ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] Story of FanHan [Krislu,Krishan]

    ลำดับตอนที่ #1 : SF ::Under the same Sky::

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 57






    ::Under the same Sky::

     

     



     

    แหมะ.. แหมะ...

     

     

    แล้วนี่เหมือนเดิมกับทุกๆ คืน  ที่น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาจากดวงตาที่ใครๆ ต่างพูดกันว่ากลมโตเหมือนตาของกวางน้อยคู่นี้ของผมอย่างไม่ขาดสาย  ผมรู้ว่าผู้ชายร้องไห้แบบนี้มันไม่แมนเอาซะเลย  แต่ทำไงได้ล่ะ..ถ้าผมห้ามมันได้ก็คงไม่ต้องมาแอบร้องไห้อยู่แบบนี้หรอก

     
     

    แม้ว่าเรื่องนี้มันจะผ่านมาได้เกือบเดือนแล้วก็ตามหรือต่อให้เวลามันผ่านไปมากแค่ไหน  แต่ความคิดถึงที่ผมมีให้เขามันก็ยังไม่ลดลงเลยสักนิด 

     
     

    ทั้งๆ ที่ผมควรโกรธ ควรเคืองที่เขาคนนั้นเลือกที่จะทิ้งพวกเราไป  ไม่ใช่มาคิดถึงเขาแบบนี้ทุกวันก็เถอะ ... แต่ก็นะ  มันทำไม่ได้จริงๆ ผมโกรธ  ผมเกลียดเขาไม่ลงจริงๆ  หรือต่อจะให้โกรธ.. อย่างมากก็แค่เพราะว่าผมโกรธที่เขาปิดบังและเลือกที่จะจากผมไปโดยที่ไม่มีแม้แต่คำบอกลา 


         โกรธที่เขาทำให้ผมต้องห่วงเขาแทบจะเป็นบ้าแบบนี้ 

         โกรธที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์จากผมเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง

         โกรธที่มาทำให้ผมรู้ความรู้สึกของตัวเอง...ว่า ผมรักเขามาก แค่ไหน  แต่เขาก็เลือกที่จะจากไปก่อน  โดยที่ผมยังไม่เคย ได้พูดคำว่า รัก’ นั้นออกไปเลยสักครั้ง

     

     

         ผมได้แต่คิดและตัดพ้อเขาอยู่กับตัวเอง  แค่ภายในความคิดเท่านั้น...  ได้แค่นั้นจริงๆ

     
     

    นิ้วเรียวของผมค่อยๆ เลื่อนหน้าจอ  ซึ่งในระหว่างนั้นดวงตาที่พร่ามัวของผมก็พยายามที่จะกวาดไล่ทุกตัวอักษรเพื่ออ่านข้อความต่างๆ  ที่ผู้คนคนอื่นพูดถึงเขาไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจหรือข้อความที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อเขาก็ตาม  ทุกครั้งที่ผมเห็นข้อความที่ด่าทอเขา  ความเจ็บปวดมันก็ถาโถมเข้ามาผมราวกลับข้อความนั้นว่าผมซะเอง  นี่ขนาดผมที่อ่านยังรู้สึกแย่แบบนี้ 

     

         แล้วถ้าเป็นเขาหล่ะ?  ถ้าเขาต้องเห็นข้อความพวกนี้กับตาตัวเองหล่ะ?  เขาจะเสียใจขนาดไหน?


         เขา.. ที่แคร์คนรอบข้าง  และคนที่รักเขาขนาดนั้น

         เขา.. ที่เหมือนจะเป็นคนเข้มแข็ง  แต่ที่จริงก็แค่เด็กที่อ่อนไหวคนหนึ่งเท่านั้น



    ในตอนนี้ที่เขาต้องเผชิญเรื่องพวกนี้  ใครกันที่จะอยู่ข้างเขา  ใครที่จะคอยเคียงข้างให้เขาสามารถแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาได้

     

    ยิ่งคิดมากน้ำตาของผมมันก็ยิ่งไหลออกมาไม่หยุด  แค่คิดว่าพวกน้องๆ เขามาเห็นสภาพแบบนี้ของผมแบบนี้อีก  ผมก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้ว  ตอนนี้ผมเป็นพี่ใหญ่ของพวกน้องๆ อีกสองคน  ผมควรเข็มแข็งเพื่อพวกเขาที่เหลือสิ  ไม่ใช่มาอ่อนแอแบบนี้

     


     

    แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้นจู่ๆ ก็มีข้อความเตือนจากแอปเว่ยป่อก็เด้งขึ้นมาเตือนว่า  ผมได้มีข้อความใหม่เขามา  ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะสนใจเท่าไหร่เพราะคิดว่าคงจะเป็นข้อความจากเลาเกาเพื่อนผมเหมือนปกติ  แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่  เมื่อผมมองชื่อของคนที่ส่งข้อความมาก็ปรากฏว่าเป็นเขานั้นเอง  เขาส่งข้อความมาหาผมแล้ว

     

     
     

    หานหาน  ฉันรู้ว่านายกำลังเป็นห่วงฉัน  แต่ฉันสบายดี  ฉะนั้นนายอย่าคิดมากนะ  ดูแลตัวเองดีๆ ฉันเห็นภาพจากพวกแฟนคลับที่ถ่ายเมื่อเช้าแล้ว  นายโทรมไปเยอะเลย  กินข้าวเยอะๆ  ดูแลด้วยเองหน่อยสิกวางโง่

     
     

     

    ในระหว่างที่อ่านข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาจากคนที่ทำให้ผมคิดถึงจนแทบบ้าแบบนี้  มันก็ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาไม่ได้  ฝาน.. คนบ้า  มารู้อีกว่าคนเขาคิดถึง  แถมยังมีหน้าแอบส่องรูปของพวกเราที่พวกแฟนคลับถ่ายอีก  ผมปาดน้ำตาของตัวเองออกอีกครั้ง  แล้วค่อยๆ ไล้นิ้วเรียวของตนลงบนแป้นพิมพ์บนหน้าจอสมาร์ทโฟนก่อนที่จะกดส่งออกไปเมื่อผมพิมพ์เสร็จ

     

     

    ยังไม่ทันจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายได้อ่านข้อความของผมรึยัง  ผมก็ต้องรีบเก็บสมาร์ทโฟนของตนลงใต้หมอน  ก่อนที่จะแกล้งหันไปที่แลบทอปสีขาวที่เปิดหนังดราม่าแสนซึ้งรอเอาไว้แต่แรก  แล้วทำเป็นเหมือนว่าผมร้องไห้เพราะหนังอีกครั้ง  ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกโดยใครสักคน 

     
     

    “เกอ  ไม่กินข้าวหรอครับ  ถ้าไม่ออกไปตอนนี้พวกเด็กๆ จะกินหมดแล้วนะครับ” เสียงหวานของคนที่เพิ่งเข้าห้องมาเอ่ยกับผมด้วยภาษาบ้านเกิดของพวกเรา

    “เอ่อ  ไม่เป็นไรหรอก  พอดีฉันยังไม่หิวนายออกไปกินกับพวกเด็กๆ เถอะ” ผมหันไปตอบ จาง อี้ชิง รูมเมทของผมด้วยน้ำเสียงที่ผมพยายามเปล่งออกมาให้เป็นปกติ

    “นี่จะไม่กินข้าวอีกแล้วครับเกอ  นี่เกอผอมลงไปเยอะแล้วนะครับ  ถ้าไม่สบายขึ้นมาอีกคนจะทำยังไงอ่าครับ”

    “โทษนะที่ทำให้เป็นห่วง  เอาไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยกินละกัน  ตอนนี้ขอดูหนังก่อน..กำลังจะเข้าฉากไคลแม็กซ์เลยนะ” ผมบ่ายเบี่ยงคำเชิญจากคนเป็นน้อง  พลางชี้ที่หน้าแลปทอปที่ตอนนี้กำลังเล่นไคลแม็กซ์ชวนบีบอารมณ์ของหนังให้อีกคนดู

    “หนังดราม่าอีกแล้วหรอ  ทำไมช่วงนี้เกอดูแต่หนังแบบนี้เนี่ยครับ  ดูสิพอดูละก็อินจนร้องไห้ทุกทีเลย”

    “ก็มันสนุกดีหนิหน่า  นายดูด้วยกันไหมอี้ชิง”

    “ไม่ดีกว่าครับ  แล้วสรุปจะไม่กินจริงๆ หรอครับ”

    “อืม วันนี้ไม่กินแหละ  นายไปกินเถอะ”

    “งั้นก็ได้ครับ  แต่พรุ่งนีสัญญาแล้วนะครับว่าจะกินข้าวหน่ะ”

    “สัญญาๆ”

    “งั้นผมไปกินต่อก่อนนะครับ”

