คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Because of love #ทงเฮคนเสี่ยว
Talk : ยังสอบไม่เสร็จ แต่อยากลงฟิควาเลนไทน์ เป็นฟิคเก่าที่แต่งไว้นานแล้ว ส่วนใครที่รอ สเปเชี่ยวรักแรกพบ กับ แค้น รักนี่รอหน่อยนะคะ
พอละไม่อยากพูดมาก ไปอ่านเลยๆๆๆๆ ^^^
Because of love
“นี่ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะเชี่ยทง ไม่รีบหาแฟนวะพอถึงวันนั่งเปลี่ยวคนเดียวอย่าหาว่ากูไม่เตือนนะเว้ย”
“กูรอรักแท้อยู่”
“อีกละ เพ้อเจ้อแม่งตลอด กูเห็นมึงรอแบบนี้มาตั้งแต่ม.หนึ่งจนนี่ม.หกแล้วยังไม่มีสักคน”
“รักแท้ของกูก็เหมือนสามจี รู้ว่ามีแต่ยังไม่มาเว้ย”
“ถุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
คยูฮยอนถุยใส่เพื่อนสนิทของตัวเองพลางส่ายหน้าให้กับความเสี่ยวของทงเฮ
ทงเฮก็เป็นแบบนี้ ได้แต่พูดจาเสี่ยวๆไปวันๆ แซวรุ่นน้องไปวันๆ แต่ไม่เห็นมันจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที จะว่าทงเฮไม่จริงจังกับใครเลยก็ไม่ได้ เพราะก็เห็นมันจริงจังอยู่คนนึง…..
“เฮ้ยเชี่ยทง ฮยอกแจมานู่นแล้ว”
“ไม่ต้องบอกกู กูมองอยู่กูเห็นนานแล้ว”
ทงเฮบอกเพื่อนสนิทของตัวเองทว่าตาคมกลับไม่ละสายตาจากอีฮยอกแจเพื่อนสนิทร่วมห้องที่เขาแอบรักมานาน
แต่จะว่าไปจะพูดว่าแอบรักก็ไม่ถูก เพราะเขาแสดงออกมาตลอดว่าชอบฮยอกแจแค่ไหนทว่าคนน่ารักกลับไม่ใยดีความรักจากทงเฮเลยน่ะสิ
“สวัสดีตอนเช้าครับฮยอกแจ ^ ^ “
“อีกละ - - ไม่สวัสดีกูสักเช้านี่มึงจะตายไหมทงเฮ”
ฮยอกแจว่าอย่างเซ็งๆ เพราะทงเฮจะมาดักรอเขาที่หน้าห้องเรียนทุกเช้า แล้วก็ทักทายแบบเดิมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม
เห็นแล้วจะอ้วกแต่เช้า - -
“ไม่ตายหรอก แต่ไม่ได้ทำแล้วมันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง”
“ขาดอะไรของมึง = =”
“ขาดอากาศ ไม่ได้ทักทายฮยอกแจแล้วรู้สึกแปลก มันเหมือนคิดถึงจนหายใจไม่ออก ^^”
ทงเฮบอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้างทำเอาฮยอกแจที่มองอยู่ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ
“ทำไมชอบทำให้กูอยากอ้วกทุกเช้าเลยวะแม่ง หลีกๆกูจะเข้าห้อง”
ฮยอกแจบอกพร้อมกับผลักร่างหนาของทงเฮที่ขวางทางอยู่ก่อนจะเดินเข้าห้องไปอย่างหงุดหงิด แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงทงเฮตะโกนไล่หลังมา
“เข้าห้องหัวใจพี่ไหมครับ ^ ^”
“ฮิ้วววววว”
……………………………………………………………………………………
ใครบางคนก็อยากจะมาโรงเรียนทุกวันเพราะต้องการมาเจอกับใครบางคนทุกวัน แตกต่างจากผมที่อยากจะโดดเรียนทุกวันเพราะไม่อยากเจอใครบางคน
“ฮยอกแจกินข้าวยัง”
“ยัง”
“ไม่หิวหรอ กินใจกูป่าวกูยกให้ ^^”
“ไปไกลๆกูสักห้านาทีได้ไหมทงเฮ - -“
ผมบอกเพื่อนร่วมห้องนามว่าทงเฮอย่างเซ็งๆ คือไอ้เหี้ยนี่มันเป็นอะไรกับผมมากป่าวสงสัยมาก ชอบทำอะไรเสี่ยวๆ เสี่ยวแม่งตั้งแต่เช้ายันเลิกเรียน
กูจะบ้าตาย = =
ระหว่างเรียน
“ฮยอกแจตรงนี้มีคนนั่งไหม”
ทงเฮเดินมาถามผมด้วยรอยยิ้ม
ยิ้มบ้าอะไรนักหนา แล้วมันเรื่องอะไรต้องมานั่งข้างผม ทุกทีเห็นมันชอบนั่งม่อสาวอยู่หลังห้องไม่ใช่หรอ - -
“มี”
“ใครนั่งอ่ะ”
“กระเป๋ากูไง ไม่เห็นหรอวางอยู่เนี่ย”
ผมบอกพร้อมกับชี้ไปที่กระเป๋าของตัวเองที่วางไว้ ถึงไม่มีใครนั่งก็ไม่ให้มันมานั่งด้วยหรอก นั่งกับไอ้เสี่ยวนี่ไม่มีสมธิเรียนหนังสือพอดี Orz
“ว้า ฮยอกแจไม่มีที่ว่างให้ทงเฮ…. แต่ทงเฮมีที่ว่างให้ฮยอกแจเสมอนะ ว่างทั้งที่นั่งว่างทั้งหัวใจ”
“ฮิ้ววววววววว”
ผมหันไปมองหาต้นเสียงโห่แซวเมื่อกี้แล้วก็ต้องส่ายหน้าอย่างปลงๆ เพื่อนทงเฮนั่นแหละไม่ใช่ใครที่ไหน นี่คงจะตั้งใจมาเล่นมุกแล้วให้เพื่อนคอยซับพอท แล้วทำไมต้องมาเล่นใส่กูอยู่เรื่อยวะ
นี่จะอ้วกละแม่ง _ _””
“เราไปนั่งที่ก่อนนะฮยอกแจตั้งใจเรียนด้วยล่ะ ^^”
ทงเฮที่เห็นผมไม่ตอบอะไรนอกจากทำหน้าเหมือนเบื่อโลกใส่มันจึงบอกลาผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้หลังห้อง
“เดี๋ยวทงเฮ”
“หืม?”
