ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คารินดรีม วาจายาพิษ // seungpyo// mpreg //project 2

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3 can you tell me

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 65



     


     


     


     




     


     


     


     

    เวลาช่วงสายๆนี้แหละเหมาะแก่การนอนและนอนที่สุด แต่เขาจะนอนได้ไง ก็ในเมื่อองค์ชายใหญ่ของฟอริอาร์มาชวนเขาไปกินของว่าง..อีกแล้ว 


    วันนี้คงเป็นวันที่ อืมมม..สิบสองแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงก็วอแวดงพโยจนถึงวันนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไรให้น่าคุยด้วยเขาเองยังไม่รู้เลย

     

    พอย่างก้าวออกมาจากตำหนัก มองไปที่สวนอโณณาก็ยังเหมือนเดิมทุกวัน คือองค์ชายเซนิแอลผู้สง่างามยิ่งกว่าใคร แถมยังแต่งตัวธรรมดาแต่ดูแพ๊งแพงนั่งจิบน้ำชาที่เก้าอี้เหล็กสีขาว

     

    "อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านพี่"


     เขาทักทายก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างหน้าองค์ชายใหญ่เหมือนทุกวัน


    "อื้ม.. วันนี้มีชาจับเลี้ยงกับเค้กสตอเบอร์รี่นะ" 


    ท่านพี่จะเลือกอะไรมาให้เขากินมันก็อร่อยหมดนั้นแหละ






    ...จู่ๆองครักษ์ของท่านพี่เซนิแอลก็วิ่งเข้ามาหาแล้วพูดกล่าวอะไรกันสักอย่างและเดินออกไป 



    องค์ชายใหญ่วางชาที่จิบอยู่ในมือลง แล้วเงยหน้ามองมาที่เขา..


     

    "มีอันใดหรือขอรับ ทำไมมองข้าแบบนั้น"  ใจไม่ดีเลยแฮะ


    "ข้าต้องกลับไปหาท่านพ่อของข้าน่ะ พอดีท่านพ่อประชวร ต้องรับการรักษาสักพัก   ข้าเลยต้องไปรับราชการแทนสักพัก"



     ...จะกลับแล้ว งั้นหรือ?


     

    "ว วันไหนหรือขอรับ"


    "วันนี้ ตอนนี้"

     

    "..."


     

    "เป็นอะไร อย่าเศร้าไปเลยเดี๋ยวเจ้าก็ได้พบข้า" 


     มันเป็นแค่คำปลอบใจใครก็รู้ กว่าจะได้พบกันน่ะมันต้องอีกนานแค่ไหน ถ้าท่านพี่เซนิแอลกลับไปเขาก็เหงาสิ คงต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วสินะ


     

    มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวดงพโยเบาๆ รู้สึกสงสารเจ้าหมาน้อยตรงหน้าจับใจ เขาว่าวันนี้ชากับเค้กสตอเบอร์รี่พวกนั้นคงเป็นหม้ายซะแล้วล่ะ ดูหน้าหงอยๆนั้นสิช่างไม่เหมาะกับหน้าตาน่ารักนั้นเอาซะเลย คงจะคิดว่าคำที่เขาปลอบไปนั้นเป็นแค่คำพูดที่ไม่ทำให้เศร้าจนเกินไปสินะ

     

    "ข้าพูดจริงๆ เจ้าจะได้พบข้าในเร็วๆนี้ ดงพโย  ดงพโย.."  เซนิแอลชะงักถึงกับไปต่อไม่เป็น เขาไม่เคยปลอบใครซะด้วยสิ จู่ๆเด็กน้อยตรงหน้าเขากลับน้ำตาตกเม็ดใหญ่ๆ ภาพตรงหน้าช่างน่าเวทนานัก

     

    "ข.. ข้า "   ข้าไม่รู้

     

    เขาพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่ปาดน้ำตาที่ไหลลงมาแล้วลงมาเล่า เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงร้องไห้ออกมา 

    เขาอาจจะขี้ขลาดกลัวความเหงาขึ้นมา กลัวการที่ต้องอยู่คนเดียว กลัวความโดดเดี่ยวที่เขาต้องกลับไปเผชิญมันอีกครั้ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมา 


    ดงพโยคงจะหลงระเริงกับความรู้สึกที่มีคนคุยเล่นเป็นเพื่อน ความรู้สึกไม่โดดเดี่ยวแล้ว แต่กลับลืมไปว่าเพื่อน(?)ตัวโตคงจะอยู่เล่นกับเขาที่นี่ตลอดไม่ได้

     

    "ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวข้าก็กลับมา.."  


