ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์มธุรส by จำปีดา (ภาคต่อ...ทัณฑ์น้ำผึ้งรวง) ทำมือ...พร้อมส่งแล้วนะคะ

    ลำดับตอนที่ #8 : เจ้านายเย็นชา VS เลขาชั่วคราว (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.93K
      20
      9 ก.ย. 62


     

    ตอนที่ 

    4 

    เจ้านายเย็นชา กับ เลขาชั่วคราว (100%)

                มธุรสรีบทรงตัวขึ้นและกลัดกระดุมให้เรียบร้อยด้วยมือที่สั่นน้อยๆ ปรวิตต์นั่งมองอากัปกิริยาของเลขานุการสาวชั่วคราวของเขาอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะเอ่ยด้วยวาจาเชือดเฉือน

              เผอิญผมไม่ใช่ชายสูงอายุ จะได้รู้สึกหวั่นไหวไปตามรูปรสกลิ่นและสัมผัส ถึงใบหน้าของเขาจะเรียบเฉย แต่สายตามที่มองมามีแววถากถาง และรอยยิ้มที่มุมปากอย่างที่มธุรสเห็นแล้วรู้สึกเดือดปุดๆ ความอายเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

              ฉันไม่...ไม่ได้ มธุรสจะปฏิเสธ

              ผมต้องการบ่ายวันพรุ่งนี้ เจ้านายหนุ่มตัดบท แล้วก้มหน้าอ่านเอกสารตรงหน้าไม่ได้ให้ความสนใจกับเธออีก

              อีตาบ้า เลขานุการชั่วคราวเดือดดาลอยู่ในใจ เธอหมุนตัวเดินกระแทกส้นรองเท้ากลับออกไป แต่ก่อนที่จะถึงประตู เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นเสียก่อน   

              ครับ...จอย ได้ครับ เย็นนี้เจอกัน มธุรสได้ยินน้ำเสียงนุ่มๆ ก่อนที่จะปิดประตูลง

     

            มธุรสกลับมานั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งเลขานุการ พลางนึกถึงน้ำเสียงอ่อนโยนแฝงไปด้วยความอบอุ่นนุ่มนวลที่เขาพูดกับภรรยา แต่ทีกับเธอเขาดูหมิ่นด้วยวาจาถากถางด้วยสายตา ทำให้นึกสงสัยว่า ทำไมเขาถึงได้ตั้งป้อมไม่ชอบเธอนัก

            มธุรสตั้งสมาธิอีกครั้งและเร่งทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างขะมักเขม้นจนเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ จนมารู้สึกตัวอีกที เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องชั้นในเปิดออกมา 

              ผมจะลงไปแผนกกฏหมาย แล้วจะไม่กลับขึ้นมาอีก มีอะไรก็โทรเข้าโทรศัพท์มือถือผมก็แล้วกัน

              ค่ะ เลขาสาวรับคำสั้น ก่อนที่จะเรียกชื่อเขาเบาๆ เจ้านายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม คือว่าดิฉันจะขออนุญาตไปเยี่ยมคุณน้อยได้ไหมคะ

              ผมว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งไปเลย เพราะคุณพ่อยังอ่อนเพลียอยู่ หมออยากให้ท่านพักผ่อนมากๆ ปรวิตต์อธิบาย มธุรสจำต้องยอมรับอย่างเงียบๆ

              สำหรับวันพรุ่งนี้ผมจะไปประชุมที่กรมพัฒนาเศษฐกิจและตอนเที่ยงจะไปทานอาหารกลางวันกับมิสเตอร์โจน จะเข้าออฟฟิศอีกทีช่วงบ่าย ปรวิตต์สั่งเสียงขรึมๆ แล้วเดินตัวตรงออกไปจากห้อง 

            มธุรสถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง แค่วันแรกเธอยังรู้สึกอึกอัดถึงเพียงนี้ แล้วนี่ยังเหลืออีกตั้งสองถึงสามสัปดาห์ เธอมิต้องกลั้นใจตายไปก่อนหรือนี่ ไหนจะพิรุธในใจของตัวเองที่แอบปลื้มเขา แล้วยังจะสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยเคร่งขรึมกลับมีสายตาที่ฉายแววกระด้าง และวาจาที่เชือดเฉือนกับเธอ โดยที่เธอไม่ทราบสาเหตุ

