คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : อุบัติร้าย ซ่อนเงื่อน (50%)
เธอ...
7
อุบัติร้าย ซ่อนเงื่อน (50%)
“วิตต์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ จอยขับเองได้บ้านคุณพ่อคุณแม่แค่นี้เอง วิตต์รีบไปเคลียร์งานกับคุณพ่อเถอะค่ะ” จารุลักษณ์บอกกับสามีให้คลายกังวล
“ฝากขอโทษคุณแม่ด้วยนะครับ” ปรวิตต์รู้สึกผิดที่ไม่สามารถไปร่วมทานข้าวเย็นบ้านพ่อตาแม่ยายได้ ทั้งๆที่แม่ยายเตรียมทำน้ำพริกกุ้งเสียบของโปรดไว้ให้เขา แต่เพราะเขามีงานด่วนกับบิดาที่จะต้องเคลียร์ให้เสร็จ ก่อนที่ปิรัณจะต้องเดินทางไปนิวยอร์คในคืนนี้ จารุลักษณ์จึงขับรถไปคนเดียวตามลำพัง
“อ้าว! จอยมาแล้วเหรอลูก แล้วตาวิตต์ล่ะ” ตวงเต็มผู้เป็นมารดาทักลูกสาว
“วิตต์ฝากขอโทษคุณแม่ เพราะติดงานด่วนที่จะต้องเคลียร์กับคุณพ่อ พอดีว่าคุณพ่อวิตต์จะต้องเดินทางไปนิวยอร์คคืนนี้ค่ะ” จารุลักษณ์เดินเข้ามาในบ้าน “แล้วนี่ไปไหนกันหมดคะ บ้านเงียบเชียว”
“คุณพ่อไปออกรอบกับก๊วนเพื่อนเดี๋ยวคงจะกลับ นายเจตต์พาลูกค้าไปพัทยา ส่วนยัยจิลไปค้างที่คอนโด”
อาหารเย็นวันนั้นจึงมีแค่จารุลักษณ์กับจิระและตวงเต็ม เสร็จจากรับประทานอาหารหญิงสาวยังนั่งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับบิดาและดูละครเป็นเพื่อนมารดา เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขัดจังหวะขึ้น
“เดี๋ยวจอยรับเองค่ะ” จารุลักษณ์เดินไปรับโทรศัพท์ ก่อนที่จะเดินกลับมาและบอกว่า
“จิลโทรมาค่ะ บอกว่ารถเสียอยากให้รถที่บ้านไปรับที่คอนโด แต่จอยว่า...จอยไปรับน้องเองดีกว่า นี่มันจะสามทุ่มแล้ว นายสมชายจะได้พักผ่อนพรุ่งนี้ต้องขับรถให้คุณพ่อแต่เช้าอีก” จารุลักษณ์เสนอตัว
“ลูกคนนี้เอาแต่ใจตัวเอง” ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าอย่างหนักใจ
“เอาเถอะน่าคุณ! จอยไปรับน้องหน่อยนะลูก” จิระพูดกับลูกสาวคนรอง
“คุณก็เป็นซะอย่างนี้ ตามใจกันเข้าไป ยัยจิลถึงได้เอาแต่ใจตัวเอง จนแทบจะไม่เห็นหัวใครอยู่แล้ว” ตวงเต็มบ่นผู้เป็นสามีแทน
พอจารุลักษณ์เลี้ยวรถเข้ามาในคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เธอจอดรถรอสักครู่ก็เห็นน้องสาวเดินโซเซออกมา
“จิลดื่มเหล้าเหรอ” จารุลักษณ์ยิงคำถามแรกทันทีที่ร่างโปร่งระหงในชุดเสื้อหนังกระโปรงสั้นสีดำขึ้นมานั่งบนรถ ที่นั่งข้างคนขับ
“ก็นิดหน่อย” น้ำเสียงของจิลดาส่อสำเนียงไม่พอใจ “แต่ปวดหัวจัง”
“แล้วจะดื่มเข้าไปทำไม เหล้าไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย”
“พี่จอยรู้ได้ไงว่าเหล้าไม่มีประโยชน์ อย่างน้อยเหล้าก็เป็นเพื่อนที่จงรักภักดีในยามที่เราเหงาไม่มีใคร คนอย่างพี่จอยไม่เข้าใจถึงความรู้สึกนี้หรอก” น้ำเสียงออกแววขมขื่นก่อนที่จะพลิกตัวหันหลังให้
