คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ปรับทัศนคติ (50%)
ตอนที่ 9. ปรับทัศนคติ (50%)
สายวันถัดมาหลังจากที่ชาวบ้านตักบาตรฟังเทศน์ฟังธรรมจากท่านพระครู ต่างก็มารวมตัวอยู่ที่ลานหน้าวัด เพราะปลัดพิธูจะมาแจกเม็ดพันธ์ทางการเกษตรให้กับชาวบ้าน แถมด้วยหมอกจะมาช่วยสาธิตการทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง
“มันไม่ยาก อย่างที่สาธิตให้ดู แกลบ ลำละเอียด มูลสัตว์ ผสมกับฟางสับ แล้วหมัก เพียงเท่านี้เราก็จะได้ปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี ซึ่งมีราคาแพงขึ้นทุกวัน แล้วยังจะมีผลเสียตามมา ผมคิดว่าพวกเราสามารถทำได้ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาบ้าง แต่มันประหยัด และยั่งยืน ปลอดภัยกับชุมชน และสุขภาพของเราในระยะยาว และยังทั้งผู้บริโภค ที่ซื้อผลผลิตของพวกเราไปรับประทาน”
หมอกและปลัดพิธูสนับสนุนและแนะนำชาวบ้านให้ทำการเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่พึ่งพาปุ๋ยเคมี หรือสารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย และให้ความร่วมมือ
“แล้วตอนนี้นะครับ คุณนายทองอุไรได้ไถ่ชีวิตโคกระบือมาจากหน้าโรงฆ่าสัตว์อยู่ถึงสามสิบตัว ผมจะให้ทุกคนมาลงชื่อขอยืมนำไปไถนาได้แทนรถไถโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้าใครต้องการก็ไปลงชื่อได้ที่บ้านคุณนาย”
ฟ้าอุษาเดินผ่านมากับแก้วขวัญและจ้อยหยุดฟังตั้งแต่หมอกเริ่มสาธิตวิธีการทำปุ๋ยหมัก เธอไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องแบบนี้มาก่อน ชีวิตของเธอส่วนใหญ่อยู่กับความฟุ้งเฟ้อ เมื่อหาเงินมาได้ง่าย ก็ใช้จ่ายออกไปง่ายกับข้าวของเครื่องใช้ เช่น กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับแบรนด์เนมราคาแพงเอาไว้โอ้อวดประชันกัน แล้วกับเกษตรกรผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติล่ะ ข้าวแต่ละเมล็ด เงินแต่ละบาทได้มาจากหยาดเหงื่อ หลังสู้ฟ้าหน้าสู่ดิน เพื่อเลี้ยงดูตัวเองและทุกชีวิตในครอบครัว อดีตแอร์โฮสเตสสาวได้คิดว่า การใช้ชีวิตที่ผ่านมาของเธอนั้นสิ้นคิด และช่างโง่เขลาจริง
ระหว่างที่ฟ้าอุษากำลังส่งสายตาชื่นชมไปยังคนที่กำลังพูดคุยและอธิบายให้ชาวบ้านฟัง เขาก็หันมาสบตากับเธออย่างกะทันหัน สายตาทั้งสองคู่สบกันอย่างจัง ก่อนที่เธอเซหันไปมองอย่างอื่นอย่างมีชั้นเชิง
ดังนั้นฟ้าอุษาจึงไม่ปฏิเสธ เมื่อลุงเขยมาชวนให้ไปสอนหนังสือที่โรงเรียน เพราะเธออยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ดีกว่าอยู่อย่างเอาเปรียบคนอื่นไปวันๆในขณะที่ทุกคนทำงานกันงกๆ
“ผมดีใจนะที่คุณจะมาสอนหนังสือที่โรงเรียน”
ฟ้าอุษาสะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันไปมองที่มาของเสียงที่เธอจำได้แม่นว่าเป็นใคร
“มาสิ! ผมจะพาเดินชมโรงเรียน” หมอกอาสา หญิงสาวไม่ขัดที่จะเดินคู่ไปกับเขา
“นายนี่รู้เร็วจริงนะ” ว่าที่คุณครูคนใหม่ชำเลืองมอง เห็นเขาทำเป็นยืดอกยิ้มกริ่มน่าภูมิใจเสียเต็มประดา จนหญิงสาวอดที่จะประทบแดกดันไม่ได้ “หรือว่าเป็นพวกจิ้งจกเที่ยวได้เกาะข้างฝาบ้านคนอื่น ทำตัวสอดรู้สอดเห็น”
“ด่าได้เจ็บ! แต่ไม่แคร์” คนที่ถูกกระทบกระเทียบยักไหล่อย่างยียวน
