คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สะกดรอย
สะกดรอย
ท่ามกลางความมืดในราตรีกาลแต่มีแสงจันทราส่องแสงพอให้คนในชุดสีดำมองเห็น วันนี้แหละจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งสองที่ลอบมาพบกันในเวลาดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้ เสียงทหารเวรกำลังจะเดินผ่านมา ร่างน้อยก็เลยต้องนั่งลงที่ข้างพุ่มไม้ ชุดดำช่วยพรางไม่ให้ทหารมองเห็นเธอได้ ลมหายใจติดขัดเมื่อทหารเวรคุยกัน
“เหมือนจะมีคนอยู่แถวๆนี้เลย”
“ลองไปดูพุ่มไม้นั้นสิ”เสียงทหารเวรอีกคนชี้มาพุ่มไม้ที่คนชุดดำแอบซ่อนตัวอยู่ ความฉลาดแกมโกงก็เลยใช้ก้อนหินปาไปที่พุ่มไม้ฝั่งตรงข้าม
“แกร๊ก”เสียงก้อนหินดังขึ้น
“สงสัยเป็นพุ่มไม้โน้นละมั้ง”เสียงทหารเวรอีกคนเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินจากไปจากพุ่มไม้ที่คนชุดดำหลบซ่อนตัวอยู่ เมื่อเห็นว่าทางปลอดโปร่งคนในชุดดำก็ค่อยๆคลานตัวเข้าไปใกล้สวนดอกไม้มากขึ้นเพื่อแอลฟังบทสนทนาของคนทั้งสอง
“มารีน”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“ฉันขอโทษ แต่ตอนนี้ฉันกำลังทำใจอยู่ อย่าโกรธฉันนะคะ”
“แต่อย่ามาที่นี่อีก คนอื่นเห็นจะมองไม่งาม”
“ค่ะ แต่ว่าเรายังเหมือนเดิมใช่ไหม”
“ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม”
หลังจากบทสนทนาจบลง ร่างน้อยก็รีบคลานออกมาจากศาลาหลังน้อยทันที สมองน้อยๆกำลังครุ่นคิดว่าทั้งสองคุยอะไรกัน ทหารเวรบ้าบอนั้นแหละที่ทำให้เธอพลาดช่วงบทสนทนาสำคัญ หรือว่าทั้งสองคนมีใจให้กัน ดวงหน้าหวานยิ้ม แต่ทำไมแอบใจหาย นี่เธอเป็นอะไรไป ถ้าทั้งสองรักหรือชอบพอกันก็ต้องช่วยให้สมหวังเพื่อที่พี่ชายจะได้ไม่ต้องแต่งงาน แต่ทำไมใจหวิว เอ๊ะนี่เธอไปสงสารมารีนทำไม ไม่ได้เด็ดขาดถ้าทั้งสองแต่งงานกันก็หมายความว่าวัสมันชนะเธอนะสิ เธอไม่ยอมให้คนใจร้ายคนนี้สมหวัง แต่ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพี่ชายเธอต้องแต่งงาน อันนี้ก็ไม่ได้ อันนั้นก็ไม่ได้ และเธอก็ยอมให้ไลลามาเป็นพี่สะใภ้ไม่ได้เด็ดขาด แล้วทางออกที่ดีมีไหมนี่ ขณะที่กำลังครุ่นคิดเท้าน้อยๆก็กำลังย่างก้าวเข้ามาที่ตำหนักกลางน้ำหลังเล็ก ระยะทางระหว่างตำหนักของท่านหญิงกับสวนดอกไม้เป็นระยะทางที่ต้องเวลาเดินนานกว่าสิบนาที แต่ยิ่งต้องระมัดระวังไม่ใช้คนอื่นมองเห็นก็เลยต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ชุดสีดำถูกพับเก็บไว้ที่ใต้ที่นอน ร่างบางนอนหลับไปแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอน ความเหนื่อยจากการกลัวว่าจะถูกจับได้ทำให้สมองเครียด พอกลับมายังสถานที่อบอุ่นปลอดภัยได้แล้ว ท่านหญิงก็บรรทมยาว
“ท่านหญิง ตื่นได้แล้วเพคะ สายแล้ว”เสียงอานีดาปลุกท่านหญิงที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย
