ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chu~ Baby

    ลำดับตอนที่ #5 : Baby : In love

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 56


     





     

    บทที่ 3 

     

               ผมลงมาจากตึกหลังจากขึ้นไปส่งรายงานโครงการที่ผมตรากตรำทำส่ง จะว่าไปนี้ก็ผ่านไปเกือบ 5 เดือนแล้วสินะครับที่ผมกินยานั้นเข้าไป

     

               พี่หมอบอกผมว่าแค่ดูจากสภาพภายนอกของผมก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปมาก จะมีก็แค่ฮอร์โมนเพศหญิงมีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง เลยทำให้ผมวางใจ ยาอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับคนก็เป็นได้ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน

     

               " เสร็จแล้วหรอ? ไปหาไรกินกันก่อนไหม? "

     

               " อือ..ยังไงก็ได้วะ " จะว่าไปตอนนนี้ก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกันนะเนี่ย

     

               แมคมันพาผมไปนั่งรถไปสักพักจนรถของเราแล่นออกมาเกือบชานเมือง มาไกลเหมือนกันนะเนี่ย มันจะพาผมไปไหนครับเนี่ย

     

               ในที่สุดรถของเราก็มาจอดที่ร้านอาหารชื่อดังย่านชานเมือง ร้าน Chocolate villa นั้นเอง

     

               " โหยย พามาสะไกล เนื่องในโอกาสอะไรไม่ทราบ?? " ผมหันไปถามแมคที่กำลังล๊อครถอยู่

     

               " ไม่มีไร แค่ในโอกาสอยากกิน เอาน่ะกูเลี้ยงอย่าบ่นเลย " 

     

               " อยากกินไกลจังเนอะ " ผมแซวมัน เจ้าตัวทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและหัวเราะ หึหึ ในลำคอเท่านั้นก็จะเดินนำผมเข้าไปในร้าน ซึ่งตอนนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่เพราะว่า นี้ยังไม่เย็นมากคนยังไม่ค่อยมาจึงยังมีคนไม่มากนัก

     

               พวกเราได้โต๊ะบริเวณที่ค่อนข้างจะมีคนน้อย และดูเป็นส่วนตัวมากของร้าน บรรยากาศที่นี้สวยมากเลยแหละครับ ถ้าแมคมันมากับแฟนคงดีสุดๆเป็นอะไรที่โรแมนติคดีนะ แต่น่าเสียที่มันดันมากับผมเลยอดโรแมนติคเลย ฮาๆ

     

               " เท่านี้ก่อนครับ " แมคหันไปบอกพนักงานหลังสั่งอาหารเสร็จ

     

               " ร้านสวยดีนะ "

     

               " ดีใจนะที่ชอบ ^^ " มันยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม ทำไมมันต้องดีใจที่ผมชอบด้วยอ่ะไม่เข้าใจ??

     

               หลังจากที่ผมมองบรรยากาศร้านเพลินๆอยู่อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี อือหืออาหารที่นี่น่าทานมากอ่ะ แถมพอกทานเข้าไปก็อร่อยสุดๆ ไม่รู้ว่าผมจะได้มีโอกาสมากินอีกไหมนะ ไอ้ผมก็ไม่ได้รวยหรือมีตังค์มากพอจะมากินอะไรหรูๆแบบนี้ นี่ถ้าไม่ได้แมคเลี้ยงนะผมคงไม่ได้มีโอกาสกินอะไรแบบนี้หรอก จริงๆต้องขอบคุณมันนะ ช่วงนี้ชีวิตความเป็นอยู่สบายขึ้นก็เพราะมัน ทั้งได้กินอาหารดีๆอร่อยๆก็เพราะมันเลี้ยง ไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางเพราะมันคอยรับส่ง มันเนี่ยเป็นเพื่อนดีจริงๆ ไม่รู้จะขอบคุณมันไงดีแล้วเนี่ย

     

               " เอาขนมหวานไหมเต้ย? " เสียงแมคถามผม เรียกให้ผมออกจากภวังค์ในห้วงความคิดของตัวเอง

     

               " อื้มก็ดีนะ "

     

