ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก บัลลังก์ฟาโรห์

    ลำดับตอนที่ #7 : #07 ความลับใต้สุสาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 565
      0
      15 พ.ค. 55

                 ริมฝีปากของพายสั่นระริก ใบหน้าซีดจนน่ากลัว จนไนท์นึกอยากเขกหัวตัวเองซักโป๊กที่ดันไปพูดอะไรไม่เข้าท่าให้เพื่อนฟัง ที่กลัวอยู่แล้วเลยยิ่งหนักเข้าไปอีก

                “ใจเย็นๆนะพาย มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ อย่าคิดมากเลย” เขาลากพายมายืนสงบสติอารมณ์ที่ข้างประตูห้องราชินี

                “บังเอิญ ?” หญิงสาวทวนคำด้วยเสียงสูง คิ้วขมวดมุ่น “มันแปลกประหลาดมากเลยนะไนท์ ภาษาไทย...ลายมือคล้ายเรา มันเข้ามาอยู่ในนี้ ในห้องที่ถูกปิดตายเมื่อสี่พันปีก่อนได้ยัง...”

                กริ๊ง

                พายยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้นก็ดังขึ้นขัดจังหวะ พร้อมกับแสงสีทองวอบแวบบนพื้น ที่กำลังกลิ้งตัวออกไปทางอุโมงค์ทางเดิน

                “เฮ้ย แหวน !” ไนท์เผลอร้องออกมา ก่อนยกมือขึ้นอุดปากเมื่อนึกได้ว่าพายยังไม่รู้เรื่องที่เขาไปได้แหวนมาจากดร.โมฮํมเหม็ด ซึ่งถือเป็นการขัดคำสั่งของดร.จูเลียนที่ห้ามรับหรือนำโบราณวัตถุใดๆกลับไทยเต็มประตู แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

                “ไนท์ ! นี่อย่าบอกนะว่านาย...” เมื่อเพื่อนหนุ่มพยักหน้าหงอยๆ แทนคำตอบ เธอก็ตบหน้าผากแปะ “โอ๊ย ช่างรู้จักหาเรื่องใส่ตัวจริงจริ๊ง”

                ชู่ว เบาๆซี่...โธ่  เราขอโทษน่า แต่ตอนนี้ช่วยเราตามแหวนไปก่อนเถอะ  กลิ้งออกไปนู่นแล้ว ไนท์ไม่รอการตัดสินใจของพาย  เมื่อพูดเสร็จเขาก็ผลุบหายออกไปในความมืดทันที  ปล่อยให้คนบ่นต้องลังเลใจ แต่แล้วเธอก็ออกวิ่งตามไนท์ไป

                เรือนแหวนสีทองตัดกับความมืดมิดรายรอบ ชายหนุ่มรีบเปิดไฟฉายแล้วส่องไปยังแหวนที่กลิ้งตรงไปเรื่อยๆ  เลี้ยวซ้าย...เลี้ยวขวาตามทางโค้งของอุโมงค์หินราวกับมีชีวิต

                กริ๊ง !

                เสียงกริ๊งเบาๆดังขึ้นอีกครั้งเมื่อแหวนทิ้งตัวลงกับพื้น มันมาหยุดลงที่สุดทางเดินตันๆ ล้อมรอบด้วยผนังหินว่างเปล่าไร้สีสันใดๆ สีน้ำตาลเข้มของเนื้อหินให้ความรู้สึกหนาวสันหลังชอบกล

                ไนท์และพายวิ่งมาหยุดยืนขนาบสองข้างของแหวน  พายหอบฮั่กจนตัวโยนเพราะต้องวิ่งตามแหวนมาถึงที่นี่

                 ชายหนุ่มก้มลง ค่อยๆหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา  แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมก้อนหนึ่งที่รองรับน้ำหนักแขนของพายนั้นเลื่อนเข้าไปในผนังศิลา 

                พื้นหินใต้ร่างของทั้งคู่เปิดออก  ทำให้ร่างของไนท์และพายที่ยังไม่ทันตั้งตัวร่วงลงไปข้างล่างทันที !

                ตุ้บ !” “โอ๊ย !