“หน้าด้าน!” ฟ้าอุษาเหลืออดด่าให้อีกคำ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเดินจากไปอย่างฉุนๆ
“โอ๋ๆ ล้อเล่นน่า” ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกางเกงยีนสีซีด และที่ขาดไม่ได้คือผ้าขาวม้าผูกเอววิ่งตามง้อ “โอเคๆ ผมไม่กวนประสาทคุณแล้ว แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า ผมยินดีจริงๆ ที่คุณจะมาช่วยเด็กๆของบ้านเรา ผมเชื่อนะว่าคุณมีศักยภาพที่จะทำได้ และจะทำได้ดีด้วย”
หญิงสาวหยุดเดินแล้วหันมามองหน้า ว่าเขาพูดจริง หรือกระทบเทียบแดกดัน แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาสีเข้มที่จ้องเธอเขม็ง ก็รู้ว่า...เขาพูดจริง แววตาของเขาเหมือนยิ้มได้
“มาครับ ผมจะพาคุณเดินรอบๆโรงเรียน โดยเริ่มต้นตั้งแต่เสาธงชาติหน้าโรงเรียน”
“คุณรู้จักโรงเรียนได้ดีขนาดนั้นเชียว” ว่าที่คุณครูสาวแกล้งพูดด้วยสำเนียงดูแคลน
“อย่าดูถูกกันนะครับ ผมก็ศิษย์เก่าโรงเรียนนี้เหมือนกันโรงเรียนบ้านคลองลัดข้าวของเราเริ่มต้นสอนตั้งแต่ชั้นประถมการศึกษาปีที่หนึ่งถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม มีนักเรียนทั้งชายและหญิงประมาณหนึ่งพันสามร้อยกว่าคน มีครูอยู่สิบสองคน ต่อหัวคุณครูหนึ่งคนต้องดูแลนักเรียนหกสิบถึงหกสิบห้าคน ถือว่าจำนวนครูยังน้อยกว่ามาก และที่ขาดแคลนอย่างมากคือครูสอนภาษาอังกฤษ การที่คุณจะเข้ามาช่วยสอนวิชาภาษาอังกฤษถือว่าเยี่ยมมาก แถมคุณอาจจะเป็นครูแนะแนวนักเรียนชั้น ม.3 ที่จะต้องเลือกเรียนต่อสายสามัญ หรืออาชีวะ”
“แต่ฉันไม่...ไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น”
“ผมเชื่อว่าคุณจะทำได้ดีไม่แพ้อาชีพที่คุณรัก”
“คุณรู้ได้อย่างไร” ฟ้าอุษาถามเสียงแผ่วๆ
“แค่มองตาคุณ ผมก็รู้ ขอบคุณแทนเด็กๆ และนักเรียนทุกคนด้วยนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจริงใจ จนเธออดที่จะเขินและรู้สึกเกร็งในเวลาเดียวกันไม่ได้
“ขอบคุณที่นายเชื่อใจ และให้กำลังใจฉัน แต่ฉันคงจะไม่ได้อยู่ที่บ้านคลองลัดข้าวตลอดไป”
“ทราบครับ แต่ผมเชื่อว่าช่วงเวลาที่คุณอยู่ที่บ้านคลองลัดข้าวจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเรา” หมอกพูดเหมือนละเมอออกมา ทั้งสองหนุ่มจ้องตากันอย่างเนิ่นนานอย่างเผลอๆ
“แหม! พี่หมอกจ๊ะมาอยู่ที่นี่เอง นี่แน่งน้อยเดินตามหาพี่ซะทั่วโรงเรียนเลยนะ” สาวรูปร่างอวบๆเจ้าเนื้อในชุดกระโปรงพองๆโผเข้ามาเกาะแขนหมอก ใบหน้าของหล่อนที่แต่งแต้มมาอย่างประณีตบรรจง ขณะนี้เริ่มมันมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเหนือขมับและริมฝีปาก
“เอ่อ...แน่งน้อยมีธุระอะไรกับพี่เหรอ” หมอกพยายามเบี่ยงตัวหลบจากมือกาว แต่ไม่สำเร็จ
“ไม่มีหรอกจ้ะ แค่คิดถึง” ลูกสาวกำนันตึกทำเสียงอ่อนเสียงหวานชม้อยชม้ายชายตา ก่อนที่จะตวัดสายตามาทางหญิงสาวที่เคยพบหน้าค่าตากันครั้งสองครั้ง แต่ไม่เสวนากัน “แล้วมาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้จ๊ะ”
“พี่พาครูฟ้ามาเดินดูรอบๆโรงเรียน”
“ครู! ครูฟ้า!” แน่งน้อยทำตาโตเหมือนไม่เชื่อ
“ใช่ นับตั้งแต่วันนี้ฟ้าอุษาจะมาเป็นครูที่โรงเรียนบ้านคลองลัดข้าว”