               " งั้นเอาช๊อคโกแลตลาวานะ ของโปรดเต้ยนิ? " หึหึ รู้ใจผมจริงๆเพื่อนคนนี้ แมคมันไม่เคยลืมลายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวผมเลยครับ ส่วนผมน่ะหรอมันพวกความจำสั้น จำได้บ้างลืมบ้าง55 ไม่ว่ากันครับ

     

               " เกรงใจมึงจริงๆวะแมค เลี้ยงกูมากี่มื้อแล้วเนี่ย? "

     

               " เอาน่ะ แค่เนี่ยจิ๊บๆ "

     

               " กูไม่รู้จะขอบคุณมึงยังไงแล้วเนี่ย " ผมบอกออกไป

     

               " เอางี้ ถ้าอยากตอบแทนนะ งั้นกินเสร็จแล้วไปด้วยกัน มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย " อะไรคือสิ่งที่มันอยากให้ผมช่วยนะ? ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ จนพวกเราทานขนมหวานจนเสร็จ..



    ---------- loading 20% -----------


     

               แมคเรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้ว มันก็เดินนำผมไปยังหอคอยของทางร้าน อ้าว! หอคอยนี้ขึ้นได้หรอ? ทำไมวันนี้ผมถึงไม่เห็นมีคนขึ้นไปเลยนะ บนบันไดทางขึ้นไปยังหอคอยตลอดทางมีเทียนในแก้วใบเล็กๆวางเรียงอยู่ตรงริ่มบันไดทั้งสองข้างทุกๆขั้นบันไดจนถึงบนสุด

     

               เราสองคนเดินจนมาถึงด้านบนของหอคอย วิวข้างบนนี้สวยมากๆเลยครับ ผมสามารถมองเห็นบริเวณโดยรอบของร้าน ที่ตรงขอบฟ้าตอนนี้พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าพอดีเป็นอะไรที่สวยมากจริงๆครับ อย่างกับภาพวาดเลยครับ

     

               แมคพาผมเดินมายังฝั่งของทางเดินเข้าร้าน แมคยิ้มให้ผมก่อนจะชี้ให้ผมก้มลงไปดูอะไรบางอย่างทางด้านล่างหอคอย สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ มีคนประมาณ 5 คนยืนเรียงเป็นแถวอยู่ด้านล่าง พร้อมทั้งถือผืนผ้าที่เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษไว้บนนั้น

     

     

               ‘ Hello~♥ ’


     

               ผมหันไปมองแมคพร้อมทำหน้างงๆ เป็นเชิงขอความเห็นจากมันว่านี้มันเกิดอะไรขึ้น? แต่มันก็ไม่ตอบทำเพียงแค่ยิ้มให้ผม และชี้ให้กลับไปสนใจอีกครั้ง มีใครเล่นตลกอะไรกันเนี่ย

     

               ‘ Can you smile for me? ’

     

               ‘ You know? ’ ??

     

               ‘ Your smile is so nice ♥ ’ ผมยิ้มตามเมื่อเห็นประโยคนั้น

     

               ‘ And now.. ’ 

     

               ‘ I have something to tell you ’


               หลังจากท่ีประโยคนี้แมคก็หมุนตัวผมให้หันกลับไปมองมัน ซึ่งตอนนี้กำลังถือช่อดอกไฮเดรนเยีย ดอกไม้ที่ผมชอบไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สีหน้าของมันตอนนี้ตีกันไปหมด ทั้งดีใจ กังวัลใจ และตื่นเต้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยผมงงไปหมดแล้วนะ

     

               “ เออ...คือ เต้ย.. ” แมคพูดออกมาอย่างติดๆขัดๆ

     

               “ ?? ”

     

               “ ช่วยอะไรเราหน่อยได้ไหม?? ”

     

               “ อือ.. ได้ ”









     

               “ ช่วยเป็นแฟนเราได้ไหม? ”







     

    -------- loading 50% ----------






     

               ณ วินาทีที่ผมได้ยินแมคพูดออกมาแบบนั้น เหมือนมีใครมารับประสาทการรับรู้ของผมทั้งหมด ทุกอย่างดูอื้ออึงไปหมด ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของแมคที่กำลังแสดงสีหน้าว่ากำลังขาดหวังคำตอบของผมอย่างเห็นได้ชัด

     

