คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ชาตินี้เห็นทีจะญาติดีกัน...ไม่ได้ (100%)
ตอนที่ 8. ชาตินี้เห็นทีจะญาติดีกัน...ไม่ได้ (100%)
“กรี๊ดดดดดด!” ฟ้าอุษาร้องสุดเสียงกระโดดขึ้นกอดเขาทั้งตัว ดีแต่ว่าชายหนุ่มตั้งหลักดี ไม่งั้นคงได้หงายหลังลงท้องร่องไปด้วยกันทั้งสองคน
“ฟ้าอุษาปล่อยก่อน ผมหายใจไม่ออก” หมอกพยายามดันร่างบางให้ออกห่าง แต่เธอก็เกาะติดหนึบแขนทั้งสองข้างรัดคอเขาแน่น
“ไม่ ไม่ กรี๊ดๆๆๆ” หญิงสาวหลับหูหลับตาร้องไม่หยุด
“หยุดร้องได้แล้ว หูผมจะหนวกอยู่แล้ว” หมอกพยายามแกะแขนที่รัดอยู่รอบคอตัวเอง “ผมไม่เห็นมีอะไรเลย ลืมตาขึ้นดูสิ แล้วก็หยุดร้องกรี๊ดๆด้วย ไม่อย่างนั้นพวกมันอาจจะแห่กันออกมา เพราะเสียงของคุณนี่ล่ะ” คำขู่ของเขาได้ผล หญิงสาวหยุดกึก “แล้วลืมตาขึ้นดูด้วยว่า มันไม่มีอะไร”
“ไม่ๆ ฉันเห็นนะดวงตาเป็นประกายของสัตว์ร้ายในความมืด”
“คุณนี่มันแค่ในสวนส้มโอนะ ไม่ใช่ในป่าอเมซอน” หนุ่มลูกทุ่งส่ายหน้าอย่างระอากึ่งรำคาญ
“แต่ฉันเห็น เห็นจริงๆนะ”
“ก็มันไม่มีอะไรนี่ ลืมตาขึ้นดูสิ”
หมอกแพนไฟฉายไปรอบๆ เหมือนสปอร์ตไลต์ในโรงละครเวที ฟ้าอุษาหรี่ตาขึ้นเล็กน้อยหันไปรอบๆอย่างหวาดๆ แล้วเริ่มสบายใจขึ้นเมื่อไม่เห็นอะไร แต่ก็สบายใจได้เพียงครู่เดียว เมื่อสายตาไปปะทะกับเจ้าสัตว์เลื้อยคลานสี่เท้าตัวยาวหางยาวเนื้อตัวตะปุ่มตะปั่มคล้ายจระเข้กำลังแลบลิ้นสองแฉกแผล็บๆทักทายเธออยู่
กรี๊ดดดด! รอบสองดังสนั่นสวนส้มโอ ฟ้าอุษากระโดนขึ้นกอดเขาทั้งตัว ปากก็พร่ำ “จระเข้ๆ”
“มันใช่จระเข้ที่ไหน มันแค่ตัวเงินตัวทองต่างหาก”
“ไม่ๆ ลูกจระเข้จริงๆ ฉันเห็น”
“เขาเรียกตัวเงินตัวทอง แล้วตอนนี้มันก็ตกใจเสียงคุณวิ่งหนีป่าราบกันไปหมดแล้ว”
“ไม่ ฉันไม่เชื่อ” ร่างบางยังตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา หมอกอดขำไม่ได้
“โอเค ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ แต่ถ้าคุณยังกอดผมแน่นอยู่อย่างนี้ เราคงไปไหนไม่ได้ แล้วคงต้องนอนกันอยู่ในสวนนี่ก็แล้วกัน”
“ไม่นะ ฉันจะกลับบ้าน” เธอแหวเสียงแหลม
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องช่วยคลายอ้อมแขนของคุณนิดหนึ่ง แล้วก็ออกเดิน ถ้าไม่อยากนอนในสวนส้มโอก็”
ฟ้าอุษาคลายแขนออกอย่างกระดากๆ หน้าตาแดงในความมืด แต่พอได้ยินเสียงสวบสาบด้านหลังขึ้นมาอีก เธอก็ผวาเข้ากอดร่างสูงอีกเช่นเดิม เธอหลับตากับต้นแขนของเขา แล้วเดินเกาะแจไม่ยอมปล่อย จนเขารู้สึก
ถึงความใกล้ชิดและความอวบอุ่นที่เบียดเสียดเสียดสีไปมากับลำแขนของเขาให้เกิดรู้สึกหวิวๆหายใจติดขัด จนต้องตั้งสติไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปไกล
หมอกโอบแขนรอบเอวกลมพาเดินอย่างทุลักทุเลไปตามทางที่รกเรื้อในสวน ในขณะที่คุณเธอไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยนอกจากหลับหูหลับตาอยู่กับต้นแขนของเขา กว่าจะพาเดินออกมาจากสวนส้มโอได้ เล่นเอาทั้งเหนื่อย ทั้งหัวใจจะวาย.....ก็เขาถูกหน้าอกคัพซีของคุณเธอเบียดเอาเบียดเอาอยู่อย่างนี้.....