    ท่านพี่เซนิแอลมานั่งคุกเข่าต่อหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ได้  คำพูดที่ได้ยินกลับทำให้ร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก 

     

    "ดงพโย เจ้านี่เด็กจริงๆ.." 


    ท่านพี่เซนิแอลว่าก่อนจะสวมกอดคนตัวเล็กที่นั่งบนเก้าอี้ แล้วลูบหัวลูบหลังเขาเบาๆเหมือนจะเป็นการปลอบ แต่ทำไมเขาร้องไห้หนักกว่าเดิมอีกล่ะ

     

    "ข้า.. ข้าไม่ อึก" 


    ทำไมเขาพูดไม่ออกกันนะ เขาไม่เป็นอะไรสักหน่อย ท่านพี่สวมกอดเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม เห็นเขาร้องไห้หนักกว่าเดิมล่ะสิ เขายกมือขึ้นโอบแผ่นหลังอันใหญ่โตของเซนิแอลแล้วซบหน้าลงเบาๆที่บ่ากว้าง ข้าไม่คิดว่าทำแบบนี้ แล้วจะ..รู้สึกอบอุ่นแบบนี้


    "ข้า..ไม่เป็นอะไรแล้ว ฮึก" 


     ..เขาดันตัวออกจากอ้อมกอดขององค์ชายใหญ่ ก่อนจะปาดน้ำตาลวกๆ ท่านพี่ยังคงนั่งอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจ้องตาเขา ดวงตาเรียวสีน้ำตาลทองใสคู่นี้สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา สวยจนเขาอดอิจฉาอีกสักรอบไม่ได้จริงๆ


    "เอ่อ..ข้าจะไปส่งท่านพี่" เขาตัดสินใจหลบตาคู่สวยตรงหน้าอย่างน่าเสียดาย


    "ไปสิ"  ท่านพี่ว่าก่อนจะส่งยิ้มละมุนมาให้ และเดินออกไปจากสวนอย่างสบายๆ 






    "นิ ข้าถามอะไรหน่อย" ท่านพี่เอ่ยปากขึ้นขณะเดินไปที่รถม้าหน้าวังใหญ่หลังจากบอกกล่าวกับราชาฮยองซอบ


    "ขอรับ?"  เซนิแอลหันลงมามองเขาด้วยสายตาดูจริงจัง


    "หากสมมุติว่า เจ้าจะได้แต่งงานกับข้า เจ้าจะคิดว่าอย่างไร"



      ......ห๊าา! ท่านพี่ถามอะไรนะ นี่เขาหูฝาดหรือเปล่า ..แต่ไม่ฝาดหรอก ได้ยินเต็มสองรูหูเลย


    "เอ่อ..เป็นไปไม่ได้หรอกขอรับ คนแบบข้าน่ะไม่คู่ควรและไม่มีทางได้คู่กับท่านพี่หรอกขอรับ" คนฟังเลิกคิ้วเหมือนจะสงสัย


    "ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ"


    "เด็กที่เป็นลูกนางสนมและยังไม่เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับพระราชาได้ จะมีอันใดเหมาะสมกับองค์รัชทายาทของราชวงศ์ฟอริอาร์กันล่ะขอรับ" 




    ท่านพี่หันหน้าลงยิ้มให้  ไม่มีเวลาไหนเลยที่ท่านพี่เซนิแอลจะไม่อบอุ่น 


    "เจ้าอย่าคิดอย่างนั้นเลย ไม่มีใครมาตัดสินได้หรอกว่าใครคู่ควรไม่คู่ควร คนที่ตัดสินนั้นคือคนที่จะครองคู่กันยังไงล่ะ"  



    เอาล่ะ ช่างเถิดยังไงก็แค่สมมุติ แต่หากได้เล่นกับท่านพี่เซนิแอลตลอดคงจะหายเหงาและมีสีสันมากแน่ๆ งั้นเขาก็ภาวนาให้ตัวเองได้เจอกับเซนิแอลบ่อยเลย หรือทุกวันเลยจะดีมาก ..




