ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chu~ Baby

    ลำดับตอนที่ #2 : Baby : I'm Sorry

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 58


     




     




    บทที่ 1 

     

               กลิ่นของยาฆ่าเชื้อ กลิ่นของยา ลอยฟุงกระจายเป็นหมดช่วยเรียกสติของผมกลับคืนมา ผมพยายามมองสำรวจรอบตัวๆ ก็พอจะรู้ว่าผมคงอยู่ที่โรงพยาบาลสินะ ความรู้สึกหนักๆที่มือขวาคืออะไรกัน

     

               สงสัยผมจะขยันตัวแรงไปหน่อยเลยทำให้คนที่นอนกุมมือผมอยู่ข้างเตียงรู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อผมเห็นหน้าคนนั้นชัดๆ ก็ทำให้อารมณ์โกรธของผมพุ่งกลับขึ้นมาอีก

     

               “ ฟื้นนานหรือยังเต้ย?? ดื่มน้ำหน่อยไหม? ” มันถามผมพร้อมทำท่าจะไปรินน้ำมาให้ผมดื่ม

               “ ไม่ต้องทำเองได้ ”

               “ อย่าดื้อสิ กูทำให้ ”

     

               ดูมันดิครับ มันเป็นคนทำให้ผมต้องเข้าโรงพยาบาลยังมีหน้ามาขึ้นเสียงกับผมอีก ไม่มีจิตสำนึกจริงๆเลย ผมไม่สนใจคำพูมันแล้วพยายามลุกจากเตียง ส่วนมันก็พยายามจะให้ผมกลับลงไปนอนเหมือนเดิม เราสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

     

     

              ก๊อก ๆ ๆ~

     

               “ เออ... ขอโทษนะครับ ขอหมอตรวจน้องเต้ยหน่อยนะครับ ” พี่หมอภีมนั้นเองที่เข้ามา คงเป็นหมอเจ้าของไข้ผมแน่เลย

     

               “ ก็เชิญดิครับ ” ดูๆดูมันตอบพี่หมอดิ มันน่านัก นิสัยเสียจริงๆ

     

               “ เออ... เป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ? ” มันทำเป็นหูทวนลม ทำเป็นไม่ได้ยินที่พี่หมอพูด 

     

               “ ออกไปดิ ไม่ได้ยินหรอวะว่าพี่หมอต้องการความเป็นส่วนตัว ” ผมไล่มันไปครับ ส่วนมันหันมามองค้อนใส่ผม ก่อนจะสะบัดตูดออกไปนอกห้อง เหอะ! ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้

     

     

     

               พี่หมอเมื่อเห็นว่า แมคออกไปนอกห้องแล้ว ก็รีบเดินหน้าเครียดมาหาผมที่เตียงของผมทันที สีหน้าของพี่หมอดูจริงจังมาก ถ้าทางคงจะเป็นเรื่องซีเรียสน่าดู

     

              “ โครงการที่ทำน่ะ สำเร็จแล้วใช่ไหม? ”

     

              ผมทำตาปริบๆพี่หมอรู้ได้ไงอ่ะ? ตอนผลการทำลองเสร็จมีแค่ผมกับแมคเท่านั้นแหละที่รู้ อ๋อ! ลืมเล่าไปว่าพี่หมอคนเนี่ยเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาโครงการของผมครับ เวลาผมนึกอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ถูกก็ได้พี่หมอเนี่ยแหละครับคอยช่วยไว้เสมอเลย ว่าแต่พี่หมอรู้ได้ไงนะ?

