คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 hello lovely prince
- 1.แวมไพร์แท้หรือเลือดเข้มข้นไม่ใช่เลือดผสม จะมีการเจริญเติบโตช้ากว่าพวกเลือดผสม อายุของแวมไพร์ 10 ปี เท่ากับ 1 ปีถ้าเทียบกับคน อาหารที่กินคือ เลือด อย่างอื่นที่ไม่ใช่เลือดกินเข้าไปจะไม่มีผลต่อร่างกายและจะไม่ให้พลังงานเช่นกัน
- 2.พวกเลือดผสมไม่ว่าจะเป็นครึ่งแวมไพร์แม่มดหรือแวมไพร์แวร์วูฟ จะมีการเจริญเติบโตเร็วเหมือนมนุษย์แต่เมื่ออายุครบ18ปี ถึงวัยสืบพันธุ์ได้แล้ว การเจริญเติบโตทางร่างกายจะกลายเป็นแบบแวมไพร์ และการนับอายุก็นับแบบแวมไพร์คือ 10 ปี เท่ากับ 1 ปีเทียบกับคน อาหารที่กินได้ กินได้ทั้งเลือดและอาหารปกติ
- 3.แวมไพร์สามารถนอนหรือไม่นอนก็ได้ หากนอนจะเป็นการเพิ่มพลังงานมากขึ้น บางเมืองนิยมนอนกลางคืนบางเมืองนิยมนอนกลางวัน บางเมืองนอนตามอิสระ
- 4.แวมไพร์ผิวสามารถโดนแสงแดดได้ เนื่องจากการพัฒนาทางร่างกายมาจากบรรพชนที่สมัยก่อนไม่สามารถโดนแสงแดดได้ แต่เมื่อกาลสมัยเปลี่ยนไปร่างกายของแวมไพร์ก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับแสงแดดได้
- 5.พวกเลือดผสมแม่มดพ่อมด จะสามารถร่ายคาถาเหมือนกับพ่อมดและแม่มดได้ตามสายเลือด
- 6.พวกเลือดผสมแวร์วูฟสามารถเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าหรือแวร์วูฟได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
- 7.พวกแวมไพร์แท้ สามารถบินได้ด้วยปีกที่จะโผล่ออกมาในเวลาที่ต้องการ
- 8.หากมีเชื้อสายแวมไพร์ จะมีสัญชาตญาณแวมไพร์แรงกว่าสายเลือดอีกฝั่ง
- 9.เชื้อราชวงศ์ส่วนใหญ่จะเป็นแวมไพร์แท้ ผู้ที่เป็นทายาทหากมีเลือดราชวงศ์เข้มข้นพอจะมีตาสีเดียวกับที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมาและจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนในแต่ละรุ่นที่จะมีสีตานั้น
เมืองdaimon of the night
หลังวังในเวลานี้ควรจะเงียบสงบอย่างที่เป็นทุกวัน แต่วันนี้มันไม่ใช่! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เสียงวี้ดว้ายน่ารำคาญที่ข้างนอกนั้น ที่ผ่านมาไม่เห็นจะมีใครมาเพ่นพ่านแถวนี้หนิ อย่างมากก็แค่เดินผ่าน
"หึ้ย!" ร่างเล็กเดังตัวจากเตียงนอนอย่างหัวเสีย ก่อนจะเปิดหน้าต่างออกไปดูว่าข้างนอกนั้นเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น ทำไมจู่ๆจึงเกิดเสียงน่ารำคาญพวกนั้น
"นิ เกิดอะไรขึ้น เอะอะวี้ดว้ายอะไรกัน ข้านอนไม่หลับ" เมื่อเปิดหน้าต่างออกไปก็พบ พวกนางรับใช้ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล องค์ชายสี่อย่างคารินดรีมหรือดงพโย จึงร้องถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก พวกนางยังคงอยู่ในเขตตำหนักเล็กของเจ้าตัว จึงเรียกมาถาม
"เพคะองค์ชาย" นางรับใช้คนหนึ่งที่มีหน้าที่ตอบคำถามพูดขึ้น
"พวกเจ้ามาทำอะไรในเขตตำหนักข้า ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมีผู้ใดโผล่มา" นางรับใช้พวกนั้นยิ้มเจื่อนให้เล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามที่หากองค์ชายสองอย่างอาเธอร์ได้ยินคงโดนให้ไปตักขี้ม้าสักเจ็ดวันแน่
"คือ.. วันนี้องค์ชายเซนิแอล จากเมืองซันไชน์ไลช์ไปประภาส ผ่านมาทางนี้เลยแวะเข้ามาเยี่ยมเยือนที่เมืองน่ะเพคะ"
"แล้ว?"