“จริงๆกูมีที่ว่างนะ”
“เฮ้ย ที่ไหนอ่ะหัวใจฮยอกแจหรือเปล่า ^^”
ทงเฮหันกลับมาถามผมด้วยท่าทางเริงร่า
หึ
“เปล่า หัวใจกูไม่ว่าง …แต่ ‘ ตี น ‘ กูว่างอยากอยู่ไหมละ ^^”
“ อูยยยยย”
ทงเฮอุทานออกมาพลางยิ้มแหยๆแล้วเดินกลับไปที่เก้าอี้ของตัวเอง แต่อย่าคิดว่าแค่นี้มันจะเข็ดไม่กล้ามาเสี่ยวใส่ผมอีกนะ
เพราะคนอย่างทงเฮต่อให้ด่าแม่มัน มันยังยิ้มให้ผมเฉยเลย คนบ้าอะไรวะแม่ง = =
“กลับมาแล้วครับ”
ผมบอกแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารก่อนที่ผมจะย้ายสังขารตัวเองขึ้นไปบนห้องนอน
เฮ้อออ
พอนึกถึงทงเฮที่ไรก็รู้สึกเบื่อ เบื่อมาก คือไม่ชอบหรอกนะเว้ยที่มีคนมาเสี่ยวมาแซวๆใส่แบบนี้ทุกวัน
หน้ากูเหมือนคนที่ควรมาล้อเล่นมากป่ะแม่ง - -
ครืดๆๆๆ
“มีไรมึง”
ผมกดรับโทรศัพท์ทันทีที่ได้ยินเสียงสั่น ปลายสายเป็นเพื่อนสนิทของผมที่ขื่อซองมิน
น่ารักเรียบร้อยนิสัยดี มั้ง - -
“ไม่มีอะไรหรอก แค่วันนี้กูเห็นมึงรีบกลับบ้านเลยโทรมาถาม เป็นอะไรหรือป่าววะเห็นทำหน้าหงุดหงิดทั้งวัน”
“เรื่องเดิมๆอ่ะ”
“หา.. เรื่องเดิมที่ว่านี่ใช่เรื่องทงเฮหรือเปล่า”
“อืม” เรื่องไอ้เหี้ยนี่แหละ ทำให้หงุดหงิดทุกวี่วัน
“ไม่เอาน่าฮยอกแจ มึงก็รู้ว่าทงเฮมันก็แค่แซวเล่นไปงั้นแหละ กูก็เห็นมันแซวทุกคนอ่ะ อย่าไปใส่ใจเลย”
“กูรู้เว้ย แต่บางทีมันก็มากไปป่ะ คือแบบหน้ากูดูมีอารมณ์ร่วมกับมันหรือยังไง เล่นอยู่ได้แม่ง”
“มันก็เล่นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่นา มึงจะหงุดหงิดทำไม ฮ่าๆ”
ซองมินบอกพร้อมกับหัวเราะร่า หัวเราะหาอะไรวะแม่ง ฮึ่ย
“ก็เพราะแม่งเล่นไม่หยุดไงกูถึงหงุดหงิด”
“หมายความว่าไง?”
“ไม่มีความหมายอ่ะ กูแค่หงุดหงิด เล่นมากๆกูก็ไม่ชอบ”
เข้าใจอารมณ์ผมป่ะ คือเวลาทงเฮมันมาล้อเล่นกับผมมากๆบางทีผมก็รู้สึกเหมือนถูกแก๊งค์มันมองเป็นตัวตลก
ทั้งๆที่กูไม่เคยตลกกับพวกมันเลย - -
“ไม่ชอบก็บอกมันตรงๆดิ”
“ซองมันครับ กูบอกมันไปหกพันสี่ร้อยห้าสิบรอบแล้วป่ะให้ทาย แม่งเคยฟังกูที่ไหน วันๆแม่งก็เอาแต่ สวัสดีฮยอกแจ เข้ามาอยู่ในใจทงเฮไหม กินใจทงเฮไหม ไอ้เหี้ย แม่งมีกี่ใจวะเดี๋ยวก็ให้กูเข้าไปอยู่เดี๋ยวก็บอกให้กูแดก - -“
“5555555555555555555555555555555555555 กูว่าน่ารักดีออกทงเฮนี่หนุ่มป๊อบของโรงเรียนเลยนะเว้ย รุ่นน้องกรี๊ดกันแทบคลั่งอ่ะ แต่เอาจริงๆกูว่าทงเฮแม่งชอบมึงแน่เลย”
“เอาอะไรคิด ถ้าแม่งชอบกูแล้วทำแบบนี้ใส่กูทุกวัน เกลียดกูเลยเถอะกูว่ากูน่าจะสบายใจกว่านี้ = =”
“555555555555555555555555555555 ใครจะรู้ ทงเฮแสนเสี่ยวในวันนี้อาจจะเป็นลมหายใจของมึงในวันข้างหน้าก็ได้”
“กูตัดสายนะบาย”
เมื่อเริ่มรู้สึกว่าพูดกับซองมินไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาผมเลยตัดสายใส่แม่งเลย
ลมหายใจในวันข้างหน้า ถุย
เป็นลมตดกูยังยากเลยป่ะเอาดีๆ = =
………………………………………………………..