    เขาขบคิดเรื่องไร้สาระนี้อยู่ไม่นานท่านพวกเขาก็มาถึงรถม้าคันงามซะแล้ว ท่านพี่หันกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรนั่นยิ้มบางๆมาให้


    "ข้าไปแล้วนะ เจอกันใหม่" องค์ชายใหญ่โบกมือลาพร้อมยิ้มอ่อนๆให้ทีนึง




    เซนิแอลปิดม่านและกลับมานั่งพิงผนัก

     รถม้ายังคงเคลื่อนต่อไป

    ..ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์

    .. แต่ดวงตาฉายแววถึงความเบื่อหน่าย 

    ขายาวยกขึ้นไขว้ห้าง เอียงตัวใช้ข้อศอกวางที่ที่วางมือปล่อยท่าทางสบายๆ


    "..."








    .


    .





    .


    .


    น่าเบื่อ..    ใช่ น่าเบื่อ!! อะไรกันนนน จู่ๆนางรับใช้ก็พากันวิ่งแจ้นเต็มตำหนักดงพโยไปหมด พร้อมจับตัวเขาขัดจนหนังจะลอกออกมาเป็นแผลง ซ้ำยังใช้เครื่องบำรุงผิวที่สกัดจากสมุนไพรอะไรต่อมิอะไรทาลงบนใบหน้าและร่างกายเต็มไปหมด เหนี่ยวเหนอะหนะจนอยากจะวิ่งไปล้างออกให้หมด 




    เขาทำได้เพียงโวยวายในทีแรก แต่นางรับใช้พวกนั้นกลับไม่สนใจคำท้วงติงจากเขาแม้แต่น้อย "นี่มันบ้าอะไรกัน.."



    ดงพโยได้แต่ทำหน้าบูดบึ้งในขณะที่นางพวกนั้นก็ยังคงง่วนอยู่กับร่างกายของเขา ..บ้าบอที่สุด



    "บอกข้าสักคำสิ ใครให้พวกเจ้ามา"  หัวหน้านางรับใช้พวกนั้นเดินออกมาจากห้องนอนของเขาพอดีหลังจากยกผ้ายกผ่อนและเครื่องบำรุงผิวพรรณส่วนหนึ่งไปไว้ในนั้นเรียบร้อย



    "ฝ่าบาททรงให้พวกหม่อมฉันมาเพคะ" นางตอบก่อนจะเดินกลับไปในห้องอีกครั้ง.. นี่มันบ้ามาก ใครเขาเดินออกห้องเข้าตำหนักของเขาตามอำเภอใจกันขนาดนี้ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นฝ่าบาทฮยองซอบให้มาทำอะไรแบบนี้ อีกไม่กี่อึดใจเขาคงต้องกลายร่างและตะปบ(?)นางพวกนี้แน่



    "เห้อ.. ทำไม ท่านพ่อให้ทำทำไม" เขากรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย และเบื่อหน่ายมากๆ คอยดูนะ หลังจากนางพวกนี้ออกไป เขาจะออกไปนอนคลุกดินที่สวนหลวงให้ดู เอาให้เป็นลมกันไปข้างเลย



    "ฝ่าบาททรงตรัสว่าให้มาเตรียมตัวล่วงหน้าให้องค์ชายเพคะ.. " นางรับใช้ผู้หนึ่งตอบ ในขณะที่ทาน้ำยาสมุนไพรกลิ่นฉุนๆลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์  เป็นกลิ่นชวนอ้วกมาก  เขาคงต้องเอาไปเททิ้งแล้วล่ะหลังจากนี้



    "เตรียมตัวอะไร?" เตรียมอะไร มาผิดตำหนักแล้วมั้ง.. ไม่เห็นมีใครบอกอะไรเขาเลย ที่วังจะจัดงานงั้นหรอ หรือจะพาเขาไปงานแต่งอาเบลหรือใคร หรือจะพาเขาไปขอสาว.. แต่งานไหนๆก็ไม่เคยเห็นจะต้องทำอะไรแบบนี้เลยนิ



    "ฝ่าบาทบอกว่า หากเรียบร้อยจากตรงนี้แล้ว ให้องค์ชายเสด็จไปพบฝ่าบาทเพคะ.."  คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ ที่ท่านพ่อจะคุยกับเขา 

    พอดีเลย แวะไปขอหนังสือกับท่านพ่อสักสองสามเล่มมาอ่านเล่นด้วยเลย



    "เร่งมือหน่อย ตอนเย็นข้าจะออกไปเก็บผลไม้ที่สวน ข้าไม่มีเวลาให้พวกเจ้าทั้งวันนะ"   