“ไม่เอาหญิงจะนอน ยังไม่หายง่วงเลย เมื่อคืนนี้หญิงกลัวแทบแย่ว่าจะมีคน…”ฮันนาห์พูดต่อ แต่กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนแอบหนีออกไปนอกตำหนักมือน้อยก็เอามือปิดปากบางทันที และนั้นอานีดาก็ทำหน้าดุ
“เมื่อคืน เสด็จไปไหนมาเพค่ะ”
“เปล่า หญิงแค่ฝันแปลกๆ ก็เลยพูดเพ้อเจ้อ”ท่านหญิงหาทางออกให้กับตัวเอง อานีดาไม่เชื่อเธอหรอก แต่ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ฮันนาห์ไม่ยอมรับผิดอยู่แล้ว
“หญิงจะไปหาพี่นัสเซอร์”ท่านหญิงบอกพี่เลี้ยงหลังจากออกมาจากห้องน้ำ
“เสด็จทำไมเพค่ะ วันนี้ทรงมีสอนเด็กๆ”อานีดาเตือนหน้าที่ ท่านหญิงฮันนาห์เป็นคุณครูที่โรงเรียนในวัง เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ก็คือลูกๆของทหารหรือข้าราชการผู้ใหญ่
“ตอนบ่ายโน้น ตอนเช้าเป็นเวรของมารีนเขา”ท่านหญิงบอกตารางสอนของเธอ
“อย่าเกเรนะเพค่ะ”พี่เลี้ยงไม่วายเตือนและปราม
“น่า หญิงไม่ใช่เด็กแล้ว”
“แต่ก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่”
“อานีดาน่ะ ว่าหญิงตลอดเลย”เสียงงอนๆค่อนขอดพี่เลี้ยง
“อย่าทำตัวเหลวไหลนะเพค่ะ”เสียงส่งท้ายดังขึ้นหลังจากที่ท่านหญิงทรงประทับบนรถพระที่นั่งแล้ว สถานที่ท่านหญิงกำลังจะไปหานัสเซอร์นั้นเป็นที่ทำงานของระบบราชการทั้งหมดของรัฐจากีร์ ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆเท่านั้นในแผนที่โลก ประชากรทั้งหมดมีราวๆหนึ่งแสนคนเท่านั้น กิจการขนาดใหญ่ถูกผูกขาดโดยรัฐ โดยรายได้จากการการดำเนินกิจการสิบเปอร์เซนต์จะเปลี่ยนเป็นค่าตอบวัสมันให้แก่พลเมืองทั้งหมด โดยจำนวนเงินขึ้นอยู่กับว่ามีจำนวนคนในครัวเรือนมากน้อยเพียงใด การศึกษามีมาตรฐานเทียบเท่าตะวันตก สวัสดิการดีติดอันดับโลก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตเนื่องจากกระบวนการโลกาวิวัตน์ จากีร์จึงพัฒนาประเทศให้เท่าเทียมนานาชาติ การแต่งกายไม่ได้เคร่งครัดว่าผู้หญิงต้องคลุมหน้า แต่เพียงว่าแต่งกายให้ถูกกาลเทศะเท่านั้น พนักงานบริหารกิจการระดับสูง หรือนักธุรกิจเองก็ก็เป็นคนของจากีร์มากกว่า ตึกด้านหน้าที่เด่นชัดขึ้นมาทำให้ท่านหญิงยิ้มขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ เธอมาบอกความจริงต่างหากไม่ใช่มาฟ้อง
“พี่ชาย”เสียงน้องสาวตัวน้อยดังขึ้น
“มายังไงนี่ ฮันนาห์”นัสเซอร์หนุ่มหล่อองค์รัชทายาทของจากีร์เอ่ยถามน้องสาว
“หญิงคิดถึงพี่ชาย”เสียงหวานตอบ ก่อนจะหอมแก้มพี่ชายอย่างอ้อนเหมือนอย่างเคย
“เล่ามาว่ามีอะไร พี่ไม่เชื่อว่าหญิงจะมาเพราะว่าคิดถึง”นัสเซอร์รู้ทันท่านหญิงเสมอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวังเหมือนกัน แต่ภาระที่หนักอึ้งของเขาทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาไปหาน้องสาว แต่คนขี้อ้อนก็มักจะมาหาเขา โดยส่วนมากก็จะให้พาออกไปเที่ยวบ้าง ซื้อของบ้าง
