ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาราเรล ออนไลน์ [ online ]

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 พาราเรลออนไลน์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 56


    ตอนที่ 1 พาราเรลออนไลน์

        วันนี้เป็นวันหนึ่งที่มิเชลออนไลน์เฝ้ารอพ่อ เธอนอนเพียงวันละหกเจ็ดชั่วโมง หลังตื่นก็กินข้าวอาบน้ำ จากนั้นอาจมีตารางเดินเล่น ฝึกใช้ไม้เท้า ครูสอนพิเศษจะเข้ามาดูแลช่วงบ่าย มาช่วยสอนหนังสือ หรือพาเด็กสาวออกสถานที่ใหม่ เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองในการไปไหนมาไหนได้

        ตกเย็น มิเชลค่อยท่องไปยังอีกสถานที่หนึ่ง นั่นคือวิช่วลเวิร์ล...  เธอหยิบหมวกเหล็กแข็งๆ วางครอบหัว ด้านในมีผ้านวมนุ่มไว้รองกันกระแทก พอสวมเสร็จก็นอนลงบนเตียง จากนั้นกดสวิทซ์ สติของเด็กสาวจะวูบเข้าสู่โลกมายา...

        ทุ่งดอกไม้ปรากฏตรงหน้าเหมือนเคย แต่อะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ปกติมันเป็นเพียงภาพสามมิติ ยื่นมือแล้วทะลุออก วันนี้เธอกลับสัมผัสได้ราวกับอยู่ในโลกจริงๆ ที่ผ่านมา ของจับต้องได้มีแค่เฟอร์นิเจอร์บางชิ้น อย่างเช่นโต๊ะ เก้าอี้ หนังสือเรียน

        มิเชลลองนอนกลิ้งตัว ถูไปกับดอกไม้ พวกมันล้มลงตามแรงเบียด และโดนบดจนช้ำ หลังของเธอชื้น เศษหญ้าติดเต็มไหล่ เด็กสาวนึกสนุกในความแปลกใหม่ จึงไถลกายต่อ กะว่าใช้กำแพงห้องโปร่งใสหยุด

        แต่แล้ว... เธอก็กลิ้งหลุนๆ ไปข้างนอก ทะลุผ่านกำแพงโปร่งใส

        ภาพรอบตัวเป็นทุ่งกว้าง ต้นไม้สีเขียวขึ้นหนาแน่น แต่ไม่ใช่ภาพสามมิติกลวงๆ ตามปกติ มิเชลสามารถสัมผัสได้ทุกอย่าง เธอกำลังนั่งอยู่บนสวนที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ก้นชื้นเพราะน้ำค้างบนหญ้า ฝ่ามือสองข้างกดจมลงไปในดินนิดหน่อย

        เด็กสาวถีบตัวลุกขึ้น เศษหญ้าขี้ดินเปื้อนติดตามตัว เธอหยิบพวกมันขึ้นมาดูและถูกับนิ้ว จากนั้นดมกลิ่นจดจำในแบบที่ตนถนัด กลิ่นเหม็นเขียวรางๆ แต่สดชื่น แถมยังมีต้นไม้ลำต้นหนาใหญ่อีกมากมายเหมือนในหนังการ์ตูน

        มิเชลสำรวจรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น เธอลูบและดมหลายอย่าง แถมยังพยายามหอบหญ้ากับดินไว้เต็มสองมือ แต่มักลืมตัว จึงเผลอทำร่วงระหว่างเดินตลอดทาง ยิ่งไปไกลขึ้น เสียงของสายน้ำก็เริ่มดังซู่ซ่า เด็กหญิงโยนทุกอย่างทิ้ง แล้วออกวิ่งหาต้นตอของเสียง

        ขาน้อยๆ หยุดวิ่งเมื่อเจอลำธาร มือจุ่มลงเพื่อกวนน้ำเล่น… พอก้มมากๆ เข้า ตัวก็ลื่นไถลตกลงไป เธอกินน้ำสองสามอึกก่อนเอามือถูเช็ดหน้าเนื่องจากคันตา มิเชลปีนกลับขึ้นฝั่ง แล้วกระโดดเล่นอีกหลายครั้ง

        พอกระโดดจนเบื่อ มิเชลก็เจออะไรดึงดูดความสนใจอีก หนูตัวเล็กเสมือนจริงวิ่งผ่านต่อหน้าต่อตา เธอกระโดดตะครุบ แล้วพวกมันก็อ้าปาก ปักฟันลงมือเด็กสาวจมเขี้ยว

        “โอ๊ย!”

        เลขสามสีแดงเด้งจากตัวเธอลอยโชว์เหนือศีรษะ มิเชลเห็นเพราะกำลังนอนหงายกอดอุ้มเจ้าหนูตัวเล็ก มันเริ่มฝังเขี้ยวใส่อีกรอบ.. เด็กหญิงมองเห็นตัวเลขชุดเดิม ครั้งนี้เธอสะบัดมือขว้างทิ้ง บนมือเหลือเป็นรอยฟันกับเลือด

        “ไม่โจมตีกลับล่ะ หรือยังเล่นไม่เป็น?”

        เสียงสูงดังข้ามหัวจากข้างหลัง ปรากฏร่างเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง คนตะโกนคือฝ่ายหญิง เจ้าหล่อนวิ่งเข้ามาเอามีดปักบนตัวหนูซ้ำๆ สามสี่ที หลังจากทิ่มโดน ก็จะโชว์ตัวเลขสีแดง เธอมีเส้นผมสีเขียวยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีฟ้าอ่อนสดใส ปลายหูแหลมชี้ขึ้น ใบหน้าขาวเนียน คางกลม

        สุดท้ายหนูเคราะห์ร้ายนอนแน่นิ่งคามือ มิเชลพยายามสำรวจคนตรงหน้า ทั้งคู่แต่งกายแปลกๆ ไม่เหมือนพ่อ ผู้ชายสวมเสื้อกล้ามสีเทาหม่นแขนกุด กางเกงดำยาวถึงเข่า ส่วนฝ่ายหญิงใส่ชุดคล้ายๆกัน ต่างแค่เจ้าหล่อนมีเข็มขัดหัวสามเหลี่ยมกับกางเกงที่ขายาวกว่า เด็กหญิงขยับเข้าใกล้พวกเขา ตั้งใจจะลูบคลำจับต้องตามความเคยชิน

        “ว้าย” เธอกรีดร้องตกใจทันทีที่โดน ‘ลูบคลำ’ ...มิเชลจึงถูกผลักออก

        “ระวัง สงสัยจะเป็นสัตว์อสูร” ฝ่ายชายเตือน เขามีผมและตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวไม่ดำไม่ขาว

        “แต่... เมื่อกี้เธอสู้กับหนูอยู่ ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเกมออนไลน์ที่สัตว์อสูรจะจู่โจมกันเองนะ”

        “อย่าลืมสิว่าเกมนี้เน้นความสมจริง พวกสัตว์อสูรอาจจะล่าเหยื่อกินกันเองบ้างก็ได้” ฝั่งชายเกริ่น ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลง “แถมเด็กคนนี้ก็เตี้ยเกินไป ตอนสร้างตัวละครมันมีกำหนดส่วนสูงขั้นต่ำเอาไว้ คงจะเป็นสัตว์อสูรที่หน้าตาเหมือนคน…”

        “ต้องรีบเอาไปบอกทุกคนแล้วเรื่องนี้ เกมเพิ่งเปิดได้สองอาทิตย์ พวกเราเจอเป็นคนแรก” หญิงสาวร้อง

        มิเชลชะงักเล็กน้อย ความพิการทำให้ไม่เคยถูกปฏิเสธการสัมผัส และเป็นครั้งแรกที่ถูกผลักออกแรงขนาดนี้ เธอลูบก้นป๊อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง

        ฝ่ายชายเงื้อมีดหมายโจมตี มิเชลงงอยู่แป๊ปๆ แต่ก็ยันขาถีบตัวหลบในเสี้ยววินาทีสุดท้าย

        “ประกาศ การโจมตีผู้เล่นด้วยกันเริ่มขึ้น ฝ่ายที่ลงมือก่อนจะติดสถานะอาชญากร ซึ่งผู้เล่นคนอื่นสามารถล่าฆ่าหัวได้ จนกว่าผู้เล่นที่ติดสถานะอาชญากรจะตายโดยผู้เล่นด้วยกัน ถูกยอมความโดยผู้ถูกโจมตี หรือออนครบเวลาสองสัปดาห์”

        “เฮ้ยยย ทำไม เด็กคนนี้เป็นผู้เล่น!?” ร่างกายของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีโทนแดงทั้งตัว “ตัวฉันติดสถานะผู้ร้าย..!”

