คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : น้องนางบ้านนา พ่วงด้วยน้องช่อน น้องปลิง เจ้าด่าง มาครบ (50%)
ตอนที่ 6. น้องนางบ้านนา พ่วงด้วยน้องช่อน น้องปลิง เจ้าด่าง มาครบ (50%)
“แก้ว! แก้ว!” เสียงตะโกนร้องเรียกอยู่นอกเรือนชาน ทำให้คนบนเรือนที่กำลังล้อมวงกินข้าวเช้าอยู่ต้องชะงัก แก้วขวัญลุกขึ้นวิ่งมาที่ระเบียง แล้วตะโกนบอกเพื่อน
“รอแป๊บหนึ่ง”
“นั่นเสียงเจ้าจ้อยใช่ไหม” ผู้เป็นตาถามหลานสาวคนเล็ก
“จ้ะตา”
“มาแต่เช้าเชียว นี่จะพากันไปเล่นที่ไหนกัน” คนเป็นยายถามขึ้นบ้าง
“ไม่ได้ไปเล่นที่ไหนนะจ้ะยาย พวกเราจะไปช่วยวิดบ่อปลาบ้านน้าทองคำกัน”
“เอ้อ...จริงสิ วันนี้บ้านแม่ทองคำจะวิดบ่อปลา” เทียนหยดนึกขึ้นมาได้
“ใช่จ้ะ หนูกับจ้อยจะไปช่วยเขาจับปลา”
“จะไปช่วย หรือไปเล่น” ครูระพินรู้ทันหลานสาวจอมซน
“แหม! ตาก็...”
“...คืออะไรเหรอคะ วิดบ่อปลา” ฟ้าอุษาที่นั่งร่วมวงกินข้าวอยู่ด้วยสงสัย
“ก็คือ...เมื่อตอนหน้าน้ำ น้ำก็จะท่วมทุ่งนา แล้วก็ท่วมพื้นที่ราบลุ่ม แต่พอหมดหน้าน้ำ น้ำก็จะลด ปลาต่างๆที่มากับน้ำก็จะติดอยู่ตามคันนา หรือตามบ่อที่ชาวบ้านขุดไว้ ชาวบ้านเจ้าของบ่อ หรือเจ้าของนา ก็จะได้วิดบ่อ จับปลามาทำเป็นอาหารหรือขายเป็นรายได้อีกทาง” เทียนหยดอธิบายให้หลานสาวฟัง ก่อนที่ผู้เป็นลุงเขยจะเล่าต่อ
“แล้วชาวบ้านเขาก็จะลงแขก เหมือนลงแขกเกี่ยวข้าว บ้านไหนจะวิดบ่อชาวบ้านก็จะไปช่วยกันคนละไม้คนละมือ ได้ปลามาก็แบ่งกันกิน ที่เหลือก็เอาไปขาย จะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ้านเลย บางบ่อได้เป็นหมื่นก็มี”
“ฟ้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย” อดีตนางฟ้าบนเครื่องบินหน้าเหลอกับภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมาแต่โบร่ำโบราณปู่ยาตาทวดที่ทำกันมา แต่มันเป็นความรู้ใหม่ที่ประเทืองปัญญาของเธอมากๆ
“ไปด้วยกันไหมจ๊ะพี่ฟ้า”
“ก็น่าสนุกดี” น้าสาวลังเล ก่อนที่จะตัดสินใจ “ไปก็ได้ แต่พี่ฟ้าขอไปทาครีมกันแดดก่อน”
“ทาครีมกันแดด ทาทำไมล่ะจ๊ะ แล้วแก้วจะทาด้วยได้ไหม”