“อย่ามากล่าวหาหญิงนะค่ะ”เสียงแก้ตัวของท่านหญิงน้อยนามว่าฮันนาห์ทำให้นัสเซอร์ต้องหอมแก้มใสไปหนึ่งทีด้วยความเอ็นดู น้องหญิงก็น่ารักแต่ทำไม วัสมันไม่เคยเห็นความน่ารักเลย อาจจะเพราะว่าน้องหญิงเหมือนลูกแมวที่ชอบคลอเคลียมากกว่าจะเป็นผู้หญิงเคร่งเครียด
“เล่ามาเลย ไม่งั้นถ้าวัสมันเข้ามาทำงาน อาจจะไม่ได้เล่า”วัสมัน ชื่อนี้ทำให้ท่านหญิงสยอง คนอะไรน่ากลัวชะมัด
“เมื่อคืนนี่หญิงเห็นมารีนกับวัสมันไปพบกันดึกๆดื่นๆก็เท่านั้นเอง”ฮันนาห์รู้สึกว่าใจหายหลังจากที่บอกพี่ชายไป ทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่ามันน่าสะใจที่เห็นมารีนถูกฉีกหน้าบ้าง ตั้งแต่มารีนย้ายเข้ามาอยู่ในฐานะคู่หมั้นของพี่ชาย เธอก็ตกกระป๋องไปเลย
“พี่จะจัดการเอง หญิงกลับไปก่อน”นัสเซอร์พ่นลมออกจากปากอย่างเบื่อหน่าย เขารู้ว่าฮันนาห์ไม่ถูกชะตากับมารีน แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า มันมีเหตุผลที่เขาต้องทำแบบนี้ ความรักที่ทำให้เขาอยากให้มารีนอยู่ใกล้ แต่น้องน้อยยังไม่ยอมเข้าใจ แต่นัสเซอร์เชื่อว่าความน่ารักของมารีนจะทำให้น้องสาวมองเห็น
“หญิงก็แค่มาบอกเท่านั้น เพราะหญิงคิดว่าบางทีมารีนอาจจะชอบพออยู่กับวัสมัน”ฮันนาห์บีบมือแน่น พี่ชายจะโกรธเธอหรือเปล่า
“จ๊ะพี่รู้ว่าหญิงหวังดี”นัสเซอร์มองหน้าน้องสาวอย่างเข้าใจว่าจะหวงอะไรเขาหนักหนา
“หญิงไปก็ได้”ฮันนาห์ออกมาจากห้องทำงานของนัสเซอร์ด้วยความไม่สบายใจ เธอเห็นแก่ตัวใช่ไหมที่ไม่อยากให้พี่ชายแต่งงาน ร่างน้อยเดินลงบันไดอย่างใจลอย ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามีใครบางคนกำลังเดินผ่านมา
“โอ๊ะ”เสียงเล็กดังขึ้นหลังจากที่สะดุดขั้นบันไดจนต้องลงไปนั่งเรียบร้อยที่พื้นพรมหนานุ่ม
“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”เป็นเสียงของใครไม่ได้นอกจาก
“วัสมัน ท่านว่าหญิงหรือ”เสียงเอาเรื่องดังขึ้น
“เปล่าสักหน่อย”วัสมันนั่งลงข้างๆท่านหญิงที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมา ถ้าเป็นคนอื่นก็คงกุลีกุจอช่วยท่านหญิงแก้มใสองค์นี้แล้ว แต่สำหรับเขา ไม่มีทาง ทุกครั้งที่ท่านหญิงเสด็จมาที่นี่เขาต้องมีเรื่องเดือดร้อนเล็กๆน้อยๆให้วุ่นว่ายใจเสมอ
“อุ้มหญิงหน่อย เจ็บขา”เสียงท่านหญิงขอร้อง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ให้ความช่วยเหลือ
“นี่ทหาร มาอุ้มท่านหญิงหน่อย”เสียงรัฐมนตรีหนุ่มสั่งลูกน้องในสังกัดที่กำลังจะเดินผ่านไป
“ครับผม”ทหารอุ้มช้อนตัวท่านหญิงขึ้น สายตาดุของท่านหญิงมองมาที่วัสมันอย่างไม่พอใจ
“อุ้มหญิงไปที่รถหน่อย”เสียงหวานบอกทหารหนุ่มที่ทำหน้าตาเหรอหรา ความงามของคนตรงหน้าทำเอาทหารหนุ่มกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ่งใกล้ชิดแบบนี้ทหารหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง แต่ท่านหญิงในอ้อมแขนกับไม่ใส่ใจอะไรนัก
