ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์มธุรส by จำปีดา (ภาคต่อ...ทัณฑ์น้ำผึ้งรวง) ทำมือ...พร้อมส่งแล้วนะคะ

    ลำดับตอนที่ #12 : ติดลบ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 62



     



    6

    ติดลบ (100%)

                วันจันทร์ปิรัณกลับมาทำงานที่นภศุภ์ คอนสตรัคชั่นเป็นวันแรก หลังจากที่หยุดพักรักษาตัวไปถึงสามสัปดาห์เต็มเนื่องจากไข้หวัดใหญ่ชนิดเฉียบพลันโดยมีปณพล ศุพินิจ บุญระภีมารับถึงที่รถ เยาวรินกับมธุรสรอต้อนรับอยู่บนห้องทำงาน มีการทักทายถามสาระทุกข์สุขดิบกันตามภาษาเจ้านายลูกน้องที่เอื้ออาทรต่อกัน

                ส่วนปรวิตต์ออกไปตรวจไซด์งานกับอสิตจะเข้าออฟฟิศช่วงบ่าย ปิรัณเปิดประชุมย่อยในห้องทำงานของตัวเองจนเกือบสิบเอ็ดโมงเช้าถึงได้เสร็จสิ้น แต่ปณพลยังอยู่พูดคุยต่อกับปิรัณจนถึงเที่ยง แล้วผู้บริหารใหญ่ของนภศุภ์ คอนสตรัคชั่น ทั้งสองคนจึงได้ออกไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน

                มธุรสไม่หิวจึงปฏิเสธทั้งศุพินิจและเยาวรินที่ชวนไปรับประทานอาหารกลางวัน เธอชงกาแฟมานั่งจิบที่โต๊ะทำงาน แต่ก็ปล่อยให้กาแฟในถ้วยเย็นชืดโดยไม่ได้แตะต้อง เพราะมัวแต่กังวลและกลุ้มใจกับปัญหาทางบ้านที่เธอคิดไม่ตก ว่าจะหาเงินจากที่ไหนไปใช้หนี้ให้คุณนายสุดใจ มิเช่นนั้นทั้งแม่และน้องๆรวมทั้งตัวเธอก็จะไม่มีที่อยู่ ญาติพี่น้องที่ไหนก็ไม่มี แล้วนี่เธอจะหันหน้าไปพึ่งใคร แล้วจะแก้ไขปัญหาครั้งนี้ได้อย่างไร

                มธุรส...มธุรส เสียงเรียกชื่อเธอเป็นครั้งที่สอง ถึงทำให้ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์

               เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่ากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ถามอย่างมีเมตตา

               ปะ...เปล่าค่ะคุณน้อย มธุรสรีบปฏิเสธ คุณน้อยมีอะไรจะใช้รสหรือเปล่าคะ

          “ไม่มีอะไรจะใช้หรอก แต่หนูมีสีหน้าที่ไม่สู้ดี ทำไมไม่ดีใจเหรอที่ฉันกลับมาทำงานได้แล้ว

     

                ไม่ค่า มธุรสรีบปฏิเสธเสียงสูง รสดีใจมากที่คุณน้อยหายดี แล้วกลับมาทำงานได้เป็นปกติแล้ว

                แล้วทำไมหนูต้องทำหน้าอมทุกข์เหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลกอย่างนั้นด้วยล่ะ ฉันสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนประชุมแล้ว มีอะไรพอจะเล่าสู่กันฟังได้ไหม ถ้าหาทางแก้ไขได้จะได้ช่วยกัน คำพูดที่อ่อนโยนและมีเมตตาทำเอามธุรสตื้นตันอย่างที่สุด

                คือ... มธุรสยังอ้ำอึ้ง

                ไม่ต้องเกรงใจ...เล่ามา ถ้าไม่เล่า ไม่บอกกัน ฉันจะเสียใจมาก เพราะเท่ากับหนูเห็นฉันเป็นคนอื่น ปิรัณพูดเสียงเข้ม ทำสีหน้าจริงจังเป็นการบังคับผู้ช่วยสาวทางอ้อม

