คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Baby : In love
บทที่ 3
ผมลงมาจากตึกหลังจากขึ้นไปส่งรายงานโครงการที่ผมตรากตรำทำส่ง จะว่าไปนี้ก็ผ่านไปเกือบ 5 เดือนแล้วสินะครับที่ผมกินยานั้นเข้าไป
พี่หมอบอกผมว่าแค่ดูจากสภาพภายนอกของผมก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปมาก จะมีก็แค่ฮอร์โมนเพศหญิงมีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง เลยทำให้ผมวางใจ ยาอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับคนก็เป็นได้ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน
" เสร็จแล้วหรอ? ไปหาไรกินกันก่อนไหม? "
" อือ..ยังไงก็ได้วะ " จะว่าไปตอนนนี้ก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกันนะเนี่ย
แมคมันพาผมไปนั่งรถไปสักพักจนรถของเราแล่นออกมาเกือบชานเมือง มาไกลเหมือนกันนะเนี่ย มันจะพาผมไปไหนครับเนี่ย
ในที่สุดรถของเราก็มาจอดที่ร้านอาหารชื่อดังย่านชานเมือง ร้าน Chocolate villa นั้นเอง
" โหยย พามาสะไกล เนื่องในโอกาสอะไรไม่ทราบ?? " ผมหันไปถามแมคที่กำลังล๊อครถอยู่
" ไม่มีไร แค่ในโอกาสอยากกิน เอาน่ะกูเลี้ยงอย่าบ่นเลย "
" อยากกินไกลจังเนอะ " ผมแซวมัน เจ้าตัวทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและหัวเราะ หึหึ ในลำคอเท่านั้นก็จะเดินนำผมเข้าไปในร้าน ซึ่งตอนนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่เพราะว่า นี้ยังไม่เย็นมากคนยังไม่ค่อยมาจึงยังมีคนไม่มากนัก
พวกเราได้โต๊ะบริเวณที่ค่อนข้างจะมีคนน้อย และดูเป็นส่วนตัวมากของร้าน บรรยากาศที่นี้สวยมากเลยแหละครับ ถ้าแมคมันมากับแฟนคงดีสุดๆเป็นอะไรที่โรแมนติคดีนะ แต่น่าเสียที่มันดันมากับผมเลยอดโรแมนติคเลย ฮาๆ
" เท่านี้ก่อนครับ " แมคหันไปบอกพนักงานหลังสั่งอาหารเสร็จ
" ร้านสวยดีนะ "
" ดีใจนะที่ชอบ ^^ " มันยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม ทำไมมันต้องดีใจที่ผมชอบด้วยอ่ะไม่เข้าใจ??
หลังจากที่ผมมองบรรยากาศร้านเพลินๆอยู่อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี อือหืออาหารที่นี่น่าทานมากอ่ะ แถมพอกทานเข้าไปก็อร่อยสุดๆ ไม่รู้ว่าผมจะได้มีโอกาสมากินอีกไหมนะ ไอ้ผมก็ไม่ได้รวยหรือมีตังค์มากพอจะมากินอะไรหรูๆแบบนี้ นี่ถ้าไม่ได้แมคเลี้ยงนะผมคงไม่ได้มีโอกาสกินอะไรแบบนี้หรอก จริงๆต้องขอบคุณมันนะ ช่วงนี้ชีวิตความเป็นอยู่สบายขึ้นก็เพราะมัน ทั้งได้กินอาหารดีๆอร่อยๆก็เพราะมันเลี้ยง ไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางเพราะมันคอยรับส่ง มันเนี่ยเป็นเพื่อนดีจริงๆ ไม่รู้จะขอบคุณมันไงดีแล้วเนี่ย
" เอาขนมหวานไหมเต้ย? " เสียงแมคถามผม เรียกให้ผมออกจากภวังค์ในห้วงความคิดของตัวเอง
" อื้มก็ดีนะ "
" งั้นเอาช๊อคโกแลตลาวานะ ของโปรดเต้ยนิ? " หึหึ รู้ใจผมจริงๆเพื่อนคนนี้ แมคมันไม่เคยลืมลายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวผมเลยครับ ส่วนผมน่ะหรอมันพวกความจำสั้น จำได้บ้างลืมบ้าง55 ไม่ว่ากันครับ
" เกรงใจมึงจริงๆวะแมค เลี้ยงกูมากี่มื้อแล้วเนี่ย? "
" เอาน่ะ แค่เนี่ยจิ๊บๆ "
" กูไม่รู้จะขอบคุณมึงยังไงแล้วเนี่ย " ผมบอกออกไป
" เอางี้ ถ้าอยากตอบแทนนะ งั้นกินเสร็จแล้วไปด้วยกัน มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย " อะไรคือสิ่งที่มันอยากให้ผมช่วยนะ? ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ จนพวกเราทานขนมหวานจนเสร็จ..
