ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลัดฟ้ามาเสี่ยงรัก (สนพ.ทัช) FLY FOR LOVE

    ลำดับตอนที่ #14 : น้องนางบ้านนา พ่วงด้วยน้องช่อน น้องปลิง มาครบ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 60



    ตอนที่ 6. น้องนางบ้านนา พ่วงด้วยน้องช่อน น้องปลิง มาครบ (100%)


    ฟ้าอุษาทั้งเจ็บทั้งจั๊กจี้ดิ้นไม่หยุด เธอแกะกระดุมเสื้อด้านหน้าออก แต่ไอ้ช่อนดันดิ้นไปอยู่ด้านหลัง เธอเลยดึงเสื้อออกจากผ้าถุงและเข็มขัดที่รัดไว้วุ่นวาย ไอ้ช่อนร่วงผล็อยตกลงพื้น หมอกลุยขี้โคลนเข้ามาตะครุบไว้ทัน ก่อนที่จะถาม


    “เป็นไงบ้างคุณ”


    “ก็เจ็บนะสิ หนามมันตำฉันจนพรุนไปหมดแล้ว” หญิงสาวสำรวจบริเวณหน้าอกหน้าใจและเนื้อตัวของตัวเองที่เลอะไปด้วยขี้โคลน แล้วรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ถูกเงี่ยงปลาตำ


    “ใครเขาเรียกหนาม เขาเรียกเงี่ยงปลา” หนุ่มลูกทุ่งส่ายศีรษะนึกระอา ก่อนที่จะร้องลั่น  เดี๋ยวคุณ!


    มือที่กำลังจะติดกระดุมเสื้อถึงกับต้องชะงัก เงยหน้าขึ้นมามอง ก็ต้องโกรธผสมอาย เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังมองมาที่หน้าอกของเธอเขม็ง


    “อย่าเพิ่งติดกระดุม”


    “คนบ้า ลามก” เธอรีบทบสาบเสื้อเข้าหากัน


    “ผมไม่ได้ลามก”


    “ถ้าไม่ได้ลามก แล้วมาบอกฉันไม่ต้องติดกระดุมทำไม”


    “ก็ปลิงมันเกาะอยู่ที่หน้าอกของคุณ”


    “ห้ะ! จริงเหรอ ว้ายยยย!” หญิงสาวได้ตาเหลือกอีกรอบ “ไหนๆ ตรงไหน ทำไมฉันไม่เห็นเลย”


    ฟ้าอุษาเปิดสาบเสื้อออกจนเกือบจะเป็นถอด เมื่อเห็นปลิงสีดำเหมือนขี้โคลนเกาะอยู่บนเนินอกของตัวเองจริงๆก็เต้นเร่าๆ จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างยั่วยวน จนหนุ่มลูกทุ่งรู้สึกใจหวิวๆ ลำคอออกจะแห้งๆ


    “ช่วยด้วย! ช่วยเอาไอ้ปลิงนี้ออกไปที” หญิงสาวอยากจะร้องไห้เต็มแก่


    “จะให้ผมทำยังไง” หมอกกลืนน้ำลาย


    “ทำอะไรก็ได้เร็วๆ เข้าซี่ๆๆๆ”


    หมอกเอื้อมมือมาแกะปลิงตัวขนาดเท่านิ้วก้อยออกจากเนินอกอวบ ซึ่งมันก็เกาะแน่นดูดเลือดจากอกสาวจนตัวเป่ง


    “นมใหญ่ขนาดนี้ เจ้าปลิงมันดูดเสียเพลินเชียว” หนุ่มลูงทุ่งคิดพิเรนนึกอยากจะเป็นปลิงขึ้นมาบ้าง ก่อนที่จะยื่นเจ้าตัวสีดำเข้ามาใกล้หน้าหญิงสาว