        “ใจเย็นอิล ตะกี้ระบบประกาศว่าไงนะ... วิธีแก้น่ะ”

        คู่ชายหญิงเถียงกันลนลาน ส่วนมิเชลพยายามจับใจความเนื้อเรื่องตรงหน้า... จู่ๆ ทุ่งดอกไม้จับต้องได้ แล้วค่อยกลิ้งออกจากห้อง วิ่งเล่นในป่า กระโดดลงน้ำ โดนหนูกัด สองคนนี้ช่วยไว้ แล้วเปลี่ยนใจ หันมาฟัน เด็กสาวจำได้ว่ามีดเป็นของมีคม ไม่ควรสัมผัสส่วนเหล็ก แต่เขาก็ยังหันพุ่งใส่

        สรุปได้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนเลว ดังนั้นเธอควรจะหนีก่อน มิเชลบีบปมปลายเชือกชุดเอี๊ยม แล้วหายตัวทันที….

        เด็กสาวกลับมาอีกครั้งยังโลกแห่งความจริง โลกไร้แสงและเสียง สายเชือกชุดเอี๊ยมเป็นการล็อคเอาท์ของวิช่วลเวิร์ล อะไรบางอย่างในนั้นแปลกไป จนเธอถึงกับโล่งใจที่วิธีออกตามปกติยังใช้งานได้อยู่

        สัมผัสนิ้วนิ่มๆ แปะลงบนหน้า พี่เลี้ยงคงสงสัยเรื่องที่ออกมาก่อนเวลาปกติ มิเชลทำมือไม้ขอกระดาษ แผ่นรอง และปากกาหัวเข็ม ทั้งหมดเป็นสัญญาณว่าจะเล่าอะไรให้ฟัง จึงอยากได้อุปกรณ์เขียนตัวอักษรเบรล

        พอได้กระดาษ มือเด็กหญิงก็กดทาบแผ่นรอง แล้วใช้ปากกาหัวเข็มจิ้มทีละจุด อักษรเบรลคือภาษาคนตาบอด พี่เลี้ยงของเธอเรียนรู้วิธีอ่านมาแล้ว ตัวหนังสือจะเป็นแบบนูน หรือรู ไว้สำหรับเอานิ้วเกลี่ยสัมผัส แต่กับคนตาดีนั้น มักกวาดตาอ่านซึ่งเร็วกว่าเยอะ

        “วันนี้จู่ๆ ก็ออกจากห้องได้ มิเชลได้กระโดดลงน้ำ ตัวเปียก เสร็จแล้วก็จับหนู มิเชลโดนมันกัด  แล้วเจอคนอื่นนอกจากคุณพ่อด้วย เขาพยายามจะหันด้านคมของมีดใส่มิเชล แต่มิเชลหนีทัน”

        พี่เลี้ยงสาวยิ้ม พลางคิดว่ามิเชลเผลอหลับแล้วฝัน เธอไม่รู้ว่าโลกวิช่วลเวิร์ล หรือห้องของเด็กหญิงสภาพเป็นอย่างไร แต่เนื้อเรื่องมันก็ผิดปกติจนเกินไป จึงแค่เอากระดาษกับเข็มมาเขียนตอบว่า “งั้นหรือ แล้วยังไงต่อ พวกนั้นตามมารึเปล่า”

        หลังอาหารมื้อกลางวัน มิเชลยังคาใจอยู่จึงล็อคอินเข้าไปใหม่ เด็กหญิงพบตัวเองอยู่กลางป่าที่เดิม ไม่ใช่ห้องทุ่งดอกไม้ในวิช่วลเวิร์ลของเธอ สายลมเย็นพัดผ่านร่างเบาๆ แถมด้วยเสียงน้ำไหลกับเสียงนกร้องดังคลอรอบๆ

        เธอเดินต่อไป และเริ่มเจอคนกลุ่มเล็กกำลังถือมีดวิ่งไล่ฟันหนู  มิเชลหยุดและสังเกตสิ่งที่ทุกคนทำ เด็กหญิงพยายามจะเลียนแบบ แต่ไม่มีมีด เลยเอากำปั้นลุยดื้อๆ สักพักก็ลงไปกัดกับมัน

        ตัวเลขสีแดงเด้งขึ้นบนหัวหนูรัวๆ ผู้คนรอบข้างอ้าปากค้าง ต่างหันมามองวิธีต่อสู้สุดพิสดารและดิบเถื่อน เด็กสาวฟัดกับมันไม่นานก็จบ

        “แต่น แตน แต๊น ขอแสดงความยินดีกับการกำราบศัตรูตัวแรก การได้ไอเทมจากศัตรูต้องชำแหละจากศพภายในครึ่งชั่วโมง มิฉะนั้นของจะหายไป”

        มิเชลพยายามมองหาต้นตอของเสียงแต่ไม่พบ เสียงนั้นบอกให้ชำแหละศพ... คงเป็นศพหนู แล้วควรทำตามดีไหมนะ..?

        เด็กหญิงนั่งจุ้มปุ้กอยู่อีกราวสิบนาที พอเริ่มเบื่อจึงตัดสินใจเอามือเปล่าๆ ฉีกร่างไร้วิญญาณของเจ้าหนูตัวเล็กดู มันเหนียวจนเธอต้องเอาฟันช่วยขบออกด้วย

        ภาพน่าสยดสยองปรากฏตรงหน้าสายตาผู้คนรอบข้าง เด็กผู้หญิงตัวเล็กกำลังกัด ฉีก แหวกร่างหนูออก เลือดกระเซ็นเต็มหน้าเต็มมือ ณ เวลานั้น ไม่มีใครคิดอยู่ดูต่ออีกแล้ว ต่างพากันร่นหนีหายเกลี้ยง เพราะกลัวว่าตนจะกลายเป็นรายถัดไป

        “คุณเรียนรู้ทักษะการแล่หนัง”

        เสียงไม่มีเจ้าของเด้งขึ้นมาอีกรอบ ซากหนูตรงหน้าหายไป ปรากฏเป็นหนังผืนเล็กกับฟันหน้าหนึ่งคู่ มิเชลเห็นว่าแปลก จึงยัดทุกอย่างลงกระเป๋าชุดเอี๊ยม ในขณะที่เลือดเปรอะทั่วตัว ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม

        พอเดินต่อสักพักก็เจอลำธาร จึงกระโดดลงอย่างนึกสนุก ได้ตีน้ำกระทุ้งน้ำจนเบื่อแล้วค่อยปีนขึ้นต้นไม้เล่น

        มิเชลเก็บผลไม้ ดื่มน้ำ การลิ้มรสชาติพร้อมชื่นชมรูปร่างทำให้กินได้อร่อยขึ้น แม้ว่าทั้งตัวเปื้อนไปด้วยเลือดหนูกับขี้ดิน แถมยังเปียกเละเทะสุดๆ แต่เธอก็กำลังสนุก มีความสุขดี ในโลกแห่งความเป็นจริง เด็กหญิงไม่เคยได้โอกาสมองดูหน้าตาของอาหารระหว่างทานสักครั้ง

        “เจอแล้ว!.. นี่ไง! อิลจะได้หายจากสถานะอาชญากรสักที!”

        เสียงตะโกนเรียกดังมาจากข้างหลัง มิเชลหันกลับไปดู เธอคือสาวผมเขียวที่เจอกันตอนฆ่าหนูครั้งแรก ส่วนผู้ชายข้างๆ ยังคงมีสถานะตัวสีแดงอยู่ ทั้งคู่กำลังหายใจหอบ

        “ข่าวที่บอกว่า มีสัตว์อสูรรูปร่างเด็กผู้หญิงตัวเล็ก สวมชุดเอี๊ยม ตระเวนแถวๆ สวนผู้เริ่มต้น ใช่จริงๆ ด้วย” หญิงสาวร้อง แววตาสีฟ้าเบิกโพลง “แต่นี่มัน....”