               จะบอกยังไงดี ความรู้สึกของผมตอนนี้มันตีกันไปหมด ทั้งดีใจ ทั้งสับสัน ทั้งเขิน ทั้งกังวล ความรู้สึกทั้งหมดมันกำลังตีกันยุ่งไปหมด ผมควรจะทำยังไงดี ผมไม่กล้าที่จะตอบตกลงกับแมคไปในทันที ไม่ใช่เพราะผมไม่ได้รู้สึกดีกับมันนะ ผมรู้สึกดีกับมัน และมันยิ่งมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ 

     

               แต่ผมยังกลัวที่จะมีความรักครั้งใหม่อยู่ ถ้ามันจะเหมือนที่เคยผ่านมาล่ะ? ผมรู้ว่ามันเป็นคนดีถึงดีมากด้วยซ้ำ แต่คุณเข้าใจผมหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ที่ผ่านๆมาความรักทำให้ผมเจ็บช้ำมาโดยตลอด ต่อให้ครั้งนั้นผมมั่นใจกับมันแค่ไหนก็ตาม ผลลัพธ์มันก็ออกมาเหมือนกันทุกครั้ง

     

     

               “ เออ.... แน่ใจแล้วหรอ? ”

     

               “ แน่ใจสิ ^^ ”

     

               “ คือ.. เราว่าเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ? ” ทันทีที่ผมพูดจบสีหน้าของแมคก็แย่ลงทันที ซึ่งนั้นทำให้ผมใจไม่ดีเลย

     

               “ เราไม่อยากทำร้ายจิตใจนาย แต่ถ้าไม่พูดตรงก็คงไม่ดี..... อย่าโกรธเรานะ ” แมคพยายามฝืนยิ้มสดใส ทั้งๆที่มันดูเหมือนคนที่ไร้เรี่ยวแรงที่จะยิ้มด้วยซ้ำ

     

               “ ทะ ทำไมล่ะ? ” ทุกถ่อยคำของแมคพูดออกมาอย่างยากลำบาก

     

               “ เรากลัวแมค เรากลัว... เรากลัวว่าความรักครั้งนี้จะจบลงเหมือนทุกครั้ง และนายก็เป็นคนสำคัญของเรา ถ้ามันจบเหมือนทุกครั้งแล้วนายจะต้องจากเราไปอย่างนั้นน่ะหรอ?? ”

     

               “ เต้ยไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีวันนั้นแน่นอน เต้ยก็รู้เราเป็นคนยังไง ถ้าเราพูดไหนคำนั้นไง ” แมคพยายามที่จะกล่อมผม ถึงแม้มันดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

     

               “ เรารู้..แต่เรายังไม่พร้อมจริงๆ นายจะรอไหม? ” แมคพยายามฝืนยิ้มอีกครั้ง ผมรู้ว่ามันทำใจยาก แต่ผมก็ไม่อยากให้มันต้องมาทนฝืนคบกันไป

     

               “ อื้ม.. เราเข้าใจแล้ว ถ้างั้นเราไปห้องน้ำก่อนนะ เต้ยก็ไปรอที่รถเลยก็ได้เดี๋ยวเราไปส่ง ” 

     

               แมคบอกกับผมด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด มันพยายามฝืนพูดจนจบประโยค น้ำเสียงของมันเริ่มสั่นเทาจนผมใจไม่ดี มันยิ้มให้ผมเมื่อพูดจบ ถึงปากมันจะยิ้มแต่ดวงตาของมันกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ผมเห็นน้ำใสๆหยดลงมาจากตาสวยๆของมัน ก่อนมันจะรีบหันหนีผมและเดินลงบันไดไป..










     

    ------------------ 80% -------------------

     




     

               ผมมองแผ่นหลังของแมคที่ค่อยๆลงไดไปจนลับสายตา ดูเหมือนการตัดสิ้นใจครั้งนี้ของผมจะไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกของแมคเพียงคนเดียว แต่กับผมก็เช่นกัน ผมรู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบหัวใจของผมอยู่ การพยายามจะหายใจแต่ละทีก็ยากลำบาก ภาพที่มันเดินจากผมไปยิ่งบีบคั้นหัวใจผมยิ่งขึ้น นี้ผมตัดสิ้นใจถูกต้องแล้วใช่ไหม? ผมจะไม่มานั่งเสียใจภายหลังแน่นะ? 