“ครับ”เสียงทหารคนดังกล่าวดังขึ้น วัสมันดูท่าทางของท่านหญิงที่หวงเนื้อหวงตัวเลยอย่างขัดเคือง
“ไม่ต้องแล้ว มานี่”วัสมันเอยขึ้นก่อนจะไปรับตัวท่านหญิง คนที่โดนอุ้มถึงกับตาเหลือก เขาจะลงโทษอะไรเธออีก
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาอุ้มหญิง”เสียงร้องด้วยความไม่พอใจ เมื่อเขาไม่ยอมอุ้มเธอไปส่งที่รถแต่เดินเข้าไปห้องทำงานของเขาหน้าตาเฉย พนักงานของกระทรวงมองด้วยสายตาตกใจ ก่อนจะรีบกลับไปทำงานอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ในใจอยากรู้เหลือเกินว่าท่านหญิงไปอยู่ในอ้อมแขนเจ้านายได้อย่างไร ใครๆต่างก็รู้ว่าทั้งสองไม่กินเส้นกัน
“เฉยเถอะน่า”เสียงเข้มที่สั่งลูกน้องจนเคยชิน สั่งท่านหญิง
“ท่านไม่มีอำนาจมาสั่งหญิง”ท่านหญิงใช้ความสูงศักดิ์กว่ากดเขาให้ต่ำลง แต่สำหรับวัสมันนั้นเขาไม่กลัวเสียงที่กำลังออกคำสั่งฉอดๆนี้แม้แต่น้อย
“หรือว่าเดินเอง เลือกเอา หม่อมฉันไม่มีเวลามากนัก”วัสมันมองหน้าสาวน้อยในอ้อมแขน เขาเลือกที่จะไม่ค่อยใช้คำราชาศัพท์กับท่านหญิงมากนัก
“เผด็จการและใจร้าย”ท่านหญิงต่อว่าเขาพอให้ได้ยินกันสองคน ก็ในห้องทำงานของเขายังมีเลขาอยู่ด้วย จะตะโกนก็กลัวว่าจะทำตัวเองขายหน้า
“งั้นก็เดินลงไปเองละกัน กระหม่อมทูลลา”วัสมันวางท่านหญิงลงที่กลางห้องทำงาน ร่างหนาหมุนตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว จนท่านหญิงถึงกับตาค้าง เขาทิ้งเธอไว้อย่างนี้ได้อย่างไร ข้อเท้าของเธอเริ่มบวมแล้ว คอยดูนะกลับไปจะฟ้องท่านลุงท่านป้าเลย คนใจร้าย
ร่างหนาชายชาติทหารที่จบการศึกษามาจากโรงรียนนายร้อยชื่อดังของอังกฤษกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องของเพื่อนรักที่รั้งตำแหน่งเจ้านายไปในตัว ความสนิทสนมที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็กทำให้วัสมันต้องมาช่วยนัสเซอร์บริหารประเทศให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน ทั้งๆที่แท้จริงแล้งเขาอยากกลับไปดำเนินธุรกิจของครอบครัวเสียมากกว่า
“เข้ามาสิ”เสียงนัสเซอร์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าสหายคนสนิทยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ประตู
“ฮันนาห์มาหาฉัน”นัสเซอร์พูดขึ้น ทั้งสองสนิทกันมากจนไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปิดบัง
“เห็นแล้ว สวนกันที่บันได”วัสมันนั่งลงที่เก้าอี้รับรอง
“ฟ้องว่านายกับมารีนไปคุยกันเมื่อคืนวาน”นัสเซอร์ลอบมองสีหน้าเพื่อนรักอย่างสงสัย
“ใช่ เรื่องมันมีอย่างนี้…”วัสมันเล่ารายละเอียดให้เจ้านายองค์เหนือหัวฟัง ถึงแม้ว่าองค์โมฮัมหมัดจะยังไม่ได้สละราชบัลลังค์อย่างเป็นทางการ แต่คนภายในจะรู้ว่าห้าปีที่ผ่านมา นัสเซอร์เป็นผู้บริหารประเทศ โดยมีเขาเป็นผู้ช่วยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหลายที่เกิดขึ้นในจากีร์
