ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chu~ Baby

    ลำดับตอนที่ #8 : Baby : What is the matter?? [ loading...60% ]

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 57


          บทที่ 6

      


              โคร๊กกก

              เสียงกดชักโครกรอบที่ 5 ของคืนนี้ ผมเป็นอะไรไม่รู้สึกว่าตัวเองจะปวดปัสสาวะบ่อยช่วงนี้ บ่อยจนน่าหงุดหงิดคนจะหลับจะนอนแต่ต้องตื่นบ่อยๆไปเข้าห้องน้ำแบบนี้ คือคนจะหลับจะนอนจะปวดอะไรนักหนาว่ะ ผมเดินอย่างอารมณ์เสียกลับไปที่เตียง

              " เข้าห้องน้ำอีกแล้วหรอ? ไปหาหมอไหม? " แมคที่นอนอยู่ที่เตียงถามขึ้นพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอด คงรู้สึกตัวเพราะผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆมัน

              " ไม่เป็นไหร่หรอก คงเพราะตอนกลางวันกินน้ำบ่อยไปหน่อย " ผมพูดออกไปเพื่อไม่ให้แมคต้องเป็นห่วง ก่อนจะซุกตัวลงกับของแมค

              ผมคงลืมเล่าไปว่าตอนนี้ผมย้ายมาอยู่คอนโดของแมคแล้วตั้งแต่กลับจากสมุย ส่วนหอของผมนั้นมันก็จัดการคืนให้ป้าสายเจ้าของไปเป็นที่รีบร้อยแล้ว พวกปาล์มมันหาว่าผมแรดหนีตามผู้ชาย? ผมขอปฏิเสธนะครับ ผมจะเล่าความจริงให้คุณฟังว่าความจริงเป็นอย่างไร



              ย้อนหลังไปสองเดือนก่อนหน้านี้
             
              ผมกับแมคตอนนี้เดินทางกลับมาจากสมุยแล้วครับ ตลอดการเดินทางผมทำตัวมีประโยชน์อย่างยิ่งครับ โดยการที่ผมหลับตลอดเส้นทางเลย ฮาๆ อันนี้จะมาโทษผมเห็นทีจะไม่ได้นะครับ ต้องโทษไอ้คนขับนู่น ก็มันเล่น..เออ...ใช้งานร่างกายผมอย่างหนักหน่วงสามวันติด
             
              รถค่อยๆเคลื่อนเข้าที่จอดผมเลยลืมตาถึงเพื่อจะได้เตรียมตัวขนของขึ้นหอพัก แต่ปรากฎว่าพอลืมตาขึ้นมากลับไม่ใช่ลานจอดรถของหอพักผมแต่เป็นคอนโดแมค

              "  พากูมาคอนโดมึงทำไมเนี่ย"  ผมหันไปถามไอ้ฝรั่งหัวทอง

              "  ก็คนเป็นสามีภรรยากัน มีใครที่ไหนเขานอนแยกกันบ้างว่ะ "  มันพูดออกมาอย่างไม่อายปากแถมยังทำหน้าลั้ลล้าใส่ผมอีก แล้วถามว่าผมจะทำยังไงต่อผมก็โวยวายสิครับ

              "  บ้านมึงดิไอ้ฝรั่งดอง กูจะกลับหอ พากูไปส่งเดี๋ยวนี้ "   ผมโวยวายจะกลับหอ เรื่องอะไรจะอยู่ให้มันใช้งานร่างกายกับผมทุกคืนล่ะครับ นี่ขนาดไปสมุยนอนกับมันแค่สามวันมันยังล่อผมซะทุกคืนแล้วนี่หลงมาถิ่นมันคิดว่าผมจะรอดหรอ??

               "  หึหึ ว่าล่ะมึงต้องไม่ยอม จะกลับก็ได้นะ แต่กูให้พวกต้นมันไปเก็บของมาไว้ห้องกูหมดแล้ว แถมยังให้มันคืนห้องกับป้าสายแล้วด้วย "   มันยิ้มให้ผมอย่างผู้มีชัย โว๊ยยยย ไอ้ฝรั่งขี้นกถ้ามึงจะเตรียมพร้อมขนาดนี้แล้วกูจะทำได้ล่ะ

                ผมก็ได้ฝาดงวงฝาดงาใส่ฝรั่งร่างยักษ์ข้างๆ ก่อนคว้ากุญแจตรงช่องใส่ของของรถแล้วเดินขึ้นห้องมันไป ปล่อยให้มันขนของขึ้นห้องคนเดียวอย่างนั้นแหละอยากให้มาอยู่ด้วยดีนัก ก็ของมาหาด้วยแล้วกัน ชิ!