        “เจ้าตัวนี้เป็นผู้เล่นจริงๆ หรือเนี่ย หรือเป็นบั๊คของระบบ... ฉันเลยติดสถานะอาชญากร กลับเข้าเมืองไม่ได้ซะที” ชายผมสีน้ำตาลทำหน้าไม่แน่ใจ เพราะสภาพของเด็กหญิงดูเละมากกว่าเดิม

        ชายหนุ่มไม่คิดรีรอให้ถูกโจมตีก่อน เขาถือมีดวิ่งเข้าใส่ แล้วปรามหญิงสาวที่พยายามยิงธนูช่วย

        “อย่า... เดี๋ยวเธอจะติดสถานะอาชญากรเหมือนกัน เจ้านี่เป็นสัตว์อสูรบั๊คแน่ๆ ลองแจ้งผู้ดูแลระบบเลยดีกว่า จะได้ปลดสถานะอาชญากรออก”

        “งั้นฉันจะช่วยใช้น้ำยาฟื้นพลังให้ อิลต้องระวังตัวด้วยนะ”

        อิลกวาดมือวิ่งเข้าใส่ เด็กสาวกระโดดหลบ เธอว่องไวมาก ขนาดตัวเองยังต้องแปลกใจ เมื่อสบโอกาส จะคอยเอาเท้าถีบชายหนุ่มออกไปห่างๆ และเขาเองก็ฟันพลาดหมดทุกดอก

        “มันเร็วมาก แต่พลังโจมตีมันต่ำมาก ไม่ต้องห่วงผม ลาล่ารีบติดต่อผู้ดูแลระบบเลย”

        “โอเคจ้ะ อิล” หญิงสาวเว้นระยะห่างจากสนามรบของพวกเขา แล้วนิ่งเงียบไป

        “พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงจะฟันมิเชล!” เด็กหญิงอุทรณ์ขึ้นมาก่อน คู่หนุ่มสาวเป็นอันชะงัก

        “เธอเป็นผู้เล่นจริงๆ สินะ?” หญิงสาวผมเขียวถามอย่างลังเล แต่อีกใจก็คิดว่าเธออาจเป็น NPC ภารกิจ... ตัวละครในเกมที่คอยมอบหมายงานให้ผู้เล่น เมื่อทำงานของ NPC ภารกิจสำเร็จจะได้ของรางวัลตามแต่ระดับความยากง่าย
     
        “ใช่” มิเชลพนักหน้า เพราะเข้าใจว่า การเล่นน้ำ ปีนต้นไม้คือการเล่น “หนูกำลังเล่นอยู่”

        แม้ทั้งสองฝ่ายจะเข้าใจคนละประเด็น แต่เรื่องก็จบลงด้วยดีจนได้ หญิงสาวชื่อลาล่า เป็นเอลฟ์นักธนูเลเวลสิบหก ส่วนแฟนหนุ่มคืออิล เผ่ามนุษย์ อาชีพนักผจญภัยเลเวลสิบสอง มิเชลค่อยๆ จับประเด็นได้ว่าตนกระเด็นออกจากห้องทุ่งดอกไม้ มาโผล่ที่ป่า แล้วยังเป็นป่าของเกมออนไลน์!

        แม้เกิดมาไม่เคยจับสักกะเกมเพราะความพิการ แต่เธอก็รู้จักคำว่า ‘เกมออนไลน์’ บริษัทที่ทำเกมสำหรับคนตาบอดหูหนวกพอมีอยู่บ้าง ทว่าหาความสนุกไม่ได้เลยสักนิด เล่นในวิช่วลเวิร์ลยังบันเทิงซะมากกว่าอีก

        ฟังจากลาล่ากับอิลพูด ดูเหมือนป่าแห่งนี้จะเป็นเกมออนไลน์ระบบคลื่นสมองเพื่อจำลองรูปรสกลิ่นเสียง เกมออนไลน์ระบบคลื่นสมองเพิ่งเริ่มพัฒนามาแค่ 4 ปีเท่านั้น พ่อเคยเล่าว่ามันก็คล้ายๆ กับวิช่วลเวิร์ล เธอจึงไม่ได้สนใจอะไรนัก

        “ชื่อมิเชลค่ะ” เด็กหญิงแนะนำตัวเองบ้าง

        “คุณมิเชลสร้างตัวละครมาตัวเล็กจังค่ะ ถ้าชุดไม่โทรม คงน่ารักมาก เล่นเผ่าคนแคระใช่ไหมคะ ถึงกำหนดความสูงน้อยๆ ได้ ฉันพยายามสร้างตัวละครเด็กเหมือนกัน แต่เผ่าเอลฟ์บังคับส่วนสูงขั้นต่ำไว้ที่ร้อยหกสิบ ทำแล้วเป็นเด็กโข่งไปเลย”

        “ลาล่าเป็นเอลฟ์” เธอตาวาวเล็กน้อย หนังสือนิทานมีเรื่องของเอลฟ์บ้าง และเอลฟ์เป็นความฝันของเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว มิเชลจ้องหูแหลมๆ ไม่ละสายตา

        “ว่าแต่ทำไมถึงเก็บเลเวลมือเปล่าล่ะ เธอเป็นนักต่อสู้หรือ?” เธอถาม ถึงจะไม่มีนักต่อสู้ที่เอาปากเข้าไปกัดกับสัตว์อสูร แต่ก็ใกล้เคียงสุดล่ะนะ...

        “เปล่าค่ะ มิเชลไม่ใช่นักต่อสู้” เด็กหญิงตอบ พลางนึกสงสัยว่าอะไรคือ ‘เลเวล’

        “ถ้ายังไง ก็ขอโทษเรื่องที่พวกเราโจมตีก่อนด้วย ตอนนี้อิลติดสถานะอาชญากร คนที่จะปลดให้ได้คือคุณต้องบอกยอมความให้ ไม่งั้นอิลจะถูกคนอื่นฆ่า” เอลฟ์สาวก้มหัวขอโทษ ปลายผมสีเขียวยาวปลิวตกมาข้างหน้า

        “ถ้าถูกฆ่าก็แย่น่ะสิ มิเชลจะบอกยอมความให้ละกัน แล้วต้องทำยังไงล่ะ”

        “ขอบคุณค่ะ คุณมิเชลต้องพูดชื่อตัวเอง แล้วบอกว่า ยอมความให้ อิลค่ะ”

        “มิเชลยอมความให้อิล” เธอพูดทันที “แบบนี้หรือคะ?”

        ร่างของนักผจญภัยเปลี่ยนกลับมาเป็นสีเดิม

        “ขอบคุณครับ” อิลตอบ “แต่คุณไวจริงๆ ผมโจมตีไม่โดนเลย เหมือนคุณจะเพิ่งเริ่มเล่น เลเวลเท่าไหร่แล้วครับ?”

        “เลเวล?... ไม่รู้ค่ะ”

        “คงจะดูเลเวลไม่เป็นใช่ไหมครับ ปกติกำไลข้อมือที่ได้ตอนเริ่มเกมจะมีปุ่มให้กดดูสถานะ...แต่... ทำไม คุณมิเชลไม่มีกำไลนี่นา แปลกจัง ไม่ได้ไปถอดทิ้งที่ไหนหรือ”

        “มิเชลไม่เคยมีกำไลแต่แรกแล้วนะ”

        “บ้าเหรออิล! ของแบบนั้นถอดทิ้งได้ที่ไหน มันเป็นไอเทมระบบนะ” ลาล่าบอก “ถ้าคุณยังเลเวลไม่สูงมากลองลบตัวละครทิ้งแล้วสร้างใหม่ไหมคะ? อาจจะมีบั๊คก็ได้ เพราะเกมยังอยู่ในช่วงทดลองเล่นอยู่เลย”
        
        “พูดแล้วเศร้า เลเวลเก็บยากแท้ๆ แต่เดี๋ยวอีกสองเดือนก็จะโดนรีเซ็ตทิ้งหมด” อิลคราง

        “ไว้เลเวลเท่ากันแล้วมาเก็บเลเวลด้วยกันละกันนะคะ” หญิงสาวตัดประเด็นให้ “ถ้าไม่มีมีดของตอนเริ่มเกมลองเอาของฉันไปใช้ก็ได้ เพราะขายทิ้งก็ได้แค่สามเหรียญเอง เก็บไว้ก็เกะกะ”

        ลาล่าควักเอามีดเล่มเล็กจากกระเป๋าสะพายข้างให้ เด็กหญิงมองอย่างแปลกใจ เพราะเจ้ากระเป๋านั่น ยาวแค่ครึ่งเดียวของมีดเท่านั้น!!