---------- loading 20% -----------
แมคเรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้ว มันก็เดินนำผมไปยังหอคอยของทางร้าน อ้าว! หอคอยนี้ขึ้นได้หรอ? ทำไมวันนี้ผมถึงไม่เห็นมีคนขึ้นไปเลยนะ บนบันไดทางขึ้นไปยังหอคอยตลอดทางมีเทียนในแก้วใบเล็กๆวางเรียงอยู่ตรงริ่มบันไดทั้งสองข้างทุกๆขั้นบันไดจนถึงบนสุด
เราสองคนเดินจนมาถึงด้านบนของหอคอย วิวข้างบนนี้สวยมากๆเลยครับ ผมสามารถมองเห็นบริเวณโดยรอบของร้าน ที่ตรงขอบฟ้าตอนนี้พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าพอดีเป็นอะไรที่สวยมากจริงๆครับ อย่างกับภาพวาดเลยครับ
แมคพาผมเดินมายังฝั่งของทางเดินเข้าร้าน แมคยิ้มให้ผมก่อนจะชี้ให้ผมก้มลงไปดูอะไรบางอย่างทางด้านล่างหอคอย สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ มีคนประมาณ 5 คนยืนเรียงเป็นแถวอยู่ด้านล่าง พร้อมทั้งถือผืนผ้าที่เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษไว้บนนั้น
‘ Hello~♥ ’
ผมหันไปมองแมคพร้อมทำหน้างงๆ เป็นเชิงขอความเห็นจากมันว่านี้มันเกิดอะไรขึ้น? แต่มันก็ไม่ตอบทำเพียงแค่ยิ้มให้ผม และชี้ให้กลับไปสนใจอีกครั้ง มีใครเล่นตลกอะไรกันเนี่ย
‘ Can you smile for me? ’
‘ You know? ’ ??
‘ Your smile is so nice ♥ ’ ผมยิ้มตามเมื่อเห็นประโยคนั้น
‘ And now.. ’
‘ I have something to tell you ’
หลังจากท่ีประโยคนี้แมคก็หมุนตัวผมให้หันกลับไปมองมัน ซึ่งตอนนี้กำลังถือช่อดอกไฮเดรนเยีย ดอกไม้ที่ผมชอบไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สีหน้าของมันตอนนี้ตีกันไปหมด ทั้งดีใจ กังวัลใจ และตื่นเต้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยผมงงไปหมดแล้วนะ
“ เออ...คือ เต้ย.. ” แมคพูดออกมาอย่างติดๆขัดๆ
“ ?? ”
“ ช่วยอะไรเราหน่อยได้ไหม?? ”
“ อือ.. ได้ ”
“ ช่วยเป็นแฟนเราได้ไหม? ”
-------- loading 50% ----------
ณ วินาทีที่ผมได้ยินแมคพูดออกมาแบบนั้น เหมือนมีใครมารับประสาทการรับรู้ของผมทั้งหมด ทุกอย่างดูอื้ออึงไปหมด ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของแมคที่กำลังแสดงสีหน้าว่ากำลังขาดหวังคำตอบของผมอย่างเห็นได้ชัด
จะบอกยังไงดี ความรู้สึกของผมตอนนี้มันตีกันไปหมด ทั้งดีใจ ทั้งสับสัน ทั้งเขิน ทั้งกังวล ความรู้สึกทั้งหมดมันกำลังตีกันยุ่งไปหมด ผมควรจะทำยังไงดี ผมไม่กล้าที่จะตอบตกลงกับแมคไปในทันที ไม่ใช่เพราะผมไม่ได้รู้สึกดีกับมันนะ ผมรู้สึกดีกับมัน และมันยิ่งมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้