                เหตุทั้งหมดที่ผมต้องมาอาศัยอยู่นี้ก็เป็นไปตามที่เล่ามานั้นแหละครับ เห็นไหมผมไม่ได้หนีตามผู้ชายมานะ ไอ้ฝรั่งมันล่อลวงผมมาต่างหาก ผมเป็นผู้เสียหายนะใครเข้าใจบ้างเนี่ย

     










              เช้าวันรุ่งขึ้น

              ผมสองคนกำลังนั่งทานข้าวที่โต๊ะอาหารอยู่ วันนี้ผมมีนัดกับพี่หมอแล้วก็ไอ้ปาล์มมันจะไปช่วยงานพี่หมอที่คณะพี่หมอ เห็นว่าจะให้ไปช่วยน้องรหัสพี่หมอทำอะไรสักอย่างที่นั้นก็ไม่รู้ แมคก็เลยจะไปส่งผมที่นั้นทั้งๆที่ผมบอกกับมันแล้วว่าไม่ต้องก็ได้แต่มันก็ยังดื้อจะไปส่ง มันบอกว่าช่วงนี้ผมดูเพลียๆเหนื่อยๆมันเลยไม่ไว้ใจให้ไปคนเดียว

              " แล้วมึงจะกลับกี่โมงกูจะได้ไปรับ " แมคเงยหน้าจากจานอาหารของมันขึ้นมาถามผมซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามกับมัน

              " ไม่แน่ใจอ่ะ ไว้เสร็จแล้วจะโทรบอกล่ะกัน " ผมบอกไปตามตรง

              " อืม ยังไงถ้าประมาณห้าโมงกูคงคุยงานอยู่ที่บริษัทอาจจะไปรับมึงได้ทุ่มกว่าเลย ยังไงก็นั่งรอกูในร้านคอฟฟี่ช๊อปหน้าม. ห้ามไปไหนคนเดียวล่ะเข้าใจไหม? "


              " เออ! สั่งอย่างกับเป็นพ่ออีกคนงั้นแหละ " ผมบ่นงุงงิงไป

              " กูไม่ได้เป็นพ่อ แต่เป็นผัวมึงต่างหาก " เคยมีใครบอกมึงไหมว่ะแมคว่ามึงเป็นฝรั่งที่หน้าด้านที่สุดเท่าที่กูเคยพบเจอมาเลย  แม่งทำผมเขินแต่เช้าเลย

              หลังจากทานอาหารเช้าผสมความเขินไปด้วย ก็ได้เวลาเดินทางกันสักที ทำไมวันนี้ผมรู้สึกแย่จังเหมือนจะเวียนหัวหน่อยด้วย เห้อ...ไปทำงานเสร็จคงต้องขอให้พี่หมอตรวจให้หน่อยแล้ว หรือผมพักผ่อนไม่เพียงพอ? แต่ทุกวันนี้ผมนอนเกือบจะสิบชั่วโมงต่อวันอยู่แล้วนะ บ้างวันเข้าแลปสายโดนหัวหน้าบ่นยาวเลยเหมือนกัน


              " น้องเต้ย!! ทางนี้!! " เสียงพี่หมอตะโกนมาจากลานใต้ตึกคณะของพี่หมอซึ่งตอนนี้มีคนมากมายกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่เหมือนจะไปซุ้มงานนะ ผมหันไปบอกให้แมครีบไปทำงานเพราะนี้ก็สายมากแล้วมันเป็นแค่เด็กฝึกงานไปสายมันจะดูไม่ดี ถึงจะเป็นบริษัทของมันเองก็ตามเหอะ

              " สวัสดีครับพี่หมอ ปาล์มมาหรือยังครับ? " ผมถามพี่หมอเมื่อหาคู่ซี้ผมที่ต้องมาด้วยไม่เจอ

              " เจ้าปาล์มหรอ? ใกล้ถึงแล้วล่ะ โน่นไงมาถึงล่ะ ตายยากจริงนะ " ผมหันไปทางด้านหลังก็เห็นปาล์มกำลังเดินอย่างนวยนาด

              " หวัดดีพี่หมอ กำลังนินทาผมกันอยู่ใช่ป่ะ? "