        “ขอบคุณค่ะ” พ่อสอนเสมอว่า การขอบคุณคือสิ่งจำเป็น
        
        ลาล่ากับอิลบอกลาจากไป ปล่อยเด็กหญิงไว้ เธอจำได้ว่าเห็นคนใช้มีดแบบนี้อยู่ใกล้ๆ บริเวณเมือง จึงเดินย้อนกลับทางเก่า ตั้งใจจะดูว่าเขาเอาไว้ทำอะไร

        พลัน ก็มีใครบางคนแตะหลังเธอ…

        “พ่อ!” เธอร้อง ปล่อยมีดทิ้ง พร้อมโดดเข้าใส่ “มิเชลมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”

        “ลูกออกมาไกลมากเลย”

        “ใช่ค่ะ มิเชลไม่เห็นทางกลับไปห้องเลย พอหลุดออกมาจากห้อง วอลเปเปอร์ก็เปลี่ยนไปหมด เป็นป่านี้ เหมือนไม่ใช่แค่วอลเปเปอร์สามมิติตามปกติด้วย มันจับได้ทุกอย่าง มิเชลเล่าให้พี่เลี้ยงฟังแล้ว แต่เธอไม่ค่อยตกใจ ก็เลยรอเล่าให้พ่อฟัง”

        “กลับห้องของเรากันก่อนละกันลูก ตัวลูกตอนนี้ก็สกปรกมาก มีอะไรไปคุยกันที่นั่น”

        วันนี้พ่อสวมปลอกข้อมือกับเสื้อผ้าแปลกตา เขากดปุ่มหนึ่ง มันปล่อยแสงสีขาวแบบไฟฉาย แล้วนำมันมาส่องมิเชล ชุดเอี๊ยมเริ่มซ่อมแซมตัวเอง รวมถึงคราบสกปรกค่อยๆ หายหมด จากนั้นจับไหล่เธอ จิ้มหัวเข็มขัดของตัวเอง ทิวทัศน์รอบข้างเปลี่ยนไปในทันที ทั้งคู่กลับมาอยู่ห้องทุ่งดอกไม้เดิม

        มิเชลยืนตาปริบในห้องตน ทีวีไร้ปลั๊ก ชั้นหนังสือ โต๊ะเรียนอยู่ครบทุกอย่าง เธอกลับมาแล้ว

        “ว้าววว พ่อเก่งมาก ชุดมิเชลกลับมาเหมือนเดิมเลย ห้องนี้ก็ห้องเดิม ถ้ามิเชลเดินทะลุกำแพงออกไปเหมือนเดิม จะเดินออกไปที่นั่นอีกรอบรึเปล่า”

        “ใช่แหละลูก ถ้าลูกเดินออกไป ลูกก็จะโผล่ที่ป่านั่น แต่พ่อขี้เกียจไปเอาตัวลูกกลับมาอีกรอบ ฉะนั้นช่วยอยู่ที่เดิมก่อนนะ รอพวกพี่ๆ โปรแกรมเมอร์เค้าจัดการระบบให้เสร็จก่อน” ลูกสาวตัวน้อยทำท่าอยากลองเดินทะลุกำแพงอีกรอบเลยต้องรีบปรามไว้

        “แปลว่าระบบวิช่วลเวิร์ลพัง กำแพงห้องก็เลยพังด้วย”

        “เปล่าหรอก คือพ่อพยายามจะอัพเกรดพื้นหลังของวิช่วลเวิร์ลของลูก อยากเปลี่ยนจากภาพสามมิติเป็นของจับต้องได้จริงๆ เลยขอให้ทีมวิจัยลองเอาไปรวมกับระบบของเกมออนไลน์ใหม่ของบริษัทที่เพิ่งเปิดช่วงทดลองเล่น แล้วระหว่างทดสอบก็ดันเผลอไปทำให้ห้องของลูกเชื่อมต่อเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ของเกมนั้นได้”

        “เกมออนไลน์ที่พ่อบอกว่าเหมือนวิช่วลเวิร์ลใช่ไหมคะ”

        “ก็ใช่ แต่ไว้สำหรับเล่นโลกสมมุติเพื่อความบันเทิงอย่างเดียวน่ะ มันเป็นเกมสวมบทบาทผู้กล้า ส่วนใหญ่จะทำออกมาให้บรรยากาศธรรมชาติเก่าๆ เพราะตอนนี้เมืองจริงๆ มีแต่ตึกสูงเต็มไปหมด ต้นไม้แทบไม่เหลือแล้ว”

        “หมายความว่า ถ้ามิเชลอยากสมมุติตัวเองเป็นเอลฟ์ มิเชลก็จะเป็นเอลฟ์ในวิช่วลเวิร์ล” เธอนึกถึงลาล่าขึ้นมา

        “ใช่แล้ว”

        “มิเชลขอเล่นด้วย!”

        “ถ้าลูกแค่อยากเป็นเอลฟ์ เดี๋ยวพ่อจัดให้ตอนนี้เลยยังได้” ผู้เป็นพ่อยิ้มตอบ พลางเปรยตามองลูกสาว ผู้อยู่ในสภาพเด็กเก้าขวบในโลกวิช่วลเวิร์ลถึงสี่ปี เขาไม่ได้ปรับแต่งตัวละครให้เสียนาน กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังเป็นชุดเดิม น่าจะถึงเวลาอัพเกรดอายุหน่อยแล้ว

        “ไม่ใช่ มิเชลอยากเล่นต่างหาก วันนี้เจอสองคนชื่ออิลกับลาล่า เค้าชวนให้มิเชลไปเล่นด้วยกันถ้าเลเวลของมิเชลสูงขึ้น แล้วยังให้...” เด็กหญิงชะงัก “มีด... มิเชลลืมมีดไว้ค่ะพ่อ อิลให้มีดมา คงทำหล่นตอนเจอกับพ่อ”

        “เดี๋ยวพ่อหาอันใหม่ให้ทีหลังก็ได้”

        “ไม่ได้ อันที่คนอื่นให้มาห้ามทิ้ง พ่อเคยบอกหนูไม่ใช่หรือคะ...”

        “ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อไปเก็บมาให้ ลูกรออยู่ที่นี่” แม้เขาบอกแบบนั้น แต่ในใจกลับคิดจะไปหยิบอันใหม่มาให้ เพราะไหนๆ ของในเกมก็เหมือนๆ กันอยู่ดี

        “แล้วมิเชลจะไปที่ป่านั่นได้อีกรึเปล่าคะ มิเชลชอบที่นั่น”

        “ลูกรู้ใช่ไหมว่าทุกอย่างในวิช่วลเวิร์ลคือภาพลวงของสมอง เป็นการบิดเบือนด้วยเทคโนโลยี” ผู้เป็นพ่อเปิดประเด็น ลูกสาวตาบอด หูหนวก เขาจึงไม่อยากให้เธอจดจำภาพลวงของเกมแทนสิ่งที่มีอยู่จริงๆ “พ่อไม่อยากให้ลูกเล่นหรอก เพราะทุกอย่างไม่ใช่ความจริง ลูกจะจำสับสนเอาได้”

        “ไม่สับสนหรอกค่ะ มิเชลรู้อยู่แล้วว่าตัวของมิเชลในโลกวิช่วลเวิร์ลก็ถูกสร้างมา... พ่อสร้างให้ตอนเก้าขวบ แต่ตัวจริงของมิเชลในโลกจริงๆ อายุสิบสาม แล้วก็ตัวสูงกว่านี้เยอะ แล้ว... ห้องของมิเชลจริงๆ ไม่ได้อยู่กลางทุ่งดอกไม้ด้วย มีกำแพงกับประตูที่จับโดน”

        “มิเชล พ่อไม่อยากจะพูดคำนี้เท่าไหร่ แต่มันคือความจริงนะ คนอื่นเขามองเห็น ได้ยิน ลูกน่ะในโลกจริงไม่สามารถมองเห็นภาพอะไรได้ พ่อก็ไม่อยากให้ลูกจำทิวทัศน์ในเกมไว้มาก หลายอย่างเป็นแค่จินตนาการตามตำนาน”

        “พ่อคะ แต่มิเชลก็มองเห็นตลอดนะคะ” เธอแย้ง “มิเชลรู้เวลาคุณพ่อเข้ามาใกล้ๆ เพราะจังหวะการเดิน... มิเชลจำกลิ่นของคนในบ้านได้ด้วย มิเชลรู้ว่าอะไรวางอยู่ตรงไหนๆ.... มิเชลตาบอด.... ก็เลยไม่ได้ใช้ตามอง แต่มิเชลใช้อย่างอื่นมองแทน”

        ผู้เป็นพ่อเงียบ... บางทีเขาคงลืมมองจากมุมคนพิการ เธออยู่กับโลกมืดไร้เสียงมาแต่เกิด ยิ่งเทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวไกล อุปกรณ์เสริมกับซอฟแวร์สำหรับบุคคลตาบอดหูหนวกมีมากมายเต็มไปหมด

        “แล้วก็...สัมผัสกับพ่อในวันนี้รู้สึกต่างไปจากปกติ... มันดูสมจริง” เธอเอนพิงพ่อ เอามือโอบกอด “ปกติความรู้สึกมันไม่ชัดเจนขนาดนี้ มันจะต้องดูเหมือนอะไรกลวงๆ มากกว่าเนื้อแน่นๆ”