"เอ่อ.. ใครๆก็เล่าลือเรื่อง รูปโฉมขององค์ชาย ขนาดครั้งล่าสุดที่แวะมายังเล่าลือกันมาถึงทุกวันนี้ เมื่อร้อยปีที่แล้วยังทรงพระเยาว์วัย ยังทำให้พวกนางรับใช้แทบจะตบกันตายเพราะแย่งกันถวายอาหารให้องค์ชายน่ะเพคะ พวกหม่อมฉันเลย.."
เหอะ! คาดไว้ไม่มีผิด มารอดูผู้ชายว่าอย่างนั้นเถอะ
"แล้วทำไมต้องเข้ามาที่เขตตำหนักข้าด้วย"
"ก็..เขตสวนอโณณาเป็นเขตที่ต้องได้รับอนุญาตก่อน องค์ชายเซนิแอลเข้าได้แต่พวกหม่อมฉันเข้าไม่ได้ เลยต้องมาที่เขตตำหนักเล็กแทนน่ะเพคะ"
ก็ใช่สิ ที่นี่เพิ่งจะมาสำคัญก็เวลาแบบนี้แหละ ก็ตำหนักเขามันอยู่ข้างสวนอโณณานะสิ
" หากเรื่องถึงหูท่านพี่อาเธอร์ พวกเจ้าจะเป็นอย่างไร.." ดงพโยถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์และหรี่ตามองพวกนางให้ใจหายเล่นๆ ก่อนจะฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็กอย่างร่าเริง
.
"ตรงนั้นหน่อย เพิ่มตรงนี้อีกนิดนึง.. เรียบร้อย ขอบใจพวกเจ้ามากที่มาช่วย พวกเจ้ากลับไปทำงานพวกเจ้าต่อได้แล้ว"
พวกนางรับใช้รีบจ้ำอ้าวออกไปจากเขตตำหนักเล็กอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ต้องไปเอาต้นกุหลาบขาวจากฝ่ายเพาะพันธุ์ของวัง มาลงดินปลูกที่สวนข้างตำหนักให้องค์ชายสี่ถึงหนึ่งพันเก้าร้อยดอก หากไม่ทำมีหวังคงโดนเจ้าชายผู้ดูแลความเรียบร้อยอย่างเจ้าชายอาเธอร์ให้ไปตักขี้ม้าเพราะเจ้าชายคารินดรีมไปบอกเป็นแน่
"หาววว ข้าชักจะหิวแล้วสิ" ว่าแล้วเจ้าชายน้อยก็เดินฉับๆไปที่ครัวหลวง ก็ใช่สิ เป็นแค่ลูกปลายแถว บริวารก็ไม่มีสักคน เวลาหิวก็ต้องเดินไปถามหาของกินที่ครัวหลวงเองตลอด ขนาดตำหนักเล็กยังโดนระเห็ดไปตั้งถึงหลังวังอย่างข้างสวนอโณณาที่เป็นเขตหวงห้าม ยิ่งไม่มีใครเห็นหัวไปอีก นานๆเจ้าชายสองอย่าเจ้าชายอาเธอร์จะแวะมาเล่นด้วย
ครัวหลวง
"นี่ ข้าหิวแล้วมีอะไรกินบ้าง" เมื่อดงพโยเดินเข้ามาถาม เหล่าแม่ครัวก็ทำหน้าตกใจและมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"เอ่อ.. องค์ชายเพคะ สำรับหมดแล้วเพคะ พวกนางรับใช้ยกไปต้อนรับองค์ชายเซนิแอลกับองค์ชายใหญ่ที่สวนอโณณาหมดแล้วเพคะ"
"ห้ะ ไม่มีเหลือเลยหรอ นี่พวกเจ้าได้ทำอาหารเผื่ออย่างอื่นด้วยหรือไม่"
"ก็..พึ่งยกออกไปเสิร์ฟให้เจ้าชายกับเจ้าหญิงทั้งสามพระองค์เมื่อครู่นี้เพคะ" หึ มีแค่เขาสินะที่ไม่มีใครนึกถึง
ไม่มีแม้กระทั่งสำรับที่เตรียมแล้วถูกวางลืมไว้ที่ครัวทุกวันจนเขาต้องมาเอาเองจนชินน่ะ หน้าตาหน้ารักก้มลงก่อนดวงตาจะเปลี่ยนเป็นฟ้าเหมือนหมาป่า มือเล็กกำแน่นเข้าหากันจนเส้นเลือดปูด บรรยากาศในครัวหลวงเงียบลงทันที ไม่มีแม่ครัวคนไหนกล้าเอ่ยปากเลยแม้แต่คนเดียว ไม่เคยมีใครเคยเห็นองค์ชายสี่เป็นแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเขาไม่ได้คิดอะไรมากมายกับการที่ไม่มีใครเห็นหัว แต่นี่มันชักจะมากเกินไป
