คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : นางหงส์ Swan lake (100%)
ตอนที่
3
นางหงส์
Swan Lake
(100%)
โรงละครในคืนนี้คับคั่งไปด้วยแขกเหรื่อผู้มีเกียรติในทุกวงการของสังคมเมืองไทยที่มาร่วมงาน ทุกคนล้วนแต่งตัวด้วยความประณีตบรรจงงดงาม โดยเฉพาะสุภาพสตรีจะแต่งองค์ทรงเครื่องประดับเพชรนิลจินดาแพรวพราวระยิบระยับ
ปรวิตต์มาถึงงานไล่หลังปิรัณและชมัยพรเล็กน้อย เพราะต้องไปรับน้องสาวของภรรยาที่บ้าน ซึ่งขณะนี้จิลดากำลังทักทายพูดคุยอยู่กับเพื่อนๆไฮโซของเธอกันอย่างออกรสชาติ ปรวิตต์จึงหลบความวุ่นวายออกมาเดินเล่นที่สวนหย่อมเล็กๆด้านข้างของโรงละคร เพราะยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าการแสดงจะเริ่มขึ้น
“อุ้ย!”
เสียงอุทานด้วยความตกใจพร้อมกับปรวิตต์ปะทะกับร่างของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจังที่หัวมุมทางเดิน ชายหนุ่มเข้าประคองร่างนั้นไว้ในอ้อมแขนได้ทัน
“อุ้ยขอโทษค่ะ ฉันรีบร้อนไปหน่อย” เสียงหวานๆกล่าวคำขอโทษ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ร่างบางที่กำลังจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนต้องชะงัก เมื่อรู้ว่าตนเองตกอยู่ในอ้อมแขนของใคร
“คุณ...” ปรวิตต์กล่าวได้เพียงแค่นั้น สายตาประสานกันอย่างเนิ่นนานทั้งคู่ตกอยู่ในวงแขนของกันและกันอย่างใกล้ชิด จนเขาได้กลิ่นหอมกรุ่นจากผิวกายของร่างที่อยู่ในวงแขน ปรวิตต์เริ่มรู้สึกตัวก่อน เขารีบดันร่างอรชรนั้นออกห่างทันที มธุรสทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น
“มธุรส...” นัตน์ตาของปรวิตต์เบิกกว้างและครางชื่อของเธอออกมาได้อย่างถูกต้อง เมื่อเห็นชุดที่หญิงสาวสวมใส่ได้ถนัด เขาจำได้ไม่ผิด ชุดนี้เป็นชุดเดียวกันกับชุดที่อยู่บนตัวหุ่นในห้องเสื้อสโรชา โดยที่เจ้าของห้องเสื้อบอกว่า ชุดราตรีนี้เป็นชุดที่บิดาของเขาสั่งตัดให้กับผู้ช่วยสาวที่ชื่อ...มธุรส
แล้วเธอผู้นี้ยังเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงที่วิ่งตัดหน้ารถของเขาที่นภศุภ์ คอนสทตรัคชั่นเมื่อหลายวันก่อนด้วย
มธุรส สกุลเกศ ผู้ช่วยสาวของบิดา ซึ่งเป็นที่โจษจันกันทั่วทั้งบริษัทว่า เธอใช้ความสาวความสวยเข้าแลกกับตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยเชื่อเรื่องซุบซิบนินทานี้ แต่อะไรๆ มันชักจะเข้าเค้า ทำไมบิดาของเขาจะต้องสั่งตัดชุดราตรีที่ห้องเสื้อชื่อดังราคาแพงให้กับเธอ แล้วยังให้เธอมาร่วมงานการกุศลในคืนนี้ด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีบุคคลชั้นแนวหน้าในแวดวงสังคมเมืองไทย ทั้งๆที่เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆที่ไม่มีใครในงานนี้รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบิดาของเขาในลำดับไหน แต่ที่แน่ๆเธอไม่ใช่ผู้ช่วยธรรมดาๆของบิดาอย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงตรงนี้แววตาของเขาก็ฉายแววกระด้างเย็นชาออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ส่วนมธุรสจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาออกจะตระหนก คละเคล้าไปด้วยความหวาดหวั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งสองหนุ่มสาวต่างจ้องตากันนิ่งงันไปครู่ใหญ่
“พี่วิตต์คะ พี่วิตต์มาอยู่ที่นี่เอง จิลตามหาเสียทั่ว” เสียงแหลมหวานเรียกสติของทั้งสองหนุ่มสาวให้กลับคืนมา จิลดาเข้าคล้องแขนพี่เขยอย่างสนิทสนม แต่พอเห็นว่ามีสาวสวยอีกคนยืนอยู่ด้วย เธอก็แสดงสีหน้าสีตาเป็นอริขึ้นมาทันที “มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ พี่วิตต์รู้จักเธอด้วยหรือคะ” น้องภรรยาถามด้วยน้ำเสียงสะบัดๆ แล้วมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยหางตา
“ไม่ครับ ไม่รู้จัก” ชายหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ถ้าอย่างนั้นเราเข้าข้างในกันเถอะค่ะ การแสดงใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว” จิลดาฉุดแขนพี่เขยให้ออกเดิน แต่ไม่วายที่จะชายตามองหญิงสาวที่ยังคงยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอีกครั้ง
“คุณมธุรสครับ” เสียงร้องเรียกของชยุทธ์ ทำให้ทั้งปรวิตต์และจิลดาาหันกลับมามอง
“เอ๊ะ! นั่นคุณชยุทธ์นี่” จิลดาทำท่าจะร้องทัก
“เราเข้าข้างในกันเถอะจิล การแสดงจะเริ่มแล้วนะ” ปรวิตต์ฉุดน้องภรรยาให้เดินเข้าไปในงาน
“คุณรสทำไมเพิ่งมาครับ ผมมองหาคุณไม่เห็น เลยออกมาดู โอ้! คุณรสครับ...คืนนี้คุณสวยมาก” ชยุทธ์ถึงกับตาค้างเมื่อเห็นผู้ช่วยสาวได้ถนัดตา ปกติเขาเห็นเธอในชุดสูททำงานที่เป็นกระโปรงบ้างกางเกงบ้างออกมาดเวิร์คกิ้งวูแมนกระฉับกระเฉง แต่เมื่อเธอสวมชุดราตรีที่เรียบหรูชุดนี้ ก็ยิ่งดูงดงามจับตาในสายตาของเขา
“ขอบ...ขอบคุณค่ะ” ผู้ช่วยสาวหน้าแดง เมื่อเห็นสายตาของนักธุรกิจหนุ่มใหญ่เจ้าของโรงแรม “รถติดมากค่ะคุณชยุทธ์ ขอโทษด้วยที่มาช้า”
“มิได้ครับ ประตูโรงละครยังไม่เปิดเลย” ชยุทธ์หันไปมองทางด้านหลัง เห็นแขกเหรื่อผู้มาร่วมงานกำลังทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนที่จะหันกลับมามองหญิงสาวด้วยนัตน์ตาเป็นประกาย “ผมว่าคืนนี้คงจะมีหนุ่มๆหลายคนแอบอิจฉาผมที่ได้มีโอกาสควงคู่กับคุณผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งในงาน” สายตาชื่นชมเปิดเผยพยายามสื่อให้ฝ่ายหญิงได้รู้ถึงความนัย
“เอ่อ...รสว่า เราเข้าไปข้างในกันไหมคะ” มธุรสหน้าแดงมากยิ่งขึ้น แล้วรีบชวนหนุ่มใหญ่เป็นการตัดบท