    “ยี้! คนบ้า” หญิงสาวก่นด่า ปัดมือเขาออกห่างอย่างขยะแขยง แล้วลุยโคลนหนีกลับไปบนคันดิน แล้วหันมาตะโกนบอกหลานสาวกับเพื่อน “แก้ว จ้อย พี่จะกลับบ้านแล้ว”


    “อ้าว! ไม่รอกลับพร้อมกันหรือจ๊ะ”


    “ไม่แล้ว” พูดจบก็สะบัดหน้ากลับเดินจ้ำอ้าวไม่แยแสคนที่ตะโกนแซวไล่หลังเธอสักนิด


     

    บ่ายวันนี้ฟ้าอุษาตามป้าเทียนหยดเข้าไปในสวนส้มโอหลังบ้านที่กำลังให้ผลดก คนในจังหวัดนี้นอกจากจะทำนาปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักแล้ว การปลูกส้มโอก็ถือว่าเป็นอาชีพรองที่ทำรายได้ดีไม่แพ้การปลูกข้าว ส้มโอของจังหวัดนี้ขึ้นชื่อว่าเนื้อหวานกรอบอร่อยนัก


    “เดือนหน้าก็น่าจะเก็บได้ทั้งหมด” เทียนหยดพูดพลางใช้มีดปลายแหลมปอกเปลือกส้มโออย่างคล่องแคล่วชำนิชำนาญ ก่อนที่จะแกะเนื้อแล้วส่งให้หลานสาว “ลองชิมดูสิลูก”


    “ว้าว! กรอบแล้วก็หวานมากค่ะ” ฟ้าอุษาเคี้ยวตุ้ยๆ


    “นี่ล่ะจ้ะ ของดีบ้านเรา ป้ากล้าพูดเลยนะว่าส้มโอบ้านเราอร่อยไม่แพ้จังหวัดอื่น”


    “แล้วเราจะเก็บไปไหนคะ” หลานสาวสนใจใคร่รู้


    “ก็จะมีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงบ้าน หรือไม่ก็เอาไปฝากขายที่สหกรณ์จังหวัด”


    “ดีจังนะคะ ส้มโอจะเป็นรายได้อีกทางของชาวบ้าน”


    “ใช่ลูก ถ้าชาวบ้านมีงานมีรายได้ การเป็นอยู่ก็จะดีขึ้น คนบ้านเราก็จะไม่ทิ้งครอบครัวทิ้งนาทิ้งสวนไปทำงานที่กรุงเทพ หรือไปเมืองนอก” เทียนหยดมีสีหน้าและน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย ซึ่งฟ้าอุษาก็พอจะเข้าใจว่าป้าเทียนหยดน่าจะคิดถึงลูกสาวคนเดียวที่เดินทางตามสามีไปขายแรงงานที่ตะวันออกกลาง


    “แล้วนี่ป้าเทียนจะเก็บใบไม้แห้งไปทำอะไรคะ”


    “ทำปุ๋ยหมักลูก คุณปลัดเขาแนะนำ เพื่อลดค่าใช่จ่าย แล้วลดการใช้ปุ๋ยที่มีสารเคมีที่จะทำให้มีสารพิษตกค้าง และทำลายดิน”


    “ฟ้าช่วยเก็บค่ะ”


    “จ้ะ ถ้าอย่างนั้นฟ้าไปเก็บทางด้านโน้นแล้วกันลูก”


    “ค่ะ” ฟ้าอุษาคว้าเข่ง แล้วเดินอ้าวไปยังทิศทางที่ป้าเทียนหยดบอก ระหว่างที่กำลังเก็บใบไม้แห้งอย่างขะมักเขม้น


    “เจ้าเหมียวอย่า! เจ้าเหมียวอย่านะ...”


