คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [2]เริ่มแผน [100%]
ติ๊ดๆ
เสียงเครื่องมือสื่อสารของร่างหนาดังขึ้นในเช้ามืดของวันใหม่ ทงเฮบิดขี้เกียจอยู่หลายครั้งก่อนจะควานหาโทรศัพท์เครื่องหรูด้วยท่าทางงัวเงีย
คยูฮยอน
‘นี่เป็นตารางเรียนของเด็กนั่น วันนี้เด็กนั่นเรียนเช้ามึงอย่าลืมทำหน้าที่รุ่นพี่ที่แสนอบอุ่นด้วยละ หึๆ ^^’
หึ
ทงเฮหัวเราะให้กับข้อความนั่น รุ่นพี่ที่แสนอบอุ่นงั้นหรือ….นี่คยูฮยอนไม่รู้หรือยังไงว่าความอบอุ่นของเขาน่ะมันสลายไปพร้อมกับหัวใจของเขาแล้ว…
ตาคมก้มมองมือถือของตัวเองอีกครั้งก่อนจะไล่ดูรูปเก่าๆเหมือนที่เคยทำทุกวัน
รูปหญิงสาวที่มีแต่รอยยิ้ม รอยยิ้มที่บริสุทธ์ราวกับหิมะแรกของฤดู ริมฝีปากหนายิ้มให้กับภาพนั้นก่อนที่มือหนาจะค่อยๆสัมผัสหน้าจออย่างแผ่วเบา….
‘พี่คิดถึงเธอ..คิดถึงมากที่สุด..’
ความคิดในใจเกิดขึ้นพร้อมๆกับความเจ็บปวด ทงเฮหลับตาช้าๆเพื่อไล่หยดน้ำตาที่พร้อมจะไหลอยู่ทุกเมื่อหากนึกถึงคนที่เป็นดั่งดวงใจของเขา ….
เหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน เหมือนคนคนนี้เพิ่งจากเขาไปเมื่อวาน เจ็บ เจ็บจนอยากจะฆ่าคนที่ทำให้ยุนอาจากเขาไปให้ตายเสียตอนนี้ แต่นั่นคงง่ายไป คนคนนั้นคงเจ็บปวดน้อยเกินไป …
มึงน่ะต้องได้รับรู้ความเจ็บปวดที่แสนยาวนานของกูบ้าง
คิดได้ดังนั้นตาคมก็ตวัดไปมองร่างบางที่นอนหลับสนิทอยู่เตียงข้างๆ ใบหน้ายามหลับไหลของอีฮยอกแจดูบริสุทธ์ราวกับเด็กน้อย ราวกับผ้าสีขาวที่ไม่เคยแปดเปื้อน….
ไม่เคยแปดเปื้อนงั้นหรอ?
หึ
กูนี่แหละจะทำให้หัวใจของมึงแปดเปื้อนเอง เชวซีวอน…
………………………………………………………………………….
ก๊อกๆ
“ฮยอกแจ ๆ ฮยอกแจ!!.”
“อื้อ…ใครวะ คนจะนอน”
“ฮยอกแจได้ยินซองมินไหม ฮยอกแจสายแล้วฮยอกแจ”
ซองมิน? ร่างบางทบทวนประโยคที่ได้ยินพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา
ใครมารบกวนการนอนของเขากันนะ
“ฮยอกแจตื่นได้แล้ว เดี๋ยวเราจะไปเรียนไม่ทันนะ”
ไปเรียน? ชิบหายแล้ว!!!!
คิดได้ดังนั้นฮยอกแจจึงรีบเด้งตัวลุกจากเตียงก่อนจะหอบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปอย่างเร่งรีบโดยลืมคนที่ยืนเรียกอยู่หน้าประตูไปเสียสนิท
“ฮยอกแจคงไม่ยินแน่เลย โทรไปก็ไม่รับ”
คนตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าประตูบ่นเบาๆพร้อมกับถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
นี่เขาต้องไปเรียนคนเดียวตั้งแต่วันแรกเลยหรอเนี่ย
“อ้าว น้องซองมินยังไม่ไปเรียนอีกหรอครับ ^^”
“พะ…พี่คยูฮยอน”
คนตัวเล็กเรียกชื่อเมทร่วมห้องด้วยท่าทางเกรงๆ แม้จะเจอกันมาสองวันแล้ว แต่ซองมินก็ยังไม่ชินสักทีเพราะคนๆนี้น่ะพูดน้อยจนบางทีชางมินไม่กล้าแม้แต่จะทัก
“ว่าไงยังไม่เป็นเรียนอีกหรอ มีเรียนเช้าไม่ใช่หรือไงนี่จะสายแล้วนะ”
“รอเพื่อนอยู่ฮะ^^”
“เพื่อนอยู่ห้องนี้หรอ ?”
