คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : SF ::Under the same Sky::
::Under the same Sky::
แหมะ.. แหมะ...
แล้วนี่เหมือนเดิมกับทุกๆ คืน ที่น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาจากดวงตาที่ใครๆ ต่างพูดกันว่ากลมโตเหมือนตาของกวางน้อยคู่นี้ของผมอย่างไม่ขาดสาย ผมรู้ว่าผู้ชายร้องไห้แบบนี้มันไม่แมนเอาซะเลย แต่ทำไงได้ล่ะ..ถ้าผมห้ามมันได้ก็คงไม่ต้องมาแอบร้องไห้อยู่แบบนี้หรอก
แม้ว่าเรื่องนี้มันจะผ่านมาได้เกือบเดือนแล้วก็ตามหรือต่อให้เวลามันผ่านไปมากแค่ไหน แต่ความคิดถึงที่ผมมีให้เขามันก็ยังไม่ลดลงเลยสักนิด
ทั้งๆ ที่ผมควรโกรธ ควรเคืองที่เขาคนนั้นเลือกที่จะทิ้งพวกเราไป ไม่ใช่มาคิดถึงเขาแบบนี้ทุกวันก็เถอะ ... แต่ก็นะ มันทำไม่ได้จริงๆ ผมโกรธ ผมเกลียดเขาไม่ลงจริงๆ หรือต่อจะให้โกรธ.. อย่างมากก็แค่เพราะว่าผมโกรธที่เขาปิดบังและเลือกที่จะจากผมไปโดยที่ไม่มีแม้แต่คำบอกลา
โกรธที่เขาทำให้ผมต้องห่วงเขาแทบจะเป็นบ้าแบบนี้
โกรธที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์จากผมเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง
โกรธที่มาทำให้ผมรู้ความรู้สึกของตัวเอง...ว่า ผมรักเขามาก แค่ไหน แต่เขาก็เลือกที่จะจากไปก่อน โดยที่ผมยังไม่เคย ได้พูดคำว่า ‘รัก’ นั้นออกไปเลยสักครั้ง
ผมได้แต่คิดและตัดพ้อเขาอยู่กับตัวเอง แค่ภายในความคิดเท่านั้น... ได้แค่นั้นจริงๆ
นิ้วเรียวของผมค่อยๆ เลื่อนหน้าจอ ซึ่งในระหว่างนั้นดวงตาที่พร่ามัวของผมก็พยายามที่จะกวาดไล่ทุกตัวอักษรเพื่ออ่านข้อความต่างๆ ที่ผู้คนคนอื่นพูดถึงเขาไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจหรือข้อความที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อเขาก็ตาม ทุกครั้งที่ผมเห็นข้อความที่ด่าทอเขา ความเจ็บปวดมันก็ถาโถมเข้ามาผมราวกลับข้อความนั้นว่าผมซะเอง นี่ขนาดผมที่อ่านยังรู้สึกแย่แบบนี้
‘แล้วถ้าเป็นเขาหล่ะ? ถ้าเขาต้องเห็นข้อความพวกนี้กับตาตัวเองหล่ะ? เขาจะเสียใจขนาดไหน?’
