คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ที่พักใจ (50%)
ตอนที่ 4. ที่พักใจ (50%)
“เอ๊า! หยูดดดด” ลุงจั่นดึงสายบังคับ เกวียนเก่าๆหยุดที่หน้าบ้านทรงไทยใต้ถุนสูง
“ถึงแล้วบ้านครูระพิน” หมอกบอกพร้อมกับโดดนำลงมาจากหลังเกวียน แล้วส่งมือให้หญิงสาว แต่เธอกลับเมินไม่มองโดดลงจากเกวียนด้วยตัวเองอย่างถือดี
ฟ้าอุษาใช้สายตากวาดมองเรือนไทยภายใต้เงาของรัตติกาลที่เธอจำได้อย่างเลือนลาง เสียงสุนัขหลายตัวเห่าแข่งกัน ตามด้วยเสียงร้องถามจากผู้เป็นเจ้าของบ้านบนเรือนชาน “ใครมาล่ะนั่น”
“ฉันเอง...จั่นกับพ่อหมอก”
“พี่จั่น พ่อหมอก ทำไมมากันเสียค่ำมืด” ร่างสันทัดของเจ้าของบ้านเดินลงบันไดมาก่อน แล้วตามหลังมาอีกเป็นพรวน
“พาคนมาส่ง” ลุงจั่นตอบ
“ใครกัน” ภรรยาครูระพินที่เดินตามมาติดๆถามขึ้นบ้าง
“ฟ้า ฟ้าอุษาเองค่ะป้าเทียน” หญิงสาวเดินตรงเข้าไปหา พนมมือไหว้ผู้เป็นป้าและลุงเขย
“ยัย... ยัยฟ้าจริงๆด้วย จะมาทำไมไม่บอกก่อน” น้ำเสียงของผู้เป็นป้าตื่นเต้นระคนดีใจ
“ฟ้าอยากมาเซอร์ไพรส์ป้าเทียนค่ะ” หลานสาวโผเข้ากอดและอดน้ำตาซึมๆไม่ได้ ยามที่เธออ้างว้างไม่มีใคร ก็ป้าเทียนหยดนี่ล่ะผู้เปรียบเสมือนแม่อีกคน
“แล้วไปยังไง มายังไง ฟ้าอุษาถึงได้มากับพี่จั่นพ่อหมอกได้ล่ะ” ครูระพินสงสัย
“ฉันกับลุงจั่นไปเจอคุณนี่ขับรถลงไปในโคลนข้างทาง ท้ายนากำนันตึกครับครู” หมอกเล่า
“อะไรนะ ยัยฟ้า หนูขับรถตกถนนเหรอลูก แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เทียนหยดตกใจจับหลานสาวหมุนไปหมุนมา แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร นอกจากหน้าตาที่มอมแมมและเสื้อผ้าที่เลอะขี้โคลน
“หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะป้าเทียน แต่รถของหนูหัวปักลงไม่ในโคลน ยังเอาขึ้นมาไม่ได้”
“ตายแล้ว” ผู้เป็นป้าตบอก
“เรื่องรถไม่เป็นไรจ้ะน้าเทียน พรุ่งนี้ฉันกับพวกจะไปช่วยกันกู้ขึ้นมา แล้วจะลากไปเข้าอู่เฮียตงที่ในเมือง”
“ขอบใจนะพ่อ นี่ถ้าพ่อหมอกกับพี่จั่นไม่ไปเจอเข้า ยัยฟ้าเห็นจะลำบากแน่ ยังไงน้าฝากเป็นธุระเรื่องรถให้ด้วยนะจ๊ะ” เทียนหยดฝากฝัง
“ด้วยความยินดีจ้ะน้าเทียน”
“ถ้าอย่างนั้นขึ้นบนบ้านกินข้าวกินปลากันก่อนพี่จั่น พ่อหมอก” เจ้าของบ้านเชื้อเชิญ
“เห็นจะไม่รบกวนล่ะจ้ะ เดี๋ยวฉันต้องไปต้อนควายเข้าคอกอีก ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกมันเตลิดไปไหนกันบ้าง จะกลับบ้านกันมาครบแล้วหรือยัง” หมอกอดที่จะหันไปตีหน้ายักษ์ใส่แม่สาวชาวกรุงไม่ได้ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนบีบแตร ฝูงควายของเขาคงไม่แตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทางแบบนี้