“ใช่ฮะ แต่เหมือนฮยอกแจจะไม่ได้ยินผมน่ะ ไม่เห็นเปิดประตูเลย ทำไงดีเนี่ย”
ใบหน้าหวานของซองมินยู่เข้าด้วยความสับสน กลัวไปเรียนสายแต่จะทิ้งฮยอกแจก็กลัวโดนโกรธ L
“ฮ่าๆ ซองมินทำหน้าแบบนี้แล้วน่ารักจัง เอาน่าถ้าเพื่อนไม่ไปเรียนเราก็ต้องไปนะ แล้วค่อยมาบอกเพื่อนว่าเรียนอะไรก็ได้นี่นา”
“เอางั้นหรอครับ..”
ซองมินถามเสียงแผ่วไม่กล้าเงยหน้าสบตาคนตรงหน้าสักเท่าไหร่
ทำไมแค่คำว่า’น่ารักจัง’ ของคนๆนี้ถึงทำให้เขารู้สึกร้อนๆที่ใบหน้ากันนะ
“อื้ม ดีกว่าไม่มีใครไปเลยนะ ไปพร้อมพี่เลยก็ได้อยู่คณะเดียวกันไปคันเดียวกัน ประหยัดออก ^^”
“ขะ..ขอบคุณนะครับ”
ซองมินบอกก่อนจะตามคนที่ออกเดินไปก่อน ถ้าเมื่อกี้ตาไม่ฝาดเขาเห็นพี่คยูฮยอนยิ้มใช่ไหม ใช่พี่เขายิ้ม ทำไมรอยยิ้มคนๆนี้ถึงได้สดใสขนาดนี้นะ แล้วทำไมวันนี้พี่คยูฮยอนพูดกับเขาเยอะจัง…
…………………………………………………….
“โอ้ยสายแล้ว สายๆๆๆๆ TWWWT”
ฮยอกแจที่เพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำที่แสนเร่งรีบร้องโอดครวญพร้อมกับหยิบนู่นนี่นั่นใส่ปาก เพื่อเป็นอาหารรองท้องในตอนเช้า
“ถ้วยไรวะ”
คนตัวเล็กขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปดูถ้วยเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ข้าวต้มน่าตาน่าทานถูกเทใส่ถ้วยไว้เรียบร้อยพร้อมๆกับข้อความบางอย่างที่ติดไว้ที่ข้างถ้วย
‘พี่คิดว่าเราคงจะตื่นสายเลยซื้อข้าวต้มมาเผื่อ ทานก่อนไปเรียนด้วยล่ะ J ’ - พี่ทงเฮ
ร่างบางอ่านข้อความบนกระดาษใบเล็กอยู่สองสามรอบพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว พี่รูมเมทของเขาใจดีแฮะ ถึงจะเพิ่งเจอกันแต่ฮยอกแจก็พอรับรู้ได้ว่าพี่คนนี้เป็นคนดี
พี่ทงเฮนิสัยดีจัง J
“ไม่สนอ่ะ โกรธ L”
“ก็ซองมินปลุกฮยอกแจแล้ว”
“แล้วทำไมไม่รอ เห็นอิพี่รูมเมทดีกว่ากูหรอ เชอะ”
ว่าพร้อมกับสะบัดหน้าหนีเพื่อนตัวดีที่ทิ้งตัวเองให้มาเรียนคนเดียวเมื่อเช้า จริงๆเรื่องแค่นี้เขาก็ไม่อยากโกรธอะไรซองมินหรอก แต่พอเจ้านั่นเล่าเรื่องที่มากับพี่รูมเมทของตัวเองเมื่อเช้าด้วยหน้าตาชื่นมื่นแบบนั้นก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
โกรธแม่งเลย - -
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
“แล้วมันยังไง?’’