    ฟ้าอุษาหันขวับไปมองเห็นหมาตัวใหญ่สีน้ำตาลกำลังกระโดดอ้อมหน้าอ้อมหลังอย่างคึกคะนองรอบตัวคุณยายคนหนึ่ง ก่อนที่หญิงชราจะเสียหลักล้มลง ส่วนเจ้าหมาตัวใหญ่ก็วิ่งไล่ตัวอะไรสักอย่างลงไปในท้องร่อง


    “คุณยาย...”  หญิงสาวทิ้งไม้กวาดทางมะพร้าววิ่งหน้าตั้งเข้าไปหา เธอช่วยพยุงผู้สูงวัยให้ลุกขึ้น “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”


    “ไม่...ไม่เป็นอะไรจ้ะ ขอบใจมาก”


    ถึงบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ฟ้าอุษาก็ไม่กล้าปล่อยมือออกจากคุณยายที่มีรูปร่างอวบท้วม แต่ยังแข็งแรง และมีบุคลิกสง่างามไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป เส้นผมบนศีรษะขาวโพลน แต่ใบหน้ายังเต่งตึงและมีรอยยิ้มที่มุมปากอยู่ตลอดเวลาเหมือนผู้ใหญ่ใจดี หญิงสาวรอจนคุณยายทรงตัวได้อย่างมั่นคงขึ้นถึงค่อยๆปล่อยมือ


    “ดูเถอะเจ้าเหมียวเข้าสวนที่ไรมันคึกทุกที” คุณยายบ่น แต่เมื่อหญิงสาวทำหน้างงๆ ก็อธิบายต่อ “ไม่ต้องทำหน้าสงสัย เจ้ายักษ์นั่นมันชื่อเจ้าเหมียว”


    ฟ้าอุษาขำกิ๊กเจ้าหมาไทยตัวใหญ่สีน้ำตาลชื่อน้องเหมียว เจ้าของช่างตั้งชื่อได้ขัดแย้งกันมาก หมาอะไรดันชื่อแมว


    “พ่อหลานชายฉันเป็นคนตั้งชื่อให้มัน” ผู้สูงวัยกว่าเดาได้ถูก จึงขยายความต่อ “เมื่อตอนเด็กๆ มันร้องเหมียวๆเหมือนลูกแมว”


    “ชื่อมันไม่สมกับตัวเลยนะคะ”


    “หนูไม่ใช่คนแถวนี้นี่” คุณยายมองหญิงสาวคราวหลานตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์


    “หนูเป็นหลานสาวป้าเทียนหยดค่ะ”


    “อ๋อ! ได้ยินอยู่เหมือนกันว่าแม่เทียนมีหลานสาวจากกรุงเทพมาอยู่ด้วย”


    “ค่ะ แล้วคุณยายอยู่แถวนี้เหรอคะ”


    “บ้านเราติดกัน มีสวนส้มโอแม่เทียนคั่นอยู่”


    “ถ้าอย่างนั้นหนูเดินไปส่งนะคะ”


    “ขอบใจจ้ะ” คุณยายไม่ได้ปฏิเสธ แต่เดินนำหน้าขึ้นไป ฟ้าอุษาเดินตามใกล้อย่างห่วงใย แต่ไม่เข้าประคอง เพราะผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ไม่ชอบแสดงความอ่อนแอต่อหน้าผู้อื่นโดยเฉพาะลูกหลาน และไม่ชอบที่จะได้รับความช่วยเหลือเกินความจำเป็น จากประสบการณ์ที่ต้องเจอคนหลายเพศ หลายวัยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ทำให้เธอทราบดี


    “นั่นวัวควายของใครคะ เยอะจัง” ฟ้าอุษาถามเมื่อเห็นวัวควายสิบกว่าตัวกำลังเลาะเล็มหญ้าที่ชายทุ่งอีกด้านหนึ่ง


    “อ๋อ...ของหลานชาย เขาขี้สงสารไปซื้อมาจากหน้าโรงงานฆ่าสัตว์” คุณยายพูดถึงหลานชายเป็นครั้งที่สองด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ดูเขาจะเป็นหนุ่มขี้เล่นดูได้จากการตั้งชื่อสุนัข และยังมีใจเมตตากรุณาไถ่ชีวิตโคกระบือหน้าโรงงานฆ่าสัตว์