เช้าวันนี้อากาศสดใส แต่จะสดใสกว่านี้ถ้าไม่มีไอ้เหี้ยทงเฮมาคอยนั่งเล่นมุกเสี่ยวๆของมันอยู่ข้างหลังผมเนี่ย
ทำไมวันนี้อีทึกต้องขาดเรียนด้วยวะ เก้าอี้ข้างหลังผมเลยว่างอีบ้าทงเฮเลยได้โอกาสมานั่งสวมรอย
จะเรียนก็เรียนไม่รู้เรื่องบ้าเอ้ย !
“ระบบประสาทประกอบด้วยเซลล์สองเซลล์ คือ เซลล์ประสาท เป็นเซลล์ที่เป็นส่วนประกอบหลักของระบบประสาท…….”
ป๊อก!
ขณะที่ผมกำลังตั้งใจฟังอาจารย์สอนอยู่ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างลอยมากระทบที่หัว
กระดาษสีขาวถูกปั้นเป็นก้อนกลมๆซึ่งถ้าเดาไม่ผิดมันก็น่าจะมาจากไอ้บ้าข้างหลังผมนี่แหละ ผมค่อยคลี่กระดาษออกมาอ่านด้วยความหงุดหงิด คือแม่งเล่นอะไรวะไม่เห็นหรอคนกำลังตั้งใจเรียนอยู่ - -
อาจารย์สอนให้รักในความรู้ แต่มึงสอนกูให้รู้ในความรัก ^^
“แหวะ”
หลังจากอ่านจบผมก็หันไปทำหน้าอยากอ้วกใส่ทงเฮทันที แต่มันก็ไม่ได้สนใจหรอกมันยังนั่งยิ้มไม่รับรู้ความคลื่นไส้ของผมเลยสักนิด
บ้าเอ้ย แม่งเสี่ยวจริงให้ตาย = =
“ทำไมวันนี้กลับรถเมลล์ล่ะ”
“ผัวไม่ว่างมารับ”
“อ้าว นี่ฮยอกแจเป็นเมียซองมินหรอเนี่ย ฮ่าๆๆเพิ่งรู้นะเนี่ย ^^”
“เมียพ่องสิ วันนี้ซองมินไม่ได้เอารถมาไง กูถึงต้องมายืนรอรถเมลล์อยู่แบบนี้”
“อื้มดีเหมือนกัน จะได้กลับพร้อมกันเลย”
ว่าเสร็จทงเฮก็เดินมานั่งข้างๆผม คือป้ายรถเมลล์ตอนสามทุ่มมันเงียบมากไง ไม่มีคนเลยมีแค่ผมกับไอ้บ้าแป๊ะยิ้มข้างๆเนี่ย
วันนี้ติวเลิกดึก ซองมินก็ดันไม่เอารถมาอีก ทุกวันผมจะให้มันไปส่งไง แล้วเมื่อไหร่รถเมลล์จะมาวะกูอยากกลับบ้านครับ L
“มีรถไม่ใช่หรือไง กลับรถเมลล์ทำไม”
ผมถามด้วยความอยากรู้เพราะทุกวันไม่เคยเห็นมันจะกลับรถเมลล์ รูปหล่อพ่อรวยขับรถราคาแพงอย่างทงเฮมานั่งรอรถเมลล์ หึ น่าขันชะมัด
“ใช่มีรถ แต่เห็นฮยอกแจนั่งรอรถเมลล์ก็เลยจอดรถทิ้งไว้ อยากกลับเป็นเพื่อนน่ะ ^^”
ทงเฮพูดออกมาอย่างหน้าไม่อายแถมยังยิ้มจนตาหยี จนผมต้องเสไปมองทางอื่น
คือมึงโกหกกูหน่อยก็ได้ว่ารถเสียอะไรแบบนี้ - -
“ถามกูยังว่ากูอยากมีเพื่อนหรือเปล่า?”
“อ้าว ไมม่อยากมีเพื่อนหรอ แล้วอยากมีแฟนไหมล่ะกูเป็นให้ได้นะ ^^”
“เฮ้ออออออ ไม่ได้หยอดกูสักวันนี่มึงจะตายหรือไงวะ”
“5555555555555555555555 ทำไมชอบทำหน้ารำคานกูวะ”
ทงเฮถามผมด้วยรอยยิ้ม เออ มันก็เห็นนี่หว่าว่าผมทำหน้ารำคาน แล้วยังมาทำตัวน่ารำคานอีก
เป็นคนยังไงวะเนี่ย
“ก็รำคานไง”
บอกตรงๆแม่งเลยเผื่อมันจะเลิกทำตัวแบบนี้สักที
“รู้”
“รู้แล้วยังทำให้รำคานอีก”
ประสาทป่าววะ - -
“ก็มึงน่ารัก”
“กูทำหน้ารำคานมึงตลอดนี่มันน่ารักยังไงวะ โอ้ยกูจะบ้าตาย’”
“ไม่รู้ดิ รู้แค่ว่าน่ารักดี .. ชอบว่ะ….. จริงๆ รักเลยแหละ ไม่ใช่แค่ชอบหรอก”
“………...”
พูดไม่ออก
เออนั่นแหละ พอเห็นแววตาตอนมันพูดแล้วก็ต้องกลืนคำด่าลงคอแทบจะทันที
“ซีเรียส?”
“อืม ซีเรียส รักจริงๆ ไม่เห็นหรอจีบมาตั้งแต่มอสี่แล้ว”
ห๊ะ จีบตั้งแต่มอสี่ ตอนไหนทำไมผมไม่รู้ตัว
“ที่มึงทำอยู่นี่เรียกว่าจีบหรอวะ ตลกตายห่าแหละทงเฮ เลิกทำแบบนี้สักที กูเหนื่อยจะรำคาน”
“แต่กูไม่เคยเหนื่อยจะจีบมึงนะ ให้จีบไปถึงปีสี่ยังได้เลย ^^”
“………….”