     

              “ พอดีตอนที่แมคพาเต้ยมาโรงพยาบาลน่ะ เขาบอกกับพี่ว่าพอเขาเอายาที่เต้ยคิดค้นเองยัดใส่ปากเต้ย นายก็สลบไป... นี่นายทำสำเร็จแล้วหรอ? ” สงสัยหน้าผมคงแสดงออกมากไปหน่อย

     

              “ ก็ไม่แน่ใจนักหรอกครับพี่หมอ คือมันสำเร็จในขั้นที่ใช้ทดลองกับหนู แต่กับมนุษย์ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ยังไม่ได้ศึกษาเลย ”

     

              “ แล้วนี้..เต้ยกินยาเข้าไปจริงๆหรอ? ”

     

              “ จริงครับ ไอ้แมคมันยัดใส่ปากผม ตอนแรกผมแค่อยากให้มันเป็นหนูทดลองให้ แต่มันกลับโมโหผมแล้วเอายายัดปากผมซะงั้นอ่ะ ” ผมได้ทีฟ้องพี่หมอเลยครับ

     

              “ เรานี้น่า~ จริงๆเลย ถ้าเป็นพี่ก็คงไม่ต่างกันหรอก แล้วยาจะมีผลยังไงบ้างเนี่ย? ”

     

              “ ไม่รู้เหมือนกันครับ T^T ”

     

              “ งั้นเอางี้ นายจะต้องมาตรวจร่างกายกับพี่ทุกเดือนเข้าใจไหม? ถ้ายานั้นได้ผลกับหนูก็น่าจะมีผลคนได้ด้วย เพื่อเป็นการป้องกันผลข้างเคียงที่อนตรายนายจะต้องมาตรวจกับพี่เข้าใจไหม? ”

     

              “ โหยยย พี่หมออ่ะ ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ชอบโรงพยาบาล ” งื้อออ ไม่เอาอ่ะไม่ชอบ พี่หมออย่าใจร้ายักสิ

     

              “ ไม่ได้นะ และนี้ก็ไม่ใช่คำข้อร้องด้วยแต่นี้เป็นคำสั่ง ไม่งั้นพี่จะฟ้องอาจารย์เรื่องที่นายเกือบพังแลปของมหาวิทยาลัยแน่ ” พี่หมอขู่ผม แล้วก็เดินออกไปไม่ยอมให้ผมโต้แย้งเลยอ่ะ~~ ใจร้ายที่สุดเลย TOT น้องเต้ยเกลียดโรงพยาบาลที่สุดเลยนะพี่หมอ~~~~ แง้ๆๆๆ
     

    ---------------------------------------

     

               หลังจากพี่หมอออกไปแมคก็รีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมยิงคำถามใส่ผม ถ้าคำถามมันเปรียบเสมือนกระสุนนะ ผมคงตัวเป็นรูยิ่งกว่าีูของฟองน้ำอีกมั้ง

     

               " คุยอะไรกัน ทำไมต้องไล่กูออกไปด้วย ความลับอะไรขนาดนั้น แล้วไมบอกกันไม่ได้ ทำไมต้องปิดด้วย บลาๆ... "

     

               " หยุด! มึงเล่นยิงคำถามมายาวขนาดนี้จะไม่ฟังคำตอบใช่ปะ? "

     

               " เปล่า~ มึงก็รีบตอบมาดิ ให้ว่องเลย "

     

               ผมทำหน้าเอือมระอาส่งไปให้มัน ก่อนยอมเล่าเรื่องที่คุยกับพี่หมอฟังแต่ก็บอกมันแคืว่าพี่หมอให้กลับมาเช็คร่างกายอีกครั้งแต่ไม่บอกมันหรอกว่าต้องเช็คทุกเดือน เพราะไม่งั้นมันคงต้องมาคอยถามผมทุกเดือนแน่ว่าผมเป็นไง ถ้ามันได้ผล มันคงบีบคอผมอ่ะที่คิดอะไรแผลงๆขึ้นมา

     

               " ก็แค่เนี่ยทำไมต้องทำเป็นความลับด้วยไม่เข้าใจ " มันบ่นงุงงิงไม่หยุดเลยครับ

     

               " พี่หมอคงคิดว่ามึงยังไม่รู้ล่ะมั้ง ช่างมันเหอะว่าแต่มึงไม่กลับบ้านหรือไง? "

     

               " ทำไมไล่กูจัง "

     

               " ทำไมจะไล่ไม่ได้ ก็เพราะมึงไม่ใช่หรอ กูเลยต้องเข้าโรง'บาลอ่ะ "

     

               " ก็ใครมันจะไปรู้ ขอโทษแล้วกัน "

     

               “ ไม่สน กูโกรธมึงรีบๆกลับไปเลย ”