“ก็พี่เขาบอกให้เรามาเรียนถ้าฮยอกแจมาไม่ได้ก็จะได้ไปบอกฮยอกแจไงว่าเรียนอะไรบ้าง เห็นไหมพี่เมทของเราใจดีเนอะ ^^”
พูดพร้อมกับรอยยิ้มแบบนี้มันอะไรกันนะ
“แหวะ ชมนักนะหมั่นไส้ว่ะ นี่พูดตรงๆเลย”
ฮยอกแจทำหน้าเหมือนจะอ้วกก่อนจะเลิกสนใจเพื่อนรักแล้วหันมามองจานข้าวของตัวเอง นี่ก็เที่ยงกว่าแล้วยังไม่ได้แตะข้าวในจานเลยสักนิด
ก็มัวแต่โกรธซองมินน่ะสิ
“มองอะไรรีบๆกินข้าวไปซองมิน เดี๋ยวจะเข้าเรียนวิชาตอนบ่ายสาย”
“อื้อ รู้แล้ว แต่ยังไงก็ขอโทษนะ ไม่รู้ว่าฮยอกแจหายโกธรซองมินหรือยัง…”
“ไม่โกธรหรอก แกล้งไปงั้นแหละ แล้วอิพี่เมทน่ะเพิ่งรู้จักเขาอย่าไปไว้ใจให้มาก”
“จ้า ^^ ว่าแต่พี่เมทของฮยอกแจเป็นยังไงบ้างหรอ”
พี่เมทของเขาหรอ..?
“ก็ใจดีนะ เมื่อเช้าซื้อข้าวต้มมาเผื่อกูด้วย”
“ว้าว ^^ แล้วพี่เขาหล่อไหม”
หล่อไหมหรอ ? ตาคม จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง แถมรอยยิ้มยังสว่างไสวจนเขาเคยเผลอยิ้มตาม..
ตึกๆๆ
บ้าจริงๆทำไมแค่คิด หัวใจเขาถึงสั่นไหวแปลกๆนะ
“ว่ายังไงพี่เขาหล่อไหมฮยอกแจ?”
“อื้ม หน้าตาดีเลยแหละ ^^”
“โหว น่าอิจฉาจัง แต่พี่เมทเราก็น่าตาดีนะ หน้าตาดีมากๆด้วย ^^”
รอยยิ้มนี้อีกแล้ว ทำไมพูดถึงพี่เมทคนนี้แล้วต้องยิ้มแบบนี้ทุกทีนะ หรือว่า…
“ชอบพี่เขาหรอ?”
“หา! บ้าหรือไง เพิ่งเจอกันเองจะชอบได้ไง”
“ไม่รู้สิ รักแรกพบไงไม่เคยมีหรอ?”
“ไม่เคยหรอก…”
ซองมินตอบเสียงเบานั่นยิ่งทำให้ฮยอกแจที่มองอยู่ขมวดคิ้ว
น่าสงสัยแฮะ
“แล้วฮยอกแจล่ะเคยมีรักแรกพบไหม?”
“กูหรอ? … ไม่ว่ะไม่น่าจะเคย”
ตอบไปแบบนั้นทั้งๆที่ในหัวกำลังนึกถึงภาพใครบางคนอยู่
อะไรกันเพิ่งเจอกันแค่วันเดียวแท้ๆ ทำไมเขาถึงนึกถึงพี่ทงเฮบ่อยขนาดนี้นะสงสัยจะประทับใจที่พี่เขาซื้อข้าวต้มาเผื่อมั้ง แค่นั้นแหละ …..
……………………………………………………..
