ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก บัลลังก์ฟาโรห์

    ลำดับตอนที่ #5 : #05 อาถรรพ์แห่งจารึก 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 613
      0
      8 พ.ค. 55

    กริ๊ก

    หลังจากเก้กังคลำหาสวิตช์ไฟอยู่ชั่วครู่ ไนท์ก็กดให้ไฟในห้องสว่างขึ้น

    นั่นไง สมุดของเขานอนนิ่งอยู่บนแท่นเกือบมุมในสุดของห้อง ตรงส่วนแสดงพัสตราภรณ์โบราณ

    “เอ นี่เราเดินเข้าไปถึงตรงนั้นด้วยเหรอเนี่ย ทำไมจำไม่ได้เลยนะ ?” เขาพึมพำเบาๆอย่างงุนงง  แต่เอาเถอะเรื่องนั้นช่างมันก่อน เพื่อนทั้งคณะกำลังรอเขาคนเดียวเข้ามาเอาสมุดอยู่ข้างนอก

                การเดินลุยเดี่ยวเข้าไปในห้องที่มีโบราณวัตถุอันมีเสียงร่ำลือถึงอาถรรพ์ต่างๆนาๆ ที่บัดนี้สิ่งของเหล่านั้นต่างทอดกายอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวรอบตัวสามารถทำให้รู้สึกหนาวเย็นลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าพิศมัยเท่าไหร่นัก ถ้าเกิดมีตุ๊กตาชาวับตีหรือคนรับใช้ในโลกหน้าของชาวอียิปต์โบราณสักตัวลุกขึ้นมาเต้นเฮดสปิน คงได้เผ่นป่าราบกันละ

    “ฟู่ว” เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อมือแตะสมุด

    ไนท์หันหลังกลับอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้ออกจากห้องมืดๆเย็นๆแสนวังเวงนี่ไปให้ได้เร็วที่สุด แต่ชายหนุ่มก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อพบว่ามีผู้มายืนดักรออยู่ข้างหลังก่อนแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

     “ดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด” แสงไฟเหนือศีรษะส่องใบหน้าที่มีหนวดเคราสีเทารกครึ้มให้เห็นชัดถนัดตา

    “ใช่ ผมเอง” นัยน์ตาที่เปล่งประกายร่าเริงอยู่เสมอของดอกเตอร์ บัดนี้กลับนิ่งอย่างประหลาด “คุณยังออกไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้นำพาสิ่งนั้นออกไปด้วย”

    นิ้วชี้ของเขาชี้ไปยังด้านหลังของไนท์ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มต้องหันหลังกลับไปมองยังจุดเดิมอีกครั้ง

    “แหวน ?”

    มันเป็นแหวนสีทองสุกสว่างบนเบาะกำหยี่สีแดงเข้ม แผ่นปาปิรัสที่แปะไว้อธิบายว่าเป็นแหวนในสมัยราชวงศ์ที่ 13 ของ middle kingdom

    “นี่คือสิ่งที่ถูกเรียกว่าแหวนแห่งอามุน ตามตำนานไอยคุปต์มีเพียงธิดาแห่งอามุน รา เท่านั้นที่จะสามารถครอบครองมันได้ แต่ตอนนี้มันเป็นของคุณ”

    “หา ?” ไนท์ขมวดคิ้วเข้าอย่างงงงวย ก่อนที่จะทันทำอะไรต่อไป แหวนวงเล็กคล้ายแหวนของสตรีวงนั้นก็ถูกดอกเตอร์ชูขึ้นมาในระดับสายตาของไนท์แล้ว ใกล้มาก...ใกล้เสียจนเห็นรอยสลักในเรือนแหวนได้อย่างชัดเจน