จารุลักษณ์ขับรถพาน้องสาวกลับบ้าน คิดในใจว่าพ่อกับแม่จะรู้สึกอย่างไร ถ้าเห็นสภาพของลูกสาวคนเล็ก ถึงแม้จะมีเรื่องที่กัดกินใจกันอยู่ลึกๆระหว่างพี่น้อง แต่อย่างไรเสีย ก็คือสายเลือดเดียวกัน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น จารุลักษณ์รีบรับและกรอกเสียงหวานลงไปทันที
“ค่ะวิตต์ คือ...จอยกำลังขับรถ ไม่ใช่ค่ะ จอยขับรถไปรับจิลที่คอนโดไปส่งที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ก่อน จิลเมานิดหน่อยค่ะ ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องมารับ จอยส่งจิลเรียบร้อยแล้ว ก็จะรีบกลับบ้านทันทีเลยค่า แล้วคุยงานกับคุณพ่อเสร็จแล้วเหรอ” หญิงสาวหยุดฟังคู่สนทนา ยิ้มหวานอยู่บนใบหน้าขณะที่ปลายสายพูดอยู่
“บ้า! เซี้ยวใหญ่แล้วนะวิตต์ คืนนี้จะทำโทษอะไรจอย ก็จอยไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จอยไม่กลัวคุณหรอก ค่ะวิตต์ เดี๋ยวเจอกันค่ะ” จารุลักษณ์หยอกล้อหัวร่อต่อกระซิกก่อนที่จะวางสาย ช่างบาดอารมณ์ความรู้สึกของน้องสาวที่นอนกัดฟันกรอดๆอยู่ข้างๆยิ่งนัก
“จอดรถ” เสียงตวาดลั่น ทำเอาจารุลักษณ์ถึงกับต้องเหยียบเบรก
“เป็นอะไรจิล” จิลดาไม่ตอบ เธอเปิดประตูแล้ววิ่งออกจากรถไปอาเจียนอยู่บนไหล่ทาง “เป็นอย่างไรบ้าง ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้คงจะไม่สบายใจ” จารุลักษณ์ตามเข้ามาลูบหลังลูบไหล่น้องสาว ซึ่งจิลดาก็ปัดมือพี่สาวออกอย่างแรง
“ไม่ต้องมายุ่งกับจิล เชิญพี่จอยกลับไปหาสามีสุดที่รัก สุดสวาทขาดใจเถอะ”
“จิลทำไมพูดแบบนี้ พี่เป็นห่วงเธอนะ”
“ไม่ต้องทำมาเป็นห่วง คนทรยศ” จิลดาจ้องพี่สาวตาขวาง
“จิล...” จารุลักษณ์ตกใจกับท่าทีกระด้างจนน่ากลัวของน้องสาว
“ไม่ต้องทำมาเป็นตกอกตกใจ อย่าเสแสร้งว่าไม่รู้ ไม่เห็น พี่จอยรู้อยู่แก่ใจเชียวล่ะ”
“เธอพูดเรื่องอะไร พี่ไม่รู้เรื่อง...” จารุลักษณ์เสียงอ่อยลง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าน้องสาวหมายถึงเรื่องอะไร
“กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้องเรื่องพี่วิตต์ คิดดูให้ดีๆ จิลรู้จักพี่วิตต์มาก่อน แล้วจิลยังเป็นคนแนะนำให้พี่จอยรู้จัก แต่พี่จอยกลับหักหลังจิลแย่งเขาไปอย่างหน้าด้านๆ นี่นะเหรอพี่สาวผู้แสนดี นางฟ้า นางสวรรค์ที่ใครๆเขาชื่นชมกัน ที่ไหนได้นางปีศาจชัดๆ แย่งได้แม้กระทั่งคนรักของน้อง”
“เธอบ้าไปแล้วจิลดา เธอเอาอะไรมาพูด” จารุลักษณ์หน้าขาว เมื่อได้ยินคำผรุสวาทเกลียดชังจากน้องสาว