                มธุรสจึงเล่าเรื่องราวความทุกข์ร้อนที่เธอและครอบครัวไม่ได้เป็นผู้ก่อ แต่ต้องเดือดร้อนและรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ปิรัณฟัง

                นายศิระพ่อเลี้ยงของหนูอีกแล้วหรือนี่ ปิรัณพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ศิระ จำนงพันธุ์ ก่อแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้อย่างไม่สิ้นสุด ปิรัณเห็นหน้าเซียวๆแล้วนึกสงสารลูกสาวเพื่อนเก่าผู้ล่วงลับ

                เอาอย่างนี้ก็แล้วกันปิรัณพูดเสียงเข้ม ทำให้มธุรสต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างตั้งใจ เพื่อเป็นการตัดปัญหา มธุรสหนูซื้อบ้านใหม่ ผู้ช่วยสาวคราวลูกทำตาโต ซื้อบ้านใหม่เธอจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ บ้านสมัยนี้ราคาก็แพงลิบลิ่ว อย่างเธอคงจะไม่มีปัญญาแน่

                อย่าเพิ่งทำหน้าตกอกตกใจอย่างนั้น เอาล่ะ...ฉันมีข้อเสนอ  

                ข้อเสนอ มธุรสทวนคำอย่างงงๆ

                ใช่ คืออย่างนี้ พอดีว่าฉันมีคนรู้จักเขากำลังจะย้ายครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ ก็เลยบอกขายบ้าน ก็พอเหมาะกับเรื่องของหนูที่มีปัญหาเรื่องบ้าน หนูก็ซื้อบ้านหลังนี้เสียเลย แล้วย้ายครอบครัวมาอยู่ที่นี่ซะ

             

                แต่รสไม่...ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านได้

                ก็ข้อเสนอของฉันนี้ไง ฉันจะออกเงินทั้งหมดซื้อบ้านหลังนี้ และใส่ชื่อหนูเป็นเจ้าของบ้าน

                ไม่....คือผู้ช่วยสาวรีบสั่นหน้าปฏิเสธ

                ฟังให้จบก่อน โดยมีสัญญาว่าหนูจะต้องผ่อนชำระค่าบ้านให้ฉันทุกเดือน โดยหักจากเงินเดือนของหนูเลย แต่มีข้อแม้ก็คือฉันจะไม่ขอรับดอกเบี้ย ขอให้หนูผ่อนชำระจนกว่าจะครบราคาบ้านเท่านั้นเอง เพราะถ้าฉันจะซื้อบ้านให้หนู หนูก็คงไม่ยอมรับ ถ้าอย่างนั้นก็เอาแบบนี้นี่แหละ แทนที่หนูจะต้องไปกู้เงินธนาคารเสียดอกเบี้ย ก็มาผ่อนชำระฉันแทนก็แล้วกัน ขอร้อง...อย่าได้ปฏิเสธความหวังดี เพราะอย่างไรก็ให้นึกถึงว่า ฉันกับพ่อของหนู เราเป็นเพื่อนกัน ขอให้ฉันได้ทำอะไรให้กับครอบครัวของเพื่อนบ้างในยามที่กำลังเดือดร้อนลำบากเช่นนี้จริงดั่งคำของปิรัณ เพราะถ้าเขาซื้อบ้านให้เธอเฉยๆ มธุรสคงจะรับไว้ไม่ได้ แต่ด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ เธอเองก็รู้สึกพอใจ เพราะก็เท่ากับว่าบ้านหลังนี้ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง

                ฉันจะให้ทนายความดำเนินการซื้อบ้านหลังนั้น แล้วโอนเป็นชื่อของหนูทันที และเพื่อความสบายใจของหนู ฉันจะให้ทนายความร่างหนังสือกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านให้อีกฉบับ ดีไหม