     

               แต่การที่เราจะประสบความสำเร็จไม่ว่าจะด้านใด จุดเริ่มต้นของมันคือการเสี่ยงโชค แม้บางครั้งเราอาจจะเสี่ยงไปผิดทาง แต่ทุกครั้งมักมีทางใหม่เกิดขึ้นเสมอ แล้วทำไม...ครั้งนี้ผมจะไม่ลองเสี่ยงดูอีกครั้งล่ะ ถ้าผลลัพธ์มันจะเหมือนกับทุกครั้งผมจะก้มหน้ายอมรับกับโชคชะตา ดีกว่ามานั่งเสียใจภายหลังใช่ไหม

     

               เหมือนในตอนนี้ ที่ผมแค่ปฏิเสธมันเมื่อกี่นาทีก่อนหน้านี้ ยังทำให้ผมเจ็บปวดได้ขนาดนี้ นั้นก็คงจะพอตอบคำถามในหัวใจของผมได้แล้วว่า ผมรู้สึกดีกับแมคไม่ต่างจากมันนักหรอก แล้วทำไมผมจะไม่ลองเสี่ยงให้ตัวเองมีความสุขดูอีกสักครั้งล่ะ

     

               เมื่อผมตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง ผมก็รีบวิ่งตรงดิ่งไปที่ระเบียง เห็นแมคเพิ่งเดินออกจากประตูหอคอยไปพอดี ผมจึงตัดสินใจตะโกนออกไป

     

               “ แมค!!! ” แมคหันกลับมามองผม คนแถวนั้นก็ด้วย แต่ใครจะไปสนละ ตอนนี้ผู้ชายคนที่ผมรั้งไว้สำคัญที่สุด

     

               “ ถ้าเราตัดสินใจได้แล้วล่ะ! ”

     

               “ ?? ”

     

               “ ที่นายถามเราเมื่อกี้ ถ้าเราบอกว่าได้ล่ะ??!

     

               “ อือ.. ห๊ะ!!ว่าไงนะ!! ” แมคมันดูจะประมวลผลช้าไปนิด หลังจากสมองของมันประมวลผลได้เสร็จเสียหน้าของมันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อยากให้ทุกคนมาเห็นจัง หน้าของมันตอนช๊อคดูตลกมากอ่ะ

     

               “ ไม่รู้! พูดครั้งเดียวไม่ได้ยินถือว่าไม่เคยพูดก็ได้!! ”

     

               “ เห้ย!!! ไม่ได้ๆ รออยู่บนนั้นแหละเดี๋ยวไปหา!! ห้ามเปลี่ยนคำพูดเด็ดขาดนะ!! ”

     

               มันตะโกนบอกผมก่อนเข้าตัวจะวิ่งมาบนหอคอยใช้เวลาไปไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ เห้ย!ไวไปไหมพี่น้อง? ทำอย่างกับผมจะหนีไปได้งั้นแหละ ทางลงก็มีแค่ทางเดียวจะให้โดดหอคอยหนีหรือไงกัน

     

               “ แฮกๆ มะ เมื่อ.. แฮก.. กี้... พูดจริงใช่ไหม? ” มันถามผมด้วยอาการเหนื่อยหอบ หึ ใครใช้ให้วิ่งมาเหล่า

     

               “ อืม จริง^///^

     

               ไม่มีคำพูดใดออกมาอีก แมคมันดึงผมเข้าไปกอดแน่นไม่ยอมปล่อย ส่วนผมก็ได้แต่มุดหน้าลงไปที่อกอุ่นๆนั้นร้อนๆที่ใบหน้าไปจนถึงใบหลังจากเพ่ิงรู้สึกได้ว่า กูตะโกนให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเห็นมาสนจทำไมเนี่ย ซึ่งใบหน้าที่แดงๆของผมก็ไม่อยากให้มันเห็นเดี๋ยวมาล้อผมอีก  งื้อออ~ ผมว่าตอนนี้มันคงแดงเป็นตูดลิงแล้วมั้งเนี่ย โอ๊ย!!...ทำไมผมดูสาวแตกแบบนี้ ไม่ได้การล่ะ

     