    ในวันถัดมาปรวิตต์เข้าออฟฟิศมาตอนบ่ายสองโมง

              คุณมธุรสผมมีงานด่วน ปรวิต์พูดพร้อมกับพยักหน้าให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขาและผู้ช่วยในเวลาเดียวกันตามเข้าไปในห้องทำงาน มธุรสคว้าสมุดจด แล้วรีบเดินตามเขาเข้าไปนี่เป็นเอกสารยื่นขอประมูลงานของนภศุภ์ คอนสตรัคชั่น ที่จะเสนอให้กับกรมพัฒนาเศรษฐกิจ เจ้านายหนุ่มวางเอกสารสองปึกใหญ่และแผ่นดิสก์ตรงหน้า คุณรีบแก้ไขตามเอกสารนี้ให้เสร็จอย่างเร็วที่สุด และถ้าตรงไหนติดขัดไม่เข้าใจถามผมทันที คุณคิดว่าวันศุกร์นี้จะเสร็จไหม เขาเลิกคิ้วถาม มธุรสมองเอกสารปึกใหญ่ตรงหน้า แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

              เสร็จค่ะ เลขานุการสาวตอบเสียงหนักแน่นคว้าเอกสารสองปึกใหญ่ไว้ในอ้อมแขน แล้วก้าวฉับๆออกไปด้วยมาดเลขานุการสาวทรงประสิทธิภาพ มธุรสเริ่มงานของเธออย่างเร่งด่วน เพราะเธอมีเวลาไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกับเอกสารที่มีความหนาประมาณสมุดหน้าเหลืองเยลโล่เพจเจสองเล่ม

            มีอยู่หลายครั้งที่เอกสารไม่เคลียร์ เลขาสาวต้องเดินเข้าๆออกๆ ห้องของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่ปรวิตต์ถือครองอยู่ชั่วคราว

            ผู้บริหารหนุ่มเจนเนอเรชั่นใหม่ของนภศุภ์คนนี้ไม่ใช่เล่นๆ เขามีความเฉียบคมและฝีมือเก่งฉกาจอย่างหาตัวจับยากเลยทีเดียว เขาสามารถมองงานประมูลของกรมพัฒนาเศษฐกิจทั้งที่เพิ่งจับได้ไม่นานอย่างทะลุปรุโปร่ง เขายังสามารถอธิบายและเคลียร์ข้อสงสัยของเธอได้อย่างชัดเจน

              มธุรส ผมขอแก้ไขตรงนี้อีกนิด ปรวิตต์เดินออกมาหาเธอที่โต๊ะทำงาน

              ตรงไหนคะ

              ข้อที่คุณถามผมเมื่อสักครู่นี้ เจ้านายหนุ่มเข้ามายืนอยู่ข้างเก้าอี้ของเธอและถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับเมาส์คอมพิวเตอร์ แล้วเลื่อนไปตรงจุดที่ตนเองต้องการตรงนี้ ช่วยเพิ่มให้ด้วย มธุรสทำตามอย่างว่าง่าย

              ไม่...ไม่ใช่ ผมว่าอย่างนี้จะดีกว่า คราวนี้ไม่ทันใจเขา เขากดคีย์บอร์ดเองเมื่อไม่ได้อย่างใจ หญิงสาวตัวแข็ง เพราะร่างสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้กลิ่นโคโลญจน์ผู้ชายอ่อนๆมาแตะที่ปลายจมูกของเธอ จมูกโด่งเป็นสันของเขาอยู่ไม่ไกลจากพวงแก้มของเธอ เลขานุการชั่วคราวหน้าตาแดงก่ำรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ทำเอาตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเขยื้อน

                เอาตามนี้ ปรวิตต์เองก็ชะงัก เมื่อรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดที่ไม่ได้ตั้งใจจนได้กลิ่นหอมละมุนจากกายสาวเช่นกัน ก่อนที่จะยืดตัวตรงเต็มความสูง

                สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน นี่เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว พรุ่งนี้คุณค่อยมาทำต่อ เจ้านายหนุ่มอนุญาตเสียงเข้ม ก่อนที่จะเดินตัวตรงหลังตรงกลับเข้าไปในห้องทำงาน

                                                                                                                           

                เช้าวันรุ่งขึ้นมธุรสมาถึงที่ทำงานเร็วกว่าปกติ เพราะนึกถึงงานที่ได้รับมอบหมายกองรออยู่บนโต๊ะ แต่ก็ยังช้ากว่าปรวิตต์ เพราะเมื่อเธอมาถึงเขานั่งประจำที่อยู่ในห้องทำงานแล้ว เขาปิดประตูเงียบอยู่แต่ในออฟฟิศตลอดช่วงเช้า หลังจากที่เรียกเธอเข้าไปสั่งงานเพิ่มเติม ส่วนงานของเธอที่ได้รับมอบหมายเดินหน้าไปได้เกินครึ่ง ซึ่งวันนี้เธอทำงานได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาหรือข้อติดขัดเหมือนเมื่อวาน

                ช่วงบ่ายบุญระภีจากแผนกกฏหมายหอบเอกสารมาหลายแฟ้มใหญ่มาขอเข้าพบปรวิตต์ แล้วก็หายเงียบเข้าไปจนถึงบ่ายสี่โมงเย็น บุญระภีถึงได้หอบเอกสารกลับออกไป ปรวิตต์เดินตามออกมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของเธอ

                มธุรส ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีนัดหมายที่สำคัญ คุณช่วยบอกยกเลิกทั้งหมดด้วย เพราะว่าผมจะไปประชุมกับคุณบุญระภีที่ชวัลกร กรุ๊ป

                ได้ค่ะ

                แล้วงานของกรมพัฒน์ฯไปถึงไหนแล้ว

                เอ่อ...ทำไปได้พอสมควรแล้วค่ะ วันนี้ค่อนข้างโอเค ไม่มีข้อขัดข้องหรือติดขัดอะไร

                ถ้าอย่างนั้นคุณเซฟเข้าไฟล์กลางของคุณพ่อ ผมจะเรียกเปิดดูจากโต๊ะทำงาน แล้วก็...ยังไม่ทันที่เจ้านายหนุ่มจะพูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน  

                เลขาสาวลังเลที่จะรับสาย แต่ก็ได้ยินเสียงเข้มๆ อนุญาตให้รับสายได้ เบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นโชว์อยู่เป็นของชยุทธ์ สุวรรณาลัย เธอกดโทรศัพท์รับสายในที่สุด เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มไม่มีทีท่าที่จะเดินไปไหน

                สวัสดีค่ะ คุณชยุทธ์มธุรสกรอกเสียงไปตามสาย ถึงแม้จะพยายามให้เบาที่สุด แต่เจ้านายหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆก็ยังได้ยินอยู่ดี

                อาหารเย็นหรือคะ คงจะไม่ได้หรอกค่ะ เพราะรสมีงานด่วนมากและคงจะไม่เสร็จง่ายๆ ด้วย เธอเหลือบตามองนาฬิกาบนผนังห้อง บอกเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว

                ต้องขอโทษคุณชยุทธ์ด้วยค่ะ เอาไว้วันหลังนะคะ ขอบคุณมากค่ะ มธุรสเผลอยิ้มหวานออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะวางสายไป เลขานุการสาวเงยหน้าขึ้นมาก็สบสายตาเคร่งขรึมที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ที่มองมายังเธออยู่ก่อนแล้ว ปวิตต์พูดเสียงเนิบๆเย็นๆว่า

                ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุ ทำให้คุณพลาดนัดทานอาหารเย็นมื้อสำคัญไปพอกล่าวจบร่างสูงก็หมุนตัวกลับเข้าห้องทำงานไปในทันที ไม่ปล่อยให้เธอได้อธิบาย แสดงว่าเขาฟังและจับใจความบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเธอกับชยุทธ์ได้หมด

