คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : เชลย (50%)
10
เชลย (50%)
“เกาะช้องนาง !!” มธุรสทวนคำเสียงหลง “คุณเอาตัวฉันมาที่นี่ทำไม ตายแล้วป่านนี้ที่บ้านฉันคงเป็นห่วงแย่แล้ว ไหนจะคุณน้อยอีก คุณมีสิทธิอะไรทำอย่างนี้” คำว่า “คุณน้อย” กระทบความรู้สึกของเขาเข้าอย่างจัง
“มีสิ” เขาสวนกลับทันควันด้วยสีหน้าขึงนัยน์ตาขุ่น “ในฐานะที่เธอเป็นเชลยของฉัน ฉันสั่งให้เธออยู่ที่นี่ เธอก็ต้องอยู่” เขาสั่งเสียงกระด้าง สืบเท้าเข้าหาด้วยท่าทีคุกคาม จนเธอต้องถอยหนี
“ไม่ต้องห่วงเรื่องครอบครัวของเธอ ฉันสั่งให้วิมุทร์ไปจัดการแล้ว อย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ” ชายหนุ่มเว้นจังหวะไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเข้มเครียด “ส่วนคุณพ่อ เธอก็ไม่ต้องกังวลไปนักหรอก ในเมื่อไม่มีเธอสักคน ท่านก็จะได้มีเวลาดูแลเอาใจใส่ภรรยาที่กำลังป่วยอยู่ได้มากขึ้น แทนที่จะต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปให้กิ๊กอย่างเธอ”
“ใครเป็นกิ๊กคุณน้อย คุณปรวิตต์ คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ดิฉันกับคุณน้อย...”
“หยุดพูด! ไม่ต้องมาจาระไน ฉันไม่อยากฟังเรื่องความสัมพันธ์สวาทระหว่างเธอกับคุณพ่อหรือกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น” ปรวิตต์สั่งเสียงเขียว เขารู้สึกว่าจะทนฟังไม่ได้ โดยที่ให้เหตุผลกับตัวเองว่าสงสารผู้ที่เป็นมารดา และละเลยความรู้สึกลึกๆในหัวใจที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว
“แต่ฉัน...”
“หุบปาก!” ปรวิตต์ตะคอกเสียงดังประกายตาแข็งกร้าว จนหญิงสาวอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ฉันบอกแล้วว่าไม่อยากฟัง หนวกหู ฉันสั่งคำไหนก็คำนั้น แล้วอย่าได้คิดหนีหรือสร้างปัญหา ไม่เช่นนั้นฉันซัดไม่เลี้ยงแน่แล้วขอบอกอีกอย่างนะว่า อยู่ที่นี่ต้องช่วยเหลือตัวเอง หุงหาอาหาร ซักเสื้อผ้า ตักน้ำใช้เอง ที่นี่ไม่มีคนรับใช้ให้เธอนั่งชี้นิ้วเป็นคุณนายเหมือนที่มีป๋าหรือเสี่ยเลี้ยงหรอกนะ”
ปรวิตต์ยิ้มเยาะด้วยสายตา ถากถางด้วยวาจาอย่างน่าเกลียด
“คุณ...” มธุรสเรียกอย่างเหลืออด
ที่เขาทั้งดูถูกเหยียดหยาม หญิงสาวยกมือหมายจะตบหน้าเขาสักฉาด
แต่ชายหนุ่มรู้ทันใช้มือแข็งแรงคว้าข้อมือบางไว้ได้ก่อน
ส่วนอีกมือเล็กที่กำลังจะประทุษร้ายเขาก็ถูกตึงไว้ที่ข้างเอว
และร่างบางก็ถูกดันไปติดผนัง