        “อย่างที่ลูกคิดนั่นแหละ” เขายิ้ม “เป็นระบบความสมจริงของเกมออนไลน์ที่พ่อขอให้เขาเอามาใช้ในวิช่วลเวิร์ล... แล้วรู้สึกเป็นไงบ้างล่ะลูก ฟังชั่นนี้พ่อไม่ได้ใส่ไว้สำหรับตัวละครของพ่อหรอกนะ คนที่รู้สึกถึงความสมจริงมีแต่ลูกกับผู้เล่นของเกมเท่านั้นแหละ”

        “ชอบค่ะ ดอกไม้ต้นไม้วันนี้มีสัมผัสเหมือนกับข้างนอกบ้านเราเลย” เธอใช้ดวงตาสีเทาจ้อง “มิเชลอยากเล่นเกมออนไลน์ค่ะพ่อ นะคะ... นะคะ”

        “ทีนี้พ่อคงต้องคิดนิดหน่อยว่าจะเอาไงดี” เขายกธงยอมแพ้ต่อสายตาอ้อนวอน “บริษัทเกมไม่ได้ทำตัวละครเด็กให้ผู้เล่นสร้างได้เนี่ยสิ ตัวลูกในตอนนี้ก็สร้างสมัยลูกเพิ่งจะเก้าขวบ คงต้องสร้างตัวละครใหม่ให้ลูกสำหรับเล่นเกมแยกไปเลยดีกว่ามั้ง”

        “มิเชลไม่อยากได้ตัวละครใหม่” เธอรู้สึกผูกพันกับร่างนี้เพราะใช้มานาน

        “แต่ตัวลูกตอนนี้ เป็นแค่ร่างที่มีทุกอย่างเป็นค่าปริยายหมด เพราะตัวลูกถูกสร้างมาก่อนเกมซะอีก พอเอาไปเทียบกับระบบเกมแล้วก็จะกลายเป็นตัวละครเพศชาย”

        “ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นแค่คำเรียกในเกมเฉยๆ นี่นา”

        “งั้นก็ล็อคเอาท์ออกแล้วไปกินข้าวเย็นได้แล้ว แล้วเดี๋ยวพ่อจะเข้ามาสอนเล่นหลังอาบน้ำ โอเคนะ”

        “พ่อจะมาเล่นด้วย! ได้เลยค่ะ!” มิเชลบีบปมเชือกชุดเอี๊ยมออกจากวิช่วลเวิร์ลทันที ไม่รอฟังพ่อพูดต่อ

        มิเชลกินข้าวอาบน้ำด้วยความเร็วสูง จากนั้นธอก็ล็อคอินกลับเข้าไปใหม่ แล้วเดินทะลุกำแพงห้อง ตั้งใจจะไปหามีดเล่มที่ทำหล่นไว้ เพราะทนรอพ่อไม่ไหว

        พอเท้าก้าวพ้นอาณาเขต มิเชลก็โผล่แว่บออกมาบริเวณเดิม ไม่มีเส้นทางให้กลับไปยังห้องทุ่งดอกไม้ของเธอ มีแต่ต้องรอพ่อมารับเท่านั้น และเด็กหญิงรู้ว่าพ่อจะตามหาอยู่ดี

        สักพักก็เจอมีด เพราะเธอจำรายละเอียดก่อนออกได้แม่นยำ มิเชลหย่อนก้นลงกับพื้น พลันสังเกตเห็นว่าดินยุบลงตามแรงเหยียบของเท้า เด็กสาวหยิบมีดมาขูดเล่น ไปๆมาๆ ก็เริ่มวาดเป็นรูป มีหัว มีหนวด มีหาง

        “วาดรูปหนูจี๊ดเหรอ”

        ”ค่ะ” เธอหันไปตอบพ่อ     ผู้สวมชุดคลุมมีปกขาวล้วนทั้งตัว และนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ เขายังสวมปอกแขนมหัศจรรย์อันนั้นอยู่ “มันชื่อหนูจี๊ดหรือคะ?”

        “วันนี้ลูกฆ่ามันได้สินะ เก็บไอเทมจากมันมารึเปล่า”

        “ไอเทม?”

        “ของที่จะหล่นออกจากตัวมันเวลา ‘ชำแหละ’ น่ะ” เขาตอบ “หนูจี๊ดมันจะให้ฟัน หนวด เนื้อกับหนัง”

        “หมายถึงตอนหนูเอามือฉีกตัวมัน แล้วตัวมันจะหายปุ๊งไป แล้วมีอะไรโผล่มาแทน”

        “ลูกชำแหละมันด้วยมือหรือ.....” เขารู้สึกหวาดเสียวแทน กลัวลูกจะกลายเป็นคนชอบความรุนแรง “คราวหน้าคราวหลัง เอามีดที่ลูกมีฉีกนะ อย่าใช้มือ…”

        “แล้วอันนี้อะไรคะพ่อ” เธอถามในระหว่างที่พ่อกำลังเอากำไลสีเงินสวมให้ บนนั้นมีปุ่มสองปุ่ม เป็นรูปวงกลมกับดาว

        “มันเรียกว่า เมนูเกม ลองกดปุ่มวงกลมดูสิ”

        เด็กสาวผมดำกด และปรากฏหน้าต่างเล็กๆ ลอยกลางอากาศเหนือข้อมือที่สวมกำไล

        “ใช่ๆ แบบนั้นแหละ ลองอ่านดู”

        “ชื่อมิเชล เลือด 30แต้ม พลังเวทมนตร์ 12แต้ม เผ่ามนุษย์ เพศชาย อาชีพนักผจญภัย ส่วนสูง 125เซนติเมตร... พ่อคะ เพศนี่เปลี่ยนไม่ได้จริงๆ หรือคะ”

        “พ่อขอให้เค้าช่วยแก้เรื่องเพศดูแล้วแต่เขาไม่ยอมทำให้ เขาบอกว่ากลัวจะเกิดข้อผิดพลาดลูกโซ่ตามมาทีหลัง แต่ไม่เป็นไรหรอก เกมนี้เพศไม่ค่อยมีผลต่อการเล่นเท่าไหร่ นอกจากไว้บอกเฉยๆ ยังไงรูปร่างหน้าตาลูกก็เป็นผู้หญิง พ่อจะปรับส่วนสูง กับอายุให้ลูกก่อนนะ“

        เขาเอานิ้มจิ้มๆ ในปลอกข้อมือสีขาว หน้าต่างข้อมูลของเธอเกิดการเปลี่ยนแปลง พร้อมแสงวาบๆ

        ส่วนสูง 140 เซนติเมตร

        ชายหนุ่มควักกระจกให้ลูกสาวสำรวจร่างใหม่ของตัวเอง เธอหมุนซ้ายขวา ยกแขน เล่นหูเล่นตาหน้ากระจก

        “ตัวมิเชลตอนนี้หน้าตาเป็นแบบนี้สินะ” เธอสูงขึ้น ใบหน้ากลมๆ ก็เรียวขึ้น แต่เธอดูเหมือนเด็กผู้ชายหน้าหวานที่ไว้ผมยาว

        “ถ้าลูกเป็นผู้ชาย ก็คงจะหน้าตาแบบนั้นแหละ แต่ไม่ใช่หรอก...” ผู้เป็นพ่อจิ้มอะไรบางอย่างบนปลอกข้อมือ เอามันเล็งไปที่ตัวลูกสาว “อีกนิดนะ พ่อจะปรับสัดส่วนให้”

        เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อย หุ่นราบเรียบทรงกระบอกค่อยๆ ปรากฏเป็นเอวเล็กๆ แขนขาเก้งก้างเริ่มเรียวลง ดูเป็นเด็กผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น ใบหน้ารับกับผมสีดำสั้นประบ่าและดวงตาสีเทาที่ดูมีชีวิตชีวา

        “นอกจากดวงตาแล้ว นี่แหละตัวลูกตอนนี้ ถ้าอยากให้ยืนยัน จะไปอัพโหลดรูปถ่ายมาให้ดูก็ได้” ผู้เป็นพ่อหัวเราะ

        “หนูชอบตาแบบเดิมมากกว่า” มิเชลไม่คุ้นกับตาใหม่ ของเก่าต้องสีซีด ไร้ประกายและแวว มันอาจจะดูน่ากลัว แต่ก็เป็นเอกลักษณ์ประจำที่ตนคุ้นเคย

        ”เดี๋ยวก็ชินแหละ พ่ออยากให้ลูกสาวตัวเองมีดวงตาสวยๆ” เป็นเพราะตาจริงของเธอดูน่ากลัว เขาจึงปรับนิดหน่อย “คราวนี้ลองกดปุ่มดาวสิ ลูกจะดูทักษะได้”