              " หึหึ ป่ะ เริ่มทำงานกันเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องกลับเย็นมาก " พี่หมอเดินนำพวกผมสองคนเข้าไปด้านในก่อนจะพาไปแนะนำน้องรหัสของพี่หมอให้ได้รู้จักกัน

              " เต้ยกับปาล์ม นี่หมอวินเป็นน้องรหัสพี่เอง นี่ๆวินหันมาทักทายรุ่นน้องพี่ก่อน " หลังจากที่พี่หมอภีมเรียกน้องรหัสสุดที่รักด้วยการสะกิดแบบเบาๆไปสองที แบบเบาดังได้ยินกันทั้งลาน ก็หันมายืนเต็มความสูงก่อนมองหน้าพวกผมอย่างสงสัย ถ้าไม่ติดว่าพี่หมอวินออกจะดูมึนๆหน่อยก็จัดว่าเป็นคนหล่อมากคนหนึ่งเลยนะ สูงร้อยแปดสิบแตะๆร้อยเก้าสิบเลยมั้งนั้น

              " สวัสดี ชื่อ วิน " วินพูดออกมาแค่นั้น เออ... พี่วินเขาไม่ชอบอะไรเราเปล่าเนี่ย?

              " เทพบุตร " เสียงของปาล์มที่ยืนอยู่ข้างๆผมพูดขึ้นอย่างเพ้อๆแต่ไม่ดังเท่าไหร่ หน้ามันดูจะเพ้อไปไกลกว่าเสียงสะอีก



              " น้ำลายหกแล้วเช็ดหน่อย " พี่หมอภีมส่งเสียงแซวปาล์มที่ตอนนี้หน้าตาเพ้อสุดๆหลังจากได้เจอเทพบุตรในฝัน หลายคนคงสงสัยใช่ม่ะว่าทำไมปาล์มทำมาเคลิ้มกับผู้ชายได้ จริงๆแล้วปาล์มเนี่ยเป็นไบครับ มันบอกผมว่า ถ้ามันเจอเทพบุตรก่อนเจอเทพธิดา มันก็จะเอาเทพบุตรครับ

     

     

              " ผมวินครับ วันนี้ต้องรบกวนพวกคุณจริงๆนะครับ ขอบคุณที่มาช่วยนะ "


              " ไม่เป็นไรครับ ยินดีอย่างยิ่ง " ผมตอบกลับไปก่อนจะลากปาล์มที่ตอนนี้คาดว่าสติหลุดออกไปนอกโลกแล้วนั้น ตรงไปทำงานที่พี่หมอฝากให้ทำนั้นก็คือ ทาสีคัดเอาท์อะไรสักอย่าง ที่ต้องมาช่วยเพราะนักศึกษาแพทย์คนอื่นต้องไปเข้าเวรกันเยอะมาก

     

     

     


              เราสองคนแล้วก็เพื่อนนักศึกษาแพทย์อีกนิดหน่อยก็ช่วยกันทาสีจนใกล้เที่ยงกว่าแล้ว เริ่มรู้สึกว่าพลังงานในร่างกายมันลดต่ำลงอย่างรุนแรง ควรได้รับพลังงานจากอาหารอย่างด้วยจี่ ทำไมผมเหนื่อยง่ายแล้วก็หิวง่ายจังวะ ผมกับปาล์มเลยวางมือกันสักพักไปทานข้าวที่เพื่อนๆจัดไว้ให้

     


              " อ้าวน้องเต้ยกับน้องปาล์ม มาพักแล้วหรอ ไปนั่งเลยเดี๋ยวพี่ยกข้าวไปให้นะ " พี่หมอภีมคนเก่งตะโกนมาให้ผมหาที่นั่งก่อนพี่หมอจะยกมาเสิร์ฟเองกับมือเลย

     


              " อ่ะนี้ ข้าวผัดกระเพาะไส้กรอกไข่ดาวของน้องเต้ย และข้าวผัดหมึกกระเทียมของน้องปาล์ม " 

     


              " ขอบคุณมากพี่ ไม่ต้องยกมาให้ก็ได้นะที่จริง พวกผมเกรงใจ " ผมบอกพี่หมอ

     


              " ไม่เป็นไรเว้ย ตอบแทนที่มาช่วยงานคณะพี่ไง " พี่หมอพูดก่อนนั่งลงข้างปาล์มและเม้ากันอย่างเมามันส์

     