ส่วนหลานสาวป้าเทียนหยดก็ไม่น้อยหน้าหันมาแยกเขี้ยวใส่เขาเหมือนกัน
“อ้าว! เจ้าจ้อย เอ็งอยู่กับเขาที่นี่ด้วยเหรอ” ลุงจั่นเห็นหลานชายวัยแปดขวบของแกอยู่ที่บ้านครูระพินด้วย
“จ้ะตา ฉันมาทำการบ้านกับแก้วขวัญ” เด็กชายจ้อยพูดสำเนียงเหน่อนิดๆ
“แล้วนี่เสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วจะได้กลับพร้อมตาเลย”
“เสร็จพอดีจ้ะตา”
“ดี ถ้าอย่างนั้นจะได้กลับกัน ครูพินฉันกลับก่อนล่ะนะ” ประโยคหลังลุงจั่นบอกกับครูใหญ่โรงเรียนบ้านคลองลัดข้าว
“จ้ะ ขอบใจอีกครั้งที่ช่วยพาหนูฟ้ามาส่ง” ครูใหญ่ขอบคุณเพื่อนบ้าน
“ขอบคุณค่ะลุงจั่น” หญิงสาวหันมาพนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อมไม่เสียชื่ออดีตพนักงานต้อนรับสายการบินชื่อดัง
“ไม่เป็นไร ส่วนรถน่ะไม่ต้องห่วงหรอกนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อหมอกเขาไปจัดการให้” ลุงแก่พูดยิ้มๆ ส่วนคนที่ถูกพูดถึง ยิ้มกว้างพร้อมกับยืดอกเล็กน้อย จนเธออดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ แต่ถ้าจะไม่เอ่ยปากอะไรเลยก็เหมือนคนไร้มารยาทเต็มทน
“ขอบใจนะ” ฟ้าอุษาพูดเสียงห้วนๆสั้นๆ แล้วสะบัดหน้าใส่เขา หนุ่มลูกทุ่งกลั้นหัวเราะเพราะรู้ว่าเธอยังไม่หายโกรธ
“เอาล่ะ ฉันเห็นจะต้องกลับจริงๆซะที ไปว่ะเจ้าจ้อย” ลุงจั่นบอก แล้วหันไปจูงหลานชายตัวเล็กขึ้นเกวียนนำไปก่อน
“ฉันลาจ้ะครู น้าเทียน หนูแก้ว” นายหมอกบอกลาทุกคน แล้วไม่วายหันไปทางหญิงสาวจากกรุงเทพ ซึ่งเธอก็ทำเมินเชิดหน้าน้อยๆเหมือนไม่สนใจ เรียกเสียงหัวเราะหึหึในลำคอของหนุ่มลูกทุ่งบ้านนา ก่อนที่จะกลับไป
“พวกเราก็ขึ้นบ้านกันเถอะ ฟ้ามาเหนื่อยๆ จะได้อาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลา” ลุงเขยพูดขึ้นก่อน
“แล้วนี่ฟ้าไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้ามาเลยหรือลูก” เทียนหยดมองหา
“มันติดอยู่ในรถค่ะป้า” ฟ้าอุษาทำหน้าแหยๆ
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้พ่อหมอกคงเอามาให้ เดี๋ยวเอาเสื้อของแม่เจ้าแก้วใส่ไปก่อน แล้วนี่เจ้าแก้วขวัญสวัสดีน้าฟ้าแล้วหรือยัง”
“สวัสดีจ้ะพี่สาว” แก้วขวัญยิ้มแป้นแล้น
“สวัสดีจ้ะแก้วขวัญ แล้วแม่ล่ะจ้ะ...ไม่อยู่เหรอ” ฟ้าอุษาถามถึงญาติผู้พี่ ลูกสาวคนเดียวของป้ากับลุงเขย