แต่ผมยังกลัวที่จะมีความรักครั้งใหม่อยู่ ถ้ามันจะเหมือนที่เคยผ่านมาล่ะ? ผมรู้ว่ามันเป็นคนดีถึงดีมากด้วยซ้ำ แต่คุณเข้าใจผมหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ที่ผ่านๆมาความรักทำให้ผมเจ็บช้ำมาโดยตลอด ต่อให้ครั้งนั้นผมมั่นใจกับมันแค่ไหนก็ตาม ผลลัพธ์มันก็ออกมาเหมือนกันทุกครั้ง
“ เออ.... แน่ใจแล้วหรอ? ”
“ แน่ใจสิ ^^ ”
“ คือ.. เราว่าเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ? ” ทันทีที่ผมพูดจบสีหน้าของแมคก็แย่ลงทันที ซึ่งนั้นทำให้ผมใจไม่ดีเลย
“ เราไม่อยากทำร้ายจิตใจนาย แต่ถ้าไม่พูดตรงก็คงไม่ดี..... อย่าโกรธเรานะ ” แมคพยายามฝืนยิ้มสดใส ทั้งๆที่มันดูเหมือนคนที่ไร้เรี่ยวแรงที่จะยิ้มด้วยซ้ำ
“ ทะ ทำไมล่ะ? ” ทุกถ่อยคำของแมคพูดออกมาอย่างยากลำบาก
“ เรากลัวแมค เรากลัว... เรากลัวว่าความรักครั้งนี้จะจบลงเหมือนทุกครั้ง และนายก็เป็นคนสำคัญของเรา ถ้ามันจบเหมือนทุกครั้งแล้วนายจะต้องจากเราไปอย่างนั้นน่ะหรอ?? ”
“ เต้ยไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีวันนั้นแน่นอน เต้ยก็รู้เราเป็นคนยังไง ถ้าเราพูดไหนคำนั้นไง ” แมคพยายามที่จะกล่อมผม ถึงแม้มันดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ เรารู้..แต่เรายังไม่พร้อมจริงๆ นายจะรอไหม? ” แมคพยายามฝืนยิ้มอีกครั้ง ผมรู้ว่ามันทำใจยาก แต่ผมก็ไม่อยากให้มันต้องมาทนฝืนคบกันไป
“ อื้ม.. เราเข้าใจแล้ว ถ้างั้นเราไปห้องน้ำก่อนนะ เต้ยก็ไปรอที่รถเลยก็ได้เดี๋ยวเราไปส่ง ”
แมคบอกกับผมด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด มันพยายามฝืนพูดจนจบประโยค น้ำเสียงของมันเริ่มสั่นเทาจนผมใจไม่ดี มันยิ้มให้ผมเมื่อพูดจบ ถึงปากมันจะยิ้มแต่ดวงตาของมันกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ผมเห็นน้ำใสๆหยดลงมาจากตาสวยๆของมัน ก่อนมันจะรีบหันหนีผมและเดินลงบันไดไป..
------------------ 80% -------------------
ผมมองแผ่นหลังของแมคที่ค่อยๆลงไดไปจนลับสายตา ดูเหมือนการตัดสิ้นใจครั้งนี้ของผมจะไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกของแมคเพียงคนเดียว แต่กับผมก็เช่นกัน ผมรู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบหัวใจของผมอยู่ การพยายามจะหายใจแต่ละทีก็ยากลำบาก ภาพที่มันเดินจากผมไปยิ่งบีบคั้นหัวใจผมยิ่งขึ้น นี้ผมตัดสิ้นใจถูกต้องแล้วใช่ไหม? ผมจะไม่มานั่งเสียใจภายหลังแน่นะ?
