คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : คู่กัด (100%)
ตอนที่ 5. คู่กัด (100%)
“บ้า อย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามาฉันตีให้สมองสะเทือนแน่” หญิงสาวเงื้อฝาโอ่ง
“โอ๊ะโอ๋! ไม่ต้องกลัวไปหรอก อย่างคุณไม่ใช่สเป็คผม ผอมแห้ง แบนแตด แทบจะไม่มีแรงเดินอยู่แล้ว ขืนกอดไป ก็เจอกระดูตำตาย”
“โอ๊ยยย! ไอ้บ้า” คนที่ถูกปรามาสร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนที่จะร่อนฝาโอ่ง ไม่ผิดกับร่อนมุมเมอแรง
“เฮ้ย! เล่นเจ็บๆนะเนี่ย” หมอกโวยวาย โชคดีที่เขากระโดดรับไว้ได้ทัน
“ถ้าไม่รู้จริง ก็อย่าพูด ก็ไอ้ปากแบบนี้ สมควรมีสี” ฟ้าอุษาโกรธจัด
“นี่พูดท้าทายให้พิสูจน์เปล่านี่” หนุ่มลูกทุ่งยิ้มทะเล้น แกล้งทำตาลุกวาว
“โอ๊ยยย! ไอ้บ้า ไอ้ลามก” ร่างบางหันรีหันขวาง ก่อนที่จะวิ่งเข้าคว้ากะละมัง แต่หมอกเข้าแย่งไว้ได้ก่อนที่จะเกิดกะละมังบิน
“เฮ้ย! พวกชอบใช้ความรุนแรง”
“ก็มีอย่างที่ไหนย่องเบาเข้ามาในบ้านเขา แล้วยังมาสบประมาทเขา ฉอดๆๆ”
“ตกลงที่โกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลืองนี่ ไม่ใช่ที่ผมย่องขึ้นบ้านใช่ไหม แต่เคืองที่ผมว่าคุณแบนแตดใช่ไหม” หนุ่มลูกทุ่งหัวเราะงอหาย สาวที่ถูกตอกย้ำตาเขียวปัดขึ้นมาอีกรอบ
“โอเคๆ ผมไม่อยากจะทะเลาะกับคุณแล้ว ผมไม่ได้ย่อง ก็เดินขึ้นมาตามธรรมดาๆนี่ล่ะ พอดีว่าผมไปเจอน้าเทียนจ่ายกับข้าว ถือของพะรุงพะรังเลยอาสาช่วยถือล่วงหน้ามาให้ก่อน คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ ที่ไหนได้หลานสาวเจ้าของบ้านเล่นเอาฝาโอ่งฟาดหัวแบบไม่ยั้ง นี่ถ้าหัวสมองได้รับความกระทบกระเทือนขึ้นมาจะว่ายังไง”
“ก็...ก็สมน้ำหน้าน่ะสิ ถามได้” หญิงสาวตอบกวนๆ ถึงแม้จะรู้ตัวว่าผิดนิดๆ แต่สะใจมากกว่า
“นี่จะไม่ขอโทษสักคำเลยเหรอ”
“ไม่! นายสมควรที่จะขอโทษฉันมากกว่า ที่ทำให้ฉันตกใจแทบแย่ นึกว่าขโมยขึ้นบ้าน แถมยังสบประมาทฉัน” หลานสาวเจ้าของบ้านไม่ยอมลดราวาศอก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” หมอกทั้งเคืองทั้งหมั่นไส้
“อ้อ! แล้วเรื่องลูก เอ้ย! เรื่องรถของฉันล่ะว่ายังไง” ฟ้าอุษาทวงถามเพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อเช้าว่าจะถาม ก็ดันเกิดเรื่องผ้าถุงหลุดเสียก่อน เสียเส้นขายหน้าชะมัด ยังไม่หายเจ็บใจอับอาย ก็ต้องปะฉะดะกันอยู่ในครัวนี่อีก
“อ๋อ...เรียบร้อย ผมพาไอ้แดงไปกู้เมื่อเช้ามืด ตอนนี้อยู่อู่เฮียตงในเมือง ยังไงคุณก็ตามเข้าเมืองไปตกลงเรื่องราคากันเอง”
“แล้วนายจะเอาค่าจ้างเท่าไหร่” แม่สาวชาวกรุงเชิดหน้าอย่างเหย่อหยิ่ง