ดงพโยพูดเสียงต่ำท่ามกลางความเงียบอันน่าขนลุก
"นี่ พวกเจ้ายังเห็นข้าเป็นองค์ชายอยู่หรือไม่.. ห้ะ!!" เสียงใสตะหวาดลั่นจนเหล่าแม่ครัวตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ก้มหน้าหลบตาทุกคน
"พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่เห็นใช่หรือไม่! ว่าสำรับที่วางอยู่ตรงนั้นมันคือของข้า! ตอบมาสิว่าใช่หรือไม่!" เขาเห็นตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว ก็นั้นมันคือสำรับที่มีถาดสีฟ้าใส่อยู่แสดงว่ามันคือของเขา และผลไม้เปลือกผลไม้พวกนั้น ในครัวนี้ไม่มีใครกินผลไม้เลยสักคนแม้กระทั้งองค์ชายหรือองค์หญิง นางพวกนี้คงจะขี้เกียจทำอาหารอีกรอบล่ะสิเลยถือวิสาสะกินอาหารของคนที่ไม่มีใครเห็นหัวแบบเขา
"ตอบ!" เสียงตะหวาดลั่นอีกรอบทำเอาเหล่าแม่ครัวลงไปก้มหน้ากับพื้นแล้วสั่นงกๆเป็นเจ้าเข้า ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เมื่อทุกคนยังคนเงียบ ดวงตาสีฟ้าก็เปล่งแสง บรรยากาศในครัวเรียกได้ว่ากดดันจนอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆกัน จู่ๆควันสีขาวก็โอบอ้อมร่างกายเล็ก จนปรากฎร่างหมาป่าสีขาวที่ขนาดตัวใหญ่ใกล้จะเต็มวัย เหล่าแม่ครัวเห็นแล้วก็ตกใจกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง จนร่างหมาป่าคำรามสยบทุกเสียง เหล่าแม่ครัวน้ำหูน้ำตาใหลอย่างน่าเวทนา แต่จะมาสำนึกเวลานี้มันก็ดูจะสายไป
ร่างหมาป่าเยื้องย่างเข้าไปใกล้ๆสำรับของตนที่หมดไปแล้วก่อนจะใช้อุ้งเท้าเขี่ยมันไปอยู่ตรงหน้าแม่ครัวทั้งหลาย ก่อนจะทำรามออกมาอีกครั้ง จนหัวหน้าแม่ครัวต้องเงยหน้าขึ้นมาร่ำร้องท้งน้ำตาด้วยความกลัว
"พวกหม่อมฉันผิดไปแล้ว ฮืออ พวกหม่อมฉันจะทำอาหารให้องค์ชายใหม่นะเพคะ อย่าทำอะไรหม่อมฉันเลย องค์ชายคารินโปรดอภัยให้ด้วยนะเพค ฮืออออ" ว่าแล้วก็คลานเข้ามาจับอุ้งเท้าขาวด้วยความกล้าๆกลัวๆ จนร่างหมาป่าถอยออกแทบไม่ทัน ก่อนร่างหมาป่าสง่างามจะเปลี่ยนเป็นมนุษย์หน้าตาน่ารักเช่นเดิม แตกต่างจากร่างเมื่อครู่ลิบลับ
"ข้าจะรอ.." ว่าแล้วก็หันหลังเดินกลับอย่างนิ่งและเย็น รอบกายยังแผ่รังสีไม่น่าเข้าใกล้ เมื่อเดินจนพ้นครัวหลวงไปแล้วพวกแม่ครัวก็พากันตัวอ่อนระเนระนาดลงไปนอนกองกับพื้นด้วยอาการหมดแรง
ใครๆก็ว่าทายาทฝ่าบาทฮยองซอบน่ากลัวทุกคน ยกเว้นองค์ชายสี่ ข้อนี้คงจะไม่จริงแล้วเสียแล้ว
"เบื่อจริงๆคนพวกนี้" ดงพโยเอ่ย เขาเป็นคนอยู่ง่ายโมโหง่ายแต่ไม่ได้หัวรุนแรงอะไร ถ้าเป็นพี่ชายดงพโยถ้าโมโหขนาดนี้ แม่ครัวพวกนั้นคงกระเด็นติดกำแพงเป็นแน่ เมื่อกี้เพียงแค่โมโหหิว แต่กระไรเขาเองคงไม่โหดร้ายลงมือกับแม่ครัวเหล่านั้นหรอก ใครจะชอบความรุนแรงกัน
.