                แล้วจะมายืนฟังทำไม คนไม่มีมารยาท มธุรสพึมพำกับตัวเอง แล้วค้อนลมค้อนแล้งไปตามเรื่อง

                เลขานุการสาวรีบเปิดสมุดนัดหมายและโทรบอกยกเลิกนัดที่ไม่สำคัญช่วงเช้าหนึ่งราย ช่วงบ่ายอีกสองราย เมื่อเรียบร้อยเธอก็เร่งมือทำงานของกรมพัฒนาเศรษฐกิจต่อ เพราะตั้งใจจะจบงานในส่วนแรกให้ได้ภายในเย็นวันนี้ และจะตะลุยส่วนที่เหลือให้เสร็จภายในวันศุกร์ตามกำหนดให้ได้

     

                เฮ้อ! เสร็จสักที อุ๊ย! จะหกโมงแล้ว มธุรสรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอเซฟงานเข้าไฟล์กลาง และเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เป็นระเบียบ หญิงสาวเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับ

                ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด เสียงโทรศัพท์มือถือของมธุรสที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้นสองครั้งติดๆกัน ขณะที่ปรวิตต์ออกมาหยิบเอกสารบนโต๊ะทำงานของเธอพอดี เขาเห็นชื่อศรัณย์แสดงอยู่บนจอหน้าปัดโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่สนใจที่จะรับให้เพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ แต่เมื่อเขาได้เอกสารที่ต้องการกำลังจะหมุนตัวกลับเข้าห้องทำงาน เสียงโทรศัพท์ประจำสำนักงานบนโต๊ะก็ดังขึ้น ปรวิตต์จึงรับสาย

                อะไรกันที่รัก นี่ยังอยู่ที่โต๊ะทำงานอีกเหรอ โมกข์มารออยู่ข้างล่างนานแล้วนะครับ โทรเข้าโทรศัพท์ มือถือก็ไม่รับ คืนนี้ต้องมีปรับเป็นสองเท่าแล้วหนุ่มน้อยเส้นเสียงแตกพานดังมาตามสาย น้ำเสียงนั้นหยอกเย้ามากกว่าที่จะโกรธจริง

                ขอโทษครับ คุณมธุรสไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ คุณมีอะไรจะสั่งไว้ไหมครับ ถ้าเธอกลับเข้ามา ผมจะบอกให้ ปรวิตต์ส่งเสียงเข้มกลับไป

                เอ่อ...คุณมธุรสไม่...ไม่อยู่เหรอครับ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเราก็เจอกันแล้ว ขอบคุณมากครับ ศรัณย์ละล่ำละลักรีบตัดสายไป

                คุณต้องการอะไรหรือคะคุณปรวิตต์ มธุรสกลับมาจากห้องน้ำเห็นเจ้านายหนุ่มยืนถือเอกสารอยู่ที่โต๊ะของเธอ

                ผมออกมาหาเอกสาร ตอนนี้ได้แล้ว เขาชูเอกสารที่อยู่ในมือ แต่ผมเพิ่งจะทราบความจริงที่คุณปฏิเสธคำเชิญของคุณชยุทธ์ มันไม่เกี่ยวกับงานด่วนอย่างที่คุณอ้างหรอก แต่คุณมีนัดอยู่แล้วกับคนอื่น

                คุณรู้ได้อย่างไร คำถามของเธอ ยิ่งตอกย้ำความเข้าใจผิด

                มธุรส! คุณเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันแน่ ผมขอเตือน คุณควรจะระมัดระวังสับรางให้มันดีๆหน่อยนะ ไม่เช่นนั้นรถไฟอาจจะชนกันได้ ผู้ชายไม่ได้โง่หลงลมผู้หญิงสวยๆอย่างคุณไปซะทุกคนหรอก น้ำเสียงของเขาเฉียบเย็นและมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยสายตาดูแคลน แล้วเดินจากไป

                มธุรสกระพริบตาถี่ๆ งงว่า...เขาพูดเรื่องอะไร สับราง รถไฟชนกันทำไม เธอไม่เห็นเข้าใจและเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอมีนัดเย็นนี้กับน้องชาย แต่เลขานุการสาวก็เลิกสนใจรีบหยิบกระเป๋าสะพายและโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานกลับออกไปจากออฟฟิศ

     

                พี่รสทำไมช้าจัง นี่โมกช์มารอเกือบชั่วโมงแล้วนะ โทรเข้ามือถือก็ไม่ยอมรับสาย โทรเข้าออฟฟิศ ใครรับสายก็ไม่รู้ เสียงดุชะมัด โมกข์วางสายแทบไม่ทัน ศรัณย์บ่นทันทีที่เจอหน้าพี่สาว

                อะไรนะ! ใครรับสาย ใครเสียงดุ มธุรสเพิ่งเห็นมิสคอลบนโทรศัพท์มือถือของตัวเอง

                ก็โมกข์โทรเข้าโทรศัพท์มือถือพี่รสสองครั้งก็ไม่รับสาย ก็เลยโทรเข้าออฟฟิศ ผู้ชายไม่รู้ใครรับสายเสียงงี้ดุน่าดู เขาบอกว่าพี่รสไม่อยู่ที่โต๊ะ มีอะไรจะฝากไว้ไหม เดี๋ยวเขาจะบอกให้ ใครเหรอพี่รส คุณศุพินิจก็ไม่ใช่ เพราะโมกข์จำเสียงคุณพินิจได้

                อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง มธุรสเริ่มเข้าใจว่า ทำไมปรวิตต์ถึงรู้ว่าเธอมีนัดกับศรัณย์ แต่ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องสับราง รถไฟอยู่ดี ก็เพราะเธอลืมไปเสียสนิทว่าสรรพนามที่น้องชายตัวดีเรียกเธอนั้น บางทีก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้

                แล้วพี่สาวคนสวยจะต้องโดนปรับเป็นสองเท่านะโทษฐานที่มาช้า นอกจากจะต้องพาโมกข์ไปซื้อรองเท้าสตั๊ดคู่ใหม่แล้ว จะต้องเลี้ยงอะไรอร่อยๆก่อนกลับบ้านอีกด้วย

                ได้เลย เดี๋ยวจะเลี้ยงชายสี่หน้าปากซอยบ้านก็แล้วกัน

                 โห...ไม่อยากเลย นึกว่าจะเลี้ยงไก่หรือไม่ก็พิซซ่า นี่อะไรเลี้ยงชายสี่อีกแล้ว ศรัณย์โอดควรญ ก่อนที่สองพี่น้องจะพากันเดินโอบเอวโอบไหล่พูดคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งไปขึ้นรถญี่ปุ่นคันเล็กที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ 

                ปรวิตต์เดินหิ้วกระเป๋าเอกสารลงมาที่ลานจอดรถหน้าบริษัท เขาทันได้เห็นมธุรสเดินโอบหลังโอบไหล่พูดจาหยอกล้อหัวเราะต่อกระซิกไปกับหนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาวิชาทหาร ทำให้เขาอารมณ์ขุ่นมัวยิ่งขึ้นไปอีก


                                                                    จบตอนค่ะ

    นายโมกข์! นะ นายโมกข์ หางานให้พี่สาวซะแย้ววววววว อิอิ

    แล้วนี่คุณปรวิตต์จะเข้าใจผิดไปถึงไหนแล้วเนี่ยยยยยยยย

    มธุรสต้องระวังเจ้านายเย็นชา (แต่หัวร้อน ปากจัด) ด้วยนะจ๊ะ 55555

    พรุ่งนี้ตอนใหม่คร่า หนึ่งนิดชิดใกล้

    เอาล่ะสิ แอบคิดอะไรกับเค้าหรือป่าว พรุ่งนี้เจอกันค่ะ

    ฝากนิยาย เล่ห์มธุรสด้วยนะคะ สั่งจองเข้ามาได้แล้วค่ะ

     

    เล่ห์มธุรส เป็นเล่มต่อจาก... 

    พี่พล กับ อรสุด ใน 'ทัณฑ์น้ำผึ้งรวง' คร่าาาาาาาา 

    รับประกันความสนุกมากมายค่ะ 

     

        ขอบคุณค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×