                ดีค่ะ ขอบพระคุณคุณน้อยมากที่สุดเลยค่ะ มธุรสยิ้มออกนัตน์ตาเป็นประกายด้วยความยินดี หญิงสาวเข้าไปกราบที่หน้าอกของเจ้านาย หรืออีกนัยเพื่อนเก่าของบิดาด้วยความซาบซึ้งใจอย่างที่สุดในความเมตตาที่มีให้เธอกับครอบครัวในยามที่กำลังเดือดร้อนเช่นนี้ ปิรัณโอบกอดผู้ช่วยสาวคราวลูกไว้หลวมๆ ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นลูบไล้เรือนผมสลวยด้วยความเมตตาที่มีให้กับลูกหลาน

     

                แต่ร่างสูงที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องมิได้คิดเช่นนั้น ภาพตรงหน้ามันฟ้องอย่างเด่นชัดว่าบิดาของเขากับผู้ช่วยสาวคราวลูกคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นเจ้านายกับลูกน้อง

                มธุรส ปรวิตต์คำรามชื่อนี้อยู่ในใจ ถ้าเขาไม่เห็นภาพนี้กับตาตัวเอง ก็คงจะไม่มีวันเชื่อว่าบิดาจะนอกใจมารดาของเขา สิ่งที่ชายหนุ่มเคลือบแคลงมาตลอดระยะเวลาที่กลับมาจากตะวันออกกลางก็ได้เฉลยออกมาแล้ว เสียงเล่าลือติฉินนินทาไปทั่วบริษัทเป็นเรื่องจริง

                ปรวิตต์รู้สึกผิดหวังในตัวของผู้เป็นบิดา เพราะปิรัณเป็นแบบอย่างของเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นสุภาพบุรุษ การใช้ชีวิต ความรักครอบครัวและหน้าที่การงาน ร่างสูงเดินหน้าเครียดออกไปอย่างเงียบๆ

                หลังจากที่ปิรัณกลับมาทำงานได้ตามปกติ ปรวิตต์แทบไม่เคยย่างกายมาที่ออฟฟิศของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อีกเลย มธุรสจะได้เจอกับเขาบ้างเป็นครั้งคราวในห้องประชุม แต่ในทุกครั้งที่ได้สบตากันโดยบังเอิญหรือตั้งใจ หญิงสาวก็มักจะเห็นสายตากระด้างเย็นชาแฝงไปด้วยแววหยามหยันไม่พอใจ จนเธอรู้สึกได้ ซึ่งมธุรสไม่เข้าใจจริงๆว่า ตัวเองไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ

     

    หนึ่งเดือนต่อมา

              สวัสดีครับคุณเยาวริน ปรวิตต์มาที่ออฟฟิศของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

          “คุณพ่ออยู่ไหมครับ

              คุณน้อยไม่อยู่ค่ะ ออกไปประชุมที่กรมพัฒนาเศรษฐกิจ และก็ไม่น่าจะกลับเข้ามาแล้วนะคะ แต่ท่านได้เซ็นเอกสารของคุณวิตต์เรียบร้อยแล้วค่ะเยาวรินส่งเอกสารดังกล่าวให้กับรองผู้อำนวยการหนุ่ม

     

          “ขอบคุณมากครับ แล้วอีกอย่างผมอยากจะได้แฟ้มรีสอร์ตที่เกาะช้องนาง แต่ไม่ต้องรบกวนคุณเยาวรินหรอกนะครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูในห้องคุณพ่อเอง ปรวิตต์พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของบิดา

                รีสอร์ตบนเกาะช้องนางเป็นโพรเจกต์ใหญ่ที่นภศุภ์ คอนสตรัคชั่นลงทุนเอง ที่ดินเกือบครึ่งหนึ่งของเกาะช้องนางเป็นของตระกูลเดือนจรัสของชมัยพร ซึ่งพื้นเพเป็นคฤหบดีใหญ่ตระกูลเก่าแก่เป็นที่นับถือของคนบนเกาะและคนในจังหวัดนี้ ซึ่งปัจจุบันที่ดินหลายร้อยไร่ของตระกูลเดือนจรัสบนเกาะช้องนางเป็นกรรมสิทธิ์ของปรวิตต์แต่เพียงผู้เดียว เพราะนายเชน เดือนจรัส ผู้เป็นตาได้ยกให้เป็นมรดกกับทายาทคนเดียวอันเป็นหลายชายที่เกิดจากลูกสาวกับปิรัณ

