คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : หวั่นไหว (100%)
9
หวั่นไหว (50%)
หลังจากที่คุณหมอฉีดยาให้ มธุรสมีอาการดีขึ้น อย่างน้อยไข้ก็ไม่ขึ้นสูงเหมือนแต่ก่อน รู้สึกตัวเหมือนละเมอเป็นระยะๆ เวลาที่เขาเรียกให้กินยาหรือกินข้าว เธอก็ตอบสนองเขาได้ดีขึ้น
ยามที่เธอรู้สึกตัวก็เหมือนคนละเมอ มธุรสมักจะเรียกร้องให้เขานอนกก...กอดเธอไว้ อย่าทิ้งเธอไปไหน ทำให้จิตใจแข็งกร้าวของเขาโอนอ่อนลงและที่แน่นอนความรู้สึกว้าวุ่นกระอักกระอ่วนใจเข้ามาแทนที่ เพราะเขาเป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อ ต่อให้มีความสุขุมอดกลั้นมากขนาดไหน ลองได้มานอนกอดร่างอวบอิ่มนุ่มเนียนที่อุดมไปด้วยเลือดเนื้อของผู้หญิงสาว จิตใจก็อดแกว่งไกวไปตามแรงธรรมชาติไม่ได้ จนต้องยกเอาความโกรธเคืองออกมาเป็นกำแพงขวางกั้น และตั้งสมาธิให้มั่นคงที่จะนอนกอดเธอแต่เพียงอย่างเดียว โดยที่จะไม่ทำอะไรอื่นตามแรงธรรมชาติของเพศผู้เรียกร้อง
คืนแรกยังพอทำเนา แต่คืนที่สอง ที่สาม เขาอยากจะกลั้นใจตายเสียให้ได้ เมื่อโนมเนื้อที่อิ่มอุ่นเบียดกระแซะร่างแข็งแรงของเขาอย่างให้ท่าและเชิญชวนอย่างไม่รู้ตัว จนเขาเกือบจะตบะแตกแล้วรักเธอให้สมใจไปตามแรงธรรมชาติเรียกร้องนัก
ปรวิตต์ห่างไกลเรื่องรักๆใคร่ๆทางร่างกายมานาน ถึงแม้เขาจะมีพลังทางเพศที่ค่อนข้างสมบูรณ์ และก่อนแต่งงานก็มีบ้างกิจกรรมสำหรับหนุ่มโสดอย่างที่ผู้ชายควรจะมี แต่ความเป็นคนสุขุมที่ติดจะเคร่งขรึม จึงมักตีกรอบให้กับตนเองและนำพลังไปใช้ในกิจกรรมอย่างอื่นที่ตนเองสนใจ และชื่นชอบอย่างเช่น กิจกรรมเดินป่า ปีนเขา ดำน้ำ หรือไม่ก็เล่นกีฬา
แล้วยิ่งมาแต่งงานกับจารุลักษณ์ที่มีร่างกายบอบบางสุขภาพไม่แข็งแรง เนื่องจากโรคประจำตัวคือหอบหืด เขาจึงต้องควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง โดยให้ความทะนุถนอมและใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา
เขาไม่เคยมีอารมณ์รักและความรู้สึกต้องการมากมายเช่นในเวลานี้มาก่อนแม้แต่กับภรรยาที่ล่วงลับไปแล้ว
เขาจะต้องต่อสู้กับอารมณ์ปรารถนาใฝ่รักครั้งนี้ไปให้ได้
และที่สำคัญเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนเดียวกันกับผู้เป็นบิดา
ปรวิตต์ประกาศก้องและตั้งข้อรังเกียจอยู่ในใจ
มธุรสรู้สึกตัวอยู่บนเตียงไม้เก่าๆในห้องเล็กๆ
เธอทอดสายตาไปตามแสงแดดที่ทอแสงเข้ามาในห้องเป็นวันแรกเช่นกัน
หลังจากที่ฝนตกอยู่ตลอดสี่ห้าวันที่ผ่านมา หญิงสาวยังงงๆอยู่นิดๆ
ว่าตัวเองนั้นอยู่ที่ไหน
แต่ก็รู้สึกเต็มอิ่มเหมือนคนที่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่
ท้องของเธอส่งเสียงร้อง รู้สึกหิวจนตาลายจนสามารถกินทุกอย่างที่ขวางหน้าได้
แต่ก่อนที่จะคิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา...