“อย่ามาทำเสแสร้ง ตั้งแต่เด็กพี่จอยคอยทำตัวเรียกร้องความสนใจ แย่งความรักความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่ แย่งความสนใจจากพี่เจตต์ ผิดกับจิลที่ไม่มีใครสนใจ เป็นแค่เด็กขี้อิจฉา ที่อิจฉาพี่สาวตัวเอง พี่จอยแสนดีเลิศเลอเพอร์เฟคอยู่คนเดียว แต่ใครจะรู้บ้างว่าทั้งหมดพี่จอยสร้างภาพ พี่จอยแย่งของรักทุกอย่างไปจากน้องสาว แม้แต่พี่วิตต์พี่จอยก็ยังแย่งน้องไปอย่างหน้าด้านๆ” จิลดาระบายออกมาหมดด้วยความคับแค้นใจผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอลล์ “นางมารร้าย นังปีศาจ”
“จิลดา...” ผู้เป็นพี่สาวได้แต่ยืนตัวแข็ง
สายฝนเริ่มโปรยปายอย่างไม่มีปี่มีขลุย ร่างระหงในชุดหนังสีดำเดินโซซัดโซเซไปขึ้นรถ ประจำที่นั่งคนขับ จารุลักษณ์เริ่มรู้สึกตัววิ่งตามมาที่รถ
“นั่นเธอจะไปไหน เธอเมาอยู่นะจิลดา ขับรถไม่ได้หรอกนะ” ไม่มีคำตอบจากสาวสวยที่นั่งหลังพวงมาลัย ทำให้จารุลักษณ์ต้องวิ่งไปเปิดประตูรถที่นั่งข้างคนขับ รถยนต์เคลื่อนตัวออกโดยที่พี่สาวยังไม่ทันจะปิดประตูด้วยซ้ำ
“พี่เป็นคนขับดีกว่าไหม” ผู้เป็นพี่สาวถามเสียงสั่นเมื่อเห็นแผงหน้าปัดความเร็วของรถยนต์ไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบ สายฝนเริ่มโปรยปรายหนักขึ้น
“กลัวเหรอ จิลไม่เห็นจะกลัวเลย” ว่าแล้วน้องสาวก็กระแทกรองเท้าส้นสูงลงบนคันเร่งอย่างบ้าระห่ำ
“จอดรถ พี่บอกให้จอด” จารุลักษณ์แย่งหักพวงมาลัยรถ เมื่อเห็นรถบรรทุกคันใหญ่วิ่งช้าๆขวางอยู่ข้างหน้า
“ว้ายยยยยยยยยยย !!!”
“โครม!”
ที่บริษัทนภศุภ์ คอนสตรัคชั่น
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณพินิจ รสมาถึงเห็นพนักงานกำลังคุยกันใหญ่ จริงหรือเปล่าคะ” มธุรสถามเพื่อนร่วมงานที่นั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน ซึ่งมธุรสก็ใจเสียนึกภาวนาขออย่าให้เป็นเรื่องจริง แต่เมื่อศุพินิจพยักหน้า ผู้ช่วยสาวก็ถึงกับเข่าอ่อน เธอนึกถึงผู้หญิงรูปร่างบอบบางใบหน้าอ่อนโยนผ่องใส มีรอยยิ้มเป็นมิตรให้กับทุกๆคน น้ำใสๆซึมออกมาจากดวงตาแบบไม่รู้ตัว เธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้รับข่าวร้ายเช่นนี้ในเช้าวันเริ่มต้นของสัปดาห์
“เกิดเรื่องเมื่อไหร่คะ พอดีรสพาแม่ไปทำบุญที่ต่างจังหวัด” มธุรสถามอย่างอ่อนแรง
“เรื่องเกิดเมื่อวันคืนวันเสาร์” ศุพินิจก็รู้สึกเสียใจ เพราะเขานั้นก็ชอบพอกับลูกชายคนโตของผู้เป็นเจ้านายค่อนข้างมาก เมื่อเกิดเหตุร้ายกับครอบครัวของชายหนุ่ม ก็ทำให้รู้สึกเศร้าสลดใจไปด้วย
“แล้วงานของคุณน้อยที่นิวยอร์คกับแวนคูเว่อร์ล่ะคะ”
“ผมเลื่อนให้เรียบร้อยหมดแล้ว พอดีคืนนั้นเที่ยวบินของคุณน้อยที่จะเดินทางไปนิวยอร์คเกิดลาช้าไปจากตารางเวลาเดิมสามชั่วโมง พอตำรวจโทรไปแจ้งข่าว ก็เลยขอยกเลิกการเดินทาง” ศุพินิจรู้เรื่องดีเพราะเขาถูกเรียกตัวให้มาจัดการเรื่องงานแทนปิรัณในคืนวันนั้นเลย
“แล้วคุณ...คุณปรวิตต์ล่ะค่ะ” มธุรสกลั้นใจถาม