        เธอกดตามพ่อบอก ปรากฏเป็นจอเล็กๆ

        ทักษะอาชีพ –แล่หนัง ระดับ 0-
        ทักษะต่อสู้ –ไม่มี-    

        “ทักษะลูกต้องหาจากในเกมเอาเอง แต่ละทักษะจะมีเงื่อนไขในการได้มา ส่วนเลเวลจะเลื่อนระดับได้ ถ้าได้รับแต้มค่าประสบการณ์จากภารกิจ หรือฆ่าสัตว์อสูร”

        “มิเชลเลเวลสองแล้วเพราะฆ่าหนูใช่ไหมคะ”

        “ใช่ พอชำแหละซากมันแล้ว จะได้ของมา นั่นเรียกว่าไอเทม ไอเทมที่หล่นจากสัตว์อสูรเอาไปเก็บมาขายเป็นเงิน หรือใช้เป็นวัตถุดิบได้ เกมนี้ถ้าไม่มีเงินก็เล่นลำบาก”

        “มิเชลเก็บไอเทมไว้ในนี้” เธอถ่างกระเป๋าเอี๊ยมโชว์ฟันกับหนังหนู

        “กระเป๋าเอี๊ยมมันไม่มีช่องเก็บของ ได้แต่ยัดๆ ลงไปตามขนาดเท่านั้นแหละ เอานี่ไป” เขายื่นสายคาดเอวสีน้ำตาลให้ “อันนี้มีช่องเก็บของแปดสิบช่อง ในนี้มีสมุดรายชื่อเพื่อนอยู่เล่มนึง เอาไว้จดบันทึกชื่อคนที่ได้เจอในเกม ทั้งเข็มขัดทั้งสมุดเป็นไอเทมระบบที่ขาย ทิ้ง ยกให้ใครไม่ได้”

        เด็กหญิงผมดำรับสายคาดเอวมาสวม มันทำจากหนัง สภาพดูเก่า มีกระเป๋าใบจิ๋วติดอยู่ และช่องข้างในดูกว้างเกินกว่าตาเห็น มิเชลล้วงสมุดรายชื่อเพื่อนออกมาเล่น ปากกาขนนกถูกผูกติดไว้ เธอเขียนคำว่า ‘พ่อ’ แต่มันเลือนหายไปทันที

        “พ่อไม่ได้ชื่อนั้นนะลูก” เขาหัวเราะ “และพ่อก็เป็นคนที่ถูกบันทึกชื่อไม่ได้เพราะพ่อไม่ใช่ผู้เล่น... แค่มาสอนเล่นด้วยก็ถือว่าแอบโกงนิดๆแล้ว”

        จากนั้นเขาสอนรายละเอียดปลีกย่อยของเกมต่ออีกเล็กน้อย... เด็กหญิงได้เรียนรู้ว่าในเกมมีทั้งหมดสี่เผ่า มนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ และสัตว์ป่า ส่วนสถานที่ๆ เธออยู่คือป่าแห่งการเริ่มต้น มีไว้เพื่อผู้เล่นใหม่เท่านั้น ถ้าเปลี่ยนอาชีพแล้ว และยังไม่ออกจากป่าแห่งการเริ่มต้น ภายในหนึ่งเดือนก็จะถูกบังคับวาร์ปออกไปให้เผชิญกับโลกภายนอก

        “เรื่องวิธีใช้ไอเทม วิธีใช้อาวุธพ่อก็สอนไปหมดแล้วล่ะนะ” ชายหนุ่มผมบลอนด์เปรย “พ่อจะปล่อยให้ลูกเล่นเองล่ะ ขอให้สนุก”

        “พ่อจะไม่เล่นด้วยกันหรือคะ”

        “สถานะของพ่อไม่สมควรจะลงมาเล่นเกมด้วยหรอก บริษัทพ่อเป็นสปอนเซอร์หลักของเกมนี้” เขาอธิบาย “ได้เวลาที่ต้องไปล่ะ ก่อนที่จะมีผู้เล่นคนไหนมาเห็นพ่อยืนแถวนี้... อ้อ เกือบลืม”

        เขาเอาปลอกข้อมือเล็งมาที่เด็กสาว ชุดเอี๊ยมที่เธอใส่เปลี่ยนไป กลายเป็นเสื้อกล้ามสีเทาหม่นแขนกุด กางเกงดำยาวถึงเข่าเหมือนของอิลเปี๊ยบ!

        “นี่เป็นชุดของผู้เล่นใหม่ พ่อต้องรีบไปจริงๆ ล่ะ” เขากดปุ่มบนปลอกข้อมือ แล้วหายตัวไป

        หลังจากฟังวิธีเล่นเกม ก็ชักกระเหี้ยนกระหืออยากลองวิชา เด็กหญิงวิ่งไล่ฆ่าหนูต่อเนื่อง เธอเก็บไอเทมทุกอย่าง พอจัดการตัวที่สามสิบแปดเสร็จ ก็มีปัญหากระเป๋าเต็ม

        มิเชลพยายามหาทางยัดของลงไปในช่องเดียวกัน แต่มันจะถูกผลักกระเด็นออกมา เธอจึงต้องทิ้งด้วยความเสียดาย พอออกแรงมากๆ ก็ชักหิว พ่ออธิบายทิ้งไว้ว่าถ้าหิวมากๆ อาจจะทำให้เลือดค่อยๆ ลดลง จนหิวตายได้

        เด็กสาวตะกายปีนเก็บผลไม้กิน บางลูกสุกอร่อย บางลูกก็เปรี้ยวเพราะดิบ และพอเธออยู่บนยอดไม้ ก็มองเห็นเต๊นท์เล็กใหญ่มากมายอยู่ไกลๆ มีฝูงคนอยู่ตรงนั้นเป็นร้อยคน เหมือนชุมชนขนาดย่อมๆ

        เธอโดดลงจากต้นไม้ แล้วมุ่งตรงไปยังชุมชนเต๊นท์ทันที…

        ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่จากยอดไม้ เต๊นท์สีน้ำเงินกับแดงตั้งสลับกันเป็นหย่อม บ้างเล็กบ้างใหญ่ บางหลังก็มีป้ายไม้ปักบอกชื่อไว้ ฝูงชนบริเวณนั้นแต่งตัวคล้ายเธอกันหมด เสื้อกล้ามสีเทาแขนกุด กางเกงดำ และสายตามิเชลไปสะดุดอยู่ที่หนึ่ง..

        “ลาล่า!” เธอร้อง

        เอลฟ์สาวผมเขียวหันกลับมามอง เธอพินิจสายตาไปที่เด็กตรงหน้าสักพักก่อนร้องอ๋อ

        “คุณมิเชล!”

        “มิเชลไปให้พ่อช่วยทำให้ค่ะ ตอนนี้สูงขึ้น แล้วก็มีกำไลกับสายคาดเอวแล้วด้วย” เธอโชว์ของใหม่บนตัว ลาล่าเข้าใจเอาเองว่าพ่อช่วยลูกสร้างตัวละครให้ใหม่ ดูท่าคุณมิเชลยังเป็นเด็กอยู่ “แล้วลาล่ามาทำอะไรแถวนี้คะ?”

        “กำลังรออิลรับภารกิจเปลี่ยนอาชีพอยู่จ้า” เธอยิ้ม ยกนิ้วชี้ไปเต๊นท์ใกล้ๆ

        เต๊นท์หลังนั้นมีคนยืนเข้าคิวเรียงอยู่สองสามร้อยคน ส่วนอิลยืนอยู่ลำดับกลางๆ แถว มิเชลพอจะจำแนกได้จากหัวสีน้ำตาลกระเซิงๆ ชายหนุ่มหันมาโบกมือยิ้มให้นิด

        “อิลจะเล่นนักเวทน่ะ สายอาชีพนี้คนนิยมเยอะ ต้องรอนานหน่อย” ลาล่าอธิบาย “คุณมิเชลเล็งอาชีพอะไรไว้ล่ะ แล้วเก็บได้เลเวลเท่าไหร่แล้ว”
        
        “4 ค่ะ” เธอเรียกหน้าต่างข้อมูลขึ้นมาดูจากกำไล “เรื่องอาชีพ มิเชลยังไม่รู้เลยว่ามีอาชีพอะไรบ้าง”

        “แบบนั้นต้องลองเก็บเลเวลไปเรื่อยๆ ดูว่าชอบเล่นแบบไหน ตอนนี้ดูแล้วคงอีกนานกว่าอิลจะได้ภารกิจเปลี่ยนอาชีพ ให้ฉันช่วยเอง กดตอบรับสิ”