“อย่าทำอวดเก่ง แล้วจะหาว่าไม่เตือน” ร่างสูงเน้นคำพูดออกจากไรฟัน เขาก้มหน้าลงมองริมฝีปากสวยได้รูปชวนให้สัมผัส ถึงแม้จะซีดขาวแต่ก็ชวนให้ลิ้มลองอย่างประหลาด ปรวิตต์สลัดศีรษะขับไล่ความคิดแปลกๆที่ผุดขึ้นมา “อยู่ที่นี่ต้องช่วยเหลือตัวเอง ไม่มีคนใช้มารองมือรองเท้าเธอหรอกนะ เพราะเราอยู่กันแค่สองคนเท่านั้นที่บ้านท้ายเกาะแห่งนี้”
“อะไรนะ เราอยู่กันแค่สองคน” มธุรสมีสีหน้าตกใจ เขายิ้มแสยะได้อย่างน่าหมั่นไส้ จนเธออยากจะตบเข้าให้สักฉาด ถ้าไม่ติดว่ามือทั้งสองข้างถูกเขาล็อคไว้แบบนี้
“ที่นี่ไม่มีเตาไฟฟ้าหรือไมโครเวฟอำนวยความสะดวกให้หรอกนะ มีแต่เตาถ่าน ติดเป็นหรือเปล่า” เขายิ้มเหยียดๆอย่างดูแคลน หญิงสาวนึกในใจ
“ไม่รู้อะไรซะแล้ว ฉันนี่ลูกแม่ค้านะยะอย่าได้มาดูถูกกัน”
“มีถ่านมีฟืนให้เรียบร้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่นี่มีอยู่แค่สองอย่างคือ ตู้เย็นเก่าหลังใหญ่นั่นไว้เก็บอาหารสดกับวิทยุคลื่นความถี่สูง ส่วนไฟฟ้าส่องสว่างได้พลังงานมาจากเครื่องปั่นไฟหลังบ้าน สำหรับห้องน้ำก็อยู่ใต้ถุนข้างล่าง อาจจะไม่สะดวกสักหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ อ้อ...ที่นี่ไม่มีน้ำปะปา มีแต่น้ำบ่อหรือไม่ก็น้ำในห้วยที่ไหลมาจากน้ำตกบนภูเขา เดินไปข้างหลังบ้านไม่ไกลเท่าไหร่”
ปรวิตต์ตั้งใจพาผู้ช่วยสาวของบิดามาอยู่ที่บ้านท้ายเกาะ
เพื่อให้ได้พบกับความลำบากเสียบ้าง ไม่ใช่หวังจะสบายทางลัดด้วยการเป็นกิ๊กกั๊กกับผู้ชายไม่เลือก
และเขาต้องการแยกเธอออกจากบิดาของตนสักพักในช่วงระหว่างที่เขายังคิดไม่ออกว่าจะจัดการกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่นี้ได้อย่างไร
และอีกข้อที่สำคัญมากชมัยพรกำลังป่วยด้วยโรคหัวใจ มารดาของเขาต้องการๆเอาใจใส่ดูแล
และกำลังใจจากคนที่เป็นสามีและครอบครัว
ถ้าขืนมธุรสยังอยู่ที่กรุงเทพก็อาจจะทำให้ปิรัณไขว้เขวจนอาจละเลยหน้าที่สามีที่ดีไปได้
“แล้วคุณจะกักฉันอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่” ผู้ช่วยสาวคร้านที่จะต่อล้อต่อเถียง เพราะในยามนี้ปรวิตต์คงจะไม่ยอมฟังคำอธิบายใดๆ นอกจากเชื่อความคิดผิดๆของตัวเอง
“จนกว่าฉันจะพอใจ” คำตอบห้วนๆ ทำเอามธุรสเม้มริมฝีปากอิ่มเป็นเส้นตรง “ถ้าเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ฉันก็จะได้ไปทำงานเสียที เสียงานเสียการมาหลายวันแล้วๆ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าได้ออกไปเดินเพ่นพ่านนอกบ้านล่ะ เพราะข้างหลังบ้านนี้เป็นป่าทึบ พอดีพอร้ายไปเจองูเงี้ยวเขี้ยวขอหรือเสือเข้าให้จะลำบาก” เขาขู่เสียงเข้ม แล้วจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาคู่สวยที่ฉายแววไหววูบเป็นประกายน่าค้นหา และชวนเชิญอย่างประหลาด