แขกเหรื่อในงานมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มธุรสนั้นไม่รู้จักใครเลยนอกจากชยุทธ์ ซึ่งเขาก็ดูแลเทคแคร์เธอเป็นอย่างดีในฐานะที่เขาเป็นคนชวนเธอมาด้วย ซึ่งหญิงสาวก็ลดความเก้อเขินไปได้มาก มธุรสพยายามที่จะมองหาปิรัณกับชมัยพรแต่ก็ไม่พบ
แต่ก็มีสายตาเข้มคมที่ลอบมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว ปรวิตต์ยอมรับกับตัวเองว่า หญิงสาวที่เขากำลังแอบลอบมองอยู่นี้เป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาสวยสะดุดตารูปร่างอรชรได้สัดส่วนเปล่งปลั่งด้วยวัยสาว ยิ่งได้สวมชุดราตรีหรูเนื้อผ้าบางพลิ้วจับเกาะทั้งเรือนร่าง ยิ่งทำให้เธอดูงดงามไปทุกอริยาบถที่เยื้องย่าง
มธุรสรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับจ้องจึงหันไปมอง แต่ก็หาได้พบสายตาปริศนาคู่นั้นไม่ เธอมองไปรอบๆก็ไม่พบคนรู้จัก แต่ทว่ามีสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ว่าเธอเป็นใคร ถึงได้มากับนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของโรงแรมชื่อดังที่กำลังเป็นพ่อหม้ายเนื้อหอมอยู่ในเวลานี้ จนกระทั่งประตูโรงละครเปิดทั้งชยุทธ์กับเธอและแขกเหรื่อผู้มีเกียรติทั้งหลายจึงเริ่มทยอยเข้าด้านใน
การแสดงบัลเลต์แบ่งออกเป็นสองช่วงๆละประมาณหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที แล้วจะมีเบรกพักครึ่งให้ผู้ชมได้ออกมาดื่มค็อกเทลและทำธุระส่วนตัวประมาณยี่สิบนาที
และช่วงพักครึ่งนี้เองชยุทธ์กับมธุรสถึงได้มีโอกาสพบกับปิรัณและชมัยพร ที่ยืนพักผ่อนอิริยาบถดื่มค็อกเทลพูดคุยกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่
“สวัสดีครับคุณปิรัณ คุณชมัยพร” ชยุทธ์เป็นฝ่ายเดินเข้าไปทัก
“อ้าว! คุณชยุทธ์ มธุรส” ปิรัณตรงเข้าจับมือคู่ค้าคนสำคัญทางธุรกิจ แล้วส่งยิ้มให้ผู้ช่วยสาว
มธุรสทำความเคารพผู้เป็นเจ้านายและภรรยาอย่างอ่อนน้อม ชมัยพรรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ และไม่วายเหน็บแนม
“ไม่ยักรู้ว่า คนระดับพนักงานจะมางานสังคมอย่างนี้ด้วย” ชมัยพรพูด แล้วเชิดหน้าไปทางอื่น มธุรสหน้าเสียไปเล็กน้อย หญิงสาวพอจะทราบโดยสัญชาตญาณว่าภรรยาของผู้เป็นเจ้านายไม่ค่อยจะชอบเธอนัก ทั้งนี้เธอก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวให้ความอ่อนน้อมทุกครั้ง
แต่แล้วผู้ช่วยสาวก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ยืนถัดไปจากชมัยพรนอกเหนือจากปณพลและอรสุดา เขาที่ทำให้เธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆจนแทบสั่นและหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ นั่น คือรองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมคนใหม่ที่กำลังจ้องมองเธอเขม็งอยู่ก่อนแล้ว
“แล้วนี่คุณชเยศกับคุณศัสนีย์ไม่ได้มาด้วยเหรอครับ” ปิรัณถามชยุทธ์ถึงพี่ชายและพี่สะใภ้
