อาจสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดใดๆได้ ความสุขใจความตื้นตันใจจึงแสดงออกมาให้เห็นได้จากรอยยิ้มทั้งน้ำตาบนใบหน้า

     
     

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจสสิก้าแสดงออกทำให้แทยอนต้องยิ้มออกมา แม้ว่าเธอไม่ได้ตอบอะไรหรือเอ่ยคำพูดใดๆ แต่เค้ารู้ดีว่าในตอนนี้เธอได้รับรู้และเข้าใจในสิ่งที่เคยกังวล……

    นิ้วเรียวเกลี่ยซับน้ำตาบนใบหน้าของอีกคนอย่างทะนุถนอม ใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั้นทำให้หัวใจของเค้าต้องเต้นแรง ก่อนที่ริมฝีปากบางของแทยอนจะบรรจงกดประทับลงบนหน้าผากของหญิงสาวเบาๆ ไล่ลงมาถึงปลายจมูกแล้วเคลื่อนริมฝีปากลงมาประทับที่พวกแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อทั้งสอง ก่อนที่…..จะหยุดชะงักค้าง…….

    ดวงตาสองคู่ยังคงทอดมองสบกันด้วยแววตาอ่อนหวานเนิ่นนาน การกระทำของแทยอนทำให้หัวใจของเจสสิก้าสั่นไหว สัมผัสของเค้าที่แสดงออกมาอบอุ่นและอ่อนโยนจนเธอแทบละลาย  ดวงตาคู่หวานยังคงมองสบตาของอีกคนอยู่อย่างนั้นก่อนจะค่อยๆปิดตาลงเมื่อใบหน้าใสของอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามา

    .

    .

    .

    .

    เคลื่อนเข้ามาใกล้……

    .

    .

    .

    .

    จนในที่สุด……..

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     



     

    ริมฝีปากของคนทั้งคู่ก็แนบสนิทและเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของกันและกัน……








     

    TBC.

     

     

    มาลงตอนต่อไปให้แล้วนะคะต้องขอโทษด้วยที่มาลงให้ช้า วันนี้เอาสั้นๆง่ายๆได้ใจความ

     

    1.    สองสามวันก่อนมีข่าวลืออะไรออกมาไม่รู้แต่รู้อย่างเดียวคือ รักสิก้าเสมอ

    2.    เพลงใหม่ TTS เพราะมากกกก และสามสาวก็สวยมากกก

    3.    อย่าลืมช่วยกันเทรนให้สาวๆ แล้วอย่าลืมเข้าไปโหวตให้สาวๆช่วยกันนะคะ

     https://polldaddy.com/poll

    http://www.billboard.com/articles/colum

    4.    สุดท้ายอ้านแล้วคอมเม้นให้กันบ้างนะคะ ^^  และ สามารถพูดคุย และทวงฟิคได้ที่  twitter mam – meaw @ wimeaw นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×