                เมื่อนภศุภ์ คอนสตรัคชั่น มีโครงการที่จะสร้างรีสอร์ทบนเกาะช้องนาง ปรวิตต์จึงแบ่งขายที่ดินจำนวนหนึ่งให้กับนภศุภ์ คอนสตรัคชั่น เพราะมีบริษัทเรียลเอสเตสที่เล็งเห็นผลกำไรจากการท่องเที่ยวสนใจมาติดต่อขอซื้อที่ดิน เพื่อสร้างโรงแรมและรีสอร์ตเช่นกัน

                นภศุภ์ คอนสตรัคชั่น มีโครงการที่จะพัฒนาเกาะช้องนางเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยจะเข้าไปสร้างรีสอร์ทเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และกำลังเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ที่จะมาเที่ยวชมความงามตามธรรมชาติของเกาะกลางทะเลอันดามัน แต่การเข้าไปสร้างสิ่งก่อสร้างและความเจริญบนเกาะช้องนางในครั้งนี้ นภศุภ์ คอนสตรัคชั่น ก็มิได้มุ่งหวังผลประโยนช์ทางธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษาสมดุลย์ทางธรรมชาติด้วย 

                ปรวิตต์ตรงเข้าไปหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทำงานของบิดา และก็ได้แฟ้มเกาะช้องนางที่ต้องการ แต่สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลเข้มที่จ่าหน้าซองถึง มธุรส สกุลเกศ แต่มันมาอยู่บนโต๊ะทำงานของปิรัณได้อย่างไร ด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจ ทำให้ชายหนุ่มดึงเอกสารในซองออกดู ก็พบว่าเป็นสัญญาซื้อขายบ้านเดี่ยวแถวชานเมือง โดยมีชื่อของมธุรสเป็นเจ้าของ แต่มีสำเนาเช็คเงินสดสั่งจ่ายของปิรัณเป็นจำนวนเงินห้าล้านบาทแนบไว้ด้วยกัน ทำเอาปรวิตต์ตัวแข็งเข้าใจได้ในทันทีว่า ปิรัณซื้อบ้านหลังใหม่ให้กับผู้ช่วยสาวในสนนราคาห้าล้านบาทแทนบ้านหลังเก่าย่านเมืองนนท์ที่เขาเคยไป

                คุณพ่อ... ปรวิตต์ครางเบาๆไม่อยากจะเชื่อ ชายหนุ่มมีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูมารดาของเขาคงจะเป็นเรื่องใหญ่ และไม่มีทางจบลงได้ง่ายๆ ปรวิตต์หนักใจกับปัญหาที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาในครอบครัวของเขาอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ตราบใดที่ยังมีผู้หญิงที่ชื่อมธุรสอยู่

                                                                           จบตอนค่ะ

    คะแนนไม่เหลือหลอ ติดลบกระจุยกระจาย ยัยมธุรสเอ้ย!

    ก็ภาพมันฟ้อง หลักฐานก็ทนโท่ขนาดนั้น แล้วจะให้คุณปรวิตต์คิดยัง

    ต้องเอาใจช่วยมธุรสกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ

    ตอนหน้าเป็นตอนที่มีชื่อว่า อุบัติร้าย ซ่อนเงื่อน

    ห้ามพลาดนะคะ เพราะเนื้อเรื่องกำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ

    อุบัติร้าย ที่ว่านี่ คือ อัลรัย ???

    ใครสนใจหนังสือ เล่ห์มธุรส โฉมใหม่ พร้อมตอนพิเศษ

    Underneath her red clothes  อัลรัย เอ๊ย! แฝงอยู่ใต้ชุดแดงแรงส์ฤทธิ์ คริ คริ

     สั่งเข้ามาได้เลยนะคะ

    พร้อมส่งต้นเดือนตุลาคม นี้ พร้อมๆ กับงานสัปดาห์หนังสือ ค่ะ


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×