     

               “ กูขอโทษ ทำไมไม่หายโกรธว่ะ ” มันเริ่มหัวเสียแล้วครับ ผมสิที่ต้องหัวเสียไม่ใช่มันสักหน่อย

     

               “ เรื่องของกูน่ะ กลับไปได้แล้ว ”

     

               “ จะหายไม่หาย อีกอย่างเลิกไล่กูสักที ยังไงกูก็ไม่กลับจนกว่ามึงจะหายโกรธ ” มันไม่พูดเปล่า ยังเอาโน้มหน้ามาใกล้หน้าของผมอีก พอผมขยับตัวหนี มันก็กักตัวผมไว้ระหว่างแขนของมันที่ตอนนี้มันเท้าแขนลงบนเตียงผมเรียบร้อยแล้ว แถมยังขยับหน้าเข้ามาอีก

     

               “ ทำไรเนี่ย เอาหน้าไป! ” ผมพยายามดันมันออกไป แต่แรงคนป่วยจะสู้คนปกติได้ไง

     

               “ ไม่จนกว่า มึงจะบอกว่าไม่โกรธกูแล้ว ”

     

               “ ไม่! ฝันไปเหอะว่ากูจะหายโกรธมึงอ่ะ ” จะบ้าป่ะ มันทำผมต้องเข้าโรงพยาบาลจะให้หายโกรธง่ายๆได้ไง จริงอยู่ถ้ามันกินมันอาจจะต้องเป็นคนมานอนโรงพยาบาลเสียเอง แต่ผมไม่ได้คิดที่จะเอายากรอกปากมันเหมือนที่มันทำกับผมสักหน่อย 

     

               “ งั้นก็ไม่เป็นไร กูอยู่แบบเนี่ยได้ทั้งคืน ” ระหว่างที่ผมกำลังก่อสงครามขนาดย่อมๆอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แทนที่แมคมันจะผละออกจากผมไปมันกลับเบียดลงมากว่าเดิมเสียอีก 

     

               “ อุ๊ย! ขอโทษคะ เดี๋ยวดิฉันมาใหม่ก็ได้คะ ” นางพยาบาลสาวสวยที่เดินเข้ามาหลังเคาะประตู ดท่าทางจะตกใจกับภาพที่เห็น ใครเห็นแล้วไม่ตกใจบ้างอ่ะ ผู้ชายสองคนกำลังกอดกันกลมอยู่ที่เตียง ถึงผมจะดูไม่สมชายเท่าไหร่แต่มันก็เป็นอะไรที่ประหลาดป่ะครับ??? แถมตอนนี้เธอหน้าแดงแป๊ดเชียว สาววายชัวร์เลยแบบนี้ คุณนางพยาบาลสุดสวยครับ กำลังคิดไปถึงไหนเนี่ย

     

               ส่วนไอ้ตัวการใหญ่ที่ทำให้คุณนางพยาบาลเข้าใจผิดมันก็ยังไม่ยอมผละไปอีกครับ ผมเลยใช้โอกาสนี้บิดมันไปแรงๆหนึ่งที่ จนมันสะดุ้งกระโดดหนีผมออกไป

     

               “ ไม่ไรครับคุณนางพยาบาล มีอะไรรึเปล่าครับ? ” ผมหันไปบอกกับคุนางพยาบาล ที่ตอนนี้ทำหน้าโคตรฟินอยู่ตรงประตู

     

               “ อ๋อค่ะ คือคุณหมอภีมให้มาบอกคุณเต้ยว่า วันนี้พอน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้เลยนะคะ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล^^ ” เธอพูดพร้อมกับยิ้มใจดีแบบนางพยาบาลในอุดมคติมาให้ผม

     

               “ ขอบคุณที่มาบอกนะครับ คุณนางพยาบาลคนสวย เดี๋ยวเพื่อนผมน้ำเกลือใกล้หมดขวดเมื่อไหร่ผมจะไปบอกนะครับ ^^ ” ดูมันสิครับ ไล่คุณนางพยาบาลสุดสวยออกไปอย่างไม่ใยดี แต่คุณนางพยาบาลก็เหลือเกิน มันไล่แต่เธอยังทำหน้าฟินอยู่อีก คนว่าดูฟินยิ่งกว่าเดิมด้วยมัั้ง