เขา.. ที่แคร์คนรอบข้าง และคนที่รักเขาขนาดนั้น
เขา.. ที่เหมือนจะเป็นคนเข้มแข็ง แต่ที่จริงก็แค่เด็กที่อ่อนไหวคนหนึ่งเท่านั้น
ในตอนนี้ที่เขาต้องเผชิญเรื่องพวกนี้ ใครกันที่จะอยู่ข้างเขา ใครที่จะคอยเคียงข้างให้เขาสามารถแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาได้
ยิ่งคิดมากน้ำตาของผมมันก็ยิ่งไหลออกมาไม่หยุด แค่คิดว่าพวกน้องๆ เขามาเห็นสภาพแบบนี้ของผมแบบนี้อีก ผมก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้ว ตอนนี้ผมเป็นพี่ใหญ่ของพวกน้องๆ อีกสองคน ผมควรเข็มแข็งเพื่อพวกเขาที่เหลือสิ ไม่ใช่มาอ่อนแอแบบนี้
แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้นจู่ๆ ก็มีข้อความเตือนจากแอปเว่ยป่อก็เด้งขึ้นมาเตือนว่า ผมได้มีข้อความใหม่เขามา ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะสนใจเท่าไหร่เพราะคิดว่าคงจะเป็นข้อความจากเลาเกาเพื่อนผมเหมือนปกติ แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ เมื่อผมมองชื่อของคนที่ส่งข้อความมาก็ปรากฏว่าเป็นเขานั้นเอง เขาส่งข้อความมาหาผมแล้ว
‘หานหาน ฉันรู้ว่านายกำลังเป็นห่วงฉัน แต่ฉันสบายดี ฉะนั้นนายอย่าคิดมากนะ ดูแลตัวเองดีๆ ฉันเห็นภาพจากพวกแฟนคลับที่ถ่ายเมื่อเช้าแล้ว นายโทรมไปเยอะเลย กินข้าวเยอะๆ ดูแลด้วยเองหน่อยสิกวางโง่’
ในระหว่างที่อ่านข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาจากคนที่ทำให้ผมคิดถึงจนแทบบ้าแบบนี้ มันก็ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาไม่ได้ ฝาน.. คนบ้า มารู้อีกว่าคนเขาคิดถึง แถมยังมีหน้าแอบส่องรูปของพวกเราที่พวกแฟนคลับถ่ายอีก ผมปาดน้ำตาของตัวเองออกอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ไล้นิ้วเรียวของตนลงบนแป้นพิมพ์บนหน้าจอสมาร์ทโฟนก่อนที่จะกดส่งออกไปเมื่อผมพิมพ์เสร็จ
ยังไม่ทันจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายได้อ่านข้อความของผมรึยัง ผมก็ต้องรีบเก็บสมาร์ทโฟนของตนลงใต้หมอน ก่อนที่จะแกล้งหันไปที่แลบทอปสีขาวที่เปิดหนังดราม่าแสนซึ้งรอเอาไว้แต่แรก แล้วทำเป็นเหมือนว่าผมร้องไห้เพราะหนังอีกครั้ง ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกโดยใครสักคน
“เกอ ไม่กินข้าวหรอครับ ถ้าไม่ออกไปตอนนี้พวกเด็กๆ จะกินหมดแล้วนะครับ” เสียงหวานของคนที่เพิ่งเข้าห้องมาเอ่ยกับผมด้วยภาษาบ้านเกิดของพวกเรา
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก พอดีฉันยังไม่หิวนายออกไปกินกับพวกเด็กๆ เถอะ” ผมหันไปตอบ จาง อี้ชิง รูมเมทของผมด้วยน้ำเสียงที่ผมพยายามเปล่งออกมาให้เป็นปกติ
“นี่จะไม่กินข้าวอีกแล้วครับเกอ นี่เกอผอมลงไปเยอะแล้วนะครับ ถ้าไม่สบายขึ้นมาอีกคนจะทำยังไงอ่าครับ”
“โทษนะที่ทำให้เป็นห่วง เอาไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยกินละกัน ตอนนี้ขอดูหนังก่อน..กำลังจะเข้าฉากไคลแม็กซ์เลยนะ” ผมบ่ายเบี่ยงคำเชิญจากคนเป็นน้อง พลางชี้ที่หน้าแลปทอปที่ตอนนี้กำลังเล่นไคลแม็กซ์ชวนบีบอารมณ์ของหนังให้อีกคนดู