“ตอนนี้เก็บตัวเงียบอยู่ที่บ้าน คงจะเสียใจมาก เพราะทุกอย่างรวดเร็วไม่ทันได้ตั้งตัว”
“นั่นน่ะสิคะ” ผู้ช่วยสาวครางเสียอ่อยๆ รู้สึกเสียใจและพอจะเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ไม่ต่างกับเธอที่เคยรู้สึกสูญเสียผู้เป็นพ่อไปตั้งแต่เด็กอายุได้สิบขวบ
“แล้วซ้ำร้ายเข้าไปอีก เมื่อคุณชมัยพรทราบข่าวก็ถึงกับช็อคโรคหัวใจกำเริบ จนต้องส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน คุณน้อยกับคุณวิตต์เลยต้องวิ่งวุ่นกันไปหมด”
“โธ่! คุณชมัยพร” มธุรสถึงกับครางเบาๆอีกครั้ง เมื่อทราบเรื่องร้ายซ้ำซ้อน
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ และนำพาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจมาสู่ตระกูลนภศุภ์อีกครั้งหลังจากที่ต้องสูญเสียปริญญ์และสุภาพรรณ นภศุภ์ บิดามารดาของปณพล ปุริศ และปริวิภาที่ถูกลอบยิงเสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
งานศพของจารุลักษณ์ นภศุภ์ ถูกจัดขึ้นตามประเพณีอย่างเรียบง่าย แต่ก็มีแขกเหรื่อมิตรสหายในวงการธุรกิจต่างๆมาร่วมแสดงความเสียใจ ญาติพี่น้องตระกูลนภศุภ์ต่างมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงไม่ว่าจะเป็นปัฐณ์ ฤทัย ซึ่งเดินทางมาจากไร่นภศุภ์ทันทีที่ทราบข่าว ปริวิภากับภสุวัฒน์ตามไล่หลังมาจากไร่ชวัลกร ปุริศกับแพรวาขึ้นมาจากหาดใหญ่ ปวีณาและเจ้าคำวงศ์ วิรุณทิวงศ์ ก็ลงมาจากเชียงใหม่ ติดแต่คู่ฝาแฝดคฑาเทพกับคลิมาลย์ที่อยู่ต่างประเทศ ผู้ที่เป็นพ่องานแม่งานในงานนี้คือปณพล อสิตและอรสุดา เพราะปิรัณกับปรวิตต์ต้องวิ่งไปมาระหว่างวัดกับโรงพยาบาล โดยมีปริมาคอยเฝ้าดูแลชมัยพรอยู่ที่โรงพยาบาล
หลังเลิกงานมธุรสจะมาช่วยงานที่วัดทุกคืน เธอรู้สึกเสียใจและหดหู่กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของหญิงสาวผู้อาภัพ ถึงแม้เธอเพิ่งจะได้รู้จักกับจารุลักษณ์ และพบกันไม่กี่ครั้ง แต่ก็รู้สึกถูกอัธยาศัยกันมาก
มธุรสสังเกตเห็นความร้าวรานในดวงตาของปรวิตต์ภายใต้ดวงหน้าคมสันเคร่งขรึม ที่พยายามปกปิดความรู้สึกไว้อย่างที่สุด แต่หาปกปิดได้ไม่ ความเศร้าโศกเสียใจเปล่งออกมาทางแววตาและสภาพร่างกายที่เคลื่อนไหวได้แต่ไร้วิญญาณ ต่อให้ปรวิตต์แข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถต้านทานความเสียใจจากการสูญเสียครั้งนี้ไปได้
งานฌาปนกิจมีขึ้นทันทีที่สวดครบเจ็ดวัน จิลดาไม่เคยปรากฏกายมาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ เพราะต้องนอนพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล จิลดามาร่วมงานด้วยอาการเศร้าโศกร้องไห้ฟูมฟาย โทษว่าเป็นความผิดของตนที่ให้พี่สาวขับรถมารับตนในคืนวันนั้น ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนต้องจบชีวิตลง