              ผมรู้สึกได้กลิ่นอะไรเหม็นๆ กลิ่นมันแรงมากจนรู้สีกขมคอ เหม็นอะไรว่ะเนี่ย เอาว่ะทนกินข้าวให้หมดจะได้ไปทำงาน พอผมเปิดกล่องข้าวขึ้นเท่านั้นแหละกลิ่นเหม็นนั้นแรงกว่าเดิมอีก

     


              " หือ.. ทำไมข้าวเหม็นแบบนี้อ่ะพี่หมอ " ผมถามพี่หมอ

     


              " ฟึ๊ดๆ ก็ปกติดีนี้น้องเต้ย " พี่หมอทำหน้าสงสัย แต่มันเหม็นมากจริงๆนะ

     


              " อือหือ เหม็นไม่ไหวล่ะ อุ๊ย OxO! " ผมเอามือปิดปากก่อนรีบวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมาจนหมดไส้หมดพุง

     

     


              อ้วกกกก

     

     


              " ไหวไหมมึง ไปโรงพยาบาลไหม? " ปาล์มที่รีบวิ่งตามผมมา ช่วยลูบหลังผมแล้วหาน้ำหายาดมมาประเคนให้ไม่ขาดสาย

     


              " ไม่เป็นไรกูไหว แค่ไปหาที่นั่งพักสักพักคงหายดีแล้วล่ะ " ผมบอกปาล์มไปเพื่อไม่ให้เพื่อนต้องไม่สบายใจ

     


              " แน่นะมึง?? " ปาล์มถามผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ

     


              " แน่สิมึง ไปหาที่นั่งพักกันดีกว่า " ผมลุกขึ้นเดินออกไปจ่กห้องน้ำ โดยมีปาล์มแล้วก็พี่หมอค่อยมองอย่างเป็นห่วงสุดขีดอยู่ทางด้านหลังของผม ว่าแต่ทำไมโลกมันเอียงแปลกๆว่ะ โอย โลกหมุนเร็วไปแล้วนะ 

     


              " ไอ้เต้ย!/น้องเต้ย! " นั้นคือเสียงท้ายก่อนผมจะหมดสติไป


             



     

     

     

             ผมรู้สึกตัวค่อยๆลืมตาขึ้นภายในห้องสีขาวกลิ่นแบบนี้ ใช่เลยผมอยู่โรงพยาบาลแน่นอนไม่ผิดแน่ ว่าแต่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมถึงได้มานอนอยู่ในโรงพยาบาลได้ละเนี่ย

     

             " ฟื้นแล้วหรอน้องเต้ย? เป็นไงบ้างยังมึนหัวอยู่ไหม? " พี่หมอลุกขึ้นมาจากโซฟาข้างเตียงคนไข้หลังจากเห็นผมฟื้นแล้ว

     

             " ดีขึ้นมาแล้วครับพี่หมอ แล้วนี้เต้ยมาอยู่โรงพยาบาลได้ไงครับเนี่ย? "

     

             " ก็มึงน่ะสิจู่ๆ ก็เป็นลมล้มตึงไปเลย กูกับพี่หมอตกใจแทบแย่ พอตั้งสติได้ก็รีบพามาส่งโรงพยาบาลเลย มึงแม่งทำกูเป็นห่วงแทบแย่ " ไอ้ปาล์มได้ทีก็โวยผมเลยครับที่ทำให้มันเป็นห่วง

     

             " โทษที แต่จริงๆมึงแค่พากูไปนอนห้องพยาบาลก็ได้นิ ไม่เห็นต้องพามาส่งถึงนี้เลย " 

     

             " พี่ให้พามาเองแหละน้องเต้ย พี่อยากเช็คอะไรนิดหน่อย "

     

             " เช็คอะไรหรอครับพี่หมอ? " ผมถามพี่หมอกลับไปอย่างสงสัย

     

             " คือ... เต้ย..  เออ... " จู่ๆปาล์มทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ติดอ่างขึ้นมาซะงั้น

     

             " คือ.. น้องเต้ยอย่าตกใจนะ. พี่มีเรื่องสำคัญจะบอก " 

     

             พอพี่หมอพูดแบบนั้นผมก็รู้สึกยิ่งสงสัยหนักกว่าเก่าอีก อะไรกันทำให้สองคนนี้ดูกังวลได้ขนาดนี้น่ะ ผมเป็นโรคร้ายแรงหรือไงกัน ไม่เอานะผมยังไม่อยากตายยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณแม่เลย

     

             " คือพี่จะบอกว่า... "

     

             " ??? "

     

             " น้องเต้ยท้อง "

     

             !!!