    มันคืออักษรภาพไอยคุปต์โบราณ  ที่เรียกว่าอักษรเฮียโรกลิฟฟิก

                ชายหนุ่มพยายามเพ่งมองเพราะเขาเองก็เรียนรู้ภาษาอักษรภาพเฮียโรกลิฟฟิกมาจากดร.จูเลียนผู้เป็นญาติทางฝ่ายแม่ของเขา อักษรภาพตัวหนึ่งที่อยู่บนเรือนแหวนคือดวงเนตรแห่งอามุน - รา  หรือ "อั๊ตจั๊ต" ..เป็นสัญลักษณ์แห่งความสูงศักดิ์ของยุคไอยคุปต์โบราณแน่นอน  หากอักษรภาพจิ๋วๆตัวอื่นนี่สิ...เอ  มันอ่านว่าอะไรกันนะ ? เนเฟร..เนเฟรอะไรซักอย่าง...

           “..เนเฟรเซนามุน..

              เสียงสตรีหวานใส แผ่วเบาดังขึ้นข้างกายแล้วก็เลือนหายไปกับสายลม  ไนท์หันขวับไปมองทันที  แน่นอนว่าย่อมไม่พบผู้ใดที่เป็นเจ้าของเสียงหวานนั่นเลย  เพราะตอนนี้ในห้องกว้างมีคนยืนอยู่เพียงสองคน และทั้งสองคนก็ไม่ใช่หญิงสาว !

    “คำตอบของสิ่งที่สงสัย เนิ่นนานไปจะได้รู้เอง” ดวงตาของดอกเตอร์โมฮัมเหม็ดเริ่มดูเลื่อนลอย “อย่าให้สิ่งนี้ห่างกาย จงติดตัวเจ้าไว้ตลอดเวลา อามุน ราจะทรงลิขิตหนทางภายหน้า สู่แสงสว่างโรจนา...หรือว่าดิ่งลงในความอนธกาล”

    บทกลอนแปลกๆยิ่งทำให้งงหนักเข้าไปอีก ไนท์จึงรีบรับแหวนมาแล้วร่ำลา

    “เอ่อ โอเคฮะ ผมไปก่อนนะฮะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ครับดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด”

    แม้ตอนที่ไนท์ก้าวเท้าขึ้นรถ เสียงห้าวทุ้มของดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด ซัลลา ยังดังแว่วตามหลังมา

    “จำไว้นะเจ้าหนุ่ม เจ้าต้องแก้ไขบางสิ่งแห่งอดีตกาลให้ถูกต้อง เพียงเจ้าเท่านั้น  บุตรแห่งอามุน รา...และสาวน้อยผู้ถือกุญแจแห่งกาลเวลา”

    ต่อตรงนี้จ้า~............................................................................................................................................................................

    ห้องพักบนชั้นสามสิบกว่าของโรงแรมในไคโรสูงเหนือตึกอื่นๆจนทำให้สามารถมองเห็นไคโรทั้งเมือง ทะเลทราย แม่น้ำไนล์ และฟากฟ้าที่ถูกม่านแห่งรัตติกาลคลี่คลุมได้โดยไร้สิ่งบดบัง

    อ๊อฟ หนุ่มแว่นมาดเซอร์หน้าตาหล่อเหลาผู้เป็นรูมเมทของไนท์นอนหลับฝันหวานไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ไนท์ก็ยังคงนั่งเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์อยู่กับพื้นระเบียงภายนอกห้องพัก

    ภาพยามราตรีที่มองเห็นจากเมืองหลวงแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์แทบจะเป็นภาพเดียวกันที่มองเห็นจากกรุงเทพมหานคร ด้วยแสงสีจากไฟตามบ้านเรือนและถนน แม้ไคโรจะสงบเงียบกว่า แต่ความงามแห่งแสงสีในยามค่ำคืนก็แทบจะมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