                เสียงกระแทกพื้นดังตุ้บตามมาด้วยเสียงร้องประสานเสียงอย่างตกใจของทั้งสอง  เพดานหินที่เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วยังเป็นพื้นกำลังเลื่อนตัวเข้าหากันช้าๆ ก่อนปิดสนิทเป็นเนื้อเดียวดังเดิม

                ไนท์และพายถูกขังเอาไว้ในสุสานส่วนที่ยังปิดตายไม่มีใครค้นพบ !

                นะ..ไนท์..พายปากคอสั่นด้วยความหวาดกลัว  จะ จะทำยังไงดีล่ะ ?”

    ไนท์เองก็หน้าซีดเผือดไม่แพ้พาย

                “ใจเย็นก่อนนะพาย  เรามาลองหาดูก่อนดีกว่าว่ามีวิธีเปิดช่องหินนั่นได้มั้ย”

                หญิงสาวพยักหน้ารับ  ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า...ยังไงก็ไม่น่าจะมี

                แต่แสงสว่างอันริบหรี่ปลายหนทางอันมืดมิด ก็ยังดีกว่าไร้แสงใดให้เหลือความหวัง

                ไนท์เปิดไฟฉาย อย่างน้อยแสงสว่างของมันก็ช่วยให้เธออบอุ่นใจขึ้นได้มาก 

                ห้องที่พายและไนท์ยืนอยู่ในตอนนี้กว้างใหญ่ไม่เท่าห้องราชินี  ฝาผนังห้องไม่มีภาพวาดแม้เพียงภาพเดียวทั้งๆที่ปกติในสุสานไอยคุปต์ควรจะมี   ข้างผนังมีห่วงทองแดงรูปตัวยูแนวนอนฝังเข้าไปในเนื้อหินแข็ง  น่าจะเคยใช้เป็นที่วางคบไฟ

    "แปลกจังแฮะ"พายกอดตัวเองเพราะรู้สึกอากาศเริ่มหนาวยะเยือกขึ้นมาทีละน้อย

                “อะไรแปลก ?” ไนท์ถามเพื่อนสาว

                “ก็ที่โถงทางเดินข้างนอก  แล้วก็ห้องราชินีน่ะนะ  ฝุ่นจับเขรอะเลย  แต่ในห้องนี้แทบจะไม่มีฝุ่น  แปลกดีจัง”

                นั่นสินะ...ไนท์กวาดไฟฉายไปรอบๆห้อง  ที่นี่ไม่มีฝุ่นเลยจริงๆด้วย

                แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน  ไนท์ยื่นกระบอกไฟฉายให้พายแล้วก็แยกกันไปสำรวจคนละมุมห้อง

                ชายหนุ่มเดินฝ่าความมืด  สายตาเริ่มปรับตัวให้มองเห็นสิ่งต่างๆรอบกายเป็นเงารางๆได้แล้วในตอนที่มันมองเห็นอะไรบางอย่าง

                สิ่งนั้นมีรูปร่างยาวและค่อนข้างสูงเหมือนตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่ถูกใครจับวางนอน  แต่แตกต่างกันตรงที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไนท์ไม่ใช่ตู้เสื้อผ้า  ความเคยชินกับสุสานอียิปต์โบราณบอกไนท์ได้ทันที

                มันคือโลงหินโบราณ

                โลงหินนี้เหมือนจะเป็นจุดเดียวในห้องที่ถูกฝุ่นปกคลุมตามธรรมชาติ  ปกปิดโลงเอาไว้ราวกับต้องการจะซ่อนความเป็นปริศนาเอาไว้ในความมืดมนของห้วงกาลเวลา

                แม้ชายหนุ่มจะพยายามที่จะสั่งตัวเองไม่ให้ยุ่งกับมัน  แต่อะไรบางอย่างบังคับให้เขาต้องยื่นมือออกไปปัดฝุ่นที่ปกคลุมโลงหิน

                ฝุ่นเริ่มร่วงกระจายลงสู่พื้น  ในขณะที่ความลึกลับที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานนับสี่พันปีกำลังจะเปิดเผยสู่สายตาของไนท์

                “ไนท์...” พายเดินตัดห้องกลับมาหาเมื่อค้นแล้วว่าไม่มีกลไกใดซุกซ่อนอยู่ แต่แล้วเธอก็ต้องร้องเสียงหลง “นั่นมัน...โลงศพอีกโลง !?