“พี่ชเยศกับพี่ศันไปพักผ่อนที่มัลดีฟส์ครับ แล้วถือโอกาสดูโลเกชั่นไปด้วยในตัว” ชยุทธ์เว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “ผมคิดว่าเราน่าจะลงนามทำสัญญากันได้ในเร็วๆนี้นะครับ”
“ดีครับ ต้องขอขอบคุณทางสุวรรณาลัย รามาด้า ที่ให้ความไว้วางใจเลือกนภศุภ์ คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ก่อสร้างรีสอร์ตที่มัลดีฟส์ในครั้งนี้ด้วย”
“เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับคุณรสครับ” ชยุทธ์ตอบแล้วส่งสายตาอ่อนนุ่มมาทางผู้ช่วยสาว
“เอ่อ...” มธุรสอึกอักหน้าแดง เมื่อทุกสายตาหันมามองเธอเป็นตาเดียว แต่หญิงสาวก็ต้องชาวาบไปทั้งตัวอีกครั้ง เมื่อได้สบสายคมเข้มของรองผู้อำนวยการหนุ่มฝ่ายวิศวกรรม
“งานนี้ต้องขอขอบใจมธุรสจริงๆ” ปิรัณหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี และกล่าวชมผู้ช่วยสาวนัตน์ตาเป็นประกายล้อเลียน “มธุรสคืนนี้หนูสวยมากนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณน้อย” มธุรสกระดากอาย เมื่อถูกเจ้านายล้อซึ่งๆหน้า และต่อหน้าใครๆอีกหลายคน
“เอ๊ะ!วิตต์ รู้จักมธุรสหรือยัง” ปิรัณถามบุตรชาย ก่อนที่จะหันมามองผู้ช่วยสาวคนสวยด้วยสายตาเอ็นดู
“ยังครับ” ปรวิตต์ตอบเสียงเข้มตีหน้าเคร่งขรึม จนหญิงสาวรู้สึกเกรงๆ แกมหมั่นไส้ไปในคราวเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการเสียเลย วิตต์ นี่มธุรส สกุลเกศ ผู้ช่วยคนเก่งของพ่ออีกคน มธุรสนี่ปรวิตต์ลูกชายคนโตของฉันที่เคยพูดถึงอยู่บ่อยๆ”
“สวัสดีค่ะ” มธุรสพนมมือทำความเคารพเขาในฐานะผู้บังคับบัญชาอีกคน อีกทั้งยังอาวุโสกว่า
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ปรวิตต์กลับยื่นมือขวาให้อย่างหน้าตาเฉย ทำให้ผู้ช่วยสาวต้องส่งมือขวาออกไปจับ “หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้ดี” รองผู้อำนวยการหนุ่มกล่าวพร้อมกับบีบมือบางนั้นอย่างแรง ดวงตายาวรีจ้องมองหน้าหวานๆของเธอเขม็ง เหมือนกำลังพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง
“ค่ะ” มธุรสตอบสั้นๆ และอดที่จะสั่นไหววูบวาบไม่ได้
“ดีแล้วรู้จักกันไว้ซะ อีกหน่อยคงจะต้องร่วมงานกัน” ปิรัณกล่าวเสริม
“การแสดงช่วงที่สองใกล้จะเริ่มแล้ว จิลว่าพวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” จิลดาที่เพิ่งเดินกลับมาจากการทักทายเพื่อนฝูงส่งเสียงใสๆเชิญชวนทุกคน เมื่อเห็นประตูโรงละครเปิดขึ้นพร้อมสำหรับการแสดงในช่วงต่อไป แต่เมื่อจิลดาเห็นสาวในชุดสีครีม ก็จำได้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวคนเดียวกันกับคนที่อยู่กับปรวิตต์เมื่อตอนหัวค่ำ แล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที และยิ่งเธอผู้นั้นกำลังได้รับความสนใจจากคนรอบข้าง