“เข้าใจแล้ว แต่ช่วงนี้ไลลาจะกลับมาแล้วนะ”นัสเซอร์พูดเรื่องน่าปวดหัว เดิมทีไลลาน่าจะเป็นคู่หมั้นเขา แต่เนื่องจากว่าช่วงนั้นไปหลงหนุ่มหัวทองอย่างไม่ลืมหูลืมตา น้องสาวต่างมารดาก็คือ มารีนต้องกลายมาเป็นคู่หมั้นของเขาวัสมัน สำหรับนัสเซอร์ไลลาคือความร้อนแรง แต่มารีนคือความชุ่มเย็นที่เหมาะแก่การเป็นราชินีในอนาคตมากกว่า
“ระตัวไว้ก็แล้วกัน คราวนี้เห็นว่าไลลาคงมาทวงอะไรบางอย่างคืนแน่ๆ ”วัสมันพูดอย่างเห็นใจเพื่อน ไลลาเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมากๆ นัสเซอร์เห็นว่ามารีนควรย้ายเข้ามาอยู่ในวังทันทีหลังจากที่บิดา ซึ่งตอนนั้นกำลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสียชีวิตด้วยอุบัติเหต ในระหว่างที่เดินทางไปประชุมเรื่องความร่วมมือที่จะเปิดธนาคารร่วมกันในเขตประเทศรอบๆอ่าวเปอร์เซีย
“ไม่มีทางหรอก ฉันรักมารีน ไม่ใช่ไลลา”เสียงรัชทายาทมองหน้าเพื่อนรักอย่างมีความสุข วัสมันยิ้มตอบ
“ไปบอกฮันนาห์ด้วย น้องสาวนายนี่หวงนายชะมัด ก่อเรื่องวุ่นวายไปหมด”วัสมันต่อว่าท่านหญิงที่ป่านนี้คงกำลังงอนป่องอยู่ในห้องทำงานของเขา
“ฉันได้ยินพ่อแม่เปรยมาว่า อยากให้นายช่วยปราบท่านหญิงให้หน่อย”นัสเซอร์พูดออกมาอย่างเปิดเผย เขารู้นิสัยของเพื่อนรักดี
“งานนี้ขอบาย”วัสมันตอบอย่างที่ไม่ต้องคิด
“ก็เพราะว่านายเป็นแบบนี้ไงละ ผู้หญิงเลยไม่กล้าเขาใกล้ เห็นว่าเคทก็อยากจะกลับมาหานายนะ”นัสเซอร์ล้อเพื่อนรัก ผู้ชายคนนี้ที่หวงเนื้อหวงตัวเหลือเกิน
“งั้นเหรอ”เสียงวัสมันราบเรียบ
“อีกสามวันจะมีงานเลี้ยง ยังไงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ต้องไป ห้ามหายเด็ดขาด”นัสเซอร์บอกเพื่อนรัก ที่ไม่ชอบงานที่ต้องออกสังคมเป็นอย่างมาก ผิดกับน้องสาวตัวดีของเขาที่มีงานคราวใดละก็ เหมือนได้ออกจากกรงทองเลยก็ว่าได้ ระหว่างงานฮันนาห์ก็จะหนีไปเที่ยว และพองานจะเลิกก็โผล่หน้ามาได้ทันเวลา และเขานี่แหละที่ต้องเป็นคนแก้ตัววัสมันน้องสาวตัวแสบตลอดเวลา สองคนนี้เป็นขั้วตรงข้าม ไม่รู้ว่าจะพอมีทางใดที่จะทำให้เข้ากันได้บ้าง
“หน้าที่”วัสมันพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่เกรงใจ แต่เรียกเสียงหัวเราะของนัสเซอร์ได้อย่างยิ่ง นัสเซอร์เป็นคนคุยเก่งมากกว่าเขา แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะว่าทุกครั้งที่ไปงานเลี้ยงสังคม เขาแค่เพียงส่งสายตาเฉยชาไปหาสาวน้อยที่กำลังจะมาโปรยเสน่ห์ สาวน้อยทั้งหลายก็จะหยุด และนั้นทำให้เขาขณะนี้อายุปาเข้าไปสามสิบห้าปีก็ยังคงความโสดสนิท จนพ่อกับแม่เริ่มปลงเรื่องที่จะให้เขาแต่งงานเสียแล้ว ครอบครัวของวัสมันทำธุรกิจโรงแรมอยู่รอบอ่าวเปอร์เซีย เขาคิดไว้แล้วว่าเมื่อใดที่นัสเซอร์ขึ้นเป็นผู้บริหารประเทศแล้วจะลาออกจากตำแหน่งนี้เสีย กลับไปบริหารธุรกิจของครอบครัววัสมัน
ความคิดเห็น