    ดวงดาวนับแสนล้านดวงบนท้องฟ้าดำสนิทราวหยดหมึกเปล่งประกายเคียงข้างจันทร์เสี้ยวเกี่ยวฟ้าคืนแรม ทำให้แสงสว่างเพียงน้อยนิดของดวงดาวค่อยมีรัศมีมากขึ้นกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวง หากภาพอันงดงามของดวงดาวกลับกลายเป็นภาพเบลอๆในสายตาของไนท์ ด้วยในตอนนี้ความสนใจทั้งหมดถูกเทให้กับแหวนจากไอยคุปต์วงน้อยที่ชูขึ้นอยู่ในระดับสายตาเท่านั้น

    “อย่าให้สิ่งนี้ห่างกาย จงติดตัวเจ้าไว้ตลอดเวลา อามุน ราจะทรงลิขิตหนทางภายหน้า สู่แสงสว่างโรจนา...หรือว่าดิ่งลงในความอนธกาล”

    ความหมายของบทกลอนที่ดอกเตอร์โมฮัมเหม็ดพูดคืออะไรกันนะ ?

    พูดถึงเทพอามุน รา ก็ชักจะเสียวๆกับคำแช่งชักของพายขึ้นมาซะแล้วซิ

    ในขณะนั้น...ที่ห้องของพาย

    หญิงสาวนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เหตุการณ์ที่เธอถูก ดึงตัวเข้าไปในจารึกไอยคุปต์โบราณนั่นยังฝังใจและติดตาอยู่มิรู้หาย จนเธอไม่อาจข่มตาให้หลับได้สักที

    ถ้าหากจารึกนั่น...มีพลังพอถึงขนาดทำแบบนั้นได้ แล้วคำสาปแช่งที่เธอเอ่ยขึ้นมาเล่นตอนนั้นล่ะ ?

    เทพอามุน รา จะทรงเอาจริงเอาจังจนถึงขนาดทำให้มันกลายเป็นจริงขึ้นมามั้ยนะ ?

    ในเมื่อคิดแล้วก็หนักใจ เธอจึงแอบย่องออกจากห้องไปหาคนโดนแช่งที่ห้องพัก ไม่รู้ป่านนี้จะหลับไปแล้วหรือยัง

    แต่ถ้ายังไม่หลับ ก็คงได้คนมาช่วยระบายความเครียด หรือไม่ก็ได้เพื่อนมาช่วยกันหนักใจนั่นแหละน่า

    แอ๊ด...

    “ใครน่ะ อ้าว พาย นอนไม่หลับเหรอ ?” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังของไนท์ดังขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงแง้มประตู พร้อมกันนั้นแหวนในมือก็ถูกเก็บลงในกระเป๋าเสื้อทันที

    หญิงสาวพยักหน้า ก่อนก้าวเดินตรงไปนั่งลงเคียงข้างเพื่อนหนุ่ม  “เราไม่สบายใจน่ะ วันนี้เจอแต่เรื่อง...แปลกๆ แล้วก็จะมาขอโทษนายด้วยที่แช่งพล่อยๆอย่างนั้นออกไป”

    “โธ่เอ๊ย ยัยโก๊ะช่างฝัน เรื่องนั้นช่างมันเหอะ”

    ไนท์หัวเราะ ซึ่งท่าทางหัวเราะนั้นก็ยิ่งเพิ่มความหล่อเหลาให้กับเครื่องหน้าที่ได้สัดส่วนรับกันลงตัวราวกับรูปปั้น พายหันมองเพื่อนหนุ่ม ความจริงดูไปดูมา...ถ้าหาอายไลน์เนอร์มาเขียนหางตาให้ยาวๆซักหน่อย บวกกับเรือนร่างสูงใหญ่ตามเลือดยุโรปผสมแขกขาวที่เป็นเอกลักษณ์ของบรรพบุรุษของไนท์ด้วยแล้ว จะเหมือนฟาโรห์ไม่ก็เจ้าชายอียิปต์โบราณไม่มีผิดเลยนะเนี่ย