ทำหน้าจริงจังหาพ่อมึงหรอตอนพูด ผมไปไม่เป็นเลยคราวนี้ = =
“รถเมลล์มาแล้วกลับกันเถอะ”
ว่าเสร็จก็ยืนขึ้นแล้วดึงมือผมที่นั่งเอออยู่ให้ลุกขึ้นตาม เดี๋ยวนะ! มีสิทธิ์ไรมาจับมือกูเนี่ย
“กูเดินเองได้ครับทงเฮ บาย”
ผมบอกพร้อมกับสะบัดแขนออกก่อนจะเดินไปขึ้นประตูข้างหน้าปล่อยให้ทงเฮขึ้นประตูด้านหลังไปคนเดียว
เรื่องอะไรผมต้องไปนั่งที่เดียวกับมันด้วยล่ะ แค่นี้ก็หงุดหงิดจนหน้าร้อนแล้วเนี่ย
ว่าแต่ที่รู้สึกว่าหน้าร้อนๆนี่กูหงุดหงิดจริงหรอวะ …
ตึกๆๆๆ
แล้วเสียงเหี้ยอะไรเต้นเนี่ย ฮึ่ย!
เช้าวันใหม่ วันนี้ผมรู้สึกอยากไปโรงเรียนแปลกๆ ตื่นเองไม่ต้องรอให้แม่ปลุก เหตุผลอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ขี้เกียจหา
รู้แค่อยากไปโรงเรียน
“สวัสดีตอนเช้าครับฮยอกแจ ^^”
ทงเฮเป็นคนแรกเสมอที่เสนอหน้าเข้ามาทักผมก่อนเข้าห้องเรียน แต่เอาเถอะวันนี้ผมอารมณ์ดี เพราะอะไรไม่รู้ ไม่ด่ามันหรอก เดี๋ยวฟีลในใจจะหงุดหงิดเปล่าๆ ^^
“สวัสดีตอนเช้าเหมือนกันนะทงเฮ ^^”
ผมบอกก่อนจะหลบเข้าห้องไป แต่ก็ไม่วายมีเสียงนกเสียงกาเสียงเหี้ยลอยมากระทบหูให้ได้ยิน
“อีแขรแดกอะไรผิดมาวะเนี่ย ทุกทีเห็นด่าไฟแลบ”
“เออ กูก็คิดเหมือนมึงอ่ะเยซอง ฮยอกแจเปลี่ยนไปปปปป TTTT” คยูฮยอน
“นั่นดิ สัสไม่มันเลย กูมาเช้าเพราะรอฟังทงเฮโดนฮยอกแจด่า แต่ฮยอกแจไม่ด่าการมาโรงเรียนเช้าของกูก็หมดความหมายอ่ะดิ TT” ซีวอน
อีพวกนี้ก็เว่อร์ไป เป็นติ่งผมกันหรือไงนะสังเกตก็ทำไมนักหนา ว่าแต่ทำไมทงเฮไม่พูดอะไรเลยวะ หรือว่าพอกูไม่ด่าแล้วไม่สนุก ซ่าไม่ออก ชิ
“ฮยอกแจทำไร”
“ทำงานวิชาสังคมน่ะ มึงทำยังทำด้วยกันไหม ^^”
“เอ่อ…ทำเถอะกูทำแล้ว”
ทงเฮบอกพลางทำหน้างงๆ แล้วเดินกลับไปหาเพื่อนที่นั่งมองกันอยู่
ว่าแต่เยซองแม่งอ้าปากค้างทำไมวะ กูพูดีกับทงเฮนี่แปลกใจกันมากป่ะ ทุกคนต้องมีการเปลี่ยนแปลงเว้ย
ในเมื่อเห็นว่าด่ามันไปวันๆก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา แล้วอีกอย่างก็จะจบมอหกแล้วดีต่อกันไว้ดีกว่าใช่ไหมล่ะ
^__________^
“ทงเฮ เด็กมึงมา”
เสียงเยซองดังกระทบหูของผมที่กำลังนั่งทำงานอยู่เลยทำให้ต่อมอยากรู้ทำงานจนต้องเงยหน้ามองทันที
เด็กทงเฮ?
“เข้ามาเลยครับน้องยุนอา”
ทงเฮตะโกนบอกรุ่นน้องน่าตาสะสวยนั่นด้วยรอยยิ้ม แหวะ เขางอกเลยนะมึง ไหนบอกชอบกู รักกูล่ะ ถุย เสี่ยวไปวันๆจริงสินะ
ว่าแต่กูหงุดหงิดอะไรวะ ทำงานๆ โว้ยทำงานๆๆๆ
“น้องยุนอาทานข้าวยังครับ”
“ทานแล้วค่ะ ^^ แล้วพี่ทงเฮล่ะคะ”
“ยังครับพี่ทงเฮรอทานใจน้องยุนอา ฮิ้ววววว”
“เชี่ยวอนหุบปากไปกูพูดเองได้ ไม่ต้องเอาความรู้สึกส่วนตัวของตัวเองมาเสือก”
“ไอ้เชี่ยทงเฮ อย่าพูดมาก”
“ความรู้สึกอะไรหรอคะพี่ทงเฮ ^^”
“ความรู้สึกรักน่ะครับ ^^’”
“ฮิ้ววววววววววว”
“อ้วก! ซองมินพากูไปห้องน้ำที”
ผมที่ทนฟังเสียงดังน่ารำคานของพวกที่นั่งม่อสาวอยู่หลังห้องไม่ไหวหันไปบอกซองมินเสียงดัง พวกนั้นหันมามองผมหน้าเหวอๆ มีแต่ทงเฮเท่านั้นที่ยิ้มให้ผม
ยิ้มหาพ่องหรอ ไปมีความรู้สึกรักรู้สึกยิ้มให้น้องยุนอามึงนู่น อย่ามายิ้มให้กูฮึ่ย!