“ถึงบ้านแล้ว” เขากระซิบบอก ฟ้าอุษาค่อยๆลืมตาเมื่อเห็นไฟฟ้าส่องสว่างพื้นทางเดินไม่รกเรื้อ แม่สาวชาวกรุงก็อวดเก่งขึ้นมาทันที
“ปล่อยได้แล้ว” ฟ้าอุษาแหวพร้อมทั้งดิ้นเบาๆ
“เมื่อกี้ไม่เห็นอวดเก่งแบบนี้เลย เบียดเอา เบียดเอา นมคุณบี้แขนผมจนระบมไปหมดแล้ว”
“อร๊ายยยย! คนบ้า ไอ้คนลามกจกเปรต” ร่างบางดิ้นเร่าๆ ขว้างพวงมาลัยดอกมะลิใส่หน้าเขา
“ดูเอาเถอะคนเรา ผมอุตส่าห์เปลืองตัวให้คุณกอดให้คุณเบียด ขอบคุณสักคำยังไม่มี พอมาส่งถึงบ้านกลับแว๊ดๆใส่ ถ้าไม่เรียกว่าไม่รู้บุญคุณคน แล้วจะให้เรียกว่าอะไร” หมอกกวนประสาท
“ยี้ๆๆๆ นี่นาย...ด่าฉันเหรอ”
“แล้วแต่จะคิดก็แล้วกัน”
“ขอบคุณ” หญิงสาวสะบัดเสียงดังประชด ความจริงเธอก็คิดจะขอบคุณเขาอยู่แล้ว แต่ด้วยความมั่นไส้ ทำให้อดประชดประชันไม่ได้
“เอ้ย! นั่นตัวเงินตัวทอง” หมอกร้องขึ้น ร่างบางถึงกับกระโดดขึ้นขี่คอเขาอีกหน แต่เสียงหัวเราะ ฮ่าๆๆ ทำให้รู้ว่าเธอถูกหลอก
“นายหมอก ไอ้คนโรคจิต ไอ้คนทุเรศ ไอ้คนผีทะเล...” เธอด่าเขาชุดใหญ่พร้อมกับดันตัวออกห่าง แต่ไม่สำเร็จเพราะเขากอดเอวกลมไว้แน่น “นี่ปล่อยฉันนะ”
แต่หมอกนิ่งไม่ปล่อย แถมยังจ้องหน้าเธอเขม็ง ตาทั้งสองคู่สบกันนิ่งเนิ่นนาน ด้วยความแนบชิดทำให้หญิงสาวร้อนวูบวาบเป็นครั้งแรกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อ้าวนั่น! ใครอยู่ข้างล่าง ฟ้าหรือเปล่าลูก” เทียนหยดตะโกนถามอยู่บนเรือน ทำเอาสองหนุ่มสาวสะดุ้ง
“ค่า ฟ้าเอง ปล่อยนะ” หญิงสาวรีบขานรับ แล้วหันไปขู่ฟ่อๆกับคนที่ยังกอดเธอแน่น คราวนี้หมอกยอมปล่อยตัวเธอแต่โดยดี พอเป็นอิสระฟ้าอุษาก็สะบัดหน้าพรืดวิ่งหนีขึ้นเรือนไป หมอกส่ายศีรษะกับความรั้นและพยศไม่เบาของแม่สาวชาวกรุง
ร่างสูงก้มลงเก็บพวงมาลัยจากพื้น แล้วอดขำไม่ได้กับฝีมือที่ร้อยโย้เย้โฉเก แต่ไม่วายยกขึ้นจรดจมูกดมความหอมรวยรินของดอกมะลิ แต่ยังสู้กลิ่นกายของเจ้าของพวงมาลัยใม่ได้ ที่ยังกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูกของเขาอย่างไม่รู้ลืม
คืนนั้นหมอกมานั่งเล่นที่เรือนชานรับลมเย็นๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนเข้านอน
