ของฝากจากญี่ปุ่น
พี่ก้อยมักจะมีการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเป็นประจำ นู๋ใหญ่เองก็ยังสงสัยบวกกับความอิจฉาน้อยๆ ทำไมมันได้ไปอีกแล้ววะ ถึงแม้จะคิดอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก เอาสมองมาคิดของรายการของฝากดีกว่า ว่าครั้งนี้จะเอาอะไร
“พี่ก้อย คราวนี้ขอลิปสติกสีชมพู และลิปกรอสที่มีประกายคล้ายกากเพรชนะคะ” เวลาจะเอาของฝาก คุณเธอเริ่มแปลงกลายเป็นแมวน้อยแสนเชื่อง ประมาณว่าจะให้น้องมันทำอะไรให้จะต้องตอนนี้เท่านั้น
“ให้พี่เลือกเองเลยนะ ไม่มีรูปหรือ” พี่ก้อยเริ่มทำใจแล้วว่า ยังไงก็ต้องซื้อให้
ช่วงที่อยู่ที่ญี่ปุ่น เวลาพี่ก้อยโทรกับมาที่บ้าน คำแรกที่นู๋ใหญ่ถามนั้น คือ
“พี่ก้อย ของฝากซื้อหรือยัง ได้ครบหรือเปล่า”
เรียกว่าเป็นประโยคที่ยอดฮิตมาก เพราะไม่ใช่แค่นู๋ใหญ่เท่านั้น แม่ของพี่ก้อยก็เป็นค่ะ แล้วลองบอกว่า ยังไม่ได้ซื้อเลย หรืออะไรประมาณนั้น เสียงที่ตอบกลับมานั้น เป็นเสียงต่อว่าอย่างหนัก ยังกับตัวเองทำผิดอะไรไว้มากๆอย่างนั้นซะล่ะ
พอพี่ก้อยลงเครื่องกลับเมืองไทย ตรงหน้าประตูทางออก จะมีบุคคลที่ต้องเจอทุกครั้ง (เพราะเป้าหมายของ She แกทั้งหลายคือของฝาก) คือ คุณแม่และนู่ใหญ่ และไม่ว่าจะกลับเข้าบ้านดึกดื่นแค่ไหน พวกคุณเธอแกก็จะไม่สนใจ ชั้นขอเช็คของก่อน ไอ้เราก็ง่วงแสนง่วง ก็ต้องมาอธิบายให้คุณเธอทั้งหลายฟังว่ามันเป็นยังไง เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือ ของฝากที่พี่ก้อยซื้อให้ตัวเอง แบบว่าพวกคุณเธอแกจะหันควับมาถามทันทีว่า แล้วส่วนของนู๋ / แม่ล่ะ แกซื้อมาหรือเปล่า แต่ก็ห้ามสีเดียวกันด้วยนะคะ เธอทั้งหลายแกไม่ยอมให้เหมือน ประมาณว่าแม้ของจะเหมือนกัน แต่ขอต่างกันเรื่องสี หรืออะไรก็ได้
อ้อ ลืมบอกไปว่า ค่าของฝาก ห้ามไปเก็บเงินกับคุณเธอทั้งหลายเด็ดขาดนะคะ เพราะคุณเธอแกจะเอาบุญคุณสมัยพระเจ้าเหามาต่อว่าเราเลย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น