               “ ปล่อยได้แล้วมั้ง ไอ้ขี้แง ”

     

               “ ใครขี้แง ” แหนะ! ยังจะมาแถ คนแถวนี้แหละที่น้ำตาคลอตาแดงก่ำเนี่ย555

     

               “ ไม่รู้ตัวอีก แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับร้องไห้เลย ฮ่าๆ เด็กน้อยจริงๆ ”

     

               “ แกล้ง???? ”

     

               “ ใช่ เมื่อกี้ที่บอกตอนแรกน่ะ ตั้งใจจะแกล้ง แต่บางคนดันร้องไห้แล้วเดินหนีเราไปก่อน ” 

     

               ผมทำหน้าร้องไห้งอแงล้อเลียนมัน อย่างที่บอกออกไปแหละครับว่า ที่ผมบอกมันในตอนแรกน่ะ ผมแค่แกล้งมันเฉยๆ ผมตัดสินใจได้ตั้งแต่มันขอเป็นแฟนแล้ว ผมรู้ใจตัวเองเมื่อไม่นานนี้เอง ผมไม่ใช่พวกซึนไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเองหรอกนะ แม้ตอนแรกๆที่รู้ใจตัวเองจะรับไม่ได้ก็เหอะ

     

               ก่อนหน้านี้ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่ชอบผู้หญิงนั้นแหละ แต่ช่วงไม่ก่ีเดือนที่ผ่านมานี้แมคมันคอยดูแลเอาใจใส่ผมมากกว่าแต่ก่อนจนผมเผลอให้ใจมันไปตอนไหนก็ไม่รู้ พอมันมาขอผมเป็นแฟนก็เลยขอแกล้งมันคืนเสียหน่อย โทษฐานที่มันมาทำให้ผมเบี่บงเบนมาชอบผู้ชายและโทษฐานขโมยใจผมไปโดยไม่บอกกล่าว..

     

               “ แสบมากนะ รู้ไหมเมื่อกี้เราเหมือนตายทั้งเป็น อย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะ! ” 

     

               “ คร๊าบบบบ คุณพ่อ ฮ่าๆ ” 

     

               “ พ่อทูลหัวใช่ป่ะ? ” มีหยอดครับมีหยอด แอร๊กก -///-

     

               “ บ้าบอ -///- ”







     

















    ครบ 100% แล้วครับแม่ยก 555 แมครอเต้ยนานเลยเนอะ ตั้งเกือบ 5 นาทีแหนะ 555 ลุ้นกันใหญ่เลย สงสารแมคกันเป็นแถบๆ เจอเต้ยหักมุมเข้าไป เขินกันเลยอ่ะดิ อิอิ ชอบเปล่า????? วันนี้เราเพิ่งมาตรวจคำผิด ทำไมเยอะจังอ่ะT^T #เขาขอโทษครับ อ่าาา... ยังไม่ได้เปิดตัวคนอื่นเลยอ่ะ ตอนหน้าจะพยายามเอาาออกบ้างเน้อออ~~~~







    AQUAria. : ไม่ต้องสงสารนะ เพราะมันอกหักแค่แปบเดียวเอง รอเต้ยไม่ถึงชั่วโมงเลย อ๋ออ เต้ยฝากกระซิบมาว่า ไปสงสารมันทำไม ไม่เห็นน่าสงสารเลย 555

    Iceland'ST : โอ้ๆ ไม่ต้องสงสารมันแล้วเนอะ 555 

    Thai Sub : โอ๋เอ๋ มาต่อให้มานะคะ^^ เราคิดว่าคงไม่สงสารแมคแล้วใช่ไหมอ่ะ??

    August Angle&Devill : โอ๋ๆ ไม่ร้องนะไม่ร้อง มาๆเรากอดปลอบ อ่านครบ100แล้วยังสงสารแมคอยู่ไหมอ่ะ?? ส่งน้องเต้ยให้ไปกอดปลอบ55









    ปล. เราไม่อยากบังคับให้ใครเม้นนะ แต่เราแค่อยากรู้ว่ามีใครยังอ่านอยู่บ้าง แล้วหลงเข้ามาแค่ไหน? เม้นคำเดียวก็ยังดี หรือ FAV.ก็ไม่ว่ากันจ้า
     

    Minor!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×