“ทาได้สิ เป็นผู้หญิงเราต้องดูแลเรื่องผิวพรรณ เดี๋ยวพี่จะทาให้ เราควรจะทาครีมกันแดดป้องกันไว้ก่อนนะ เพราะแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต หรือเรียกสั้นๆว่า ยูวี มันจะทำให้ผิวของเราหมองคล้ำเกิดริ้วรอยก่อนวัย หรือถ้ารับแสงแดดเป็นปริมาณมากๆ อาจก่อให้เกิดมะเร็วผิวหนังได้”
ซึ่งดูเหมือนเด็กหญิงแก้วขวัญที่อยู่กับท้องไร่ท้องนามาตั้งแต่เกิดจะให้ความสนอกสนใจเป็นพิเศษกับครีมกันแดดที่น้าสาวกำลังอธิบาย จนตากับยายอดที่จะขำไม่ได้
แดดยามสายเริ่มสาดแสงแรงกล้าฟ้าอุษาเดินตามเด็กหญิงชายที่หิ้วถังน้ำวิ่งนำหน้าไปตามคันนา เมื่อมาถึงบ่อปลาก็มีชาวบ้านหนุ่มสาวรวมทั้งไม่หนุ่มไม่สาวอุ้มลูกจูงหลานมาถึงก่อนหน้าแล้วหลายคน
“พี่ฟ้าไม่ลงด้วยกันจริงๆหรือจ๊ะ สนุกน๊า” แก้วขวัญชวนน้าสาวลงจับปลาในบ่อ แต่น้าสาวคนสวยส่ายหน้าดิกรู้สึกแขยงๆกับน้ำขุ่นๆ จนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ต่อให้จ้างสักหมื่น เธอขอยืนยันจะนั่งดูอยู่ริมบ่อดีกว่า
“สนุกจริงๆนะจ้ะ” จ้อยยืนยันอีกแรง
“ไม่ล่ะจ้ะ พี่จับปลาไม่เป็น ขอนั่งเชียร์อยู่บนนี้ดีกว่านะ” หญิงสาวเลี่ยง แล้วเดินไปนั่งใต้ต้นกล้วย อาศัยกิ่งก้านใบตองบังแดด
บ่อปลาที่จะทำการวิดเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีผักสวะลอยอยู่เป็นกอๆ ซึ่งแก้วขวัญกับจ้อยอธิบายว่าปลาชอบอาศัยอยู่ตามรากของผักสวะเหล่านี้ ชาวบ้านช่วยกันดันผักสวะมารวมกันอยู่ริมบ่อ ก่อนที่จะลงมือทำคันดินกั้นบ่อไว้ครึ่งหนึ่ง วิดน้ำจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง ฝั่งที่ถูกวิดน้ำเริ่มแห้งเป็นขี้โคลนเละ ปลาในบ่อทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กเริ่มขลั่ก จับได้ง่ายขึ้น
หนุ่มสาวลูกเด็กเล็กแดงกับอุปกรณ์จับปลาพร้อมมือไม่ว่าจะเป็นสุ่มสวิงตะข้องเฮละโลกันลงจับปลากันอย่างแข็งขันสนุกสนาน ฝ่ายสาวชาวกรุงได้แต่ชะเง้ออยู่ขอบบ่อ
“เย่ๆๆๆๆ จับได้แล้ว” แก้วขวัญกระโดดโลดเต้น “พี่ฟ้าเห็นไหมจ๊ะ แก้วจับได้แล้ว ตัวใหญ่ด้วย”
“ใหญ่จริงๆด้วยจ้ะ เขาเรียกปลาอะไรจ้ะแก้วขวัญ” สาวบนปากบ่อพลอยตื่นเต้นไปด้วย
“ปลาช่อน!”