การแสดงบัลเลต์การกุศลในคืนนี้กว่าจะเสร็จสิ้นก็เกือบสี่ทุ่ม แขกเหรื่อทยอยกันกลับ กลุ่มของปิรัณเดินออกมาเกือบจะเป็นกลุ่มสุดท้าย และมาเจอชยุทธ์กับมธุรสที่เพิ่งจะออกมาเหมือนกัน
“จะไปไหนกันต่อหรือเปล่าครับคุณชยุทธ์” ปิรัณเอ่ยถาม
“ชวนแล้วครับ แต่คุณรสเธอไม่ไป” นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ตอบเสียงอ่อยๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมฝากคุณชยุทธ์ไปส่งผู้ช่วยของผมให้ถึงบ้านด้วยนะครับ” ปิรัณพูดเสียงเข้ม ถึงแม้ชยุทธ์จะเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยมีชื่อเสียงเสียหายเรื่องผู้หญิง แต่มธุรสก็เป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาดี เป็นที่พึงใจของชายหนุ่มหลายๆ คน โดยเฉพาะตัวชยุทธ์เองก็ดูจะติดใจเธออยู่ไม่น้อย มันก็สมควรเป็นหน้าที่ของเขาที่จะดูแลให้ความเอาใจใส่ เพราะมธุรสก็เปรียบเสมือนลูกหลานผู้หญิงของเขาคนหนึ่งเหมือนกัน
แต่คำพูดและการแสดงออกของปิรัณที่มีต่อผู้ช่วยสาว ทำให้ภรรยาและบุตรชายคนโตที่ยืนอยู่ด้วย ณ ที่นั้น คิดไปต่างๆนาๆ
“รสขับรถมาเองค่ะคุณน้อย” มธุรสรีบแย้ง
“อ้าว! ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับบ้านและขับรถดีๆด้วย เป็นสาวเป็นนางขับรถกลางค่ำกลางคืนต้องระมัดระวัง อย่าจอดรถหรือลงจากรถเป็นอันขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวนี้ข่าวภัยของผู้หญิงขับรถคนเดียวตอนกลางคืนมีอยู่บ่อยๆ” ปิรัณกำชับกำชาด้วยความเป็นห่วงจริงๆ “อ้อ!มธุรส เช้าวันจันทร์ช่วยเตรียมเอกสารของกรมพัฒน์ฯให้ด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะ คุณน้อย” มธุรสรับเสียงแข็งขัน
“ขอบใจมาก” ปิรัณยิ้มและมองเธอด้วยสายตาอย่างอ่อนโยนแกมเอ็นดู ทำเอาชมัยพรที่ยืนอยู่ด้วยหน้าเริ่มตึงขึ้นมาเรื่อยๆ นัตน์ตาเป็นประกายด้วยความไม่พอใจ ซึ่งปรวิตต์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆสังเกตเห็น และรับรู้ถึงกระแสความไม่พอใจของผู้เป็นมารดา
“วิตต์เดี๋ยวลูกไปส่งหนูจิลที่บ้านให้เรียบร้อยด้วยล่ะ น้องเป็นสาวเป็นนางปล่อยให้กลับเองกลางค่ำกลางคืนจะไม่ปลอดภัย” ชมัยพรพูดกระทบกระเทียบ ก่อนที่จะเดินหน้าตึงๆจากไป
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันคะพี่วิตต์” จิลดาถามพี่เขยขณะอยู่ในรถด้วยกัน เธออยากจะถามชมัยพรตั้งแต่อยู่ในงาน แต่ไม่มีจังหวะ
“คนไหน” ปรวิตต์ถามเสียงเรียบๆทำเป็นไม่รู้ สายตาของเขามองไปตามถนนข้างหน้า
“ก็คนที่ใส่ชุดสีครีมๆ ที่คุณลุงน้อยหยุดคุยด้วยไงค่ะ”
“มธุรส ผู้ช่วยของคุณพ่อ”
“อะไรกัน! ผู้ช่วยของคุณลุง พนักงานธรรมดาๆนี่นะ จะแต่งชุดหรูขนาดนั้นเชียว ชุดนั้นทั้งสวยทั้งแพง ไม่อยากจะเชื่อเลย แถมคุณเธอยังทำท่าเชิดๆ หยิ่งผยองยังไงชอบกล บอกตรงๆจิลรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเลย” จิลดาไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนที่เด่นเกินเธอ แต่คำพูดของเธอทำให้ปรวิตต์ต้องคิดตาม