หญิงสาวผู้น้องพร่ำรำพันว่าคนที่สมควรจบชีวิตคือเธอ ไม่ใช่จารุลักษณ์ ปรวิตต์เคร่งเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นอาการฟูมฟายโทษตัวเองของน้องสาวภรรยา เขาเองก็มีส่วนผิด ถ้าคืนนั้นเขาอยู่ด้วยกับจารุลักษณ์ความสูญเสียครั้งใหญ่นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ถ้าจะโทษก็สมควรที่จะโทษตัวเองที่ดูแลภรรยาไม่ดีพอ ปณพลและปุริศเดินเข้ามาตบบ่าญาติผู้น้องผู้ซึ่งสูญเสียเบาๆด้วยความเห็นใจและให้กำลังใจ
อาการฟูมฟายเสียอกเสียใจของจิลดาตกอยู่ภายใต้สายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มแสยะที่มุมปากของบุรุษที่แอบแฝงไม่เปิดเผยตัว ที่คิดหวังจะแสวงหาผลประโยชน์จากเธอ เพื่อแลกกับการปกปิดความลับว่าใครเป็นคนขับรถตัวจริงในคืนวันนั้น และปล่อยให้หญิงสาวอีกคนต้องจบชีวิตลง
เนื่องจากเกรงกลัวความผิด ทำให้จิลดาบิดเบือนความจริงและโบ้ยความผิดให้เป็นของผู้ตาย โดยให้การกับตำรวจว่า คืนวันเกิดเหตุจารุลักษณ์ขับรถไปรับเธอที่คอนโดมิเนียมเพื่อไปส่งบ้าน ระหว่างทางเกิดฝนตกหนักทำให้มองไม่เห็นว่ามีรถบรรทุกวิ่งขวางอยู่ข้างหน้า เมื่อเห็นก็ประชิดตัวแล้วจึงหักหลบ ประกอบกับถนนลื่น จารุลักษณ์ไม่สามารถควบคุมรถได้ จึงลื่นไถลพุ่งเข้าชนเกาะกลางถนน แล้วพลิกคว่ำอยู่หลายตลบ ก่อนที่จะหมุนคว้างไฟลุกไหม้ มีพลเมืองดีที่ขับรถตามหลังมาได้เข้าช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถช่วยจารุลักษณ์ออกมาได้ จึงถูกไฟคลอกเสียชีวิต
ตำรวจสรุปสำนวนและปิดคดีอุบัติเหตุในครั้งนี้ว่า
ผู้เสียชีวิตคือนางจารุลักษณ์ นภศุภ์
เป็นผู้ขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ตนเองถึงกับเสียชีวิตและทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
คือนางสาวจิลดา พิมพ์สวัสดิ์
โดยมีพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ได้ให้การเป็นพยานและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจอีกด้วย
to be continue…
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากกกก
จนคุณวิตต์ตั้งตัวไม่ทันเลย
พรหมลิขิต...ได้ลิขิตเอาไว้แล้วค่ะ ต่อจากนี้ก็อย่ากระพริบตานะคะ
เพราะมันจะเข้มมมมมมม มั๊กค่ะ คริ คริ
พบกันคืนพรุ่งนี้ค่ะ อุบัติร้าย ซ่อนเงื่อน ครบ 100% จร้าาาาา
หนังสือ 'เล่ห์มธุรส' โฉมใหม่ พร้อมตอนพิเศษ
Underneath her red clothes อัลรัย เอ๊ย! แฝงอยู่ใต้ชุดแดงแรงส์ฤทธิ์ คริ คริ
สั่งเข้ามาได้เลยนะคะ
พร้อมส่งต้นเดือนตุลาคม นี้ พร้อมๆ กับงานสัปดาห์หนังสือ ค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ความคิดเห็น