.
.
.
สวนอโณณา
"เจ้ามองอันใด เซนิแอล" องค์ชายใหญ่ผู้สืบราชวงศ์คนต่อไปอย่าง อาเบลเรนเดล หรือ ยุนกิถามเพื่อนตน ที่สายตาเหม่อมองอะไรบางอย่าง
"เด็กคนนั้นเป็นใครหรือยุนกิ" ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรหันมองตามผู้ที่ตนสนใจ เด็กน้อยผู้นั้นที่กำลังเดินหน้าตึงมาทางสวนที่ตนนั่งอยู่ จู่ๆก็เดินเลี้ยวไปอีกทางซะงั้น ไม่ได้จะเดินมาทางนี้หรอกหรือ
"ทำไม ..สนใจหรือ" ยุนกิยิ้มถามด้วยความแปลกใจ
"ก็น่ารักดี"
"ดงพโย" ยุนกิเรียก
ใบหน้าเล็กหันขวับทันทีพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินเข้าหาองค์ชายทั้งสองที่นั่งจิบชาอยู่ในสวน
"ขอรับท่านพี่?" ยุนกิพยักเพยิดไปทางเซนิแอลที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตน เป็นเชิงบอกว่าให้ทักทาย
" ข้า องค์ชายสี่ คารินดรีมเรนเดล เรียกดงพโยก็ได้ขอรับ" ดงพโยโค้งตัวให้เป็นเชิงเคารพ เซนิแอลยกยิ้มอย่างเอ็นดู เขาไม่เคยเจอเด็กที่ไหนน่ารักขนาดนี้มาก่อน
"ข้าเซนิแอล ฟอริอาร์ หรือ ฮันซึงอู ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าเด็กน้อย" องค์ชายใหญ่ของฟอริอาร์ยกยิ้มอ่อนโยนให้อีกรอบ ดงพโยเพิ่งจะรู้ว่าองค์ชายโฉมงามที่นางรับใช้เอ่ยอ้างถึงความรูปงามว่างามนักหนา จะงามยิ่งกว่าเทพบุตรมาจุติเสียอีก พรางคิดในใจหากตนมีหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้บ้างคงดี ปากบางยกยิ้มอ่อนๆกลับเพื่อไม่เป็นการเสียมารยาท
"ว่าแต่ท่านพี่เรียกน้อง มีอะไรหรือขอรับ" ยุนกิเงยหน้ามองดงพโย ก่อนจะยิ้มมุมปากถามบางอย่างที่ดงพโยถึงกับอ้าปากค้าง
"เมื่อครู่เจ้าไปก่อเรื่องอะไรในครัว"
"ท่านพี่รู้หรือขอรับ ?!" ยุนกิหัวเราะเบาๆกับท่าทางอึ้งจนเผลอทำหน้าตลกออกมาของน้องชายที่อายุห่างกันถึงสองร้อยยี่สิบเอ็ดปี(นับเหมือนอายุคนทั่วไปคือคือ22ปี) จะว่าไปเขาก็ลืมใส่ใจน้องชายคนนี้ ตั้งแต่ดงพโยเกิดมาก็โผล่มาให้เห็นบ้างประปรายตั้งแต่เล็กจนโตขนาดนี้ เพิ่งได้สังเกตดีๆกว่าจะรู้ว่ามีน้องน่ารักขนาดนี้ก็วันนี้แหละ
"ฮ่าๆ ทั้งวังก็มีแค่เจ้า แล้วก็ยูนิก้า ที่เป็นครึ่งหมาป่า เจ้าคิดว่ายูนิก้าจะเข้าไปส่งเสียงคำรามในครัวอยู่หรือ"
"ท่านพี่ได้ยินหรือขอรับ"
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสียงคำรามเจ้าน่ะ ไม่ใช่เบาๆนะดงพโย ข้าเชื่อเลยว่าดังตั้งแต่หลังวังถึงหน้าวังแน่นอน อีกหน่อยอาเธอร์คงจะเดินมาทางนี่แล้ว เจ้าเชื่อข้ามั้ย" เมื่อจบคำยุนกิก็มองไปข้างหลังเด็กน้อยที่มีเจ้าชายร่างสูงโปร่งดูสง่างาม เดินดุ่มๆเข้ามาทางที่่ตนนั้งอยู่
"ขออภัยหากเป็นการเสียมารยาทนะซึงอู" เจ้าชายอาร์เธอร์หรือซอกจินบอกกับเพื่อนของตน เซนิแอลพยักหน้าไม่พูดอะไรและนั่งจิบน้ำชาต่อ