“นาย...” ฟ้าอุษาหันขวับเมื่อได้ยินคำตอบจากทางด้านหลัง แล้วก็ต้องหน้างอทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร
“ไม่ลงไปจับปลากับเขาเหรอ” หมอกถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ หญิงสาวนิ่ง และเชิดหน้าขึ้นเป็นคำตอบ “โอ้โห! นี่คาดเข็มขัดเงินเส้นโตขนาดนี้เชียว”
น้ำเสียงของเขากังวานล้อเลียนชัดเจน ฟ้าอุษาก้มลงมองตามสายตาที่มองมายังเอวของเธอ หญิงสาวไปขอยืมเข็มขัดเงินของป้าเทียนมาคาดทับผ้าถุงอีกชั้น รับประกันความรัดกุมแน่นหนาต่อให้ดึงให้กระตุกอย่างไรผ้าถุงที่เธอนุ่งในวันนี้ก็ไม่มีทางหลุด อดีตแอร์โฮสเตสสาวลอยหน้าลอยตาอย่างมั่นใจ
“มั่นอกมั่นใจจริงนะ” หมอกเดาได้ถูกเหมือนมานั่งอยู่กลางใจเธอ “ไหนๆก็มาแล้ว น่าจะลงจับปลากับเขานะ จะได้ไม่เสียเที่ยว”
“ฉันจะลง หรือไม่ลง มันก็ไม่ใช่ธุระกงการของใคร”
“ผมก็เพียงไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสดีๆ”
“ลงจับปลาในบ่อโคลนเนี่ยนะ โอกาสดี” สาวชาวกรุงขึ้นเสียงสูงอย่างดูแคลน
“คุณนี่ไม่รู้จักอะไรซะแล้ว” หมอกหน้าบึ้งเสียงเขียวขึ้นมาทันที จนหญิงสาวนึกหวาดจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาประชิดเกินความจำเป็น “วิถีชาวบ้านที่ทำสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเลี้ยงลูกหลานด้วยน้ำพักน้ำแรงขยันหมั่นเพียรหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน หรือคุณว่าจะไม่ดีตรงไหน”
“ฉัน...ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่...” ฟ้าอุษาอธิบายไม่ถูก
“แค่นั้นน่ะ...แค่ไหน” ระหว่างที่ทั้งสองหนุ่มสาวกำลังจ้องตากัน เจ้าด่างสุนัขสายพันธุ์ไทยแท้ก็คาบปลากระโจนขึ้นมาจากบ่อผ่าเข้าตรงกลางระหว่างเธอกับเขา หญิงสาวตกใจผงะถอยหลังไปหลายก้าว
“ว้ายยยยยยยย!” ฟ้าอุษาร้องเสียงหลงจนใครต่อใครที่กำลังง่วนกับการจับปลาอยู่ต้องหันมามอง
...หญิงสาวตกลงไปในบ่อปลาทั้งตัว คนทั้งบ่อเงียบงันกันไปชั่วครู่ หมอกระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาเป็นคนแรก ทำให้คนอื่นๆพลอยหัวเราะตาม
ฟ้าอุษานิ่งอึ้ง ก่อนที่จะกรีดเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บใจ เสื้อแขนกระบอกสีอ่อนผ้าถุงลายดอกคาดทับด้วยเข็มขัดเงินเส้นโตเลอะเทอะได้ด้วยขี้โคลน “บ้าเอ๊ย!”
คนอื่นๆหันกลับไปจับปลากันต่อ จะเหลือก็แต่หมอกที่ยังหัวเราะไม่เลิกอยู่บนคันดิน สาวที่อยู่ในบ่อกอบขี้โคลนไว้เต็มอุ้งมือ ก่อนที่จะปาออกไปเต็มแรง
ขี้โคลนลอยหวือเข้าหน้าเข้าปากคนที่กำลังหัวเราะเต็มเปา หนุ่มลูกทุ่งหยุดหัวเราะทันที แล้วแม่สาวชาวกรุงก็เป็นฝ่ายหัวเราะขึ้นแทน หมอกถ่มดินออกจากปากใช้มือลูบโคลนออกจากหน้าอย่างโกรธๆ แล้วกระโดดลงมาในบ่อ ฟ้าอุษาเห็นท่าไม่ดีรีบหันหลังย่ำขี้โคลนไปหาแก้วขวัญกับจ้อยเหมือนขอความช่วยเหลือ แต่ความที่ดินในบ่อมันอ่อนยวบเหนอะหนะ “แผละ!”