“อ้าวฮยอกแจทำไมวันนี้กลับมาเร็วล่ะลูก”
“ปวดหัวนิดหน่อยนะครับ ผมขอตัวขึ้นไปพักสักเดี๋ยวน่าจะดีขึ้น”
บอกแม่เสร็จผมก็รีบขึ้นห้องไปทันที ปวดหัว หงุดหงิด เป็นบ้าอะไรไม่รู้ รู้แต่ไม่มีอารมณ์เรียน เลยให้ซองมินมาส่งบ้านซะเลย
นอนไม่หลับ
เออนั่นแหละ ข่มตานอนมาเกือบชั่วโมงแล้วเนี่ย นอนไม่หลับจริงๆ
หาอะไรทีดีกว่าแม่ง
หงุดหงิดสัสๆ จะสอบแล้วหนังสือก็อ่านไม่จบ โรงเรียนก็ขี้เกียจไป #ถุยชีวิต
@AllRiseSilver เป็นอะไร โดดเรียนช่วงบ่ายทำไม
เรื่องของกู ยุ่งทำไมนักหนา
@AllRiseSilver เฮ้ย โกรธไรกูวะ ขอโทษที่ถาม กูเป็นห่วงไง
รำคาญ ป่ะให้ทาย ^^
@AllRiseSilver มึง…. กูผิดด้วยหรอที่เป็นห่วงมึง ขอโทษที่เป็นห่วงละกัน
ไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่มึงเสี่ยว
อืม…..ขอโทษ คราวหน้าไม่ยุ่งแล้วล่ะ
ทงเฮทวิตลอยๆแบบไม่เมนชั่นผมเหมือนที่ผมทวิตลอยถึงมันแต่ไม่เมนชั่นมัน และนั่นทำให้ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจผมทันที
ผมทำเกินไปหรือเปล่าวะ
รู้สึกผิด
แต่ทิฐิในใจของผมมันเยอะเกินกว่าจะพิมพ์คำว่าขอโทษไปน่ะสิ
เฮ้ออออ
1 วันผ่านไป ทงเฮไม่มา โรงเรียน
อืมดีเหมือนกัน เพราะถ้าเห็นหน้ามันก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำหน้ายังไง
2 วันผ่านไป
มอหกก็แบบนี้แหละ อยากขาดเรียนก็ขาดอ่ะ วันนี้ไม่ใช่แค่ทงเฮที่ไม่มาเพื่อนหลายคนในห้องผมก็ไม่มา หยุดอ่านหนังสือกันน่ะสิ ใกล้สอบแกทแพทเข้ามาทุกที
3 ผ่านไป
อินี่หยุดยาวแฮะ ไม่เอาแล้วใช่ไหมความรู้ในห้องเนี่ย ห้องที่ไม่มีทงเฮคอยส่งมุกเสี่ยวๆให้เพื่อนโห่แซวก็เงียบจนเหงาแปลกๆเหมือนกันนนะ
2 อาทิตย์ผ่านไป
อีห่า ถ้าจะหยุดขนาดนี้ลาออกไปเถอะ = =
เข้าใจอยู่ว่าคงจะหยุดอ่านหนังสือ แต่นี่หยุดนานเกินไปป่ะ ไม่เอาแล้วใช่ไหมเวลาเรียนเนี่ย แต่ว่าช่างมันเถอะ ไม่มาก็ดีเหมือนกันอีกสองวันสอบแกทแพท สอบเสร็จก็สอบปลายภาคแล้วก็ปิดเทอม ….
เฮ้อ เวลาผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย ....
ผมหันไปมองเก้าอี้หลังห้องที่ทงเฮเคยนั่งแล้วก็อดใจหายไม่ได้ จะปิดเทอมแล้วมันไม่อยากเก็บเกี่ยวเวลาที่อยู่กับเพื่อนบ้างหรือไงนะ ทำไมไม่มาโรงเรียนเลยวะ
วันสอบแกทแพท
วันนี้ผมก็ยังไม่เจอทงเฮเลย สอบอยู่คนละห้องคนละตึก สอบเสร็จก็กลับบ้านกันเลยไม่เจอใครสักคนนอกจากซองมินที่สอบห้องเดียวกัน
“เป็นไรมึงทำไมดูซึมๆ”
ซองมินขึ้นขณะที่ขับรถไปส่งผมที่บ้าน
“กูรู้สึกผิดว่ะ”
“เรื่องอะไรวะ = =”
“กูบอกทงเฮไปว่ากูรำคาญมัน”
“ก็เห็นมึงบอกมันแบบนั้นทุกวัน”
ทุกวันแล้วไงละ ล่าสุดมันเหมือนทุกวันที่ผ่านมาที่ไหนกัน เฮ้อ
“มันไม่มาโรงเรียนเลยตั้งแต่วันนั้น แถมวันนี้ก็ไม่เจอกันอีก”
“มึงคิดว่าที่มันไม่มาโรงเรียนนี่เพราะมึงหรอวะ”
“อืม…..”