“หนังดราม่าอีกแล้วหรอ ทำไมช่วงนี้เกอดูแต่หนังแบบนี้เนี่ยครับ ดูสิพอดูละก็อินจนร้องไห้ทุกทีเลย”
“ก็มันสนุกดีหนิหน่า นายดูด้วยกันไหมอี้ชิง”
“ไม่ดีกว่าครับ แล้วสรุปจะไม่กินจริงๆ หรอครับ”
“อืม วันนี้ไม่กินแหละ นายไปกินเถอะ”
“งั้นก็ได้ครับ แต่พรุ่งนีสัญญาแล้วนะครับว่าจะกินข้าวหน่ะ”
“สัญญาๆ”
“งั้นผมไปกินต่อก่อนนะครับ”
“โอเค” ผมบอกลาอี้ชิงพลางโบกมือบ๊ายบาย นั่นทำให้อี้ชิงทำได้แค่ยิ้มและส่ายหัวเบาๆ กับท่าทีของผม ก่อนที่น้องมันจะเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่อี้ชิงออกไปผมก็รีบที่จะกดสต๊อปหนังที่เปิดฉายอยู่นั่น ก่อนที่จะล้วงมือถือเข้าไปใต้หมอนเพื่อหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องที่ผมเพิ่งยัดลงไปซ่อนเมื่อก่อนหน้าออกมาอีกครั้ง เมื่อหยิบออกมาได้ผมก็รีบปลดล็อคหน้าจอเพื่อเข้าแอปเดิมที่ก่อนหน้าเล่นอยู่ โดยในใจผมก็หวังว่าจะมีข้อความตอบกลับจากอีกคน
แต่สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่ความหวังเฉยๆ เมื่อผมไม่เห็นข้อความตอบกลับจากเขาเลยสักข้อความ แถมข้อความที่ผมส่งไปก่อนหน้าเองก็ยังไม่ได้ขึ้นว่าอ่านอีกด้วย
‘ทำไมนายถึงชอบมาหล่ะหายไปแบบนี้ตลอดเลยนะ อู๋ อี้ฝาน ... นายไม่รู้เลยหรอว่าฉันคิดถึงนายขนาดไหน’
“ว่าแต่หมอนั่นบอกให้เรากินข้าวเยอะๆ นี่หน่า” ผมเอ่ยพึมพำกับตัวเอง เมื่อหวนกลับไปนึกถึงข้อความที่อีกคนฝากทิ้งเอาไว้
‘เฮอะ กินก็กิน ... นายนี่หน่ะ จะมีอิทธิพลกับฉันมากไปแล้วนะ’
ผมคิดกับตัวเองในใจพลางยี้หัวตัวเองไปมาอย่างหัวเสียที่ไม่อาจขัดคำพูดของอีกคนได้เลยสักนิด ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงส่วนตัวของตนแล้วเดินตรงไปยังประตูที่ปิดอยู่
“พวกนายอย่าเพิ่งกินกันหมดนะ ฮยองกินด้วยคนสิ”
‘เอาแต่สั่งฉันแบบนี้ผ่านทางข้อความ สักวันเถอะถ้าเจอนายเมื่อไหร่ คนอย่างฉัน ลู่หาน จะจัดการคิดบัญชีโทษฐานที่ทำให้ฉันคิดถึงแบบนี้ให้เสร็จรวดเดียวเลย ... ไม่สิ ฉันจะไม่รอ แต่ฉันจะตามล่านายจนสุดขอบผืนฟ้านี้ เตรียมใจไว้เลย อู๋ อี้ฝาน’
ตอนนี้เป็นเวลาช่วงพักของการถ่ายทำหนัง ทำให้บรรดานักแสดง ผู้กำกับ สต๊าฟ ผู้เกี่ยวข้องกับหนังต่างๆ รวมถึงเขาได้หยุดพักจากการถ่ายทำ และทันทีที่ประกาศพักการถ่ายเขาก็เลือกที่จะรีบหยิบสมาร์ทโฟนประจำตัวของตนเองก่อนที่จะเดินหลบฉากออกไปหาที่เงียบๆ ที่อยู่ห่างจากทีมงามคนอื่นๆ
พอเขาแยกออกมาจากคนอื่นได้ ร่างสูงก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาก่อนที่จะเข้าแอปเว่ยป่อที่เป็นเพียงแอปเดียวที่เขาติดที่สุด และในทันทีที่เปิดแอปขึ้นมาเขาก็มักจะเสิร์ซหาข่าวเกี่ยวกับบรรดาเพื่อนๆ น้องๆ และคนคนหนึ่งก่อนที่จะทำทุกอย่างเสมอ