ฟ้าอุษาหน้าคะมำลงไปในโคลน ก่อนที่จะค่อยๆลุกขึ้น แต่ก็ต้องล้มกลับลงไปนั่ง หน้าสวยเบ้เหมือนจะร้องไห้ เธอใช้มือลูบขี้โคลนออกจากหน้าบ้าง
หมอกหัวเราะลั่น ยิ่งทำให้หญิงสาวเดือดปุดๆ เพราะนายบ้าหมอกแท้ๆ ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้
“คิดเสียว่าเป็นการมาส์กโคลนจากฝรั่งเศสก็แล้วกัน” หมอกหัวเราะชอบใจ แก้วขวัญกับจ้อยลุยโคลนเข้ามาฉุดน้าสาวให้ลุกขึ้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะพี่ฟ้า”
“ก็เลอะหมดน่ะสิ ถามได้”
“ไหนๆพี่ก็ลงมาแล้ว เรามาจับปลากันดีกว่านะจ๊ะ” แก้วขวัญชวนพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส น้าสาวทำหน้าเซ็งๆ
“ก็เอาสิๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พี่ต้องทำยังไงบ้าง”
“ก็ไม่ต้องทำอะไรมากจ้ะ แค่จับมันให้ได้อย่างนี้” จ้อยเป็นคนตอบ แล้วสาธิตให้ดูทันทีด้วยการวิ่งไล่ตะครุบปลาที่กำลังดิ้นหนีเอาชีวิตรอดอยู่ในเลนโคลน
“โธ่ถัง! จะจับได้สักตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ เจ้าจ้อยไปชวนเขา” นอกจากคำพูดสบประมาทแล้ว หมอกยังถากถางด้วยสีหน้าและแววตา ยิ่งทำให้เธอแค้นจนแน่นอก แม่สาวชาวกรุงควานมือลงในโคลนเละๆอย่างแหยงๆ เล็บที่ทาสีชมพูระเรื่อๆไม่เหลือซากความงาม แต่เวลานี้เธอเลิกสน ตั้งหน้าตั้งตาจับปลาที่ดิ้นอยู่ในเลนโคลนอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อุ้ยๆๆ อย่าหนีนะ จับ...จับได้แล้ว” ร่างบางล้มลุกคลุกคลานไปในบ่อโคลน เธอตามตะครุบเจ้าปลาตัวแบนๆนี้จนได้ “เย่! ได้แล้ว ฉันจับได้แล้ว”
ฟ้าอุษาร้องลั่นบ่อรู้สึกภาคภูมิอกภูมิใจกับปลาตัวแรกในชีวิตที่จับได้ด้วยสองมือของตัวเอง
“โอ้โฮ! พี่ฟ้าจับได้ปลาสลิดด้วย เอาใส่ถังจ้ะ” แก้วขวัญหิ้วถังมาให้ถึงที่ หญิงสาวสนุกสนานจนลืมเรื่องความสวยความงาม และความแขยงขี้โคลนไปเสียสนิท ตั้งหน้าตั้งตาจับปลาอย่างเอาจริงเอาจัง
หมอกที่ช่วยชาวบ้านจับปลาอยู่ไม่ไกลได้แต่อมยิ้ม รู้สึกดีที่แม่อดีตนางฟ้าจะทำตัวให้ติดดินมากขึ้น
“อุ้ยๆ อุ้ยๆ นี่ปลาอะไรเนี่ยตัวใหญ่จัง” ฟ้าอุษาถามขึ้นมาลอยๆ หมอกหันมามองเห็นหญิงสาวกำปลาช่อนตัวใหญ่ไว้ทั้งสองมือ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ไอ้ช่อนมันไม่ยอมถูกจับง่ายๆ มันดิ้นดุกดิกจนเลื่อนหลุดจากมือของเธอ ลอยผุดขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่จะตกลงในคอเสื้อของเธออย่างพอดิบพอดี
“กรี๊ดดดดดด! ว้ายยยยยยยย!” หญิงสาวเต้นเร่าๆ ไม่แพ้ไอ้ช่อนที่ดิ้นเร่าๆอยู่ในเสื้อของเธอ “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
To be continue…
พบกันวันพรุ่งนี้นะคะ
ขอบคุณที่ติดตาม
เราจะ FLY FOR LOVE ไปด้วยกันค่ะ
ความคิดเห็น