        หน้าต่างสองกรอบเด้งออกมาจากกำไลข้อมือ อันนึงเขียนว่าขอเป็นเพื่อน อีกอันอ่านได้ว่า ขอเชิญเข้ากลุ่ม ‘แหววๆ’ มีปุ่มตอบรับกับยกเลิกด้านล่างข้อความ มิเชลเอามือแปะตกลงไป

        “ฉันส่งข้อความไปบอกอิลเรียบร้อยแล้ว คุณมิเชลตามมาเลย”

        เอลฟ์สาวพาเด็กหญิงเดินกลับทางเก่า แต่แทนที่จะตรงไป เธอกลับเลี้ยวขวา ข้ามลำธาร ทุ่งหญ้าสีเขียวแซมน้ำตาลปรากฏเบื้องหน้า กระต่ายป่าแมวป่า และสัตว์ป่าตัวใหญ่ๆ หลายตัวโผล่มาให้เห็นอยู่ไกลๆ มิเชลตั้งท่าเตรียมจู่โจม แต่โดนลาล่ายกมือห้ามไว้ก่อน

        “ถ้าคุณมิเชลมาคนเดียว ก็ฝึกเก็บเลเวลตรงนี้ได้อยู่ แต่ฉันมาด้วยเนี่ย เสียเวลาเปล่าๆ ไปลึกๆ ดีกว่า”

        ลำธารใสค่อยๆ ลับสายตาและดูเล็กลง ลมอุ่นพัดผ่านใบหน้า ทุ่งหญ้าเริ่มสูงขึ้น และเขียวมากขึ้นเรื่อยๆ มิเชลเก็บรายละเอียดรอบด้านตลอดทาง เธอติดนิสัยนี้มาจากชีวิตจริง คนตาบอดใช้ร่างกายทั้งหมดช่วยจดจำ จึงช่างสังเกตมากกว่าคนตาดี และยังมีประสาทสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษ

        ทั้งคู่ค่อยๆ ก้าวเท้าลำบากขึ้นเพราะโดนหญ้าตำขา ลาล่าเริ่มต้นบ่นเรื่องความสมจริงเกินจำเป็น ความเร็วของสองสาวตกลง กว่าจะตั้งตัวได้อีกที ก็เจอทุ่งราบสีเหลืองอ่อน อากาศค่อนข้างแห้ง ต้นหญ้ารอบๆ อยู่ในสภาพขาดน้ำตายเกือบหมด

        มิเชลก้มต่ำ ตั้งใจจะเก็บหญ้าสีเหลืองใส่มือ แต่โดนลาล่าเร่งเลยไม่มีโอกาสเก็บ เอลฟ์สาวคว้าแขนเด็กหญิงผมดำไปที่ต้นไม้ใหญ่ ใบของมันเหลืออยู่นิดเดียวแล้ว มีแต่กิ่งแห้งๆ ผุๆ เธอชี้นิ้วขึ้นข้างบน แล้วปีนนำ เป็นสัญญาณว่าให้ตามมา

        ทั้งคู่ได้ขึ้นมาเอนหลังอยู่บนยอดไม้สูง ทัศนวิสัยตอนนี้กว้างไกลมาก มิเชลเห็นสัตว์ตัวเล็กตัวใหญ่เต็มทุ่ง ถ้าพวกมันไม่ได้ยืนกินหญ้าอยู่เฉยๆ ก็จะสู้อยู่กับผู้เล่นบางกลุ่ม และสักพักก็โดนปราบได้

        ลาล่าชักคันธนูขึ้น เธอเล็งต่ำ ยิงเข้ากลางลำตัวหมาป่าขนเงินที่กำลังนอน มันร้องคราง ทว่ายังไม่ตาย แถมพยายามส่ายหัวมองหาผู้ลงมือ เอลฟ์ผมเขียวหยิบอีกดอกโจมตีใส่จากบนต้นไม้ มันดิ้นอาละวาดเพราะความเจ็บปวด หญิงสาวฆ่าได้ในครั้งที่สาม และเปลี่ยนเป้าหมายไป ณ เหยื่อใกล้ๆ กัน เธอทำซ้ำเหมือนเดิม จังหวะเดิม

        มิเชลมองเอลฟ์สาวตาเป็นประกาย ลาล่าเป็นมือธนูที่เท่มาก เธอยิงเข้าทุกเป้า แม้จะช้า และไม่ตรงจุดกึ่งกลางนัก บางลูกแค่เฉี่ยวขา หรือลำตัว แต่ก็หนักและแรง ตัวเลขสีแดงเด้งบนหัวเป็นเลข 30 บ้าง 40 บ้าง ผิดกับเธอที่ใช้มีดจิ้มทีละ 4, 5 หรือ 6

        ลาล่ายังคงทำเวรทำกรรมกับหมาป่าไปเรื่อยๆ มิเชลได้แต่นั่งรอเฉยๆ โดยมีระบบคอยประกาศการเลื่อนเลเวลเป็นระยะๆ แต่เธอสนใจวิธียิงธนูของเอลฟ์สาวมากกว่า

        “อยากเล่นอาชีพนี้แล้วล่ะซี่” เธอยิ้ม รู้ว่าเด็กตรงหน้ากำลังคิดอะไร “ดูเท่ แต่อาชีพนี้เล่นยากนะ ถึงจะมีทักษะซูมภาพเข้าไปใกล้ๆ แต่ก็ใช้มือตัวเองยิงอยู่ดี ฉันเล่นเป็นนักธนูทุกเกมแล้วก็เลยคล่อง เกมอื่นๆ คุณมิเชลเล่นเป็นอาชีพอะไรล่ะ”

        “เรียกมิเชลเฉยๆ ก็ได้ค่ะ มิเชลไม่เคยเล่นเกมอื่นหรอกค่ะ เพิ่งจะได้เล่นวิช่วลเวิร์ลเป็นอันแรก”

        “วิช่วล? อะไรนะ.. เกมนี้ชื่อพาราเรลออนไลน์นะ?”

        เธอเพิ่งรู้ว่าวิช่วลเวิร์ลกับเกมออนไลน์มีคนละชื่อ เรื่องนี้พ่อไม่ได้บอกไว้

        “หมายถึงพาราเรลออนไลน์ค่ะ” เธอตามน้ำไป “มีพ่อช่วยสอนเล่นให้แล้ว แต่ไม่ได้อธิบายเรื่องอาชีพเลยว่าต้องเล่นตัวไหน”

        “อ้อ งั้นคุณมิเชล ไม่สิ เรียกมิเชลเฉยๆดีกว่าเนอะ... มิเชลโชคดีมากเลยนะที่ได้เล่นเกมนี้พอดี เกมนี้สมจริงยิ่งกว่าเกมอื่นที่ฉันเคยเล่นมาเลยแหละ เกมอื่นจะไม่ให้สัมผัส ความรู้สึกละเอียดขนาดนี้ เกมอื่นเวลาฉันถือธนูในมืออยู่่ถ้าไม่มองก็ไม่รู้ว่าบนมือมีธนู” เธอยกธนูวางบนมือทำเป็นภาพประกอบ “แต่เกมนี้ ความสากๆ ของธนูไม้ ทำให้หยิบของได้โดยไม่ต้องมองเหมือนเกมก่อนๆ เหมือนใช้ชีวิตในโลกจริงๆ เลย”

        มิเชลพยักหน้ารับรู้ เธอคิดเปรียบเทียบตามในแบบวิช่วลเวิร์ล เธอสามารถยกเก้าอี้ เลื่อนโต๊ะ เด็ดดอกไม้ แต่ไม่สามารถรับสัมผัสความรู้สึกจากมันได้ คงจะเป็นระบบเดียวกันกระมัง

        “อาชีพในเกมน่ะถ้าจะเลือกต้องเลือกดีๆ นะ เลือกได้ครั้งเดียว พลาดแล้วพลาดเลย เกมนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องอาชีพเยอะที่สุดจากเกมที่เคยมีมา ถ้าไม่อ่านคู่มือมาให้ดีก่อนเลือกไม่ถูกแน่ๆ เพราะมีเป็นร้อยๆ อาชีพให้เลือก”

        “มีอะไรบ้างคะ”

        “เยอะแยะ ไล่ให้ไม่ถูกหรอก ไปอ่านที่เต๊นท์อาชีพเมื่อกี้เอาเองจะดีที่สุด”