     

               ยังจากนั้นนเราก็ต่างคนต่างอยู่ครับ ไม่มีใครคุยกับใครอีก จริงๆต้องเรียกว่าผมไม่ยอมคุยกับมันมากกว่าเพราะมันพยายามจะคุยกับผมอยู่หลายรอบแต่มันก็เมินมันทุกครั้งนั้นแหละ เราเป็นอย่างนั้นอยู่พักใหญ่จนน้ำเกลือในขวดผมใกล้หมด แมคมันก็ออกไปบอกนางพยาบาลให้มาเอาเสียน้ำเกลือออก และผมก็เข้าไปเปลี่ยนชุดนักศึกษาที่ใส่มาเตรียมตัวกลับบ้าน

     

               ตอนแรกผมตั้งใจว่าออกจากโรงพยาบาลแล้วจะออกมาโบกพี่แท๊กซี่กลับบ้าน แต่ไอ้หน้าโหดมันไม่ยอมครับโวยวายจนผมทนอายคนอื่นไม่ไหวต้องยอมไปกับมัน เชื่อมันเลยด้านไม่มีใครเกินจริงๆ เลยทำให้ตอนนี้ผมขึ้นมาติดแหงกอยู่บนรถสปอร์ตสุดหรูของมัน

     

               “ ไอ้แมค นี้ไม่ใช่ทางกลับบ้านกูนะ มึงจะพากูไปไหนเนี่ย? ”

     

               “ เงียบไปเหอะน่ะ เดี๋ยวก็รู้ ”
     

    --------------------------------

     

               ให้ทายสิครับมันขับรถพาผมมาที่ไหน? ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก มาร้านอาหารหรูๆหรอครับ ผิดถนัด อะไรนะๆ ผมได้ยินมีคนบอกว่าไปห้างหรอ? เหอะๆพวกคุณมองโลกสวยงามเกินไปครับ ห่างไกลจากสนามที่ที่มันพาผมมามากนัก 

     

               เอาเป็นว่าผมเฉลยเลยแล้วกันคงไม่มีใครเดาถูกแน่ครับ ตอนนี้กระผม นายปวริศ แก้วสกุล กำลังยืนอยู่ ณ วังหลัง ครับทุกท่าน!!! ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอกครับมันพาผมมาวังหลัง ทั้งๆที่ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลยังไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ ไอ้บ้าเนี่ยมันรู้จักไหมว่า คนป่วยต้องการการพักผ่อน โว้ย!!! 

     

               ตอนแรกที่มาถึงผมโวยวายกับมันยกใหญ่เลยครับ มันให้เหตุผลว่าพาผมมาที่นี้ เพราะอยากเลี้ยงข้าวขอโทษผม เอ่อ...ไอ้คุณชายครับ คือถ้าคุณอยากพาผมไปเลี้ยงข้าวไถ่โทษ กระผมก็จะมิขัดศรัทธาท่านเลย แต่นี้คุณเล่นพาผมในที่แบบนี้ทั้งๆที่ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลกระผมรับไม่ได้ครับ!!!!!!!

     

               “ เลิกทำหน้าอย่างนั้นได้แล้วนะ สั่งอาหารเร็วหิวแล้ว ”

     

               “ มึงจะให้กูทำหน้ายังไงไม่ทราบ กูป่วยอยู่แต่มึงก็พามาที่แบบนี้เนี่ยนะ! ประสาท ” ผมบ่นมันจบก็หันไปสั่งก๋วยเตี๋ยวเป็ดเฮียเจ้าของร้าน 2 ชาม ร้านนี้อยู่ฝั่งวังหลังตรงข้ามโรงพยาบาลศิริราช ผมมากินกับบ่อยครับ ร้านโปรดผมเลย มันตั้งใจเอาของกินมาล่อผมชัดๆ

     

               “ หายโกรธกูหรือยัง? ”

     

               “ ยัง ” 

     