    “โอเค” ผมบอกลาอี้ชิงพลางโบกมือบ๊ายบาย  นั่นทำให้อี้ชิงทำได้แค่ยิ้มและส่ายหัวเบาๆ กับท่าทีของผม  ก่อนที่น้องมันจะเดินออกจากห้องไป 

     

     

    ทันทีที่อี้ชิงออกไปผมก็รีบที่จะกดสต๊อปหนังที่เปิดฉายอยู่นั่น  ก่อนที่จะล้วงมือถือเข้าไปใต้หมอนเพื่อหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องที่ผมเพิ่งยัดลงไปซ่อนเมื่อก่อนหน้าออกมาอีกครั้ง  เมื่อหยิบออกมาได้ผมก็รีบปลดล็อคหน้าจอเพื่อเข้าแอปเดิมที่ก่อนหน้าเล่นอยู่  โดยในใจผมก็หวังว่าจะมีข้อความตอบกลับจากอีกคน 

     
     

    แต่สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่ความหวังเฉยๆ  เมื่อผมไม่เห็นข้อความตอบกลับจากเขาเลยสักข้อความ  แถมข้อความที่ผมส่งไปก่อนหน้าเองก็ยังไม่ได้ขึ้นว่าอ่านอีกด้วย

     

     

         ‘ทำไมนายถึงชอบมาหล่ะหายไปแบบนี้ตลอดเลยนะ อู๋ อี้ฝาน  ... นายไม่รู้เลยหรอว่าฉันคิดถึงนายขนาดไหน

     

     

    “ว่าแต่หมอนั่นบอกให้เรากินข้าวเยอะๆ นี่หน่า” ผมเอ่ยพึมพำกับตัวเอง  เมื่อหวนกลับไปนึกถึงข้อความที่อีกคนฝากทิ้งเอาไว้

     

     

         เฮอะ  กินก็กิน  ... นายนี่หน่ะ  จะมีอิทธิพลกับฉันมากไปแล้วนะ

     

     

    ผมคิดกับตัวเองในใจพลางยี้หัวตัวเองไปมาอย่างหัวเสียที่ไม่อาจขัดคำพูดของอีกคนได้เลยสักนิด  ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงส่วนตัวของตนแล้วเดินตรงไปยังประตูที่ปิดอยู่

     

     

    “พวกนายอย่าเพิ่งกินกันหมดนะ  ฮยองกินด้วยคนสิ”

     

     
     

         ‘เอาแต่สั่งฉันแบบนี้ผ่านทางข้อความ  สักวันเถอะถ้าเจอนายเมื่อไหร่  คนอย่างฉัน ลู่หาน จะจัดการคิดบัญชีโทษฐานที่ทำให้ฉันคิดถึงแบบนี้ให้เสร็จรวดเดียวเลย  ... ไม่สิ  ฉันจะไม่รอ  แต่ฉันจะตามล่านายจนสุดขอบผืนฟ้านี้  เตรียมใจไว้เลย อู๋ อี้ฝาน

     

     

     

     





     

    ตอนนี้เป็นเวลาช่วงพักของการถ่ายทำหนัง  ทำให้บรรดานักแสดง ผู้กำกับ สต๊าฟ ผู้เกี่ยวข้องกับหนังต่างๆ รวมถึงเขาได้หยุดพักจากการถ่ายทำ  และทันทีที่ประกาศพักการถ่ายเขาก็เลือกที่จะรีบหยิบสมาร์ทโฟนประจำตัวของตนเองก่อนที่จะเดินหลบฉากออกไปหาที่เงียบๆ ที่อยู่ห่างจากทีมงามคนอื่นๆ

     
     

    พอเขาแยกออกมาจากคนอื่นได้  ร่างสูงก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาก่อนที่จะเข้าแอปเว่ยป่อที่เป็นเพียงแอปเดียวที่เขาติดที่สุด  และในทันทีที่เปิดแอปขึ้นมาเขาก็มักจะเสิร์ซหาข่าวเกี่ยวกับบรรดาเพื่อนๆ น้องๆ และคนคนหนึ่งก่อนที่จะทำทุกอย่างเสมอ

     
     

    นิ้วเรียวยาวของร่างสูงที่ดูข่าวคร่าวๆ เสร็จ  ก็เปลี่ยนคำที่ใช้ค้นหาเพื่อที่จะหาข่าวเกี่ยวกับคนคนนั้น  คนที่สำคัญกับเขามากที่ เป็น ลู่หาน

     
     