     

     

     

             " ล้อผมเล่นหน่า... พี่หมอล้อผมเล่นใช่ไหมเนี่ย?? ผมเป็นผู้ชายนะพี่หมอ " นี้มันไม่ใช่ล่ะผมจะท้องได้ไงผมเป็นผู้ชาย

     

             " มันก็ใช่ แต่น้องเต้ยลืมแล้วหรอว่าน้องเต้ยเคยกินยาที่เราเคยผลิตน่ะ " 

     

            " อย่าบอกนะว่ามันได้ผล?? "

     

           ผมเริ่มหน้าซีดเผือกเมื่อได้ยินพี่หมอผู้แบบนั้น อะไรว่ะ! ทีอย่างอื่นผลิตคิดค้นยังไงไม่เคยได้ผล แต่พอมาใช่กับตัวดันได้ผลซะงั้นผมควรดีใจไหมเนี่ย???






                " แล้วมึงจะเอายังไงต่ออ่ะ? "

                " ก็ยังไม่รู้เลยว่ะ " บอกตามตรงตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ มันมืดแปดด้านไปหมด แล้สผมจะกลับไปมองหน้าแม่ยังไง จะกล้าบอกแม่ได้ยังไงว่าผมท้อง?

                " เอาน่ะมันต้องมีทางออก อย่าเครียดไปเลย เดี๋ยวหลานกูออกมาเอ๋อ ว่าแต่... ใครเป็นพ่อเด็กว่ะ "

                " มองปาล์มก็ถามแปลกๆ ก็ต้องเป็นแมคอยู่แล้วสิ! " โอเค จากตอนแรกที่ว่าเครียดแล้วตอนนี้หนักกว่าเดิมอีก -  - ดูสองคนนั้นคุยอย่างกับไม่มีผม


                " ก็จริงนะพี่หมอ ฮ่าๆๆ มึงยังไม่ได้โทรบอกแมคเลยนิว่ามันกำลังจะได้เป็นพ่อคน "

                " ไว้กลับถึงก้องค่อยบอก " ผมบอกปัดๆไป ใจจริงผมไม่กล้าบอกแมคหรอกครับว่าผมท้อง เพราะถึงมันจะบิกว่ารักผมมากแต่ก็ไม่รู้ว่าจะมากพอที่จะรักกับสิ่งที่เกิดกับผมหรือเปล่าผมหรือเปล่า เหอะ! มีที่ไหนกันอยู่ดีๆก็ตั้งท้อง ดูอย่างกับสาวใจแตกเคย







                ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ที่คอนโดแล้วครับโดยที่พี่หมอเป็นคนมาส่ง พอมาถึงก็โทรไปรายงานแมคว่ามาถึงห้องแล้ว มันก็บ่นผมใหญ่เลยครับว่า ไม่รอกลับพร้อมมัน ก่อนวางสายผมบอกให้มันรีบกลับมา ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกมัน


                ระหว่างที่รอมันก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมาดูทีวีฆ่าเวลาระหว่างรอมันกลับมา จริงๆน่จะเรียกว่าเปิดทีวีให้ดูผมมากกว่า เพราะผมไม่ได้สนใจทีวีเลยมัวแต่นั่งคิดว่าผมควรจะแมคดีไหมส่าผมท้อง แล้วถ้าเกอดบอกไปแล้วมันไม่อยากได้ลูกในท้องผมล่ะ? ถ้ามันให้ผมไปทำแท้งล่ะ?

     

                ฟ๊อดดดดด

                ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆก็โดนขโมยหอมแก้ม จากแมคที่เข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สงสัยผมจะเอาแต่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยจนไม่รู้ตัวเลยหรอเนี่ย

     

                    “ นั่งเหม่ออะไรขนาดนั้น กูเข้ามาในห้องยังไม่รู้เรื่องเลย ถ้าเกิดเป็นขโมยมึงไม่ตายไปแล้วหรอ? ”

                “ นั่งคิดอะไรเพลินไปหน่อยเองเหอะ มึงไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวกัน ”

                “ ไหนว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยไง? ” แมคมันท้วงขึ้นถึงเรื่องสำคัญที่เราพูดกันทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมอ่ะ

                “ เอาไว้ก่อนกินข้าวก่อนแล้วค่อยคุย ”










     

    ขอโทษที่หายนะค่ะ ต้องไปอ่านหนังสือสอบมายาวเลย



    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×