“ขอโทษมันสิ เพื่อนกันนะเว้ย ขอโทษมันเดี๋ยวมันก็หายโกรธ”
“ไม่รู้จะเริ่มยังไง กูเป็นคนยังไงมึงก็รู้”
ปากผมหนักจะตายจะให้ไปพูดขอโทษทงเฮนี่โคตรยากอ่ะ ไม่ใช่ไม่อยากขอโทษนะ แต่นั่นแหละ… ไม่กล้าว่ะ เอาตรงๆ
“ ถ้ามึงจะทำ มึงทำได้ กูรู้ ^^ “
……………………………………………………
Donghae’s part
สอบ
สอบ
แล้วก็สอบ
ชีวิตมอหกแม่งมีแค่นี้จริงๆ เครียดจนจะเป็นบ้า นี่หยุดอ่านหนังสือมาหลายอาทิตย์พอไปทำข้อสอบแล้วแม่งก็รู้สึกว่านี่เหี้ยอะไรวะครับ กูเคยอ่านด้วยหรือไง - -
ติ๊ดๆๆๆ
1 ข้อความใหม่
คยูฮยอน- จมกองหนังสือตายยัง แก๊งเราไม่ไปโรงเรียนนานจนอาจารย์ลืมหน้าแล้วมั้งเนี่ย พรุ่งนี้สอบปลายภาคเจอกันนะเมิง
ทงเฮ- เออ ไม่ใช่แค่อาจารย์จะลืมหน้ากูหรอก กูก็จะลืมหน้าอาจารย์ละ แต่ว่าหน้าบางคนนี่ลืมไม่ลงสักทีวะเฮ้อ L
คยูฮยอน –ดราม่าอีกละ ไหนบอกไม่ให้พูดถึง มึงพูดถึงเองทำไม = =
ทงเฮ- เออ กูลืม แค่นี้แหละจบนะ บายๆ อ่านหนังสือละ
บอกลาคยูฮยอนเสร็จผมก็โยนโทรศัพท์ออกไปให้ห่างตัว หยิบขึ้นมาทีไรยาวทุกทีเสียเวลาอ่านหนังสือทุกที
ตั้งแต่วันนั้นที่คุยกับฮยอกแจผมก็ไม่เจอฮยอกแจอีก เพราะผมเองแหละที่ไม่ยอมไปโรงเรียน คือแบบถ้าเห็นหน้าแล้วกลัวทำใจไม่ได้ไง ดีหน่อยที่มอหกมีข้ออ้างให้ขาดเยอะ
ติ๊ดๆ
1 ข้อความใหม่
เยซอง- มึงเข้าทวิตด่วนเลย
ทงเฮ- ทำไมวะ มึงโพสรูปแว่นอีกหรือไง กูไม่ซื้อหรอกไม่ต้องพยายามขายให้กู
ไอ้บ้านี่เผลอไม่ได้วันดีคืนดีแม่งเมนชั่นรูปแว่นตัวเองมาซะงั้น ขายของตลอดเวลา เอ่อลืมบอก เยซองเป็นลูกเจ้าของร้านขายแว่นน่ะ
เยซอง – เข้าเถอะ กูบอกให้เข้า
อ้าวอีนี่มีอะไรสำคัญถึงได้มาสั่งกู เดี๋ยวมึงเดี๋ยว
เพิ่งรู้ใจตัวเอง L
ผมหยุดเลื่อนทามไลน์แทบจะทันทีเมื่อเห็นทวิตของฮยอกแจ
เป็นอะไรของเขานะ…….
ผมตัดสินใจกดเข้าไปดูทามไลน์ของฮยอกแจทันที หลายวันแล้วที่ไม่เข้าทวิตเตอร์ ไม่ไปโรงเรียน นี่พลาดอะไรไปหรือเปล่านะ
สงสัยตัวเองมานานแล้วว่าหงุดหงิดอะไรนักหนา เหมือนจะรู้คำตอบแล้วว่ะ
หรือว่าเราชอบมันวะ
ชอบใคร?
น่าจะเพราะมันหายนั่นแหละ… อืมยอมรับใจหาย ใจหายจริงๆ
ใจหายที่มันหาย หรือใจหายที่จะจบมอหกแล้วไม่เจอเพื่อนวะ….
ใจหาย จะจบมอหกแล้ว แม่งใจหายจริงๆ
หายไปเลย L อยากขอโทษนะแต่ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ
ดีใจ เข้าข้างตัวเอง ใช่ ตอนนี้ผมเป็นแบบนั้นแหละ ทำไมถึงได้รู้สึกว่าทุกอย่างที่ฮยอกแจทวิตหมายถึงตัวเองล่ะ
โอ้ย ทำไมมึงชอบเข้าข้างตัวเองแบบนี้นะทงเฮ TT
เมื่อคิดได้ว่าฮยอกแจไม่น่าจะหมายถึงตัวเองหรอกผมก็กดออกจากทวิตทันที
คือฮยอกแจหมายถึงใครก็ไม่รู้ไง ไปแอบชอบใครอยู่ก็ไม่รู้รับรู้ไปก็เจ็บปวดอ่ะ แม่ง
ติ๊ดๆๆ
เสียงข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์ของผมดังขึ้นอีกครั้ง เลข1ที่เป็นสีแดงบนแอพทวิตเตอร์ทำให้ผมรู้ว่ามีคนเมนชั่นหาผมแน่ๆ
ใครกันวะ
@donghae861015 มึง กูอยากเจอมึง
เห้ย!
ตากูฝาดหรือทวิตเตอร์มันรวน ฮยอกแจเมนชั่นหากู
ฮยอกแจบอกอยากเจอกู
ฮยอกแจอยากเจอกู TWT
แต่เดี๋ยวนะ… ที่ผ่านมากูขาดเรียนเพื่ออะไร เลิกเล่นทวิตเตอร์เพื่ออะไร เพื่อจะลืมฮยอกแจไม่ใช่หรือไง ถ้าเจอฮยอกแจทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดก็ศูนย์เปล่าน่ะสิ
ไม่เว้ย ไม่ไปเจอเด็ดขาด ลืมๆๆๆๆ ลืมให้หมด
@donghae861015 กูไปรอมึงอยู่ร้านไอติมหน้าโรงเรียนนะ จะมาก็มาไม่มาก็ไม่เป็นไร กูรอถึงสองทุ่ม
รอถึงสองทุ่ม?
โอ้ยเชี่ย นี่ทุ่มครึ่งแล้ว ไปยังไงให้ทันวะ TTWWTT
ว่าแต่กูจะไปทำไมวะ ? อยากรอก็รอไปดิ ใครบอกให้รอ กูมันเสี่ยวกูมันน่ารำคาญ จะอยากเจอกูทำไมล่ะ หึ
19:45
ผมหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนังอีกรอบก่อนจะเบ้หน้า จะดูทำไมก็ไม่รู้แต่มันละสายตาไม่ได้เลย
อ่านหนังสือแทบไม่เข้าหัวเลยจริงๆ
19:50
ไม่ไหวละ ไปก็ไปวะแม่ง!!!
“เอาไปหมดเลยครับพี่ ไม่ต้องทอน”
ผมยัดเงินใส่มือวินมอไซต์ที่มาส่งผมถึงเป้าหมายได้ตรงเวลาพอดี
สองทุ่มเป๊ะ
ผมละสายตาจากนาฬิกาข้อมือแล้วหันไปมองร้านไอติมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนของผม
ทำไมไฟมืดจังวะ
ผมพาตัวเองข้ามถนนมาฝั่งร้านที่ฮยอกแจนัดไว้แล้วจึงได้คำตอบ
ร้านปิดแล้ว….