         ใช่แล้วคนสำคัญของเขาที่ว่านั้นก็คือลู่หาน  อดีตเพื่อนร่วมวงหน้าหวาน  เจ้าของตากลมโตของเขานี่แหละ

     

     
     

    พอพิมพ์คำที่ใช้ค้นหาเป็นอันเรียบร้อย  ข้อมูลข่าวเกี่ยวกับลู่หานที่บรรดาแฟนคลับหามาก็ขึ้นเรียงรายยาวเหยียดไปหมด  แล้วพอเขาเลื่อนๆ ไปเรื่อยๆ ก็พบว่าวันนี้เจ้ากวางโง่ของเขาเข้าบริษัทด้วย 

     

     

          นี่เจ้ากวางโง่ของเขาเอาเสื้อเขามาใส่อีกแล้วสินะ  เสื้อเขาใหญ่กว่าตัวตั้งเยอะ.. แต่ก็ชอบเอามาใส่จัง

     

     

    เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เขาว่าเขาชอบมาในตอนที่อยู่บนตัวของบรรดานายแบบ นางแบบ  ซะอีก  เพราะพอเมื่อสิ่งพวกนี้มาอยู่บนตัวของคนตัวเล็กนี้เสื้อผ้าพวกนี้กลับดูน่าหลงไหลยิ่งกว่าตอนแรกซะอีก  ซึ่งนี้ก็เป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่ทำให้คนอย่างเขา อู๋ อี้ฝาน  ยิ้มออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ  แต่ระหว่างที่เขากำลังเพลิดเพลินกับการเซฟและดูรูปของคนตัวเล็กที่ใส่เสื้อไซส์ใหญ่กกว่าตัวแบบนี้  เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อพอดูภาพที่แฟนคลับถ่ายมาดีๆ แล้ว  เขากลับเพิ่งสังเกตว่าเจ้ากวางโง่ของเขาผอมลงไปยิ่งกว่าเดิมอีก  หน้าหวานนั้นก็โทรมจนผิดสังเกตไปหมด

     
     

    เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ปรากทำให้เวลาค่อนข้างต่างจากที่โซลที่อีกคนอยู่  ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ที่นู้นคงจะมืดแล้ว  แต่ก็นะเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกคนออกจากบริษัทรึยัง  เพราะว่าตั้งแต่เลื่อนมาก็เห็นแค่ภาพตอนเข้าบริษัทก็เท่านั้นเอง

     

     

    มือเรียวยาวเผลอก่ำสมาร์ทโฟนเครื่องหรูอย่างเผลอตัว  เขารู้ว่ากวางโง่ของเขาเป็นคนชอบคิดมากและไม่ชอบปรึกษาใคร  แม้ว่าเรื่องนั้นจะใหญ่หรือหนักเกินกกว่าที่อีกคนจะรับได้ก็ตาม  แล้วยิ่งเห็นรูปในวันนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงหนักกว่าเดิม  จึงทำให้เขาเผลอที่จะพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปให้อีกคนอย่างเผลอตัว  ทันทีที่ส่งเสร็จเขาก็เผลอสบถกับตัวเองเบาๆ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพลาดที่ไม่หักห้ามใจของตัวเองแบบนี้

     

    เขาไม่ควรทำแบบนี้  เขาควรจะห้ามตัวเองเอาไว้  ทั้งๆ ที่เขารู้ทั้งรู้ว่าการที่เขาติดต่ออีกคนมันจะทำให้กวางโง่ของเขาต้องเดือดร้อน  เพราะแบบนี้เขาถึงไม่เคยรับสายจากอีกคนเลย  แม้ว่าเขาจะคิดถึงและอยากได้ยินเสียงของอีกคนมากแค่ไหนก็ตาม

     

     

    “อี้ฝานจ๊ะ  ถึงเวลาเข้าฉากละจ๊ะ” เสียงจากหนึ่งในทีมงานดึงสติของเขากลับมา  เขารีบที่เก็บสมาร์ทโฟนของตนลงกระเป๋ากางเกงในทันที  และเดินตามทีมงานสาวไปอย่างว่าง่าย 




    กว่าการถ่ายทำให้วันนี้จะเสร็จลง  ดวงอาทิตย์ก็ลาลับท้องฟ้าไปเสียแล้วจนเหลือเพียงแค่ท้องฟ้าดำมืดที่ประปรายไปด้วยหมู่มวลเมฆประดับอยู่บนท้องฟ้าสวยแห่งนี้