               “ งั้นเดี๋ยวกินเสร็จ พาไปซื้อของต่อ เราเลี้ยงเองหมดเลย หายโกรธนะ ” มันทำหน้าอ้อนๆ

     

               “ คิดดูก่อน ” หึหึ คิดหรอครับว่าผมจะเล่นตัวไม่เอาข้อเสนอของมัน ถ้าปฏิเสธอย่ามาเรียกว่าปวริศ ผมไม่เคยพลาดของฟรีอยู่แล้ว อ๊ะๆ ผมได้ยินนะ หาว่าผมขี้งกหรอ ผมเปล่านะ แค่ช่วยพ่อแม่ประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้นเอง ผมเป็นลูกที่ดีใช่ป่ะละ

     

               หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วกระผมนายเต้ยสุดหล่อก็พร้อมแก่การช้อปปิ้ง ร้านแรกที่ผมเดินไปดูเลยก็คือร้านรองเท้าครับ ผมชอบมาเดินดูรองเท้ามือ2 ที่นี้ไปใส่บ่อย และมักจะโดนไอ้ยักษ์ข้างๆบ่นเป็นประจำ แต่วันนี้มันไม่มีสิทธิบ่นผมนะ เพราะมันต้องเอาใจผมเป็นการไถ่โทษ

     

               “ รองเท้ามือสองอีกแล้วหรอวะ? ”

     

               “ มึงต้องตามใจกู ห้ามบ่น ไม่งั้นฝันไปเหอะว่าจะหายโกรธ ”

     

               “ คร๊าบๆ ว่าแต่ไหนๆก็ซื้อรองเท้าใหม่แล้ว ไม่ซื้อแบบเสริมส้นไปเลยอ่ะ ” ผมหันขวับไปมองค้อนใส่มันทันที แต่ก็ไม่ทำอะไร ครั้งนี้ผมจะปล่อยไปก่อนเพราะเห็นว่ามันกำลังจะเป็นเจ้ามือจ่ายค่าเสื้อผ้ารองเท้าให้ผมนะเนี่ย คอยดูนะซื้อให้กระเป๋าแหกเลย

     

               “ แหะๆว่าแต่ทำไมชอบซื้อของมือสองจัง ” มันรีบเปลี่ยนเรื่องหนีแรงอาฆาตจากผม

     

               “ ก็กูไม่ได้รวยเหมือนมึงนิ จะได้มีเงินซื้อของแท้ดีๆใช้นิ อยากใช้ของแท้บ้างก็ใช้มือสองเนี่ยแหละ ”

     

               “ วันนี้เลี้ยงไง ไปซื้อเลยไหม? ” จ้าพ่อบ้านรวย พ่อมหาเศรษฐี

     

               “ อย่ามาตลก ถึงวันนี้กูให้มึงเลี้ยงก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่ากูจะไม่รู้จักเกรงใจเพื่อนหรอกนะ ” ผมพูจบก็หันมาสนใจรองเท้าต่อ แอบได้ยินเสียงมันบ่นงุงงิงอะไรไม่รู้ไม่ได้สนใจ รองเท้าสำคัญกว่า อิอิ

     

               ผมกับมันเดินซื้อของต่อไม่นานก็ต้องกลับเพราะคุณชายมันเริ่มบ่นแล้วว่าผมเดินอากาศอบๆแบบนี้นานๆไม่ดี คือ...คุณมึงเพิ่งสำนึกได้หรอครับว่ากระผมป่วยอยู่

     

               มันขับรถมาส่งผมถึงหน้าหอพร้อมบริการยกของขึ้นไปส่งถึงห้อง มันบอกว่าผมเพิ่งหายป่วยไม่ควรยกอะไรหนักๆ แต่คือคุณพาไปเดินวังหลังอ่ะนะ- - และอีกอย่างของหนักที่มันว่า ก็มีแค่รองเท้า 1 คู่ เสื้อกับกางเกงอย่างละ 1 ตัวมันหนักตรงไหนกันครับ แต่ช่วงเหอะ ไม่ต้องหิ้วเองสบาย

     

               พอผมไขกุญแจเปิดห้องให้มัน คุณชายมันก็กระโดดขึ้นเตียงผมทันทีเลยครับ อื้อหือไอ้เน่า มันยังไม่ได้อาบน้ำแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงคยอื่นนะรู้จักคำว่าเกรงใจป่ะนั้น?