    “พ่อแอนทีโนอุสเอ๊ย” แม้เธอจะอยากชม แต่ก็อดเหน็บใส่คนฟังสะดุ้งเล่นไม่ได้

    “เฮ้ย จะชมว่าหล่อก็ชมสิ แต่ไม่เอานายคนนั้นจะได้ไหม” ไนท์รีบขัด

    แอนทีโนอุส คือชายหนุ่มแสนรูปงามผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมงามสง่า ฝีมือในการล่าสัตว์ และปัญญาเฉลียวฉลาดแห่งกรีกโบราณผู้ได้ใจจอมจักรพรรดิโรมันอย่างจักรพรรดิเฮเดรียนไปครอง แม้เรื่องราวของทั้งคู่จะจบลงด้วยโศกนาฏกรรมก็ตาม

    ครั้งแรกที่พายและอ๊อฟใช้คำนี้เรียกไนท์ ทำเอาเขายืดไปหลายวันโดยหารู้ไม่ว่าเพื่อนๆร่วมคณะผู้สมรู้ร่วมคิดแอบหัวเราะลับหลังกันสนุกสนาน

    เกย์ระดับชาติ !?’ ไนท์ถึงขั้นหน้าเหวอร้องจ๊ากเมื่อจู่ๆวันหนึ่งก็ค้นพบความลับทีพายปกปิดนักหนา และทำเอาเขาไม่ยอมพูดกับหญิงสาวไปหลายวัน

    ไนท์โดนไปคนนึงแล้ว อ๊อฟจะเป็นใครดี เฮเดรียนดีไหมน้า... พายลอยหน้าขู่อ๊อฟ คู่หูของไนท์ผู้มีดีกรีขึ้นแท่นเป็นดูโอ้หนุ่มรูปหล่อแห่งชั้นปีเล่น เอาให้สาวๆเข้าใจผิดกันไปเล้ยว่าพวกนายชอบไม้ป่าเดียวกัน ฮ่าๆ

    โธ่เอ๊ย ยัยพาย หนุ่มแว่นมาดเซอร์โต้กลับ เธออิจฉาแน่ๆเลยใช่ไหมล่ะ ก็คนที่มาชอบเราน่ะมีแต่สวยๆ หุ่นดีๆ... เขาปรายตามองอย่างเยาะเย้ย หุ่นสะบึ้มซะขนาดนั้นน่ะ เธอไม่ติดขี้เล็บเล้ย

    นี่นาย !’

    อ๊อฟย้ำเตือนแถมท้ายด้วยเสียงสูงลิ่ว ซึ่งก็ทำให้พายงอนตุปัดตุป่องไปหลายวันเช่นเดียวกัน

    พายปรายตามองเพื่อนคู่กัดที่นอนหลับแน่นิ่งอยู่บนเตียง

    เชอะ...ไม่ถ่ายรูปนายตอนหลับอุตุหน้าเหมือนไฮยีนาโพสต์ประจานขึ้นเฟซบุ๊คให้ฝูงแม่ผีเสื้อของนายเห็นก็บุญเท่าไหร่แล้ว นายอ๊อฟบ้า !

    แล้วก็หันมาหาคู่สนทนาตรงหน้าต่อ

    “จ้า ไม่เอาก็ได้” พายยักคิ้วให้อย่างผู้เหนือกว่า

    “คิดถึงบ้านจัง” จู่ๆไนท์ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ “คิดถึงแปลกๆ ทำไมก็ไม่รู้...รู้สึกเหมือนเรากำลังจะต้องจากประเทศไทยออกไปเรื่อยๆ...จากไปไกลมาก”

    “บ้าน่า คิดมาก นี่แค่อียิปต์เองนะ” หญิงสาวหัวเราะบ้าง “ชีวิตนายน่ะ ผ่านมายี่สิบฝนแล้วน้า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปสุสานราชินีต่ออีก เดี๋ยวเรากลับห้องก่อนดีกว่า ได้คุยกับนายเราสบายใจขึ้นบ้างแล้วล่ะ ว่าแต่คืนนี้ดาวสวยจังเนอะ”