ปรวิตต์เริ่มนึกเห็นใจบิดาและผู้ชายอีกหลายๆคนที่เข้ามาติดกับดักของเธอ ร่างสูงสลัดศีรษะเบาๆกับความรู้สึกแปลกๆ แล้วปล่อยข้อมือบางให้เป็นอิสระ ก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไปทันที
มธุรสได้แต่รู้สึกอ่อนใจ
แปลกใจและก็ไม่เข้าใจกับการกระทำของบุตรชายคนโตของผู้เป็นเจ้านาย
ว่าการเอาตัวเธอมากักเช่นนี้แล้วจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวและออกจะเพลียๆ เพราะเธอเพิ่งฟื้นไข้เป็นวันแรก
เอาเป็นว่าวันนี้เธอจะยังไม่ออกไปสำรวจนอกบ้าน ไม่ใช่เชื่อฟังเขา
แต่เธอขอพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วค่อยออกไปดูข้างนอกบ้าน
เผื่อที่จะหาทางหนีทีไล่ได้บ้าง
แล้วตอนนี้ที่บ้านของเธอที่กรุงเทพจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ที่จู่ๆเธอหายตัวไปอย่างนี้
ที่กรุงเทพ
“คุณวิมุทร์” มาริษาเรียกชื่อชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนร่วมงานของพี่สาว เมื่อเห็นเขายืนอยู่ที่หน้าบ้านในตอนบ่ายของวันนี้
มาริษารู้จักวิมุทร์ครั้งแรกเมื่อตอนที่ไปงานศพของจารุลักษณ์กับมธุรส เธอรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานกับพี่สาวและเป็นผู้ช่วยของปรวิตต์ นภศุภ์ด้วย แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อหนุ่มผู้ช่วยมาที่บ้านเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งข่าวว่ารีสอร์ตที่กำลังจะก่อสร้างที่มัลดีฟส์มีปัญหา ในฐานะที่มธุรสเป็นผู้ประสานงาน และดูแลโครงการนี้มาตั้งแต่ต้น จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่มัลดีฟส์ต่ออีกสักระยะ อาจจะกินเวลาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น และขอให้ทางครอบครัวของมธุรสอย่าได้เป็นห่วง เพราะทั้งนี้ปรวิตต์ได้บินไปสมทบที่มัลดีฟส์แล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ร่วมกัน แต่เนื่องจากเกาะที่สุวรรณาลัย รามาด้าได้รับสัมปทานให้สร้างรีสอร์ตนั้นอยู่ห่างไกลจากเกาะใหญ่ออกไป ทำให้โทรคมนาคมการติดต่อสื่อสารไม่สะดวกเท่าที่ควร
“สวัสดีครับคุณแม่ คุณมาริษาไปไหนกันมาครับนี่” วิมุทร์ทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะ เราไปตลาดกันมาค่ะ” ธาราเป็นคนตอบ
“คุณวิมุทร์มีธุระด่วนอะไร หรือว่า...พี่รสเป็นอะไรหรือคะ” มาริษาถามหน้าตื่น ทำให้ผู้เป็นมารดาพลอยหน้าเสียไปด้วย
รู้ยังคร๊ะ...เล่ห์มธุรส เป็นภาคต่อ... จาก ทัณฑ์น้ำผึ้งรวง ค่ะ แซ่บ!! ซี๊ดด!!