        “งั้นกลับไปที่เต๊นท์กัน” มิเชลยักคิ้ว

        “ยังสิ จะเปลี่ยนอาชีพได้ต้องเลเวลสิบห้าก่อน” เธอกดปุ่มวงกลมบนกำไล เอานื้วจิ้มหน้าจอที่ลอยกลางอากาศ ซึ่งสามารถเห็นได้อยู่คนเดียว “มิเชลเลเวลสิบแล้ว ทำไมเลือดน้อยจัง ยังไม่เกินห้าสิบเลย ไม่ได้อัพสถานะเพิ่มหรือไง”

        “สถานะ?” มิเชลคิ้วขมวด พลางนึกสงสัยว่าทำไมลาล่าถึงดูข้อมูลของเธอได้ ส่วนเรื่องสถานะ.. สงสัยพ่อจะลืมสอน

        “เวลาเลเวลเพิ่ม สถานะตัวละครจะอัพสุ่มให้ตามลักษณะของเผ่าพันธ์สามแต้ม เหลืออีกสามแต้มไว้อัพเอง ลองกดปุ่มวงกลมของตัวเองดูสิ”

        เธอทำตาม… เห็นชื่อของตัวเองในเมนู อาชีพนักผจญภัย ส่วนค่าสถานะมีสี่อย่าง นั่นคือ กำลัง เวทมนตร์ โชค เสน่ห์ มิเชลไม่รู้อะไรเป็นอะไรจึงกดเพิ่มทุกอย่างให้เท่าๆ กัน

        ปกติแล้ว การปั้นตัวละครในเกม ต้องสร้างให้โดดเด่นไปในทางใดทางหนึ่ง เพราะค่าสถานะโดนจำกัดที่ความลำบากในการเพิ่มเลเวล ยิ่งสูงยิ่งเพิ่มยาก ถ้ากะเอาให้ครบทุกอย่างจะกลายเป็นเป็ดก่อนเก่ง และอย่างมิเชลที่ใช้นิ้วจิ้มทุกอย่างเท่ากันจึงเรียกว่ากดมั่ว

        มิเชลลองจิ้มดูรายละเอียดของกลุ่ม มันโชว์ให้เห็นเลือดทุกคน มิน่า ลาล่าถึงรู้เลือดของเธอ อิลมีชื่อเป็นหัวหน้ากลุ่ม ลาล่าเป็นรองหัวหน้า ส่วนคำนำหน้าของเธอคือสมาชิกสามัญ
        
        ลาล่าพาเธอเพิ่มเลเวลต่อได้อีกสองเลเวลอิลก็โผล่มา เขาสวมชุดคลุมสีน้ำเงิน ในมือถือไม้เท้างอๆ อันหนึ่ง ชายผมน้ำตาลทดสอบพลังเวทที่เพิ่งได้มากับฝูงสัตว์อสูร และมาช่วยมิเชลเร่งค่าประสบการณ์ให้เร็วกว่าเดิม เพียงแต่... หนุ่มสาวคู่นี้ยังต้องพากันหลบอยู่บนต้นไม้ แล้วยิงลงมาข้างล่าง

        “ขอหลบอยู่ด้วยคน” อิลรีบถีบตัวเองขึ้นต้นไม้ พอดีกับที่เสือดาวม่วงกัดชายกางเกงของเขาออกไปนิดหน่อย ชายหนุ่มหันมายิ้มเขินๆ “นักเวทเป็นอาชีพเปราะบาง เลือดน้อย อยู่ข้างล่างมีแต่ตาย”

        “แล้วเธอก็ทำให้พวกมันรู้ตัวจนได้ว่าเราหลบอยู่บนต้นไม้ต้นไหน!” ลาล่าหันไปโวยแฟนหนุ่ม “คราวนี้จัดการไม่หมดก็ไม่ต้องลงแล้ว”

        เป็นอย่างที่ลาล่าพูด... หมาป่าขนเงินเริ่มมารวมกลุ่มมะรุมมะตุ้ม ทำเสียงฮื่อฮ่าโกรธแค้นไปยังคนข้างบน

        “แหม... ถ้าอยู่คนเดียว โดนรุมคนเดียวมันก็เหงา” เขาทำหน้าทะเล้นตอบ พลางเริ่มทดลองเวทบทใหม่ไปด้วย “หมาป่าขนเงินเลเวลแค่สิบหก คนได้อาชีพแล้วสองคนช่วยกันรุมนี่สบายๆ น่า”

        “ถ้าสบายจริงก็ลองลงไปยืนประจัญหน้ากับมันข้างล่างละกัน!” เธอย้อน “เกมนี้สัตว์อสูรโหดจะตาย ตัวต่อตัวกับสัตว์อสูรที่เลเวลเท่ากันยังลำบากเลย”

        นักเวทหนุ่มกับมือธนูสาวช่วยกันจัดการฝูงสัตว์อสูรจนหมดด้วยวิธีลอบกัดแบบเดิม สักพักพวกเขาก็ย้ายทำเล ไปยิงเสือดาวม่วงแทน เพราะหมาป่าขนเงินชักให้ค่าประสบการณ์น้อย ที่น่าเสียดายคือไอเทมหล่นจากศัตรูต้องทิ้งไว้บนพื้น ขืนลงมาพิรี้พิไรเก็บคงโดนสัตว์แถวนี้เล่นงาน

        ทั้งคู่ตั้งใจจะพาเธอจนเลเวลสิบห้าแล้วไปช่วยเลือกอาชีพ แต่สัญญาณกำไลของมิเชลดังซะก่อน มันเป็นเวลาเตือนให้ออกจากเกม แน่นอนว่าพ่อเป็นคนตั้ง เด็กสาวบอกลาอิลกับลาล่า พลางพยายามควาญหาเชือกชุดเอี๊ยมที่เคยมีตามความเคยชิน ทว่าไม่เจอ

        อิลกับลาล่าจึงต้องจูงมือเธอไปล็อคเอาท์บริเวณเต๊นท์เลือกอาชีพ พวกเขาอธิบายว่าการออกจากเกมต้องมีที่พัก และยังเสียเงินนิดหน่อยด้วย แต่ในบริเวณสำหรับผู้เล่นใหม่จะมีบริการให้ฟรี

        เต๊นท์สำหรับการใช้ออกจากเกมนั้นเข้าใจง่ายมาก เพียงแค่เลิกม่านขึ้นแล้วเดินผ่านเท่านั้น พอมิเชลก้าวเข้าไป ตัวจะเริ่มรู้สึกหนักอึ้ง มันคือน้ำหนักของแขนขาตนที่กดทับบนเตียง เธอคลำหานาฬิกาเบรลเพื่อดูเวลา เกือบห้าทุ่ม เลยเวลานอนมาขั่วโมงนึงแล้ว และในเมื่อพ่อเป็นคนตั้งเวลากำไลเตือนไว้ ก็น่าแปลกดีว่าพ่อยอมให้นอนดึกได้

        สำหรับคนตาดี อาจนึกสงสัยว่าเด็กสาวดูเวลาจากไหน?..​คำตอบนั้นไม่ไกลตัว มันย่อมต้องเป็นนาฬิกาแบบพิเศษ มีปุ่มนูนแทนตัวเลข สามารถเอานิ้วลูบคลำหาว่าเข็มชี้อยู่ตำแหน่งใด และเพราะต้องพึ่งผิวสัมผัส เครื่องบอกเวลารุ่นนี้จึงขาดกระจกใสกันกระแทก หากเลิกใช้ต้องพับฝาปิดลง

        มิเชลถนอมนาฬิกาแบบพิเศษที่มีชื่อเรียกว่านาฬิกาเบรลเสมอ ยกเว้นครั้งหนึ่ง....​เธอลืมปิดฝา มันเลยพังเพราะไปนอนทับเข็มหัก กว่าจะได้เรือนใหม่มาใช้ก็รู้ซึ้งว่าการใช้ชีวิตโดยไม่รู้เวลาทำให้อึดอัดมากขนาดไหน

        คืนนั้น... มิเชลหลับสนิทอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอมักตื่นขึ้นมากลางดึก นอนเป็นเวลาสั้นๆ แล้วกลับไปง่วงอีกทีในตอนกลางวัน หลายคนที่ตาบอดสนิทมีนาฬิกาชีวิตผิดปกติ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถแยกแยะวันคืนจากการรับแสงได้ เด็กหญิงดึงผ้าห่มนอนขด ดำดิ่งลงไปในห้วงนิทรา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเหนื่อยจากการปีนต้นไม้ผ่านพาราเรลออนไลน์ และวิ่งตะครุบหนูตลอดเย็น

        -------------------------------------------------------



    EDIT: เพิ่มคำบรรยายเรื่องนาฬิกาเบรลลงไปครับ อยู่ สองย่อหน้าเกือบสุดท้าย เห็นว่าอ่านแล้วน่าจะงงกัน






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×