แต่การที่เราจะประสบความสำเร็จไม่ว่าจะด้านใด จุดเริ่มต้นของมันคือการเสี่ยงโชค แม้บางครั้งเราอาจจะเสี่ยงไปผิดทาง แต่ทุกครั้งมักมีทางใหม่เกิดขึ้นเสมอ แล้วทำไม...ครั้งนี้ผมจะไม่ลองเสี่ยงดูอีกครั้งล่ะ ถ้าผลลัพธ์มันจะเหมือนกับทุกครั้งผมจะก้มหน้ายอมรับกับโชคชะตา ดีกว่ามานั่งเสียใจภายหลังใช่ไหม
เหมือนในตอนนี้ ที่ผมแค่ปฏิเสธมันเมื่อกี่นาทีก่อนหน้านี้ ยังทำให้ผมเจ็บปวดได้ขนาดนี้ นั้นก็คงจะพอตอบคำถามในหัวใจของผมได้แล้วว่า ผมรู้สึกดีกับแมคไม่ต่างจากมันนักหรอก แล้วทำไมผมจะไม่ลองเสี่ยงให้ตัวเองมีความสุขดูอีกสักครั้งล่ะ
เมื่อผมตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง ผมก็รีบวิ่งตรงดิ่งไปที่ระเบียง เห็นแมคเพิ่งเดินออกจากประตูหอคอยไปพอดี ผมจึงตัดสินใจตะโกนออกไป
“ แมค!!! ” แมคหันกลับมามองผม คนแถวนั้นก็ด้วย แต่ใครจะไปสนละ ตอนนี้ผู้ชายคนที่ผมรั้งไว้สำคัญที่สุด
“ ถ้าเราตัดสินใจได้แล้วล่ะ! ”
“ ?? ”
“ ที่นายถามเราเมื่อกี้ ถ้าเราบอกว่าได้ล่ะ??! ”
“ อือ.. ห๊ะ!!ว่าไงนะ!! ” แมคมันดูจะประมวลผลช้าไปนิด หลังจากสมองของมันประมวลผลได้เสร็จเสียหน้าของมันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อยากให้ทุกคนมาเห็นจัง หน้าของมันตอนช๊อคดูตลกมากอ่ะ
“ ไม่รู้! พูดครั้งเดียวไม่ได้ยินถือว่าไม่เคยพูดก็ได้!! ”
“ เห้ย!!! ไม่ได้ๆ รออยู่บนนั้นแหละเดี๋ยวไปหา!! ห้ามเปลี่ยนคำพูดเด็ดขาดนะ!! ”
มันตะโกนบอกผมก่อนเข้าตัวจะวิ่งมาบนหอคอยใช้เวลาไปไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ เห้ย!ไวไปไหมพี่น้อง? ทำอย่างกับผมจะหนีไปได้งั้นแหละ ทางลงก็มีแค่ทางเดียวจะให้โดดหอคอยหนีหรือไงกัน
“ แฮกๆ มะ เมื่อ.. แฮก.. กี้... พูดจริงใช่ไหม? ” มันถามผมด้วยอาการเหนื่อยหอบ หึ ใครใช้ให้วิ่งมาเหล่า
“ อืม จริง^///^ ”
ไม่มีคำพูดใดออกมาอีก แมคมันดึงผมเข้าไปกอดแน่นไม่ยอมปล่อย ส่วนผมก็ได้แต่มุดหน้าลงไปที่อกอุ่นๆนั้นร้อนๆที่ใบหน้าไปจนถึงใบหลังจากเพ่ิงรู้สึกได้ว่า กูตะโกนให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเห็นมาสนจทำไมเนี่ย ซึ่งใบหน้าที่แดงๆของผมก็ไม่อยากให้มันเห็นเดี๋ยวมาล้อผมอีก งื้อออ~ ผมว่าตอนนี้มันคงแดงเป็นตูดลิงแล้วมั้งเนี่ย โอ๊ย!!...ทำไมผมดูสาวแตกแบบนี้ ไม่ได้การล่ะ
“ ปล่อยได้แล้วมั้ง ไอ้ขี้แง ”