    หัวหน้านางรับใช้โผล่หน้าออกมาจากประตูห้องทันทีด้วยหูที่ผึ่งเหมือนหมา ก่อนจะพูดด้วยหน้าดุๆ สายตาเหมือนจะเอ็ดเขาอยู่กลายๆ




    "ไม่ได้เพคะ ประเดี๋ยวยุงจะกัด เนื้อตัวจะเป็นตุ่มแดงนะเพคะ ไปไม่ได้เด็ดขาด หากองค์ชายอยากเสวยอันใดให้แจ้งเด็กที่หม่อมฉันเตรียมไว้ให้นะเพคะ ฝ่าบาททรงให้หม่อมฉันหาคนที่จะมาอำนวยความสะดวกให้องค์ชาย"  หาเด็กรับใช้มาว่างั้นเถอะ ยุ่งวุ่นวายจริงๆ เคยเอ่ยปากหรอว่าอยากได้ ..ไม่เลย 



    "สำคัญอันใดนัก น่าเบื่อน่ารำคาญจริงๆ พวกเจ้าช่วยเร่งรีบและออกจากตำหนักข้าให้เร็วที่สุด เข้าใจมั้ย" ดงพโยพูดอย่างข่มอารมณ์หงุดหงิด ค่อยดูนะ ดึกๆจะแอบออกไปให้ยุงกัดเล่นที่สวนผลไม้ เอาให้หายามาทาให้วุ่นเลย




    และจะไปถามท่านพ่อให้รู้เรื่องว่านี้มันเกิดอะไรขึ้น..



    .

    .

    .

    .



    ดงพโยเดินเล่นไปเรื่อยในเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว ไม่แวะเข้าที่ตัววังใหญ่สักที    



    ก็ช่วยไม่ได้ เขายังอยากแวะไปเก็บผลไม้มากินเล่นสักสองสามผล ยังอยากไปเล่นที่สวนหลวง ยังอยากแวะไปหาของหวานกินที่ครัวหลวง แต่ติดที่ว่าต้องแวะไปคุยกับฮยองซอบก่อน ทั้งขี้เกียจ ทั้งเบื่อ เลยเดินเอื่อยๆลากขาอย่างช้าๆไปจนกว่าจะถึงตัววังใหญ่ 




    และในที่สุดก็มาถึงห้องทำงานใหญ่ของราชาแห่งเมืองเพชรรัตติกาล องครักษ์ยุนจีซองยังคงมีรอยยิ้มแสดงถึงความใจดีและเอ็นดูดงพโยอยู่บนใบหน้าเสมอ เชิญให้เขาเข้าห้องและยังคงยืนตรวจความเรียบร้อยและเอกสารก่อนจะถึงมือพระราชา



    "ท่านพ่อ มีอันใดจะพูดกับลูกหรือ" ฮยองซอบผายมือที่ชุดโซฟาตัวใหญ่ จัดเตรียมขนมที่องค์ชายสี่ชอบมากไว้ให้บนโต๊ะตัวแพง


    "วันนี้พ่อมีเรื่องจะแจ้งให้เจ้าทราบ เจ้าอาจจะไม่พอใจพ่อไปบ้าง แต่เรื่องนี้เจ้าต้องฟังรายละเอียดก่อนจะโวยวาย.. เข้าใจไหม"  ราชาฮยองซอบยังคงยิ้มเอ็นดูลูกชายคนเล็กอยู่เสมอ เขาอยากดูแลให้ดีกว่านี้ แต่ติดที่ตัวดงพโยเองเคยเอ่ยบอกว่าชอบอยู่คนเดียวและไม่ชอบให้ใครไปยุ่งวุ่นวาย เขาก็ทำตามที่เจ้าตัวต้องการมาตลอด



    "ขอรับ" สายตาดงพโยเริ่มจริงจัง และคิดไปในใจต่างๆนาๆว่าเรื่องที่ท่านพ่อจะพูดคืออะไร ฮยองซอบนั่งลงตรงข้ามเขา ก่อนจะหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาและดันมันมาตรงหน้าเขา



    สารแจ้งว่าต้องการสู่ขอองค์ชายสี่แห่งเมืองเพชรรัติกาล จากเมืองซันไชน์ไลท์ 



    ดงพโยนิ่งค้างอ่านสารที่ฮยองซอบส่งให้อยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาไม่ไหวติง แต่ในหัวมีความคิดมากมายวิ่งวุ่นตีกันไปหมด 

    หากปฏิเสธไปจะมีปัญหากันมั้ยนะ..