...ปรวิตต์ปรากฏกายที่กรอบประตู
“อ้าว! รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
“คุณปรวิตต์! คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผู้ช่วยสาวงงที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ “เอ...นี่เธออยู่ที่ไหนกันแน่”
มธุรสพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
แต่พอนึกออก หน้าก็เริ่มเสีย
“คุณ...” ร่างอรชรร้องเรียก แล้วผุดลุกขึ้นนั่งบนที่นอน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อรู้สึกเย็นวาบๆและเห็นแววตาไหววูบของเขาที่จ้องมองมาที่เธอ มธุรสจึงก้มมองตัวเอง ก็ถึงกับตบอกตกใจ รีบคว้าผ้าห่มที่ลงไปกองอยู่ที่เอวขึ้นปิดเป็นพัลวัน
“ตายแล้ว นี่เธอมานอนเนื้อตัวเปล่าเปลือยเช่นนี้ได้อย่างไร” หญิงสาวยังไม่วายก้มลงมองเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง แล้วก็ใจหายวาบเนื้อตัวร้อนวูบไปด้วยความอับอาย เพราะว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรเลยทั้งชั้นบนชั้นล่าง
“นี่มันอะไรกันคุณปรวิตต์” มธุรสแหวเสียงแหลมทันที เธอนึกได้เลือนรางเหมือนความฝันว่า ปรวิตต์ชายที่เธอแอบปลื้ม นอนกก...กอดเธอ ลูบไล้เนื้อตัวของเธออย่างปลอบโยนและนุ่มนวล หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขที่ได้เบียดตัวอยู่ในวงแขนแข็งแรงและอบอุ่นของเขา
“ไม่ต้องมาทำขึ้นเสียงดังขนาดนี้ก็ได้ พอตื่นก็ออกฤทธิ์ขึ้นมาทันที ไม่รู้สึกหงหิวบ้างเลยหรือไง นอนไปตั้งสี่วันเต็มๆ” ปรวิตต์มีสีหน้าที่เรียบขรึมเป็นปกติ แต่น้ำเสียงออกแววรำคาญระคนหมั่นไส้ และพอเขาพูดถึงเรื่องหิว ท้องของเธอก็ส่งเสียงร้องดังขึ้นมากอีก แต่พอได้ยินประโยคสุดท้าย ว่าเธอหลับไปสี่วันเต็มๆ ก็ตกใจ
“อะไรนะ! ฉันนะเหรอหลับไปสี่วันเต็มๆ” มธุรสอุทานเหมือนไม่เชื่อ
“ใช่ เช้าวันนี้เป็นวันที่ห้า ถ้าเธอยังไม่ตื่นเห็นทีฉันจะต้องไปตามหมอมาฉีดยาเธออีกครั้งแน่”
“ตามหมอมาฉีดยาอีกครั้ง” หญิงสาวทวนคำอย่าง...งงๆ เพราะจำอะไรไม่ได้เลย
“ก็หลังจากคืนนั้น
ฉันสั่งให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้ากินข้าวกินปลาแล้วเข้านอน แต่เธอขัดคำสั่ง
เข้านอนทั้งที่เสื้อผ้าเปียก
พอรุ่งเช้าก็มีไข้ขึ้นสูงไม่รู้สึกตัวเพ้ออยู่ตลอดเวลา จนฉันต้องไปตามหมอมาดูอาการ
และฉีดยาให้ ผลของการดื้อดึงของเธอทำให้ตัวเองไม่สบาย
และคนอื่นก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
เขาพูดเชิงตำหนิผสมรำคาญ
“แล้วใครใช้ให้คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ล่ะ” มธุรสแหวเสียงดังพร้อมกับผุดจะลุก ทำให้ผ้าห่มเลื่อนไหลจนเธอต้องรีบตะครุบไว้ ร่างบางทรุดตัวลงนั่งบนที่นอนเช่นเดิม ซึ่งปรวิตต์ก็มิได้ใยดีกับคำถามย้อนกลับ ร่างสูงกลับยักไหล่ด้วยท่าทีเหมือนกับว่า มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“แล้วทำไมคุณต้องถอดเสื้อผ้าของฉันออกด้วย ในเมื่อฉันเป็นไข้ ไม่สบาย ก็ควรต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆ เพื่อความอบอุ่นของร่างกาย คุณถือโอกาสกับฉันใช่ไหม คุณปรวิตต์คุณไม่ใช่ลูกผู้ชาย” หญิงสาวฉุนเฉียว
“รู้ได้อย่างไรว่าฉันไม่ใช่ลูกผู้ชาย จะลองพิสูจน์กันไหมล่ะ เผลอๆฉันอาจจะมีทีเด็ดมากกว่าผู้ชายในสต็อกของเธอเสียด้วยซ้ำ” เขากวาดสายตากรุ้มกริ่มเป็นประกาย
รู้ยังคร๊ะ...เล่ห์มธุรส เป็นภาคต่อ... จาก ทัณฑ์น้ำผึ้งรวง ค่ะ แซ่บ!! ซี๊ดด!!
“กรี๊ดดดด!