นี่ผมมาไม่ทันหรอเนี่ย เฮ้อ L
คิดได้ดังนั้นผมก็ได้แต่เดินทอดน่องไปที่ป้ายรถเมลล์อย่างเซ็งๆ ถ้าผมรีบกว่านี้คงจะดี
‘’บ้าเอ้ย มึงจะเล่นตัวหาอะไรวะ แม่ง’’
ผมด่าตัวเองด้วยความหงุดหงิดพลางเตะกระป๋องข้างถนนเข้าเต็มแรง หงุดหงิดจริงๆให้ตายสิแม่ง
โป๊ก!
“โอ้ย ใครเขวี้ยงอะไรใส่หัวกูวะ!”
เสียงฮยอกแจ?
ผมหันไปมองต้นเสียงที่นั่งอยู่ริฟุตบาททันที
ฮยอกแจจริงๆด้วย !
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ ยุงไม่กัดหรือไง นี่มันมืดมากนะทำไมไม่ไปนั่งตรงป้ายรถเมลล์ ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย แล้วนี่…...”
“พอ!”
ฮยอกแจร้องห้ามเหมือนรำคาญ รำคาญผมอีกแล้วหรอ….
“ขอโทษที่ทำให้รำคาญ ว่าแต่มานั่งทำอะไรตรงนี้”
“รอหมา”
“…….” กูใช่ไหมครับ หมาที่ฮยอกแจว่าเนี่ย orz
“หมาแม่งมาสาย ร้านไอติมปิด ปล่อยให้กูรอ คือถ้าจะมาสายไม่ต้องมาเลยดีกว่าป่ะ แล้วกูก็มานั่งรอทำห่าอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ไม่อยากกลับบ้าน แต่ตอนนี้อยากกลับแล้วล่ะ กูไปนะ”
ว่าเสร็จก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปอย่างรวดเร็ว แต่มือของผมเร็วกว่าเพราะผมคว้าข้อมือของฮยอกแจไว้ทัน
“อะไร?”
“มีอะไรจะพูด พูดมาสิ อยากเจอทำไม”
“ไม่มี ไม่อยากเจอแล้ว ปล่อย ดึกแล้วกูจะกลับบ้าน”
ฮยอกแจบอกพร้อมกับพยายามสะบัดแขนออกจากมือของผม
ทำไมถึงดื้อนักนะ เป็นคนนัดเราออกมาแท้ๆไม่ใช่หรือไง แล้วคนที่งอนนี่มันผมป่ะ ทำไมตอนนี้ผมกำลังพยายามง้อฮยอกแจอยู่ล่ะ เฮ้อ
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
ผมพยายามส่งสายตาจริงจังไปให้ฮยอกแจ แม้ตรงนี้มันจะมืดแต่ผมก็อยากให้คนตรงหน้าเห็นแววตาของผม
“ไปคุยกันที่ป้ายรถเมลล์ ตรงนี้มันมืด”
ฮยอกแจบอกแล้วเดินนำผมไป
บทจะง่ายก็ง่ายดีแฮะ ^^
“ทำไมไม่มาโรงเรียน ?”
ทันทีที่มาถึงป้ายรถเมลล์ฮยอกแจก็ถามผมทันที
อยากรู้เรื่องผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
“อ่านหนังสือ.”
“แค่นี้หรอ”
ไม่หรอก ไม่ใช่แค่นี้
แต่จะให้ตอบยังไงล่ะ ให้ตอบว่าเพราะอยากตัดใจจากฮยอกแจหรอ
หึ
“อืม”
“……”
เหมือนความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างเราสองคน ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรดีเพราะกลัวอีกฝ่ายรำคาญจึงทำได้เพียงรอฮยอกแจพูดอะไรบ้างเท่านั้น …
“ทงเฮ”
“หืม...?”
“ยังชอบกูอยู่ไหม”
ฮยอกแจถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม สายตาจริงจังนั่นทำให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะแทบจะทันที
ทำไมถามแบบนี้นะ…
“ไม่รู้สิ...” ไม่รู้ว่าถ้าบอกไปว่ายังชอบอยู่จะทำให้รำคาญหรือเปล่า
“อืม….”
และความเงียบก็เข้าปกคลุมเราอีกครั้ง
ผมนั่งมองรถเมลล์ที่ผ่านไปคันแล้วคันเล่าแต่ไม่มีใครขยับตัวไปไหนเลย จากตอนแรกที่มีคนอยู่เต็มป้ายรถเมลล์
ตอนนี้กลับว่างเปล่า เหลือแค่ผมกับฮยอกแจเท่านั้น
เงียบ….
เงียบซะจนผมทนไม่ไหว
ผมหันไปมองฮยอกแจที่ออกไปยังถนนกว้าง ผมรู้ว่าฮยอกแจไม่ได้ต้องการจะมองอะไรหรอก พอๆกับผมเองที่ไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ตรงไหน
“ถ้ายังชอบอยู่ฮยอกแจจะรำคาญไหม….”
ผมเลือกที่จะพูดเพื่อทำลายความเงียบและเพื่อหาคำตอบให้กับปัญหาในใจของตัวเอง
ตื้อจนเขารำคาญ จนเสียความมั่นใจ
ตอนนี้ผมไม่มีความกล้าแม้แต่จะชอบฮยอกแจด้วยซ้ำ
“ทงเฮ…บางทีกูอาจจะไม่เคยรำคาญมึงจริงๆก็ได้”
“………...”
“เพราะถ้ากูรำคาญจริงๆกูคงไม่ต้องมานั่งกังวลตอนที่มึงหายไปแบบนี้”
“มึงกังวลด้วยหรอ?”
“อืม…กังวลมาก มากจนกูต้องมานั่งหาคำตอบให้หัวใจตัวเอง”
“…....”