    ในขณะที่ทีมงานทุกคนกำลังเก็บข้าวของสำหรับการถ่ายทำทั้งหลาย  นักแสดงรุ่นพี่ทั้งหลายก็ต่างพากันเดินเข้ามาหารุ่นน้องร่างสูงอดีตไอดอลที่เพิ่งผันตัวมาเป็นนักแสดงในงานนี้งานแลก  เพื่อชื่นชมเกี่ยวกับฝีมือการแสดงที่ถือว่าเยี่ยมยอดสำหรับมือใหม่  ซึ่งเมื่อได้รับคำชมร่างสูงก็ทำได้แค่ยิ้มและขอบคุณสำหรับคำชมไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้น  ถ้าเป็นปกติเขาคงดีใจมากเป็นแน่  เพียงแค่วันนี้เขากลับมีเรื่องกวนใจอยู่ทำให้คำชมนั้นเป็นราวเสียงๆ หนึ่งที่ผ่านหูเท่านั้น

     


     

    ไม่นานนักนักแสดงและทีมงานทั้งหลายก็มาถึงโรงแรมที่พัก  ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามห้องของแต่ละคน  เช่นเดียวดับร่างสูงที่รีบจ้ำอ้าวเข้าห้องพักส่วนตัวของตัวเองอย่างไว  เมื่อถึงห้องเขาก็เดินไปนั่งยังโซฟาที่อยู่ริมหน้าต่างพลางขยับคอไปมาเพื่อสลัดความเมื่อยล้าจากการทำงานในวันนี้  ก่อนที่จะเข้าแอปเว่ยป่ออีกครั้งโดยหวังว่าจะเห็นว่าข้อความของตนนั้นจะส่งถึงอีกคน

     

    แต่แล้วพอเปิดแอปขึ้นมาไม่ใช่เพียงแค่ข้อความส่งไปถึงเท่านั้น  แต่เขากลับได้รับข้อความตอบกลับจากอีกคนซะด้วย  พอเห็นแบบนั้นนิ้วเรียวยาวนั้นก็กดเข้าไปดูข้อความใหม่นั้นทันทีโดยที่ไม่ได้รอสมองคิดอีกแล้ว

     


     

    นายว่าใครเป็นกวางโง่ ห๊าอู๋ อี้ฝาน  ... อย่ามาคิดไปเองสิว่าฉันคิดถึงนาย  หลงตัวเองชะวัด แบร่!   แล้วก็ที่ฉันผอมน่ะเพราะตอนนี้กำลังไดเอทต่างหาก  ใครจะเหมือนนายอ้วนเอาๆ ระวังเถอะเสื้อที่เคยซื้อจะใส่ไม่ได้

     

     
     

    พอร่างสูงได้อ่านข้อความใหม่ที่ถูกส่งมาจากกวางโง่ หรือ ลู่หาน ของเขา  มันก็ทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา  ความกังวลที่มีมากมายในก่อนหน้ากลับมลายหายไปหมดด้วยเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ไร้สาระแบบนี้จากอีกคน



    “ทำเป็นเก่งไปเถอะ  กวางน้อย  ฉันรู้ว่านายเองก็คิดถึงฉัน”

     

     

     

         คำว่า คนสำคัญ’ ของเขา อู๋ อี้ฟาน ไม่ใช่ว่าจะให้ใครได้ง่าย  แต่หมอนั่น ลู่หาน’ กลับได้ตำแหน่งนี้อย่างง่ายๆ

         กลายเป็นคนสำคัญ  คนที่เขารักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง

         เป็นเพียงคนไม่กี่คนบนโลกที่เขาอยากจะปกป้องไปตลอดชีวิต

     


     

         ความรู้สึกแบบนี้ที่เขามีระหว่างลู่หาน  มันเป็นอะไรที่มากกว่า ความรู้สึกของเพื่อน

         แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ามันคือ ความรู้สึกเชิงชู้สาว

         หากมีเพียงแค่สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือ เขารักลู่หาน

     

     
     

     

         ‘แม้วันนี้เขายังไม่มีโอกาสที่จะได้พูดมันออกไป  แต่เขา อู๋ อี้ฝาน เชื่อว่าสักวัน  ตราบใดที่พวกเขาทั้งคู่ยังอยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกัน  จะต้องมีสักวันที่พวกเขาจะได้มาพบกันอีกครั้ง  แล้วเขาจะพูดประโยคนี้ออกไปอย่างแน่นอน







     

    ::THEEND::


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×