     

               “ ลุกเลยคุณชายเตียงกูสกปรกหมด ”

     

               “ อะไร ตัวกูออกจะสะอาดหอมฉุยเลย ดมดิ ” ยังมีหน้ามาให้คนอื่นดมอีก ไม่ไหวจริงๆ ผมส่ายหัวเอือมระอากับมัน ก่อนจะไปเปิดตู้เย็นหยิบโค้กมากิน

     

               “ มึงจะกลับกี่โมงเนี่ย นี้ก็เย็นมากแล้วนะกูจะอาบน้ำนอนแล้วเนี่ย ”

     

               “ กูอาบให้ป่ะ? ” คำถามมันทำเอาผมขนลุกเลยครับ

     

               “ ไอ้บ้า ไปเลยๆออกจากห้องไปเลย ”

     

               “ โหย ขอนอนดมกลิ่นมึงต่ออีกหน่อยดิ ห๊อมหอม ” มันโรคจิตหรือหมาเนี่ยมาขอดงขอดมกลิ่น

     

               “ ไปเลยกูจะนอนแล้ว ” ผมไล่มันกลับบ้านก่อนที่อาการโรคจิตของมันจะกำเริบหนักกว่านี้

     

               “ เออๆไปก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับแต่เช้านะ แล้วก็พี่หมอนัดอีกทีวันไหนบอกด้วยจะขับไปให้ ” มันสั่งผมยาวยืดก่อนจะออกไปจากห้อง 

     

               หลายคนคงรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่า ผมกับมัน เป็นเพื่อนสนิทกัน รู้จักกันตั้งแต่ตอนปี1 ตอนนั้นรุ่นพี่จัดให้รุ่นน้องหลายๆคณะมาทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคณะ ซึ่งผมได้เป็นบัดด้ีกับแมคพอดีตลอดช่วงการทำกิจกรรม 3 วันทำให้ผมกับมันสนิทกันมากขึ้น คงเพราะตอนนั้นผมยังไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยมั้งเลยทำให้สนิทกันเร็ว แถมอะไรหลายๆอย่างก็เข้ากันได้ดี จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันจนทุกวันนี้

     

               มีเพื่อนหลายคนชอบล้อว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน โดยเฉพาะเพื่อนในกลุ่มของเราเนี่ย ท่าจะหนักสุดเลยมั้ง ถึงผมกับมันจะสนิทกนมากจนดูเหมือนคนรักกัน แต่ผมว่านะ ไม่มีท่ามันจะเป็นไปมากกว่าเพื่อนหรอก...... มั้ง?








    ---------------
    TALK

    จบแล้วนะตอนแรก ขอบคุณคะที่มาอ่านกันนะไว้ตอนหน้าอยากได้ อิมเมจตัวละครไหม??? จะทำมาให้ดูกัน สนใจหรือเปล่า???

    สำหรับใครที่อยากติดต่อเรามีให้เลือก 2 ทางคือ
    1. Facebook ทำเพจไว้เสิร์ชว่า Wicked95-Fiction ได้เลย ไว้ลงลิ้งค์ของฉากต้องห้ามที่ต้องมีแน่ๆ
    2. Twitter เราเล่นนะ ชื่อ @WickedTH คุยกันได้ ติชมกันได้ อยากให้ปรับปรุงอะไรบอกได้เลยเราเต็มใจ 



    AQUAria : ขอบคุณนะคะที่ชอบ ท้องไหมท้องแน่คะ แต่ท้องตอนไหนขออุ๊บไว้ก่อนนะ

    memo  : ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน มาอัพให้แล้วนะคะ เดี๋ยวดึกจะลงครบ 100% เลย พรุ่งนี้อย่าลืมมาอ่านนะ

    August Angle&Devill : ขอบคุณนะคะที่ติดตาม ยังไงก็ฝากติชมด้วยนะคะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×