“มิได้ครับ คุณรสไม่ได้เป็นอะไร เธอสบายดี
แต่เธอให้ผมเบิกเบี้ยเลี้ยง แล้วฝากให้เอามาให้ที่บ้านครับ” วิมุทร์ยื่นซองสีขาวที่มีตราบริษัทให้
ทำให้สองแม่ลูกคลายความตกใจไปได้
“ต้องขอขอบคุณมากค่ะ เลยทำให้คุณวิมุทร์ต้องลำบาก” ธารารู้สึกเกรงใจเพื่อนร่วมงานของลูกสาวโดยไม่ทราบความนัย ทำเอาวิมุทร์รู้สึกผิดที่ต้องโกหกผู้ใหญ่เช่นนี้ตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย
“มิได้ครับ ด้วยความยินดีและมันเป็นหน้าที่ของผมเพราะคุณวิตต์ เอ้ย!ไม่ใช่ คุณรสเธอฝากให้ผมเป็นธุระดูแลครอบครัว ในช่วงที่เธอติดงานสำคัญอยู่ที่มัลดีฟส์ครับ”
“เกาะที่พี่รสไปทำงาน มันอยู่ห่างไกลออกไปจนสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ตไปไม่ถึงเชียวหรือคะ ทำให้เราไม่สามารถติดต่อพี่รสได้เลย”
“ครับ เกาะที่สุวรรณาลัย รามาด้า ได้รับสัมปทานนั้นอยู่ไกลออกไปจากเกาะใหญ่มาก การสื่อสารยังเข้าไปไม่ถึง แต่อีกไม่นานถ้าสุวรรณาลัยเข้าไปสร้างรีสอร์ต การสื่อสารโทรคมนาคมต่างๆก็คงจะตามเข้าไป ว่าแต่คุณธารากับคุณมาริษามีข้อความอะไรจะฝากให้คุณรสไหมครับ เพราะผมติดต่ออยู่กับคุณปรวิตต์บ่อยๆ จะได้ผ่านข้อความถึงเธอ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่นึกเป็นห่วง” มาริษาปฏิเสธ
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ เพราะคุณปรวิตต์เจ้านายของผมก็ไปควบคุมงานนี้ด้วยตัวเอง รับรองว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยและดูแลคุณมธุรสได้เป็นอย่างดี” วิมุทร์พูดไปตามสัญชาตญาณบางอย่างของตนเอง
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจค่ะคุณวิมุทร์” ธารายิ้มและมีใบหน้าที่สบายใจขึ้น
“ครับ แล้วผมจะมาส่งข่าวของคุณรสให้ทราบเป็นระยะๆ หรือว่าจะฝากข่าวอะไรถึงเธอก็บอกผ่านผมมาได้เลยนะครับ ผมยินดีเป็นคนกลางให้ หรือถ้ามีเรื่องอะไรจะให้ผมรับใช้ ก็ติดต่อผมได้ทุกเวลาเบอร์โทรศัพท์ก็ตามนามบัตรที่ได้ให้ไว้”
“ต้องขอขอบคุณคุณวิมุทร์มากค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว” มาริษายิ้มให้อย่างขอบคุณ
“อย่าได้เกรงใจครับ ด้วยความยินดีเสียมากกว่า เพราะคุณรสเธอฝากให้ผมเป็นธุระเรื่องครอบครัวในช่วงที่เธอติดงานอยู่ที่มัลดีฟส์”
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณวิมุทร์”
ผู้ช่วยหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายเสร็จลุล่วงไปอีกขั้น โดยที่มารดาและน้องสาวของมธุรสไม่มีทีท่าสงสัยแต่อย่างใด
นภศุภ์ คอนสทรัคชั่น
“คุณเยาว์ นี่มธุรสขอลางานหนึ่งเดือนเชียวเหรอ” ปิรัณเดินถือจดหมายลากิจของมธุรสออกมาถามเลขานุการถึงที่โต๊ะทำงาน เขาไม่ทราบเลยว่ามธุรสขอลางาน เพราะว่าตนเองหยุดงานไปถึงสองสัปดาห์ เพื่อพาภรรยาไปพักผ่อนตากอากาศที่หัวหินและเพิ่งจะกลับมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก
“ค่ะ คุณวิตต์เป็นผู้อนุมัติช่วงที่ขึ้นมาดูแลงานแทนคุณน้อย เห็นคุณวิตต์บอกว่าคุณรสเธอมีธุระด่วนต้องพาคุณแม่ขึ้นไปเยี่ยมญาติที่ป่วยหนักที่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือ”
“ไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่า มธุรสจะมีญาติอยู่ทางภาคเหนือ” ปิรัณพึมพำกับตัวเอง “โอเค ถ้าวิตต์เป็นผู้อนุมัติใบลา งานของมธุรสก็ให้ศุพินิจดูแลแทนไปก่อน ทำไมช่วงนี้มันถึงได้ยุ่งๆนักก็ไม่รู้” ปิรัณถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนกลับเข้าห้องทำงานไป ซึ่งเยาวรินก็ได้แต่มองตามหลังเจ้านายไปด้วยความเห็นใจ
บ้านท้ายเกาะ
มธุรสตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยมากแล้ว หญิงสาวรู้สึกรำคาญเนื้อตัวอยากจะอาบน้ำ แต่ไม่กล้า เพราะเพิ่งรื้อไข้เกรงว่าไข้จะกลับ ไม่อย่างนั้นคงลำบากอีก เธอจึงได้แต่ล้างหน้าล้างตาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้รู้สึกสบายขึ้น
หญิงสาวเข้ามาในครัวตั้งใจจะทำอะไรง่ายๆทาน แต่ก็เห็นหม้อข้าวต้มปลาตั้งอยู่บนเตา มธุรสยิ้มให้กับตัวเองนิดหนึ่ง ถึงเขาจะทำท่าวางอำนาจเอาแต่ใจ แต่ก็ยังใจดีอุตส่าห์ทำข้าวต้มปลาไว้ให้ เธอทานข้าวต้มปลารสชาติกลมกล่อมจนหมด ล้างถ้วยชามคว่ำไว้อย่างเรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มเดินสำรวจบ้าน
บ้านไม้หลังนี้เป็นบ้านเก่าใต้ถุนสูงมีสองห้องนอนและหนึ่งโถงโล่งที่แบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนด้านหน้ารับลมทะเลซึ่งโกรกอยู่ตลอดเวลาไว้สำหรับนั่งเล่นมีชุดเก้าอี้หวายเก่าๆ ผ้าคลุมเบาะสีน้ำตาลเก่าคร่ำครึใม่แพ้เก้าอี้ อีกส่วนด้านหลังไว้ใช้ประกอบอาหารและรับประทานอาหาร มีโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัวใหญ่ที่ทั้งหนาและหนักตั้งอยู่ตรงกลางห้อง และวางอยู่หน้าห้องนอนที่มธุรสครอบครอง
มธุรสแง้มประตูห้องนอนอีกห้องซึ่งเป็นของชายหนุ่มเข้ามา
เธอเห็นเตียงไม้หลังเก่าเหมือนกับที่ห้องของเธอ
มีผ้าห่มพับอย่างเรียบร้อยอยู่ปลายเตียง
ตู้เสื้อผ้าซึ่งข้างในก็มีเสื้อผ้าของผู้ชายแขวนอยู่และพับไว้อย่างเป็นระเบียบหลายชุด
หญิงสาวพยายามค้นหากระเป๋าสะพายของตัวเองรวมถึงโทรศัพท์มือถือที่อาจจะซุกซ่อนอยู่ในนี้แต่ก็ต้องผิดหวัง
เธอเดินไปสำรวจที่โต๊ะเล็กมุมห้องมีข้าวของเครื่องใช้ของผู้ชายวางอยู่ และที่สำคัญมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ควางอยู่ด้วย
มธุรสลิงโลดเป็นยิ่งนัก เธอรีบเปิดเครื่องทันที
“อะแอ้ม!”
to be continue...
เอ้า! คิดหนีเหรอมธุรส ระวังจะถูกจับได้นะจ๊ะ ขืนคุณวิตต์จับได้ โดนแน่ๆ
เพราะนางดุ ไม่ใช่เล่นๆ
อย่าแย่…เสือตัวที่ 3 แห่งนภศุภ์
คอนสทรัคชั่น นะจ๊ะ
ขอเตือน! ดุมั๊กมาก แถมหื่น เอ้ย! ไม่ใช่ โหดด้วย แต่โหดแบบสุขุมลุ่มลึก 55555
เล่ห์มธุรส...โฉมใหม่ พร้อมตอนพิเศษ
อะไรเอ่ย ?? แฝงอยู่ภายใต้ชุดแดงแรง (ส์) ฤทธิ์ของหล่อน
สั่งหนังสือเข้ามาเลยนะคะ
หนังสือพร้อมส่งวันจันทร์นี้แล้วค่ะ
รับรองได้จริงๆ ค่ะว่า...สนุกมากกกกกกกกกก
แล้วคุณจะแอบหลงรักคุณวิตต์ (ขาโหด) ผู้เคร่งขรึมคนนี้ค่ะ
และก็จะแอบอิจฉามธุรสเล็กน้อย คริ คริ
สั่งเข้ามากันเยอะนะค้า
จำปีขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น