เพราะคนระดับผู้ช่วยธรรมดาๆที่ไหนจะแต่งตัวได้อย่างสวยหรูประณีตบรรจงเหมือนนางแบบหลุดมาจากนิตยสารยังไงยังนั้น ถ้าปิรัณไม่เป็นสปอนเซอร์ให้
“แหม...ถึงแล้วเร็วจัง จิลไม่ทันรู้ตัวเลย พี่วิตต์จะเข้าไปดื่มอะไรในบ้านสักหน่อยไหมคะ” น้องสาวของภรรยาพยายามเหนี่ยวรั้ง เมื่อรถมาจอดสนิทอยู่หน้าบ้าน
“อย่าดีกว่าครับ นี่มันก็ดึกมากแล้ว”
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ”
“ครับ สวัสดี” ปรวิตต์ตัดบท จิลดาลงจากรถอย่างเสียไม่ได้รู้สึกผิดหวัง ก็ได้แต่มองรถที่เคลื่อนตัวออกไปด้วยสายตาที่มากมายความรู้สึก
สายๆของวันอาทิตย์อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส ปิรัณชวนลูกชายคนโตไปออกรอบ
ตีกอล์ฟ ขณะที่ออกตีถึงหลุมแปด ปรวิตต์สังเกตเห็นว่าบิดามีอาการจามฟุตฟิตอยู่หลายครั้ง หน้าตาแดงๆและเหนื่อยเร็วมากกว่าปกติ เพราะเท่าที่ผ่านมาบิดาของเขาแข็งแรงสามารถตีถึงหลุมที่สิบแปดได้อย่างสบายๆ
“ผมว่าคุณพ่อดูเหนื่อยๆ เพลียๆ อย่างไรชอบกลนะครับ” ปรวิตต์ทัก
“นั่นน่ะสิ พ่อรู้สึกเพลียจังและออกจะมึนๆหัว”
“ผมว่าเราเลิกกันก่อนเถอะครับ”
“ดีเหมือนกัน” ปิรัณเห็นด้วย เพราะตอนนี้เขารู้สึกหนักหัวและมึนศีรษะมากขึ้น
ปรวิตต์ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลแทนที่จะขับกลับบ้านตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก เพราะเห็นว่าบิดานั้นมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว พอแพทย์ตรวจดูอาการก็แอดมิดตัวไว้ทันที และแจ้งให้ทราบว่าปิรัณนั้นเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเฉียบพลัน ซึ่งไข้หวัดชนิดนี้กำลังระบาดอยู่ อาการไม่น่าเป็นห่วง แต่คนป่วยจะมีอาการปวดศีรษะไอจามแห้งๆและมีไข้ขึ้นสูงในระยะแรกๆ คุณหมอจะขอให้คนป่วยนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสักหนึ่งสัปดาห์ และหลังจากนั้นก็จะให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านอีกสักหนึ่งถึงสองสัปดาห์ รอให้สุขภาพแข็งแรงดีก่อน แล้วจึงจะกลับไปทำงานหรือปฏิบัติภารกิจตามปกติ
จบตอนค่ะ
ในที่สุดนางหงส์ของเรา ก็เจอกับเจ้าชาย (ผู้เคร่งขรึม) สักที
แต่พรุ่งนี้จะพบกับตอนใหม่ เจ้านายเย็นชา กับ เลขาชั่วคราว
มาดูกันว่าเลขาคนสวย จะละลายความเย็นชาของเจ้านายผู้เคร่งขรึมได้แค่ไหน คริ คริ ต้องติดตามค่ะ
สำหรับ ‘เล่ห์มธุรส’ เรื่องนี้ สามารถสั่งจองเข้ามาได้แล้วนะคะ
หนังสือพร้อมส่งต้นเดือนตุลาคม 2562 นี้ค่ะ
พร้อมๆ กับงานสัปดาห์หนังสือเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
ความคิดเห็น