“ ใครขี้แง ” แหนะ! ยังจะมาแถ คนแถวนี้แหละที่น้ำตาคลอตาแดงก่ำเนี่ย555
“ ไม่รู้ตัวอีก แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับร้องไห้เลย ฮ่าๆ เด็กน้อยจริงๆ ”
“ แกล้ง???? ”
“ ใช่ เมื่อกี้ที่บอกตอนแรกน่ะ ตั้งใจจะแกล้ง แต่บางคนดันร้องไห้แล้วเดินหนีเราไปก่อน ”
ผมทำหน้าร้องไห้งอแงล้อเลียนมัน อย่างที่บอกออกไปแหละครับว่า ที่ผมบอกมันในตอนแรกน่ะ ผมแค่แกล้งมันเฉยๆ ผมตัดสินใจได้ตั้งแต่มันขอเป็นแฟนแล้ว ผมรู้ใจตัวเองเมื่อไม่นานนี้เอง ผมไม่ใช่พวกซึนไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเองหรอกนะ แม้ตอนแรกๆที่รู้ใจตัวเองจะรับไม่ได้ก็เหอะ
ก่อนหน้านี้ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่ชอบผู้หญิงนั้นแหละ แต่ช่วงไม่ก่ีเดือนที่ผ่านมานี้แมคมันคอยดูแลเอาใจใส่ผมมากกว่าแต่ก่อนจนผมเผลอให้ใจมันไปตอนไหนก็ไม่รู้ พอมันมาขอผมเป็นแฟนก็เลยขอแกล้งมันคืนเสียหน่อย โทษฐานที่มันมาทำให้ผมเบี่บงเบนมาชอบผู้ชายและโทษฐานขโมยใจผมไปโดยไม่บอกกล่าว..
“ แสบมากนะ รู้ไหมเมื่อกี้เราเหมือนตายทั้งเป็น อย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะ! ”
“ คร๊าบบบบ คุณพ่อ ฮ่าๆ ”
“ พ่อทูลหัวใช่ป่ะ? ” มีหยอดครับมีหยอด แอร๊กก -///-
“ บ้าบอ -///- ”
ครบ 100% แล้วครับแม่ยก 555 แมครอเต้ยนานเลยเนอะ ตั้งเกือบ 5 นาทีแหนะ 555 ลุ้นกันใหญ่เลย สงสารแมคกันเป็นแถบๆ เจอเต้ยหักมุมเข้าไป เขินกันเลยอ่ะดิ อิอิ ชอบเปล่า????? วันนี้เราเพิ่งมาตรวจคำผิด ทำไมเยอะจังอ่ะT^T #เขาขอโทษครับ อ่าาา... ยังไม่ได้เปิดตัวคนอื่นเลยอ่ะ ตอนหน้าจะพยายามเอาาออกบ้างเน้อออ~~~~
AQUAria. : ไม่ต้องสงสารนะ เพราะมันอกหักแค่แปบเดียวเอง รอเต้ยไม่ถึงชั่วโมงเลย อ๋ออ เต้ยฝากกระซิบมาว่า ไปสงสารมันทำไม ไม่เห็นน่าสงสารเลย 555
Iceland'ST : โอ้ๆ ไม่ต้องสงสารมันแล้วเนอะ 555
Thai Sub : โอ๋เอ๋ มาต่อให้มานะคะ^^ เราคิดว่าคงไม่สงสารแมคแล้วใช่ไหมอ่ะ??
August Angle&Devill : โอ๋ๆ ไม่ร้องนะไม่ร้อง มาๆเรากอดปลอบ อ่านครบ100แล้วยังสงสารแมคอยู่ไหมอ่ะ?? ส่งน้องเต้ยให้ไปกอดปลอบ55
ปล. เราไม่อยากบังคับให้ใครเม้นนะ แต่เราแค่อยากรู้ว่ามีใครยังอ่านอยู่บ้าง แล้วหลงเข้ามาแค่ไหน? เม้นคำเดียวก็ยังดี หรือ FAV.ก็ไม่ว่ากันจ้า
ความคิดเห็น