คนบ้า”
มธุรสแทบจะไม่เชื่อสายตาว่าจะได้เห็นท่าทางยียวนกวนประสาทของผู้ชายคนนี้
ส่วนชายหนุ่มก็ไม่เคยรู้สึกอารมณ์ดีเช่นนี้มาก่อนกับการได้ยั่วผู้หญิงตรงหน้า
“เอ้า! กรี๊ดเข้าไป ก็ใครล่ะที่ดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากตัวตลอดเวลา ทั้งๆที่ฉันพยายามที่จะใส่ให้อยู่หลายครั้งหลายหน แต่เธอเองนั่นแหละที่ถอดมันออกเอง คงจะชินกับการถอดจนเป็นนิสัย” ชายหนุ่มกระแทกเสียงเย้ยหยันมองดูเธอด้วยสายตาหมิ่นๆ
“กรี๊ดดดดดดด!” เรียกเสียงกรี๊ดได้ลั่นบ้าน จนเขาต้องเอามือปิดหู
“ขอร้องล่ะอย่างเพิ่งร้องกรี๊ดกร๊าดหรือเต้นแรงเต้นกาไปมากกว่านี้เลย มันอุจาดลูกตา หาผ้าผ่อนใส่ซะแล้วออกมาทานข้าวต้ม เพิ่งทำเสร็จกำลังร้อนๆ” ร่างสูงตัดบท หญิงสาวหยุดกึกพอได้ยินเรื่องอาหารท้องไส้ก็ร้องเอ็ดอึง รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“คุณก็ออกไปก่อนสิ แล้วปิดประตูด้วย” มธุรสสั่งเขาเสียงดังหน้าคว่ำ
“จะอายทำไม เห็นจนเบื่อ” เขาพึมพำหัวเราะในลำคอ
“คุณว่าอะไรนะ ?”
“เปล่า! ฉันจะไปรอข้างนอก” ร่างสูงยักไหล่ ตอบสั้นๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง
มธุรสลุกขึ้นจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าที่ตั้งอยู่มุมห้อง แต่เธอก็ต้องทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียงเพราะขายังไม่มีแรง อาจเป็นเพราะเธอนอนนานอย่างที่เขาว่า หญิงสาวเลือกสวมเสื้อยืดใส่สบายและกางเกงขาห้าส่วนเดินกระย่องกระแย่งออกไป
“มีข้าวต้ม ไข่เจียว และยำผักกาดดองกระป๋อง ทานได้ไหม”
“ทานได้ค่ะ ตอนนี้กินช้างทั้งตัวยังได้” มธุรสนั่งลง ขอสงบศึกชั่วคราว เธอลงมือรับประทานข้าวต้มอย่างหิวโหยจนอาหารทุกจานบนโต๊ะหมดอย่างรวดเร็ว “อุ๊ย! ฉันทานซะหมดแล้ว แล้วคุณจะทานอะไร” หญิงสาวเพิ่งนึกขึ้นได้
“ไม่เป็นไร ฉันเรียบร้อยแล้ว ถ้าเธอทานได้มากอย่างนี้เห็นทีจะหายแล้ว ฉันจะได้ออกไปทำงานทำการเสียที”
มธุรสเพิ่งสังเกต ปรวิตต์สวมเสื้อเชิ๊ตลายสก๊อตสีน้ำตาลเข้มกับกางเกงยีนส์สีซีดๆ เข็มขัดหนังสีน้ำตาลเส้นโตคาดอยู่ที่เอวส่งผลให้เรือนร่างของเขาสูงใหญ่บึกบึนไหล่กว้างมีมัดกล้าม ต้นขาเพรียวแข็งแรงอยู่ใต้ยีนส์กระชับตัวกว่าแต่งชุดสูทอยู่ในออฟฟิศที่กรุงเทพเป็นไหนๆ
“กรุงเทพ จริงสิ...ปรวิตต์พาตัวเธอมา แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน”
“ที่นี่...ที่ไหน ?” หญิงสาวโพล่งถามเสียงดัง
“เกาะช้องนาง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเรียบๆ
“เกาะช้องนาง !!”
**** จบตอนค่ะ ****
ฉันคิดไปเป็นชาวเกาะ คริ คริ
ก็อยากไปอยู่บ้านท้ายเกาะ บนเกาะช้องนางนี่นา
แล้วคุณวิตต์ กับ มธุรส จะอยู่ด้วยกันยังไง ต้องติดตามต่อค่ะ
รับรองว่า...สนุกแน่ !!! เสียยิ่งกว่าแน่ค่ะ 55555
ตอนหน้ามีชื่อตอนว่า เชลย ค่ะ รับรองว่า...สนุกแน่ !!!
ใครที่อยากสนุกม้วนเดียวจบ พร้อมตอนพิเศษ
อะไรเอ่ย ?? แฝงอยู่ภายใต้ชุดแดงแรง (ส์) ฤทธิ์ของหล่อน
สั่งหนังสือเข้ามาเลยนะคะ
หนังสือพร้อมส่งวันจันทร์นี้แล้วค่ะ
รับรองได้จริงๆ ค่ะว่า...สนุกมากกกกกกกกกก
แล้วคุณจะแอบหลงรักคุณวิตต์ผู้เคร่งขรึมคนนี้ค่ะ
และก็จะแอบอิจฉามธุรสเล็กน้อย คริ คริ
สั่งเข้ามากันเยอะนะค้า
จำปีขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น