“ยังไม่เข้านอนอีกเหรอพยับหมอก” คุณนายทองอุไรเดินออกมาจากห้องพระหลังจากที่สวดมนต์ไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังเห็นหลานชายนั่งเล่นอยู่ชานระเบียงหน้าบ้าน
“ยังครับคุณนาย ผมยังไม่ง่วง”
“ไปส่งหนูฟ้าที่บ้านเป็นยังไงบ้าง”
“ก็...ไม่มีอะไรครับ” หมอกตอบยิ้มๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงยัยผู้หญิงแสบๆปากจัดช่างค่อนแคะ วีนเหวี่ยงเล็กๆ ติ๊งต๊องหน่อยๆ แล้วยังเนื้อตัวอุ่นๆ กลิ่นหอมๆที่เขาสัมผัสเมื่อตอนหัวค่ำ
“นี่มาลัยหนูฟ้านี่” คุณนายตาดีเห็นพวงมาลัยดอกมะลิที่โย้เย้โฉเก ที่ตอนนี้ออกจะเหี่ยวๆช้ำๆไปบ้างแล้ววางอยู่ที่ราวระเบียงข้างหลานชาย
“เขาทำตกอยู่ ผมเลยเก็บกลับมาครับ”
คนเป็นยายมองหลานชายยิ้มๆ และเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง
หมอกตอบพร้อมกลับล้มตัวนอนหนุนตักผู้เป็นยาย คุณนายทองอุไรอดที่จะลูบผมดกดำของหลานชายด้วยความรักใคร่เอ็นดูเหมือนตอนเด็กๆไม่ได้ คุณนายมีลูกสาวคนเดียว แล้วตอนนี้ก็จากคุณนายไปแล้วก่อนเวลาอันควร แต่ก็ยังทิ้งหลานชายคนเดียวที่ท่านรักเหลือเกินไว้ให้ชื่นชม และอบอุ่นหัวใจ
ตั้งแต่เล็กจนโตหลานชายของท่านก็ไม่เคยทิ้งท่าน หมอกจะเดินทางไปๆมาๆ มาเยี่ยมเยียนไม่ได้ขาด จะมาพักค้างคืนอยู่ด้วยสั้นบ้างยาวบ้างแล้วแต่โอกาส
“ครั้งนี้หมอกมาอยู่กับยายนานเลย”
“ครับ ผมอยากอยู่กับคุณนายนานๆ หรืออยากอยู่เลยด้วยซ้ำ ผมรู้สึกว่าที่นี่เป็นบ้าน อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้สึกสุขใจเท่ากับอยู่ที่บ้านของแม่และของยาย” หมอกรู้สึกเช่นนี้จริงๆ ถึงแม้เขาจะต้องออกเดินทางไม่ได้หยุด แต่ทุกครั้งที่ได้กลับมาที่นี่ เขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขทุกครั้ง ที่นี่เป็นบ้านเกิดของแม่ แม่รักบ้านนี้มาก แต่ในขณะเดียวกันแม่ก็รักชีวิตอิสระที่ได้โบยบินไปที่นั่นที่นี่เหมือนนก จะว่าไปเขามีบุคลิกนิสัยเหมือนแม่ แต่ก็ได้ส่วนดีของพ่อมาไม่น้อย
“มาอยู่กับยายนานๆแบบนี้ หลบใครมาหรือเปล่า”
“ผมไม่เคยปิดอะไรคุณนายได้เลย ก็ด้วยล่ะครับ ผมคิดถึงคุณนาย แต่ผม...”