ก๊อกๆ
“เข้ามาเลยครับ”
ฮยอกแจตะโกนบอกคนที่อยู่หน้าห้องเพราะรู้ดีว่าใครมา
ห้องนี้ก็มีแค่เขากับพี่ทงเฮนี่นา
“อ้าว ฮยอกแจยังไม่นอนอีกหรอครับ”
ทงเฮวางของไว้ที่โต๊ะหนังสือของตัวเองก่อนจะเดินไปหาอีกคนที่โต๊ะหนังสืออีกฝั่งพร้อมกับนั่งลงข้างๆคนตัวบาง
ดูเขารุกล้ำเกินความจำเป็นเกินไปไหมนะ… แต่ช่างเถอะ
ยิ่งรุกเร็วแผนก็ยิ่งดำเนินไปเร็ว หึ
“พอดีการบ้านยังไม่เสร็จเลยครับ แต่เดี๋ยวผมจะรีบๆทำจะได้ไม่รบกวนเวลานอนของพี่ทงเฮ”
บอกเสร็จก็ก้มหน้าทำด้วยท่าทางขะมักเขม้น ทำเอาคนที่มองอยู่อย่างทงเฮกระตุกยิ้มเบาๆกับท่าทางนั่น
เป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นสินะ …
“ทำไปเถอะน่า ไม่ต้องเกรงใจพี่ยังไงเราก็เป็นเมทกันนะ ^^”
“ครับ…”
รอยยิ้มนั่นอีกแล้ว
ฮยอกแจที่เงยหน้าขึ้นมาเมื่อครู่รีบหลบตาทงเฮแล้วปั่นงานต่อทันที ไม่ใช่ว่ายังเกรงใจอยู่ ไม่ใช่ว่าอยากรีบทำให้เสร็จ ทว่าเพราะเขาไม่กล้ามองรอยยิ้มนั้นน่ะสิ
ทำไมพี่ทงเฮถึงได้มีรอยยิ้มที่สวยงามแบบนี้นะ…
ผ่านไปเกือบชั่วโมงงานของฮยอกแจคืบหน้าไปเยอะจนตอนนี้เกือบจะเสร็จแล้ว ทงเฮที่ตอนแรกนั่งอยู่ข้างๆตอนนี้ย้ายไปนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือของตัวเองได้พักใหญ่แล้ว
สงสัยพี่ทงเฮทำงานเหมือนกันแฮะ แม่ง คณะนี้โหดชะมัดวันแรกก็สั่งงานเยอะแยะแล้ว
“เสร็จสักที”
บ่นกับตัวเองเบาๆพร้อมกับบิดขี้เกียจอยู่สองสามครั้งก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่ก็ไม่ลืมหันไปมองรุ่นพี่ที่กำลังตั้งใจทำงานของตัวเองอยู่เงียบๆ
แค่ด้านหลังยังดูดีเลย เฮ้อ อยากดูดีแบบนั้นจัง
ตึกๆ
อะไรกัน..เป็นแบบนี้อีกแล้ว หัวใจของผมสั่นไหวอีกแล้ว
พี่ทงเฮนี่น่ากลัวชะมัด แค่นั่งอยู่เฉยๆยังทำให้หัวใจเขาเต้นได้…
ครืด ครืด
คยูฮอน
‘‘ไงมึงเป็นไงบ้าง’’
‘‘ไม่รู้ดิ กูเพิ่งจะเริ่มคุยไม่รู้แม่งจะคุยไรดี ทำตัวเป็นรุ่นพี่ยิ้มเก่งแบบนี้กูอยากจะบ้าตาย’’
‘‘ฮ่าๆๆ พี่ทงเฮของกูใจดีออก ตอนอยู่อเมริกายังได้ฉายาเจ้าชายยิ้มสวยของโรงเรียนเลย มึงลืมแล้วหรอ?”
“นั่นมันเมื่อก่อน กูเปลี่ยนไปแล้ว มึงไม่รู้หรอ….”
“หึ ทำไมจะไม่รู้”
ปลายสายบอกพร้อมกับหัวเราะในลำคอ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าทงเฮเปลี่ยนไปแค่ไหน
เพราะไม่ใช่แค่ทงเฮหรอกที่เปลี่ยน เขาเองก็เปลี่ยน ไม่สิทุกคนในกลุ่มเปลี่ยนไปหมด
จากที่เคยมีหัวใจทว่าตอนนี้กลับเหมือนคนที่มีรอยยิ้ม แต่ในรอยยิ้มเหล่านั้นกลับอาบยาพิษไว้เสียมากมาย
หัวใจของพวกเขาอาจจะสลายไปแล้วก็ได้นะ ใช่มันสลายไปแล้วล่ะ….