    "หากลูกบอกว่าไม่ล่ะท่านพ่อ" น้ำเสียงดงพโยเรียบนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ถูก ฮยองซอบได้เพียงยิ้มอ่อนแล้วถอนหายใจเบาๆ



    "คือแบบนี้ ...เจ้ามีเวลาสามเดือนหลังจากนี้ ข้าจะส่งเจ้าไปที่เมืองนั่น แล้วหลังจากสามเดือน เจ้ายังคงปฏิเสธ พ่อก็จะไม่บังคับเจ้า"



    "แล้วเหตุใดต้องเป็นลูกด้วยล่ะท่านพ่อ ลูกยังไม่อยากมีใคร ลูกแค่อยากมีเพื่อนเล่นตามประสาเด็กกำลังโต" ดงพโยพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด หงุดหงิดที่ทำไมเมืองนั้นต้องสู่ขอเขา ยังมีพี่สาวต่างแม่ของเขา ทั้งสวยทั้งเก่งแบบ ยูนิก้า ทำไมจะต้องสู่ขอเขา



    ไม่เข้าใจเลยจริงๆ



    "เอาน่ะลูก นี่เป็นการเชื่อมไมตรีให้สองเมืองเราแน่นแฟ้นกว่าเดิมนะ อีกสามเดือนหากลูกยังปฏิเสธจริงๆ ต่อให้ต้องระคายเคืองกันบ้าง พ่อก็จะไม่ให้เจ้าแต่ง" 



    ฮยองซอบยื่นมือมาลูบหัวฟูๆของดงพโย



    "ลูกข้าน่าเอ็นดูขนาดนี้ใครก็อยากแต่งเข้าบ้านเข้าเมือง" ดงพโยได้เพียงแค่ทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินอ้อมไปหลังโซฟาตัวใหญ่และสวมกอดฮยองซอบ 



    "เพราะมีท่านพ่อที่หล่อเหลาและท่านแม่ที่น่ารัก ข้าถึงน่ารักขนาดนี้ไงท่านพ่อ ฮ่าๆ" 



    ฮยองซอบแนบหัวเข้ากับองค์ชายเล็กอย่างผ่อนคลาย ดงพโยยิ้มจนเห็นเขี้ยว เป็นภาพที่อบอุ่นและหาดูได้ยากจากพ่อลูกคู่นี้ 


    และองครักษ์ยุนจีซอง ไม่พลาดที่จะบันทึกภาพนั้นและทำให้มันออกมาเป็นรูปภาพด้วยเวทย์มนต์ของตัวเองด้วยความภูมิใจ


    องค์ชายเล็กละตัวออกจากฮยองซอบ เพราะเขาเริ่มหิวอีกแล้ว ต้องออกจากที่นี่ไปหาอะไรประทังท้องแล้วจริงๆ


     

    "ท่านพ่อ ลูกหิวแล้ว ลูกต้องลาแล้ว" ฮยองซอบพยักหน้าเข้าใจ เขาเองก็ต้องทำงานต่อเช่นกัน


    "ส่วนจะไปวันไหนพ่อจะแจ้งเจ้าอีกที ระหว่างนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ"  ดงพโยพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะโค้งตัวให้ทีนึงและเดินออกไป องครักษ์หน้าหวานไม่ลืมยื่นใบรูปถ่ายให้เขา 

    เขาหยิบรูป มองมันอย่างแปลกใจ และยิ้มจนตาปิด

    "ขอบคุณท่านมาก"


    .

    .

    .

    .

    ดงพโยเดินกลับมาที่ตำหนักเล็กของตนในเวลาจวนจะค่ำ ก็พบกับชายวัยรุ่นรูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวดีนั่งแกว่งขาอยู่ที่ชิงช้าไม้โยกข้างตำหนักเขา ดงพโยเอ่ยปากถามทันที 



    "เจ้าเป็นใคร มีอันใดกับข้า" เด็กหนุ่มหันมามองเขานิ่งๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และโค้งตัวให้ทีนึง



    "ข้าคือคนที่ฝ่าบาทส่งมาให้ดูแลองค์ชายต่อจากนี้.. ข้าชื่อ อี อึนซังหรือ " องครักษ์? ..ดงพโยมองเด็กคนนั้นด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะเปิดประตูและกวักเรียกอีกคนเข้าไป



    "เข้ามานี่"

    .