“คราวนี้เป็นผู้หญิงที่ไหน ลูกสาวใครอีกล่ะ แล้วใครออกโรงแม่เลี้ยงหรือว่าพ่อเจ้า หรือว่าทั้งสองคน”
หมอกหัวเราะลั่น ลุกขึ้นกอดยาย แล้วหอมแก้มเหี่ยวย่นทั้งสองข้างนั้นฟอดใหญ่
“คุณนายครับ คุณนายเป็นผู้หญิงที่ผมกลัวที่สุดรู้ตัวไหม เพราะคุณนายรู้ใจผมไปทุกเรื่อง”
“ก็ยายช่วยแม่เขาเลี้ยงหมอกมาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย ทำไมยายจะไม่รู้จักหลานชายของยาย”
สองยายหลานกอดกันอยู่อย่างนั้นต่างถ่ายทอดความรักความผูกพันระหว่างกันท่ามกลางความมืดและสายลมเอื่อยๆอย่างอบอุ่นและมีความสุข
ส่วนด้านมืดในคืนวันเดียวกันกำนันตึกมาที่บ้านเสี่ยย้ง หรือ ยงทัต สุนทรวราภรณ์ชัย พ่อค้านักธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของจังหวัด และภูมิภาคนี้
“อ้าวกำนัน! มาซะดึกเลย” เสี่ยใหญ่เดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับลูกสมุนสองคนขนาบข้าง
“ก็พอดีเข้ามาทำธุระในจังหวัดครับ ก็เลยแวะเข้ามาหาเสี่ยง” กำนันตึกบอกอย่างพินอบพิเทา
“กินข้าวกินปลามาหรือยัง”
“เรียบร้อยครับ คือว่าผมจะมาส่งข่าวด้วยว่า ตอนนี้นายปรุงกับญาติๆตกลงที่จะขายที่นาให้แล้วนะครับ”
“กำนันทำได้ดีมาก ถ้าเรียบร้อยเมื่อไหร่ ก็เอาเปอร์เซ็นต์ของกำนันไปได้เลย”
“ขอบคุณครับเสี่ย”
“อันที่จริงผมสนใจที่ดินของคุณนายทองอุไรอยู่นะ ผืนใหญ่ ติดคลอง เหมาะมาก ถ้าแกขายก็จะดีมาก”
“ถ้าเป็นที่ของคุณนายทองอุไรคงยากครับ” กำนันมีสีหน้าครุ่นคิด “คุณนายไม่น่าจะยอมขาย”
“แกก็แก่แล้ว เห็นว่ามีหลานชายอยู่คนเดียว ก็ไปๆมาๆ จะเก็บไว้ทำไม กำนันก็ลองตื้อๆหน่อยสิ ผมให้กำนันสิบเปอร์เซ็นต์เชียวนะ”
“สิบเปอร์เซ็นต์เลยหรือครับเสี่ย” กำนันตึกตาโตกับค่านายหน้า แต่แล้วก็มีสีหน้าหนักใจนิดๆ “ปัญหามันคงติดอยู่ที่เจ้าหมอกหลายชายคุณนายนี่ล่ะครับ”
“ผมพอจะสู้ราคาได้อีกนิดหน่อยนะกำนัน”
“แต่เจ้าหมอกมันคงจะไม่ยอม เพราะทุกวันนี้มันก็เป็นตัวตั้งตัวตีคอยยุชาวบ้านไม่ให้เห็นด้วยกับการสร้างนิคมอุตสาหกรรม”
“หลานชายคุณนายทองอุไร”
“ครับ มันกับปลัดพิธูยุชาวบ้านไม่ให้ขายที่ ไม่ให้เห็นด้วยกับการสร้างนิคมอุตสาหกรรม และเรียกร้องให้ทางราชการทำประชาพิจารณ์”
“แสบ หัวหมอ แต่ไม่...ไม่เป็นไร วงในว่าผู้ใหญ่จะอนุมัติเร็วๆนี้ ช่วงนี้ก็จับตาดูมันไปก่อน” ประโยคสุดท้ายเสี่ยยงทัตหันมามองตาลูกน้องคนสนิทเหมือนรู้กัน “กำนันอยากให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมา”
“ขอบคุณมากครับเสี่ย”
“แต่กำนันคงต้องใช้ความพยายามให้มากกว่านี้ สิบเปอร์เซ็นต์เชียวนะกำนัน” เสี่ยยงทัตพูดอย่างยั่วยุ
“ครับเสี่ย” กำนันรับคำหนักแน่น เมื่อนึกถึงค่านายหน้า
*** จบตอนคร่า ***
เนื้อเรื่องกำลังจะเข้มข้นขึ้นเรื่องๆ
เป็นกำลังใจให้นายหมอก กับ ฟ้าอุษา ด้วยคร่า
ปริวิภา
บัณฑิตสัตวแพทย์ศาสตร์หมาดๆจากรั้วมหาวิทยาลัยต้องตกใจสุดขีด
เมื่อตื่นขึ้นมาหลังคืนฉลองสำเร็จการศึกษากับเพื่อนๆ
พบว่าตัวเองนอนร่วมห้องร่วมเตียงอยู่กับผู้ชายแปลกหน้า
มิหนำซ้ำทั้งเขาและเธอ เนื้อตัวเปล่าเปลือยด้วยกันทั้งคู่
แถมยังมีรอยสีแดงดวงใหญ่บนผ้าปูที่นอนสีขาว
ในหัวสมองของเธอคิดอะไรไม่ออก นอกจากคำว่า ‘หนี’
ความคิดเห็น