“หน้าอย่างนี้จะสอนได้เหรอ แล้วจะสอนวิชาอะไรล่ะ ก.ไก่ ข.ไข่ หรือเปล่า” น้ำเสียงของแน่งน้อยมีกระแสดูถูกดูแคน
“ครูฟ้าจะมาสอนวิชาภาษาอังกฤษ และเป็นครูแนะแนวนักเรียนชั้นมัธยมสามที่โรงเรียนบ้านคลองลัดข้าว” หมอกขยายความ ทำเอาสาวเจ้าเนื้อถึงกับสะอึกไป ก่อนที่จะพูดแก้เกี้ยว
“พี่หมอกจ๊ะ อันที่จริง แน่งน้อยก็อยากจะมาสอนหนังสือ อยากจะช่วยเหลือเด็กๆน่ะจ้ะ เด็กๆไร้เดียงสา ก็เหมือนเปรียบเหมือนผ้าขาวที่ผู้ใหญ่อย่างพวกเราจะต้องช่วยดูแล” ลูกสาวกำนันเกิดรักเด็กขึ้นมากะทันหัน และโชคดีที่เมื่อวันก่อนได้ดูรายการประกวดนางงามทางโทรทัศน์ เธอเลยก็อปปี้ประโยคของนางงามมาทั้งประโยค
“แล้วแน่งน้อยถนัดวิชาอะไรล่ะ เผื่อพี่จะได้ไปปรึกษาครูใหญ่”
“เอ่อ...วิชา...” แน่งน้อยทำหน้าคิดหนัก อันที่จริงเจ้าหล่อนไม่กระดิกสักวิชา กว่าจะจบ ม.3 มาได้ เลือดตาแทบกระเด็น แล้วจะสอนวิชาอะไรดีล่ะ ก็หล่อนไม่อยากน้อยหน้าแม่สาวเมืองกรุงที่เพิ่งมาใหม่ ที่อยู่ดีๆก็มาทำตัวเด่น เสนอตัวมาสอนหนังสือที่โรงเรียน วิชาภาษาต่างประเทศเสียด้วย ลูกสาวกำนันกำลังคิดหาวิชาเหมาะๆ
“หนุ่มๆสาวๆมาอยู่กันที่นี่เอง” มีเสียงทักทายดังมาแต่ไกล
*** To be continue...***
มาติดตามความมุ้งมิ้งน่ารักของ...
นายหมอก กับ ฟ้า ในวันพรุ่งนี้นะค้า
ขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันนี้เอาบางช่วงบางตอนของ 'เพทุบายกามเทพ'
มาให้ลองอ่านกันค่ะ รับประกันความสนุก น่ารัก น่าหยิกค่ะ
“เอ้ย! เอ้ย! อย่านะ” แต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่อเธอสำลอกออกมาเป็นน้ำมีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ รดเสื้อผ้ารวมทั้งกางเกงของตัวเอง ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“โธ่เอ้ย!” เขาส่ายหัวอย่างเอือมระอา “หมอหมาเมาเป็นลูกหมา”
เจ้าของห้องหนุ่มตรงเข้าห้องน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำผสมโคโลญจน์อ่อนๆ มาเช็ดหน้าให้เธอ
ภสุวัฒน์ค่อยๆ
ถอดเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่เปรอะและเปื้อนไปด้วยอาเจียนของเจ้าตัว ตามด้วยชุดชั้นในสีขาวสะอาดที่ห่อหุ่มทรวงอกสาว
ที่ขณะนี้เปิดเผยให้เห็นความงามละะลานตา ทำเอาชายหนุ่มตัวโตกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
มือไม้สั่นเล็กน้อย จากนั้นก็ปลดกระดุมกางเกงยีนตัวฟิตดึงออกทางปลายเท้า เหลือเพียงซับในตัวสุดท้ายที่ปกปิดความเป็นสาวไว้
ชายหนุ่มสะกดกลั้นเบือนหน้าหนีความงามตรงหน้า
ตั้งอกตั้งใจเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เพียงอย่างเดียว และพยายามอย่างเต็มที่ๆ จะไม่วอกแวกไปกับร่างเนียนขาวอวบอัดเคร่งครัดไปทั้งเนื้อทั้งตัว
“พุทโธ ยุบหนอพองหนอ
ทุกอย่างในโลกล้วนไม่จีรัง” เขางึมงำเอาธรรมะเข้าข่มใจที่ฟุ้งซ่าน
“นะ...หนาวจัง”
ด้วยความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ ทำให้สาวบนเตียงคว้าแขนแข็งแรงของเขามากอด
เจ้าของต้นแขนไม่ทันตั้งตัวเสียหลักล้มคว่ำทับร่างเปลือยอย่างไม่ตั้งใจ เหมือนถูกกระแสไฟฟ้า
ชายหนุ่มแข็งชาไปทั้งตัว ด้วยความใกล้ชิดกลิ่นเนื้อหอมกรุ่นจากกายสาว ทำให้จิตใจกระเจิดกระเจิง หมดแล้วซึ่งความอดกลั้น..........
ความคิดเห็น