    “แล้วจะทำยังไงกับเจ้าวัวควายพวกนี้คะ”


    “ก็เลี้ยงมันไว้ใช้งานและมีโครงการให้ชาวบ้านยืมไปไถนา ซึ่งก็จะประหยัดต้นทุนเรื่องค่าเช่ารถไถและน้ำมัน ในเวลาเดียวกันก็ช่วยชีวิตเจ้าวัวควายพวกนี้ดีกว่าปล่อยให้มันถูกฆ่านำเนื้อมาเป็นอาหารโดยไม่จำเป็น”


    ฟ้าอุษารู้สึกชื่นชมในตัวหลานชายของคุณยายทั้งๆที่ยังไม่รู้จักกัน


    แต่ก่อนที่จะออกเดินต่อก็มีเด็กสาวอายุประมาณสิบแปดสิบเก้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาคุณยายสูงวัย


    “คุณนายเจ้าขา...ไปไหนมาคะ”


    “ก็อยู่แถวๆนี้ ไม่ได้ไปไหน  เจ้าหวานแกอย่ามาทำหน้าตื่นตกใจขนาดนั้น”


    “ก็หนูเห็นเจ้าเหมียวมันไปวิ่งไล่ตะครุบหนูอยู่แถวโน้นเลยตกใจว่าคุณนายไปไหน”


    “ไม่มีอะไร”  คุณยายทำเสียงดุๆ ก่อนที่จะหันมาพูดกับเธอ “ไปกินน้ำกินท่าที่เรือนฉันก่อนไหม”


    “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ ถ้าคุณยายมีหลานมารับแล้ว ฟ้าขอตัวกลับก่อน”


    “ขอบใจมาก วันหลังก็แวะมาเยี่ยมเยือนกันบ้างนะ” คุณนาย ของเด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเมตตาเอ็นดูรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวคราวลูกคราวหลานอย่างบอกไม่ถูก


    “แล้วฟ้าจะมาเยี่ยมคุณยายนะคะ สวัสดีค่ะ” ฟ้าอุษายิ้มประจบประแจงผู้ใหญ่รู้สึกถูกชะตากับผู้สูงวัยเช่นกัน


     

    *** จบตอนคร่า ***

     

    ช่วยเข้ามาให้กำลังใจ...นายหมอก กับ น้องนางฟ้าด้วยนะค้า

    จำปีเริ่มจะท้อแล้วอ่ะ 555

     

    พรุ่งนี้พบกับตอนใหม่นะค้า

     วันนี้จำปีขอแนะนำนิยายเรื่อง เพทุบายกามเทพ ค่า

    ตั้งแต่เขียนนิยายมาพี่วัฒน์...เป็นพระเอกที่เจ้าเล่ห์เพทุบายที่สุดๆๆๆๆๆๆ

    แถมหื่น…ได้น่าตบมากกกกกกกกกก

    (เจอนางเอกของเราที่ไหน หาเรื่องปล้ำเขาตลอด) 555

    ส่วนน้องภาสัตวแพทย์ก็ใช่ย่อย พยศได้ใจ เปรียบ...ม้าสาวพันธุ์ดี ก็ต้องพยศ

    พี่วัฒน์ก็เลยต้องออกทั้งแรง ออกทั้งอุบายปราบ

    กว่าจะได้ขึ้นขี่ม้าเปรียวสาวแสนสวยนางนี้

    คู่นี้ เรียกว่า...สมน้ำสมเนื้อจริงๆ

    ยอมรับว่าจำปีเขียนเรื่องนี้ไป ก็หวาบบบบบ หวิวไป คริ คริ

    รับรองว่าสนุก! ไม่ผิดหวัง จริ๊งจริง! จำปีคอนเฟิร์ม!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×