    .

    .



    "สรุปว่าเจ้าคือลูกชายคนเดียวขององครักษ์อึนบีที่เสียไปหลายปีแล้ว?"  ดงพโยแอบแปลกใจอยู่ไม่น้อย ว่าเด็กตรงหน้าคือลูกขององครักษ์เก่าของราชินีเฉวียนยูริด้า หรือเรียกง่ายๆก็คือเมียหลวงของท่านพ่อนั้นเอง



    "ใช่แล้วพะยะค่ะ ก่อนท่านแม่เสียไป ท่านแม่ก็ไม่อยากให้มายุ่งกับการงานที่อันตรายแบบนี้ เพราะสมบัติของท่านแม่ก็เยอะพอให้กินอยู่ได้ทั้งชาติ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรต่อไป กระหม่อมจึงกลับมาฝากตัวเป็นกองทหารองครักษ์"



    ดงพโยพยักหน้าเข้าใจ ไม่น่าล่ะ การแต่งตัว ผิวพรรณ ดูมีความเป็นผู้ดี ที่แท้ก็เศรษฐีชาติทองนี้เอง 


    "ได้ แล้วอายุเท่าไหร่แล้ว"



    "สิบเจ็ดแล้วพะยะค่ะ"



    "ทำไมถึงได้ส่งองครักษ์ที่เด็กขนาดนี้มานะ ..เจ้าอายุเท่าข้า งั้นเจ้าก็คุยกับข้าให้เหมือนเพื่อนละกัน ข้าไม่ถืออะไรหรอก มาตีสนิทกันไว้ก็ดี "  จะมีเพื่อนคุยแล้วล่ะทีนี้ ดงพโยรอบยิ้มในใจ


    "อ้อ.. พะยะค่ะ กระหม่อมจะพยายาม"


    .

    .

    .

    .


    ค่ำคืนผ่านไป แทนที่ด้วยดวงอาทิตย์ ดงพโยมีองครักษ์เหมือนกับคนอื่นๆแล้ว  และดูเหมือนจะได้เพื่อนด้วย เพราะอึนซังอายุเท่ากันกับเขาและยังเป็นลูกครึ่งแวร์วูฟกับแวมไพร์เหมือนกันอีก



    ในตอนเช้าพวกนางรับใช้ก็ยังคงวิ่งวุ่นอยู่ในตำหนักเขาเช่นเดิม และเขารู้สึกเหมือนหนังของเขาจะหลุดลอกออกมาจริงๆ พวกนางไม่เบามือเลยแม้แต่น้อย



    "นิ พวกเจ้าคิดว่าทำไมเมืองของท่านพี่เซนิแอลถึงอยากมาสู่ขอข้า"  




    ดงพโยนั่งค้ำคาง ใบหน้าเบื่อหน่าย ในขณะที่นางพวกนั้นยังคงขัดผิวและประทินน้ำยาสมุนไพรต่างๆนาๆลงบนใบหน้าและผิวตัวของเขา




    "หากไม่ใช่ผูกมิตร.. ก็คงมีจุดประสงค์บางอย่างเป็นแน่ องค์ชายคิดว่ายังไงล่ะ" อึนซังตอบหน้านิ่งในขณะที่นั่งฝนสมุนไพรบางส่วนให้นางรับใช้เหล่านั้น




    "อืม.. ก็น่าคิดนะ เมืองนั้นคิดอยากใช้ประโยชน์อะไรจากเมืองเราหรือเปล่านะ" แล้วที่ท่านพี่เซนิแอลมาเล่นที่เมืองนี้ มาตีสนิทกับเขานี่.. จะใช่จุดประสงค์เพื่อให้เขาใจอ่อนหรือเปล่านะ เขาไม่ตกหลุมพรางง่ายๆหรอก หากเป็นเช่นนั้น เขาชักจะคิดมากแล้วสิ พี่ชายแสนดีคนนั้นจะมาเพื่อจุดประสงค์อะไรมั้ยนะ


    ดงพโยไม่ได้ใสซื่อแบบที่คิดหรอกนะ..


















    #คารินดรีมวาจายาพิษ




    มาแล้วจ้าา คิดถึงน้องมั้ยยย รออ่านตอนต่อไปเลยจ้าา ไม่มีเวลาก็หาเวลามาอัพอยู่ดี จุ้บๆค้าาา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     


     


     


     


     

                     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×