นิ้วเรียวยาวของร่างสูงที่ดูข่าวคร่าวๆ เสร็จ ก็เปลี่ยนคำที่ใช้ค้นหาเพื่อที่จะหาข่าวเกี่ยวกับคนคนนั้น คนที่สำคัญกับเขามากที่ เป็น ‘ลู่หาน’
ใช่แล้ว! คนสำคัญของเขาที่ว่านั้นก็คือลู่หาน อดีตเพื่อนร่วมวงหน้าหวาน เจ้าของตากลมโตของเขานี่แหละ
พอพิมพ์คำที่ใช้ค้นหาเป็นอันเรียบร้อย ข้อมูลข่าวเกี่ยวกับลู่หานที่บรรดาแฟนคลับหามาก็ขึ้นเรียงรายยาวเหยียดไปหมด แล้วพอเขาเลื่อนๆ ไปเรื่อยๆ ก็พบว่าวันนี้เจ้ากวางโง่ของเขาเข้าบริษัทด้วย
นี่เจ้ากวางโง่ของเขาเอาเสื้อเขามาใส่อีกแล้วสินะ เสื้อเขาใหญ่กว่าตัวตั้งเยอะ.. แต่ก็ชอบเอามาใส่จัง
เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เขาว่าเขาชอบมาในตอนที่อยู่บนตัวของบรรดานายแบบ นางแบบ ซะอีก เพราะพอเมื่อสิ่งพวกนี้มาอยู่บนตัวของคนตัวเล็กนี้เสื้อผ้าพวกนี้กลับดูน่าหลงไหลยิ่งกว่าตอนแรกซะอีก ซึ่งนี้ก็เป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่ทำให้คนอย่างเขา อู๋ อี้ฝาน ยิ้มออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ระหว่างที่เขากำลังเพลิดเพลินกับการเซฟและดูรูปของคนตัวเล็กที่ใส่เสื้อไซส์ใหญ่กกว่าตัวแบบนี้ เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อพอดูภาพที่แฟนคลับถ่ายมาดีๆ แล้ว เขากลับเพิ่งสังเกตว่าเจ้ากวางโง่ของเขาผอมลงไปยิ่งกว่าเดิมอีก หน้าหวานนั้นก็โทรมจนผิดสังเกตไปหมด
เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ปรากทำให้เวลาค่อนข้างต่างจากที่โซลที่อีกคนอยู่ ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ที่นู้นคงจะมืดแล้ว แต่ก็นะเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกคนออกจากบริษัทรึยัง เพราะว่าตั้งแต่เลื่อนมาก็เห็นแค่ภาพตอนเข้าบริษัทก็เท่านั้นเอง
มือเรียวยาวเผลอก่ำสมาร์ทโฟนเครื่องหรูอย่างเผลอตัว เขารู้ว่ากวางโง่ของเขาเป็นคนชอบคิดมากและไม่ชอบปรึกษาใคร แม้ว่าเรื่องนั้นจะใหญ่หรือหนักเกินกกว่าที่อีกคนจะรับได้ก็ตาม แล้วยิ่งเห็นรูปในวันนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงหนักกว่าเดิม จึงทำให้เขาเผลอที่จะพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปให้อีกคนอย่างเผลอตัว ทันทีที่ส่งเสร็จเขาก็เผลอสบถกับตัวเองเบาๆ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพลาดที่ไม่หักห้ามใจของตัวเองแบบนี้
เขาไม่ควรทำแบบนี้ เขาควรจะห้ามตัวเองเอาไว้ ทั้งๆ ที่เขารู้ทั้งรู้ว่าการที่เขาติดต่ออีกคนมันจะทำให้กวางโง่ของเขาต้องเดือดร้อน เพราะแบบนี้เขาถึงไม่เคยรับสายจากอีกคนเลย แม้ว่าเขาจะคิดถึงและอยากได้ยินเสียงของอีกคนมากแค่ไหนก็ตาม
“อี้ฝานจ๊ะ ถึงเวลาเข้าฉากละจ๊ะ” เสียงจากหนึ่งในทีมงานดึงสติของเขากลับมา เขารีบที่เก็บสมาร์ทโฟนของตนลงกระเป๋ากางเกงในทันที และเดินตามทีมงานสาวไปอย่างว่าง่าย
กว่าการถ่ายทำให้วันนี้จะเสร็จลง ดวงอาทิตย์ก็ลาลับท้องฟ้าไปเสียแล้วจนเหลือเพียงแค่ท้องฟ้าดำมืดที่ประปรายไปด้วยหมู่มวลเมฆประดับอยู่บนท้องฟ้าสวยแห่งนี้
