คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : โลกกว้าง...พรหมลิขิต (3) 100%
3.โลกกว้าง...พรหมลิขิต (3) 100%
“คุณ...” ปริวิภาเองก็พูดได้เท่านั้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด เลือดภายในกายเฉียบเย็นผิดกับแสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงร้อนแรง
ร่างอรชรยืนตัวแข็งทื่อ ลืมความตระหนกตกใจกับอุบัติเหตุชวนให้หวาดเสียวเมื่อครู่นี้ไปหมดสิ้น
ปริวิภาพยายามลืมเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองตลอดช่วงระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี เธอไม่คิดเลยว่า...จะต้องมาเจอกับเขาอีกในชาตินี้ ทั้งๆที่อยากจะหลีกหนีไปให้ไกล แววตาตื่นตระหนกแปรเปลี่ยนเป็นประกายแดงเข้มด้วยแรงโทสะะผสมความโกรธแค้น
ภสุวัฒน์เดินปราดเข้ามาใกล้อย่างดีใจ แต่หญิงสาวไม่รับทราบถึงอาการยินดีนั้น เธอได้สติก็วิ่งเข้าผลักร่างสูงใหญ่นั้นเต็มแรง
“เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องแล้วเซไปสองสามก้าว เพราะไม่ทันได้ระวังตัว ก่อนที่จะตกลงไปในคูน้ำที่เป็นขี้โคลนข้างทาง เพราะฝนตกเมื่อคืน
ปริวิภาวิ่งกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ล้มอยู่กลางถนน รีบยกมันขึ้น แล้วสตาร์ทเครื่องอยู่หลายครั้งกว่าจะติด
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ...จะรีบไปไหน คุยกันก่อน” ภสุวัฒน์ตะโกน แต่หญิงสาวบิดมอเตอร์ไซค์เร่งเครื่องออกไปแบบไม่เหลียวหลัง โดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของคนที่ยังอยู่ยืนในคูข้างทาง “ปริวิภา เป็นบ้าอะไรของเธอนี่ ฝากไว้ก่อนเถอะ...ยัยตัวแสบ”
ภสุวัฒน์พึมพำก้มมองสภาพของตัวเอง โคลนกระเด็นเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า ขาทั้งสองข้างจมอยู่ในโคลน ร่างสูงเดินลุยขี้โคลนกลับขึ้นมาที่รถที่ขณะนี้หัวปักลงไปในคูเช่นกัน เขาส่ายศีรษะอย่างเสียอารมณ์ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“ดลเหรอ นี่ภสุวัฒน์นะ มีอุบัติเหตุนิดหน่อย นายออกมารับเราที่ถนนปากทางเข้าไร่ที” ภสุวัฒน์โทรศัพท์ถึงวีรดล ธรรมรส ผู้จัดการไร่ชวัลกร แล้วยังเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัด ก่อนที่เขาจะสอบชิงทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ
ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันมานานเป็นสิบปี แต่ทั้งสองหนุ่มก็กลับมาสนิทกันได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น ภสุวัฒน์มีความไว้วางใจเพื่อนสมัยเรียนมากกว่าญาติบางคนเสียอีก
“อ้าว! คุณวัฒน์เกิดอะไรขึ้นครับ” ผู้จัดการไร่มาถึงภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ร้องถามเมื่อเห็นสภาพของเจ้านายหนุ่ม และรถโฟร์วีลไดรฟ์
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย หลบกระรอกวิ่งตัดหน้ารถ” ชายหนุ่มตอบส่งเดช แต่อีกใจก็นึกถึงใบหน้าหวานๆที่แสดงอาการตื่นตระหนก แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดใส่เขา เหมือนกับว่าโกรธกันมานานเป็นแรมปี
ภสุวัฒน์ไม่เข้าใจอากัปกิริยาของเธอ เอาไว้พรุ่งนี้เขาจะเข้าไปที่บ้านไร่นภศุภ์ เพื่อเข้าไปทำความรู้จักกับเธออย่างเป็นทางการเสียที ชายหนุ่มสรุปอยู่ในใจ
“เดี๋ยวนายให้คนงานมาเอารถขึ้นด้วย ก็แล้วกัน”
“ครับ คุณวัฒน์กลับมาทันเวลา ผมมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาอยู่พอดี” วีรดลบอกผู้เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อน ก่อนที่จะพากันกลับไร่ชวัลกร
“แล้วนี่อาภีระมายุ่งวุ่นวายที่ไร่บ้างหรือเปล่า ช่วงที่ฉันไม่อยู่” ภสุวัฒน์ถามถึงอาหนุ่มใหญ่ลูกพี่ลูกน้องของบิดา
“มาเหมือนกันครับในช่วงแรกๆ ทำเป็นว่าคุณวัฒน์ไม่อยู่ เขาเป็นอาต้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อยของไร่แทนหลานชาย”
ภีระ ชวัลกร เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อเลี้ยงภมรผู้บิดา และมีศักดิ์เป็นอาของเขา พ่อเลี้ยงภมรให้การช่วยเหลืออุปการะภีระมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงินการงาน
และที่สำคัญไปกว่านั้น ภีระมีความคิดผิดๆที่ว่า เมื่อพ่อเลี้ยงภมรไม่มีทายาทไว้สืบตระกูล มรดกทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลชวัลกรก็น่าจะตกเป็นของเขา ซึ่งเป็นชวัลกรคนเดียว และคนสุดท้ายถึงแม้จะเป็นสายห่างๆก็ตามที โดยลืมไปสนิทว่า พ่อเลี้ยงภมรยังมีลูกชายนอกสมรสอยู่ต่างประเทศอีกคน จึงสร้างความผิดหวังและเจ็บแค้นเป็นอย่างมาก เมื่อพลาดหวังจากกองมรดก
ตามพินัยกรรมภสุวัฒน์จะเป็นทายาทผู้รับมรดกทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว โดยที่ตัวภีระเองได้รับเงินสดจำนวนหนึ่ง กับผลประโยชน์ประเภทกองทุนและหุ้นซึ่งไม่น้อยเลยที่จะทำให้ภีระสบายไปทั้งชาติ
ส่วนปริวิภาก็เร่งบิดมอเตอร์ไซด์คันเล็กจนฝุ่นตลบไม่ยอมแม้แต่เหลียวหลัง จนกระทั่งกลับถึงบ้านไร่
“ภาเป็นอะไรไป ทำไม่รีบร้อนจัง ทำอย่างกับหนีใครมา” ปริมาอยู่แถวหน้าบ้านร้องทัก เมื่อเห็นญาติผู้น้องรีบร้อนขับมอเตอร์ไซด์เข้ามา พอจอดรถพรืดก็ออกวิ่งขึ้นบ้านตรงเข้าห้องนอนทันที
‘เขา...เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วมาทำอะไรอยู่ที่นี่ หรือว่าเขาจะมาตามหาเรา เป็นไปไม่ได้ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ที่นี่ ทำไมๆๆ แล้วนี่เราจะทำอย่างไรต่อไปดี’ คำถาม ความกังวล ความกลัว มีอยู่เต็มหัวใจน้อยๆ จนคืนนั้นปริวิภานอนไม่หลับคิดไปต่างๆ นาๆ ด้วยความสับสนวุ่นวายใจ ก่อนที่จะผล็อยหลับไปในที่สุด
วันรุ่งขึ้นภสุวัฒน์ก็ตามมาที่บ้านไร่นภศุภ์ ด้วยอยากจะเจอกับยัยตัวแสบ เขาได้พบกับฤทัย นภศุภ์ ซึ่งอยู่บ้านตามลำพังกับชมัยพร และปริมา นายผู้หญิงของไร่นภศุภ์แนะนำให้เขาได้รู้จักกับน้องสะใภ้ของสามี และลูกสาว
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณอาชมัยพร คุณปริม” ภสุวัฒน์ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างสุภาพ แล้วหันมายิ้มกว้างอบอุ่นให้กับสาวสวยตรงหน้า ซึ่งปริมาก็ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวานเช่นกัน
“แล้วนี่คุณลุงใหญ่ ไม่อยู่หรือครับ” ชายหนุ่มถามถึงท่านเจ้าของบ้าน
“เข้าเมืองไปกับยัยภาค่ะ” คำตอบของฤทัยทำให้เขาหูผึ่ง
“เอ่อ...คุณวัฒน์คงยังไม่เคยเจอกับหลานสาวคนเล็กของป้า”
“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มพรายไม่กล้าบอกความจริงว่า เขานั้นรู้จักและแอบหลงเสน่ห์หลานสาวคนเล็กบ้านนี้มานานแล้ว
ฤทัยชวนให้ชายหนุ่มเจ้าของไร่เพื่อนบ้านอยู่รับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ภสุวัฒน์กับปริมาสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว พูดคุยกันอย่างถูกคอ ซึ่งชมัยพรก็แอบสำรวจเจ้าของไร่เพื่อนบ้านอย่างละเอียด และเห็นว่าภสุวัฒน์เป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาคมสัน จัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีมาก อีกทั้งรูปร่างเพรียวสูงใหญ่แต่ไม่เทอะทะสมชายชาตรี และที่สำคัญมีชาติตระกูลดี จบการศึกษาจากเมืองนอกเมืองนา ฐานะก็เป็นปึกแผ่นมั่นคง ช่างเหมาะสมยิ่งกับลูกสาวของหล่อน แต่อย่างว่าล่ะถ้าเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ก็คงจะมีบรรดาผู้หญิงวิ่งตามกันเป็นพรวน คุณแม่จอมบงการแอบคิดอยู่ในใจ
“คุณป้าฤทัยครับ ผมจะเรียนเชิญทุกคนไปรับประทานอาหารที่บ้านไร่ชวัลกรในเย็นวันเสาร์ที่จะถึงนี้”
“เนื่องในโอกาสพิเศษอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ พอดีแพรกับผมเห็นพ้องกันว่าที่ไร่ของเราไม่มีงานเลี้ยงสังสรรค์กันเลยตั้งแต่คุณพ่อเสีย ก็เลยอยากจะเชิญคนกันเองมาทานอาหารเย็นด้วยกัน ไม่มีพิธีรีตองอะไรก็แค่สังสรรค์กันตามธรรมดา ผมขอเรียนเชิญคุณป้าและครอบครัว แล้วทุกคนด้วยนะครับ” เจ้าของไร่ชวัลกรหันไปก้มศีรษะให้กับสองแม่ลูกที่นั่งอยู่ด้วย
“ด้วยความยินดีค่ะ วันเสาร์นี้พวกเราไม่พลาดแน่” คำตอบรับของฤทัย ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออก และนับวันรอที่จะถึงคืนวันนั้น
To be continue
***************************************************************
แสบไม่ใช่เล่นๆนะจ๊ะน้องภา 55555
แต่ตอนหน้า...คงจะไม่รอดแล้วล่ะนะจ๊ะ
เพราะตอนต่อไปมีชื่อว่า ‘เผชิญหน้า’
เข้ามาอ่านกันเยอะๆ แล้วอย่าลืมคอมเม้นท์กันบ้างนะคะ
ความคิดเห็น