“อย่าได้ดูถูก ตีค่าน้ำใจของใครเป็นราคาค่างวดไปเสียหมด บ้างครั้งอมิสสินจ้าง มันไม่ได้มีค่ามากไปกว่าคำว่า ขอบคุณ หรอกนะคุณ”
ฟ้าอุษาหน้าชา ก่อนที่จะกระแทกเสียงคำว่า ‘ขอบคุณ’ ออกไป
“แต่ผมคงรับคำขอบคุณไว้ไม่ได้ เพราะไอ้ตัวที่ลากรถคุณขึ้นมาจากโคลน คือ ไอ้แดง คุณควรที่จะไปขอบคุณไอ้แดง ที่มันตื่นแต่มืดไปดึงรถคุณขึ้นมา”
“อะไรนะ! ให้ฉันไปขอบคุณควายนี่นะ” แม่สาวชาวกรุงกรอกลูกตาไปมา แทบไม่เชื่อหู แล้วก็ชิงพูดเสียก่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเท้าสะเอวจะเอาเรื่อง “ก็ได้ๆ ฉันจะไปขอบใจเจ้าแดงลูกชายนาย พอใจหรือยัง แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าของฉันล่ะ”
“เอ้อเฮ้ย! ผมลืมไปเสียสนิทเลย”
“อะไรนะ นายลืม! นายลืมกระเป๋าเสื้อผ้าของฉันอย่างนั้นเหรอ นายรู้ไหมว่า...กระเป๋าเสื้อผ้าใบนั้นฉันซื้อจากไหน ปารีสเชียวนะ ราคาเท่าไหร่ แล้วมีอะไรอยู่ข้างในบ้าง นายลืมได้ยังไง นายต้องรับผิดชอบ กลับไปเอาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“เสียใจ...”
“อะไรนะ เสียใจ หมายความว่าไง”
“เสียใจ ก็แปลว่าซอรี่ไงล่ะคุณ ถ้าคุณอยากได้ก็คงต้องไปเอาเอง”
“แล้วนายจะให้ฉันใส่ชุดอะไรเข้าไปในเมือง เสื้อคอกระเช้าแบบนี้นะ” หญิงสาวย้อนถามเสียงสูง
หมอกใช้สายตาพินิจพร้อมกับนึกชมการแมทชิ่งระหว่างเสื้อคอกระเช้าสีชมพูอ่อนกับผ้าถุงสีน้ำตาลเข้ม ผมยาวสลวยสีน้ำตาลแดงถูกมวยไว้อย่างง่าย มีปอยผมลุ่ยๆข้างแก้ม ดูเก๋น่ามอง
เขาลืมกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอก็จริง แต่ลืมไว้ท้ายรถกระบะที่จอดอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อหญิงสาวตีโพยตีพายไปก่อน เขาจึงแกล้งให้เข้าใจผิดไปอย่างนั้น แล้วอีกอย่างเธอใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงอย่างนี้ ก็น่ารักไปอีกแบบ เขาจึงปล่อยเลยตามเลยให้เข้าใจผิดไปต่อไป
“ไม่รู้ล่ะ นายต้องรับผิดชอบ”
“มันจะมากไปไหมคุณ”
“ไม่มากหรอก” อดีตแอร์โฮสเตสสาวสวนกลับทันควันพร้อมกับสืบเท้าเข้าไปใกล้ แล้วด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคืองอยู่เป็นกำลัง ทำให้ไม่เห็นว่าพื้นครัวมียกพื้นต่างระดับ หญิงสาวสะดุดเข้าเต็มเปาจนถลาหัวทิ่มไปข้างหน้า โชคดีที่ชายหนุ่มคู่ปรับคว้าร่างเธอไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงได้หัวร้างข้างแตกกันบ้าง
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ” หมอกถึงกับเป่าปากเบาๆ แล้วรู้สึกได้ว่าร่างในอ้อมแขนนี้นุ่มอึ้มไม่เหมือนรูปลักษณ์ภายนอกที่หลอกตา
ฟ้าอุษาเองก็ใจสั่นตัวแข็งทื่ออยู่วงแขนแข็งแรง