ในขณะที่ทีมงานทุกคนกำลังเก็บข้าวของสำหรับการถ่ายทำทั้งหลาย นักแสดงรุ่นพี่ทั้งหลายก็ต่างพากันเดินเข้ามาหารุ่นน้องร่างสูงอดีตไอดอลที่เพิ่งผันตัวมาเป็นนักแสดงในงานนี้งานแลก เพื่อชื่นชมเกี่ยวกับฝีมือการแสดงที่ถือว่าเยี่ยมยอดสำหรับมือใหม่ ซึ่งเมื่อได้รับคำชมร่างสูงก็ทำได้แค่ยิ้มและขอบคุณสำหรับคำชมไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้น ถ้าเป็นปกติเขาคงดีใจมากเป็นแน่ เพียงแค่วันนี้เขากลับมีเรื่องกวนใจอยู่ทำให้คำชมนั้นเป็นราวเสียงๆ หนึ่งที่ผ่านหูเท่านั้น
ไม่นานนักนักแสดงและทีมงานทั้งหลายก็มาถึงโรงแรมที่พัก ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามห้องของแต่ละคน เช่นเดียวดับร่างสูงที่รีบจ้ำอ้าวเข้าห้องพักส่วนตัวของตัวเองอย่างไว เมื่อถึงห้องเขาก็เดินไปนั่งยังโซฟาที่อยู่ริมหน้าต่างพลางขยับคอไปมาเพื่อสลัดความเมื่อยล้าจากการทำงานในวันนี้ ก่อนที่จะเข้าแอปเว่ยป่ออีกครั้งโดยหวังว่าจะเห็นว่าข้อความของตนนั้นจะส่งถึงอีกคน
แต่แล้วพอเปิดแอปขึ้นมาไม่ใช่เพียงแค่ข้อความส่งไปถึงเท่านั้น แต่เขากลับได้รับข้อความตอบกลับจากอีกคนซะด้วย พอเห็นแบบนั้นนิ้วเรียวยาวนั้นก็กดเข้าไปดูข้อความใหม่นั้นทันทีโดยที่ไม่ได้รอสมองคิดอีกแล้ว
‘นายว่าใครเป็นกวางโง่ ห๊า! อู๋ อี้ฝาน ... อย่ามาคิดไปเองสิว่าฉันคิดถึงนาย หลงตัวเองชะวัด แบร่! แล้วก็ที่ฉันผอมน่ะเพราะตอนนี้กำลังไดเอทต่างหาก ใครจะเหมือนนายอ้วนเอาๆ ระวังเถอะเสื้อที่เคยซื้อจะใส่ไม่ได้’
พอร่างสูงได้อ่านข้อความใหม่ที่ถูกส่งมาจากกวางโง่ หรือ ลู่หาน ของเขา มันก็ทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ความกังวลที่มีมากมายในก่อนหน้ากลับมลายหายไปหมดด้วยเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ไร้สาระแบบนี้จากอีกคน
“ทำเป็นเก่งไปเถอะ กวางน้อย ฉันรู้ว่านายเองก็คิดถึงฉัน”
คำว่า ‘คนสำคัญ’ ของเขา อู๋ อี้ฟาน ไม่ใช่ว่าจะให้ใครได้ง่าย แต่หมอนั่น ‘ลู่หาน’ กลับได้ตำแหน่งนี้อย่างง่ายๆ
กลายเป็นคนสำคัญ คนที่เขารักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
เป็นเพียงคนไม่กี่คนบนโลกที่เขาอยากจะปกป้องไปตลอดชีวิต
ความรู้สึกแบบนี้ที่เขามีระหว่างลู่หาน มันเป็นอะไรที่มากกว่า ‘ความรู้สึกของเพื่อน’
แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ามันคือ ‘ความรู้สึกเชิงชู้สาว’
หากมีเพียงแค่สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือ ‘เขารักลู่หาน’
‘แม้วันนี้เขายังไม่มีโอกาสที่จะได้พูดมันออกไป แต่เขา อู๋ อี้ฝาน เชื่อว่าสักวัน ตราบใดที่พวกเขาทั้งคู่ยังอยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกัน จะต้องมีสักวันที่พวกเขาจะได้มาพบกันอีกครั้ง แล้วเขาจะพูดประโยคนี้ออกไปอย่างแน่นอน’
::THEEND::
ความคิดเห็น