    ใช่ ไนท์ตอบโดยที่ไม่ละสายตาจากภาพวาดที่วาดอัดแน่นอยู่ทุกตารางนิ้วบนผิวของโลงหินเนื้อหนา  ช่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับฝาผนังหินเปล่าๆรอบด้าน 

    ของใคร...

    เราว่าน่าจะเป็นของนักบวช..นักบวชหญิง ชายหนุ่มอ่านคำจารึกอักษรภาพฮีโรกลิฟฟิกพลางปัดฝุ่นออกจากภาพวาดใบหน้าหญิงสาวเจ้าของโลง  แต่แล้วเขาก็ตกตะลึงจนตัวแข็ง  มือที่กำลังปัดฝุ่นชะงักค้าง

    ไนท์ เป็นอะไร  อ๊ะ !?” ดวงตาของพายเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพใบหน้าบนฝาโลงหิน 

    อะไรกัน ... มันช่างดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน

    แน่สิ  เพราะมันคือใบหน้าที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันยามที่หญิงสาวส่องกระจก  ใบหน้าที่เห็นจนชินตา 

    พายพยายามหลับตา  สะบัดศีรษะไปมาแรงๆ พยายามบอกตัวเองว่าอาจจะตาฝาดไปก็ได้  แต่ทว่าโลงหินก็ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นกระจกเงา  ที่สะท้อนภาพใบหน้าของพายอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

     ภาพวาดใบหน้าของเจ้าของโลงหินนั้นคือใบหน้าของพาย !

    หน้าเรานี่นา ! หญิงสาวอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ

    เป็นไปได้ยังไง ไนท์เองก็ดูตกใจไม่แพ้กัน 

    ...ครืดดด...

    เสียงครืดคราดที่น่าจะเป็นของหินเสียดสีกันดังขึ้นเบาๆ

    สะ เสียงอะไรน่ะพายหันมองรอบๆห้องอย่างหวาดกลัว

    ...ครืดด..ครืดดดดด...

    เสียงประหลาดนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ๆตัว

    ฝาโลงศพหินเริ่มแง้มขึ้นทีละนิด..ทีละนิดอย่างยากลำบากเพราะผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน

    แสงเจิดจ้าสีขาวอมส้มราวกับแสงอาทิตย์อันร้อนแรงลอดออกมาตามความกว้างที่ฝาโลงยกตัวแง้มขึ้น 

    พายและไนท์ได้แต่ยืนตกตะลึงตาค้างในสิ่งที่กำลังปรากฎอยู่ตรงหน้า  ที่จริงไม่ว่าใครๆถ้าหากมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งแรกที่ทำน่าจะเป็นการเผ่นหนี  แต่ขาที่หนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยหินสักร้อยตันคือสิ่งที่ขัดขวางทั้งคู่เอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้

    แสงสว่างสีขาวเริ่มแทรกเข้าไปในทุกอณูความว่างเปล่าของห้องจนทั่ว โยงใยพันเกี่ยวคล้ายใยแมงมุม  มันเจิดจ้าบาดตาและบาดลึกเข้าไปในหัวจนปวดร้าวแทบระเบิด  เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของพายดังสะท้อนกลับไปกลับมาในห้อง  แต่สติอันพร่าเลือนของทั้งคู่กลับทำให้เสียงนั้นฟังดูห่างไกลเหลือเกิน

    แล้วความรู้สึกของไนท์และพายก็ดิ่งวูบเหมือนถูกกระชากอย่างรุนแรงให้ร่วงลงสู่หุบเหวอันไร้ก้นบึ้ง โลกมืดลงราวกับถูกคลุมด้วยผืนผ้าแห่งรัตติกาล

                แสงสว่างดับลง   

    ในห้องกลับว่างเปล่าไร้วี่แววโดยสิ้นเชิงว่าเคยมีผู้ใดย่างกรายเข้าไปข้างใน  ฝุ่นที่ปกคลุมโลงหินไว้ยังคงหนาเตอะราวกับไม่เคยมีใครแตะต้องมันมาก่อนเลยนับตั้งแต่ห้องนี้ถูกปิดพร้อมสุสานราชินี...ที่สร้างเสร็จสิ้นเมื่อหลายพันปีก่อน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×