“ฮั่นแน่! ทำอะไรกันจ๊ะ” เด็กหญิงโผล่เข้ามาอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำเอาสองหนุ่มสาวสะดุ้ง แล้วรีบผละออกจากกัน
“กลับกันมาแล้วเหรอแก้วขวัญ” หมอกถามแก้เก้อ
“จ้ะพี่หมอก”
“อ้าว! พ่อหมอกยังอยู่เหรอ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวกินปลากันก่อน” เทียนหยดเดินขึ้นบ้านตามหลังมาเอ่ยปากชวนตามประสาคนต่างจังหวัดที่มีน้ำจิตน้ำใจให้กัน
“ขอบใจจ้ะ พอดีว่าเมื่อเช้าฉันเหวี่ยงแหจับปลาได้หลายตัว เลยแบ่งมาให้น้าเทียนทำแกงส้ม” หมอกเหลือบตามองหญิงสาวที่กล่าวหาว่าเขาเป็นพวกถ้ำมองบ้างล่ะ หัวขโมยบ้างล่ะ แต่ล่ะข้อหาช่างสรรหาคุกหาตะรางมาให้เขาทั้งนั้น
“ขอบใจมากพ่อ เดี๋ยวเย็นนี้จะได้แกงส้ม ผักกะเฉดหน้าบ้านกำลังงามเลย”
“พี่หมอกน้ำจ้ะ” แก้วขวัญตักน้ำฝนใส่ขันมาให้แขกที่มาเยี่ยมถึงเรือนชาน “ขอบใจจ้ะหนูแก้ว”
“ฟ้าล่ะตื่นนานแล้วเหรอลูก” เทียนหยดถามหลานสาวขณะกำลังจัดสำรับกับข้าวกับปลา
“ค่ะ แต่ฟ้าตื่นมาก็ไม่เจอใครเลย”
“วันนี้วันพระลูก เลยไปตักบาตรฟังเทศน์ที่วัดกัน เอ้อ!เมื่อกี้เจอเจ๊มาลีเมียเฮียตงที่วัด บอกว่าพี่ชายเฮียตงเสียต้องรีบไปบ้านคลองยายชื้น สงสัยเฮียตงจะต้องปิดอู่หลายวันเชียวล่ะ” เทียนหยดเล่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“เมื่อเช้าตอนฉันเอารถคุณฟ้าอุษาไปเข้าอู่ ก็ไม่เห็นเฮียเขาพูดอะไรนี่จ๊ะ” หมอกประหลาดใจ
“เห็นว่าทางโน้นเพิ่งโทรศัพท์มาส่งข่าว เจ๊มาลีเลยต้องรีบกลับตั้งแต่พระครูยังเทศน์ไม่จบเลย”
“อย่างนี้กระเป๋าเสื้อผ้าของฟ้าก็คงต้องติดอยู่ที่อู่เฮียตงอีกหลายวันเลยสิคะ” ฟ้าอุษาสอดขึ้นมา
“อ้าว! ทำไมล่ะ” ผู้เป็นป้าสงสัย
“คือ…” หมอกไม่ทันจะพูด หลานสาวก็ชิงพูดเหมือนฟ้องเสียก่อน
“ก็นายหมอกน่ะสิคะ ลืมเอากระเป๋าเสื้อผ้าของฟ้าออกมาจากรถ”
“อ้าว! งั้นก็คงจะหลายวันกว่าเฮียตงกับเจ๊มาลีจะกลับมา แต่ก็ไม่เป็นไรลูก ใช้ของแม่เกศไปก่อน” ผู้เป็นป้าพูดจบ หลานสาวชาวกรุงก็ก้มลงมองเสื้อคอกระเช้าตัวหลวมโพรกที่ตัวเองใส่อยู่ ซึ่งเทียนหยดก็ดูเหมือนจะเข้าใจ “หรือไม่ก็ไปซื้อที่ในเมืองหรือตลาดนัดแก้ขัดไปก่อน ติดรถลุงพินเข้าไปในเมืองก็ได้ลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะป้าเทียน ฟ้าใส่เสื้อพี่เกศไปพลางๆก่อนก็ได้” ถึงจะขัดใจอยู่บ้าง แต่หญิงสาวก็ทำใจยอมรับ ถ้าจะโมโหใครสักคน ก็ควรจะเป็นนายคนขี้ลืมมากกว่า หรือว่าเขาจะแกล้ง ไม่วายที่เธอจะคิดอคติ
“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันจะพาคุณฟ้าอุษาไปซื้อเองจ้ะ” หมอกขันอาสา แต่ได้รับค้อนตาคว่ำจากอดีตนางฟ้าเป็นคำตอบ หนุ่มลูกทุ่งหัวเราะในลำคอ นึกค่อนขอดในใจ ตาสวยๆคงได้พลัดออกมาสักวัน ก่อนที่หันกลับไปถามเทียนหยด “แล้วครูพินล่ะจ๊ะน้าเทียน”