" ดงพโย เจ้าไปก่อเรื่องไว้กับเหล่าแม่ครัว" น้องชายที่หัวแทบจะไม่ถึงไหล่ตนด้วยซ้ำ ยิ้มแห้งๆให้อาเธอร์ด้วยใบหน้าซีด
"ข้าขออภัยจริงๆ ที่ทำให้วุ่นวาย" อาร์เธอร์ยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มของน้องชาย
"เจ้าไม่ผิดหรอกน่า ข้าเข้าไปถามแม่ครัวพวกนั้นดูแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไงเจ้าก็ยังเป็นเจ้าชายจะเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนควรมีมันก็ไม่ผิดหรอก แม่ครัวเหล่านั้นถูกลงโทษแล้ว พี่สั่งเปลี่ยนแม่ครัวใหม่ทั้งหมดแล้ว อีกครู่หนึ่งคงมีคนยกสำรับมาให้เจ้าล่ะ"
"ขอบคุณท่านพี่ขอรับ ตอนนั้นน้องก็โมโหหิวไปหน่อย เรื่องเล็กแค่นี้อย่าถือสาเอาความเลยขอรับ" ดงพโยโค้งให้อย่างขอบคุณที่อาเธอร์เข้าใจ แต่ในใจก็แอบเวทนาเหล่าแม่ครัวนั้นไม่น้อย ตอนนั้นก็เป็นอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น
"ใช้ได้ที่ไหน ขี้เกียจทำกับข้าวแล้วมากินอาหารของน้องชายข้า ทำเหมือนที่วังไม่ให้กับข้าวกับน้ำอย่างนั้นแหละ " อาเธอร์ยักไหล่ให้อย่างไม่ใยดีแม่ครัวเหล่านั้น ก็ในเมื่อปฏิบัติตัวกับราชวงศ์อย่างนี้มันจะต่างอะไรกับพวกคนที่คิดว่าตัวเองใหญ่เท่าราชวงศ์กัน หากมีคนแบบนี้มากๆนานวันเข้าจะกลายเป็นกบฏ ลงหวายแค่หนึ่งร้อยทีกับอดอาหารอีกสามวันยังดูน้อยไปเสียด้วยซ้ำ
"เจ้ากลับไปตำหนักเจ้าได้แล้วดงพโย" ยุนกิมองตาเซนิแอล " ตอนเย็นมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วยล่ะ ข้าจะให้คนมารับ"
"เจ้าหิวใช่หรือไม่ นำผลไม้พวกนี้กลับไปด้วยสิ ถือว่ารองท้องไปก่อนละกัน" เซนิแอลยกจานผลไม้ให้คนตัวเล็ก ดงพโยมีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะรับมาเพื่อไม่เป็นการเสียมารยาท
"ขอบคุณองค์ชายเซนิแอลขอรับ"
"เรียกพี่ซึงอูก็ได้"
"..ก็ได้ขอรับ น้องลาท่านพี่ทั้งสาม" ดงพโยโค้งให้ก่อนจะเดินกลับออกไปและกลับตำหนักเล็กของตน
"เพิ่งจะรู้ว่ามีน้องน่ารักขนาดนี้นะซอกจิน"
"เหอะ น้องมันเกิดมาได้ตั้งสิบเจ็ดปีแล้วเพิ่งจะรู้หรอท่านชายย" ซอกจินว่าประชดยุนกิ
สายตาคมมองตามเด็กน้อยเดินออกไปจนลับหายเข้าไปในตำหนัก ก็ยังไม่อยากจะวางตาด้วยซ้ำ
และถามว่าทำไมเซนิแอลรู้ว่าดงพโยชอบกินผลไม้..
เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วราชวัง ชายหนุ่มทั้งสองที่จิบชาคุยกันอยู่ได้ยินทุกอย่างชัดเจน
"แม้กระทั่งผลไม้ที่ข้าชอบพวกเจ้าก็ยังกินจนหมดงั้นหรือ!!"
หมาป่าตัวไหนกันนะที่คำรามคำนี้ออกมา ช่างน่ารักเสียจริง
เซนิแอลฟังภาษาหมารู้เรื่อง..
และเป็นหมาป่าที่น่ารักมากๆด้วย
100%
ความคิดเห็น