“เออ งั้นแค่นี้นะ กูไม่อยากพูดมาก”
ทงเฮบอกก่อนจะตัดสายแล้วหันมาสนใจงานบนโต๊ะของตัวเองต่อเพราะเขาอยู่ปีสามโปรเจคมากมายก่ายกองที่ต้องเคลียให้เสร็จ น่าปวดหัวจริงๆแต่จะให้ทำไงได้จะให้ใช้เส้นพ่อคยูฮยอนเพื่อเกรดงามๆของตัวเองโดยไม่ได้ทำอะไรเลยแบบนั้นก็ดูจะไร้ค่าเกินไป
ทำๆแม่งไปเหอะ - -
ข้อความใหม่
เฮนรี่
‘พรุ่งนี้ต้องไปรับน้อง มึงมีแผนไหม’
‘ไม่มี’
‘สัส งั้นกูช่วยคิด เออๆกูมีตำราจีบสาวเอาป่าวๆ’
‘เด็กนั่นไม่ใช่สาว…’
‘ใช้ได้เหมือนกันแหละ 5555 ’
‘วุ่นวายขนาดนั้นมึงมาจีบเด็กนั่นแทนกูไหม’
‘แฟนกูได้ทุบหัวอ่ะดิ สัส บายเจอกันพรุ่งนี้’
‘อืม’
มือหนาเก็บเครื่องมือสื่อสารพร้อมกับรอยยิ้มร้ายบนใบหน้า ….พรุ่งนี้รับน้องงั้นหรือ นอกสถานที่สินะ แล้วก็คงเหมือนเคยคงมีการตามหาสายรหัสตามธรรมเนียมมหาลัย แล้วสายรหัสฮยอกแจเป็นใครกันนะ หึ ต้องคิดหาคำตอบทำไมกันเมื่อเขากำหนดได้หนิ
‘
น้องสายรหัสกูต้องชื่อ ชเว ฮยอกแจ นะเหี้ยประธาน’
ข้อความที่เป็นเหมือนประโยคคำสั่งถูกสั่งไปแล้ว ทงเฮยกยิ้มอย่างพอใจกับอำนาจที่ตนมีอยู่เพราะมันทำให้อะไรง่ายกว่าที่เขาคิดเยอะ
“พี่ทงเฮ”
“อะไร…ครับ”
คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอย่างทงเฮตอบรับด้วยท่าทางตื่นตระหนก
ฮยอกแจอาบน้ำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
“ผมแค่จะบอกว่าผมนอนแล้วนะ ^^”
“อ่อ.. ครับ นอนเถอะฝันดีนะ ^^”
“ครับ^^”
คนตัวเล็กตอบรับเบาๆก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงของตนเอง ทงเฮมองภาพนั้นอยู่สักพักก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“เอ่อ ฮยอกแจพรุ่งนี้มีงานรับน้องใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
“เราต้องตื่นเช้า พี่เองก็เหมือนกัน พี่รบกวนฮยอกแจปลุกพี่หน่อยได้ไหมครับ”
ทงเฮถามพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนเล็กน้อย
ไม่รู้สึกอะไรก็ให้มันรู้ไปสิ…
“ดะ…ได้ครับ”
“ขอบคุณนะ งั้นนอนเถอะ รูมเมทของพี่ ^^”
รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นถูกส่งไปให้คนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มจะหันไปสนใจงานบนโต๊ะของตัวเองต่อโดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของตัวเองกำลังทำปฏิกิริยากับฮยอกแจแค่ไหน
ไม่สิ ไม่ใช่ไม่รู้ ที่ยิ้มเพราะทงเฮต้องการให้มันเป็นแบบนั้นแหละต้องการให้ฮยอกแจหวั่นไหว…
และนั่นก็ดูจะได้ผลดีเกินคาด
ตึกๆ
เสียงหัวใจของร่างบางที่ดังสะท้อนอยู่ในอกยังดังอยู่แม้จะไม่ดังมากพอให้ทงเฮได้ยินทว่าคนที่เป็นเจ้าของหัวใจได้ยินมันชัดเจนอยู่แล้ว
รอยยิ้มของพี่ทงเฮน่ะ มีอิทธิพลกับฮยอกแจเกินไปแล้ว…..
#ตอนที่สองมาแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ ^^
อย่างน้อยก็สละเวลามาอ่าน เย้เย้ อ้อแล้วใครที่กลัวว่าจะดราม่าตั้งแต่เริ่มแรกน่ะ อย่ากลัวเลยพี่ทงเฮไม่ใจร้ายขนาดนั้นนนน (หรอ?)
ความคิดเห็น