“กูถึงอยากรู้ไงว่ามึงยังชอบกูอยู่ไหม”
“ถ้ากูบอกว่าชอบมึงอยู่มึงจะมีคำตอบให้ตัวเองหรือยังไง”
ผมถามฮยอกแจที่เอาแต่ก้มหน้าตอนพูดกับผมก่อนที่มือหนาของผมจะค่อยๆเชยคางเล็กขึ้นมาเพื่อสบตากับคนตรงหน้า
“คำตอบแบบไหนวะ ที่มึงต้องการค้นหา?”
“ไม่รู้”
ใบหน้าหวานของฮยอกแจส่ายไปมาช้าๆ พร้อมๆกับแก้มขาวที่ขึ้นสีเล็กน้อย
กำลังเขิน?
ฮยอกแจกำลังเขินผมใช่ไหม?
“ถ้ามึงอยากรู้ว่ากูยังชอบมึงอยู่หรือเปล่า มึงต้องตั้งใจฟังคำตอบของกูดีๆล่ะ”
ผมบอกพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานของฮยอกแจ ก่อนที่จะปล่อยให้ริมฝีปากของผมครอบครองริมฝีปากของฮยอกแจ
ตึกๆๆ
เสียงหัวใจของผมเต้นรัวเสียงดังจนแทบไม่ได้ยินว่าหัวใจของฮยอกแจเต้นแรงเหมือนกันหรือเปล่า
แต่ผมไม่สนแล้ว
ผมอยากบอกให้คนคนนี้รู้ว่าผมยังรักเขาเสมอ
ยังชอบอยู่เสมอ เวลาแค่ไม่กี่อาทิตย์ไม่สามารถทำให้ความรักเกือบสามปีของผมลดลงได้หรอก….
“ทงเฮไม่ได้ชอบฮยอกแจนะ แต่มันคือรัก รักมาก ไม่รู้จะลดมันลงยังไง”
ผมบอกหลังจากถอนจูบออกแล้ว ฮยอกแจยิ้มจางๆให้ผมแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทว่าใบหน้าหวานกลับยืนมาใกล้ผมจนผมตกใจ
“ทำอะไร”
“กูไม่ค่อยแน่ใจในคำตอบน่ะ ขอค้นหามันอีกรอบนะ”
ว่าเสร็จริมฝีปากสีแดงสดก็ประกบจูบผมทันที ก่อนที่ลิ้นเล็กจะพยายามแทรกเข้ามาในโพรงปากผม ผมปล่อยให้ฮยอกแจทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ เพราะนี่เป็นการค้นหาคำตอบของฮยอกแจไม่ใช่ของผม
ริมฝีปากหวานของฮยอกแจดูดริมฝีปากของผมซ้ำไปมาอยู่หลายครั้งก่อนจะค่อยๆถอนออกพร้อมกับรอยยิ้มของเขา
“ได้คำตอบไหมหืม”
ผมแกล้งยืนหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆจนฮยอกแจหน้าขึ้นสีอีกครั้ง
ฮยอกแจเวลาเขินน่ารักชะมัด
“อื้ม ^^”
“บอกได้ไหมอยากรู้”
ผมถามออกไปด้วยความตื่นเต้น คำตอบของฮยอกแจจะเหมือนของผมไหมนะ ….
“ชอบ”
“ชอบใคร?”
“ชอบทงเฮ”
ผมเคยได้ยินคำเหล่านี้มาหลายครั้งแต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะคนบอกคือฮยอกแจ ฮยอกแจเพื่อนร่วมห้องที่ครอบคองหัวใจผมมานาน
ฮยอกแจชอบผม… หูไม่ได้ฝาดใช่ไหมเนี่ย
“ชอบเหมือนกันนะ ชอบมาก ไม่สิรักเลยแหละ เป็นแฟนกันไหมฮยอกแจ”
ผมถามออกไปเพราะไม่อยากรออีกแล้ว ผมรอวันนี้มาเกือบสามปีแล้ว
รอวันที่ฮยอกแจจะใจตรงกันสักที
“ไม่ดีกว่า...”
“ทะ...ทำไมล่ะ” ไหนบอกว่าชอบผมไง
“เป็นแฟนมันเลิกกันได้ เป็นเพื่อนกันดีกว่าไม่มีวันเลิกกัน”
“แต่เพื่อนกันมันรักกันแบบแฟนไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ทงเฮยังรักฮยอกแจได้เลย เป็นเพื่อนนี่แหละเราจะได้ไม่มีวันเลิกกัน”
“ได้เป็นเพื่อนก็ได้ แต่ฮยอกแจห้ามมีแฟนได้ไหม ห้ามกอด ห้ามจูบ ห้ามมีอะไรกับคนอื่น ทำได้ไหม”
ผมไม่ยอมหรอกถ้าฮยอกแจจะไปทำอะไรแบบนั้นกับใคร ผมจะตามไปฆ่าไอ้นั่นเลยคอยดู - -
“ไม่ทำหรอก”
“แต่ทำกับทงเฮได้นะ ทงเฮไม่ห้าม ^^”
“ถึงห้ามก็จะทำ :P”
“55555 ฮยอกแจน่ารัก”
ผมบอกพร้อมกับลูบหัวกลมของเพื่อน (รัก)
ต่อให้สถานะอะไรผมก็ไม่สนหรอก ขอแค่มีฮยอกแจอยู่ข้างๆก็พอ
“ฮยอกแจ”
“อะไร”
“ทงเฮฝากอะไรหน่อยได้ไหม”
“อะไร?”
“ฝากหัวใจน่ะ ฝากหน่อยนะ ถึงตายก็ไม่ขอคืน”
“แหวะ แต่ก็ได้อยากฝากก็ฝาก แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร?”
“ทงเฮก็ต้องดูแลหัวใจฮยอกแจเหมือนกัน”
“หมายความว่าไง?”
“ฮยอกแจขอฝากหัวใจไว้กับทงเฮเหมือนกันนะ ^^”
END
ความคิดเห็น