“หลังจากฟังเทศน์กำนันตึกก็เรียกประชุมหารือเรื่องก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมต่อ”
“กำนันตึกคงพยายามโน้มน้าวชาวบ้านเหมือนเคย” หมอกเดา
“ก็คงอย่างนั้น สวนส้มโอกับนาข้าวคงจะหมดกันล่ะคราวนี้” เทียนหยดส่ายศีรษะ
“จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่นี่เหรอคะป้าเทียน” เป็นความรู้ใหม่ของหญิงสาวที่เพิ่งมาจากกรุงเทพ
“ใช่ ตอนนี้ทางราชการมีแผนร่วมมือกับเอกชนจะเข้ามาลงทุนสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่อำเภอร่มเย็นพัฒนาของเรา” หมอกเป็นฝ่ายตอบแทน
“แล้วทำไมต้องเป็นอำเภอบ้านเราด้วย” ฟ้าอุษาพอจะทราบถึงผลดีและผลเสียของการสร้างนิคมอุตสาหกรรม
“คุณนี่ไม่รู้อะไรเสียแล้ว จังหวัดของเรามีชัยภูมิที่ดีมากไม่ว่าจะเชื่อมต่อภาคเหนือหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังมีสนามบินซึ่งจะสะดวกมากเรื่องการคมนาคมขนส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รู้จัก AEC ไหม” คำบอกเล่าของหนุ่มลูกทุ่ง ทำเอาสาวชาวกรุงอึ้งไปนิด
“พี่ฟ้าเขาเป็นแอร์โฮสเตสนะจ๊ะพี่หมอก” แก้วขวัญคุยอวด ภูมิใจในตัวน้าสาว “โตขึ้นไปแก้วจะเป็นแอร์โฮสเตสเหมือนพี่ฟ้าจ้ะ”
“พี่ไม่ได้เป็นแล้วจ้ะหนูแก้ว” อดีตแอร์โฮสเตสรีบแก้ด้วยน้ำเสียงและแววตาขมขื่นเล็กน้อย แต่เธอก็ตัดบทเสียก่อน “แต่ถ้าหนูแก้วอยากเป็นแอร์โฮสเตสจริงๆ ก็ต้องขยันเรียนหนังสือรู้ไหม โดยเฉพาะภาษา”
หมอกเหลือบมองอดีตแอร์โฮสเตสด้วยสายตาเป็นเครื่องหมายคำถาม นึกสงสัยว่าอะไรเป็นสาเหตุของอาการนิ่งๆเงียบๆ ต่างไปจากกิริยาวีนเหวี่ยงที่ผ่านๆมา ซึ่งเขาคงจะต้องหาคำตอบสักหน่อยแล้ว
“พ่อ...วางไว้ตรงนั้นไม่ต้อง เดี๋ยวน้ากับเจ้าแก้วจัดการเอง” เทียนหยดร้องห้ามเมื่อเห็นหมอกจะช่วยเก็บสำรับกับข้าวกับปลา
“ขอบคุณจ้ะน้าเทียน ต้มข่าไก่ฝีมือน้าเทียนอร่อยเหมือนเดิม”
“อาทิตย์หน้ากล้วยน้ำหว้าหลังบ้านคงจะได้ที่ น้าจะทำข้าวต้มผัดเอาไปฝากคุณนายทองอุไรนะพ่อ”
“คุณนายทองอุไรติดใจข้าวต้มผัดฝีมือน้าเทียนมาก แกบอกว่าใครทำก็ไม่อร่อยเท่าน้าเทียน”
คำบอกเล่าของหลานชายคุณนายทองอุไร ทำเอาเทียนหยดยิ้มแก้มปริ
“ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนล่ะจ้ะ ส่วนปลาอยู่ในกะละมังนะจ๊ะ”
“ขอบใจพ่อหมอก”
ชายหนุ่มทำความเคารพเจ้าของบ้าน แล้วหันไปยิ้มให้กับเด็กหญิง ส่งเลยไปถึงอดีตแอร์โฮสเตสสาว แต่เจ้าหล่อนก็สะบัดหน้าทำเป็นมองไม่เห็น
พบกันคืนพรุ่งนี้ ตอน ปลิง จร้า ปลิงเกาะอก อิอิ
ความคิดเห็น