    “อื้ม โลกสวยเสมอเมื่อมองจากมุมสูง” รอยยิ้มระบายบนใบหน้าของไนท์ เมื่อได้มองท้องฟ้ายามค่ำคืนจากที่สูงๆ ไม่รู้ทำไมเขามักจะรู้สึกว่ามีใครอีกคนกำลังมองดาวดวงเดียวกับเขาอยู่เช่นกัน หาก ณ ที่ใดที่หนึ่งไกลแสนไกล ใครคนนั้นที่เขาไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้ว่าเป็นใคร ไม่รู้ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่

    แต่เป็นเพราะความผูกพันแปลกประหลาดในใจ...เมื่อไนท์ได้มองดวงดาวบนฟากฟ้าทีไร จะทำให้ชายหนุ่มยิ้มได้เรื่อยไป

    “เรามีตำนานดวงดาวจะเล่าให้ฟัง”

    เมื่อดวงตาสีเทาเข้มอมดำด้วยหลากหลายเชื้อชาติผสมกันอันแสนจะหายากยิ่งของชายหนุ่มมองมาอย่างสนใจ พายจึงหายใจเข้าลึกๆก่อนเริ่มเล่าตำนาน

     “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”

    ต่อตรงนี้จ้า ~ .......................................................................................................................................................

              ยามอรุณรุ่งของวันใหม่มาถึง รถตู้คันเดิมวิ่งลิ่วออกจากกรุงไคโร  อ๊อฟอุตส่าห์ขอยืมกีต้าร์มาจากพนักงานที่โรงแรมเพื่อมาเล่นในวันนี้โดยเฉพาะ  เสียงเฮฮาร้องเพลงของเพื่อนๆจึงดังไปตลอดทาง

    ปุยเมฆลอยละล่อง  แซมด้วยต้นกระบองเพชรที่ยืนต้นโดดเดี่ยว  นานๆถึงจะเห็นหมู่บ้านที่เป็นกระโจมหลายๆหลังตั้งติดกันหรือเป็นบ้านที่ก่อด้วยอิฐอย่างง่ายๆผ่านตามาสักหน  แต่นั่นก็พอจะทำให้ถนนที่ตัดยาวผ่านทะเลทรายเส้นนี้กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมของธรรมชาติไปได้ไม่ยาก
               
     ทว่าพายกลับทอดสายตาดูวิวทิวทัศน์ที่ผ่านไปอย่างเหม่อลอย...

                

              หัวใจของเธอตอนนี้ลอยไปพะวักพะวงอยู่กับเหตุการณ์ย้อนกลับไปเกือบสี่พันปีที่จะเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหญิงเนฟรูเรกับราโฮรัสถูกเทพอะนูบิสคร่าชีวิตไปนั่นแล้ว

                เจ้าหญิงเนเฟรเซนามุน...ที่หญิงร้ายชายเลวคู่นั้นวางแผนลอบปลงพระชนม์จะทรงทำอย่างไรต่อไปนะ ? จะทรงไม่รู้เลยเชียวหรือว่ามีคนลอบทรยศอยู่ใต้จมูก ?

              ธีบส์จะเป็นอย่างไรกันนะในตอนนี้ ?

              เพราะคำว่า ธิดาแห่งอามุน รา ที่ดันไปพ้องกับข้อความในจารึก ช่วงเวลาที่เธอต้องการจะนำไปแต่งนิยายด้วยนั่นแหละที่ทำให้พายสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ

                หรือว่าจารึกนั่นต้องการจะบอกอะไรกับเธอกันนะ ?

              ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ กลับไปบอกเรื่องราวทุกอย่าง ไปช่วยเหลือธีบส์ได้ตามใจปรารถนา เธอก็คงจะไม่ต้องมานั่งครุ่นคิดเหม่อลอยอยู่อย่างนี้หรอก...

                เฮ้  พาย  เหม่ออะไร ?” อ๊อฟส่งกีต้าร์ให้ไนท์เล่นต่อก่อนที่จะสะกิดหญิงสาว

                อ๋อ  ปละ เปล่าๆพายสะดุ้งเล็กน้อย  ปฏิเสธทันควัน 

                มือของ นายคู่อริเก่า ยื่นมาแตะหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา

                หน้าพายซีดจังเลย  ไม่สบายรึเปล่า ? ดูแลตัวเองมั่งนะ เสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย 

                จ้า  เราไม่ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นซอมบี้หรอกน่ะ  เฮ้ยย ! ถึงแล้วๆๆ ดีใจจังเลย พายยิ้มตอบก่อนที่จะหันไปตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นขบวนอูฐและคนนำทางรออยู่ข้างถนน

                ทุกคนคงรู้แล้วนะว่าการเดินทางไปห้องฝังพระศพครั้งนี้เราจะต้องเดินทางผ่านทะเลทราย  เพราะฉะนั้นโปรดปฏิบัติตามกฎหรือคำแนะนำใดๆก็ตามที่คนนำทางและอาจารย์บอกด้วย ดร.จูเลียนพูดย้ำพร้อมเปิดประตูรถตู้

                เหล่านักศึกษาเฮละโลลงจากรถตู้   ไม่ลืมไหว้ไกด์นำทางเชื้อสายอียิปเชียนที่รีบยกมือรับไหว้อย่างเก้ๆกังๆเพราะงงๆด้วย

                เอ้าๆ เลือกอูฐกันไปคนละตัวนะ  อาจารย์คิดว่าเดินทางไม่น่าจะถึงชั่วโมงก็ถึงห้องฝังพระศพแล้วล่ะ อาจารย์จูเลียนตะโกนแข่งกับเสียง  อื้อหือ’ ‘ เอ้อเหอ ของนักศึกษาที่เกือบทุกคนไม่เคยสัมผัสการใช้อูฐเป็นพาหนะมาก่อนเลยในชีวิต 

                ขบวนอูฐเริ่มออกเดินทาง  ความยิ่งใหญ่ของทะเลทรายปรากฎให้เห็นเด่นชัดก็ต่อเมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง  มันไม่เหมือนในรูปถ่ายที่บันทึกภาพเอาไว้ได้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความยิ่งใหญ่เลยจริงๆ

    ..............................................................................................................................
    (แอบหอบ ^^'') ครบ 100 % แล้วค่า ><
    แถมด้วยรูปแอนทีโนอุส บุรุษรูปงามแห่งกรีกโบราณค่ะ :D
    (ต้องขออภัยแอนทีโนอุส และจักรพรรดิเฮเดรียนด้วยหากไรท์เตอร์กล่าววาจาล่วงเกินมากไปค่ะ -/\- กราบงามๆ...)



    ตอบคอมเม้นท์ค่ะ ^^
    พี่แพรว >>  ใช่ค่ะ ชื่อพี่พิมฐา เป็นนร.เก่าเรยีนาเชลี ที่จ.เชียงใหม่ แล้วไปต่อม.ปลายที่ออสเตรเลีย พี่เค้าเป็นดาวซีซ่าคนแรกของประเทศไทยเลยค่ะ พิมชอบพี่เค้ามากก็เพราะรอยยิ้มของเค้าเนี่ยแหละ :D ขอบคุณสำหรับคำชมค่า จะพยายามปรับปรุงฝีมือให้มากๆขึ้นไปอีกน้า >w<

    ~แค่คอมเม้นท์เดียวจากรีดเดอร์ผู้น่ารักก็เป็นกำลังใจในการอัพแล้วค่า ^^~

    >
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×