“เกศราตามปิยะไปทำงานที่ดูไบได้หกเจ็ดเดือนแล้ว เขาว่างานดีเงินดี ดีกว่าอยู่บ้านทำนาทำสวน ลูกหลานคนแถวนี้เลยหนีไปทำงานที่ประเทศนอกกันหมด นี่เกศกับปิยะก็ส่งเงินกลับมาบ้านเดือนเว้นเดือน ป้าก็เก็บไว้เป็นค่าเล่าเรียนของเจ้าแก้วมัน” เทียนหยดขยี้ผมหลานสาวคนเดียวที่พ่อแม่ทิ้งไปทำงานตะวันออกกลางกันหมดอย่างนึกสงสารที่มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มีคล้ายๆกับเด็กๆหลายคนในหมู่บ้าน “เดี่ยวแก้วไปเอาเสื้อแม่มาให้น้าฟ้ายืมใส่ก่อน”
“จ้ะยาย”
“ไป ไป๊ ขึ้นบ้านกัน” ครูระพินไล่สมาชิกขึ้นบ้าน
หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ฟ้าอุษาก็ใส่เสื้อคอกระเช้าทับด้วยเสื้อแขนกระบอกผ่าหน้ากับผ้าถุงของเกศรา เธอแอบย่นจมูกรู้สึกไม่ค่อยคุ้นกับชุดที่กำลังสวมใส่อยู่เลย แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอติดอยู่ในรถ ใส่แก้ขัดไปสักคืน พรุ่งนี้ก็ได้กระเป๋าเสื้อผ้าของตนเองแล้ว อดีตแอร์โฮสเตสาวปลอบใจตัวเอง ก่อนที่จะออกมานั่งล้อมวงกินข้าว
“ป้าเจียวไข่ให้ฟ้าอีกอย่างนะลูก” เทียนหยดเลื่อนจานไข่ให้หลานสาว
“ขอบคุณค่ะป้าเทียน” ฟ้าอุษารู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เธอเหมือนใช้ชีวิตตัวคนเดียวในเมืองหลวงหลังจากที่พ่อแม่เสียชีวติ แต่ก็ยังโชคดีที่มีพลอยมณีเป็นเพื่อนสนิท จนกระทั้งมีศาสตรวุธเข้ามาในชีวิตอีกคน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเขากำลังจะเดินจากไปไกลออกไปทุกทีจากชีวิตของเธอ หญิงสาวอดที่จะใจหายไม่ได้
“หนูจะมาอยู่กี่วันละลูก” คำถามต่อไปของเทียนหยด ทำให้หลานสาวกลืนข้าวลงคอด้วยความยากลำบาก
To be continue… พรุ่งนี้นะค้า
ขอบคุณที่ติดตาม
Destiny ปิ๊งรักคุณแม่กำมะลอ
คือหนึ่งในความภาคภูมิใจ ที่สามารถผ่านด่านเข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้าย จากพลอตนิยายที่ส่งเข้าประกวดเป็นพันๆเรื่อง ของโครงการ ‘พลอตเด่น เป็นละคร’
เมื่อตอนที่สำเร็จเสร็จเป็นเล่ม จำปีจำได้ว่าตัวเองอ่านแล้ววางไม่ลง ยืนอ่านบนรถไฟฟ้า หยิบขึ้นมาอ่านตอนที่รถติดไฟแดง แม้แต่กินข้าว เข้าห้องน้ำ จริงๆ 55555
พระพรหมช่างแกล้งให้นพรุจน์ CEO ธนาคารใหญ่ต้องสลับร่างมาอยู่ในร่างของคุณแม่ (ม่าย) ลูกติด 3 ใบเถา ความชุลมุนอลหม่านจึงเกิดขึ้น แล้วยังวุ่นวายไม่พอเมื่อเขาเกิดหลงรัก ‘นิรดา’ น้องสาวกำมะลอของตัวเอง (คุณน้าของเด็กๆ) เข้าเต็มเปา
งานเข้าคุณแม่กำมะลอของเราเข้าเต็มๆ ต้องติดตามว่า...สุดท้ายนพรุจน์จะกลับเข้าร่างของตัวเองได้อย่างไร ติดตามความรักระหว่างเขากับน้าสาวของเด็กๆ แล้วปมขัดแย้งทางธุรกิจที่ทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เป็นนิยายที่แฝงไปด้วยความน่ารักและความอบอุ่นของ คำว่า ‘ครอบครัว’
และความรัก รับประกันความหวานละมุน ยิ้มละไม
แล้วจะวางไม่ลงเหมือนที่จำปีโดนมาแล้ว
|
ความคิดเห็น