ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก บัลลังก์ฟาโรห์

    ลำดับตอนที่ #6 : #06 แนะนำตัวละคร + สุสานราชินีไร้นาม 1 [ครบ 100% แล้วจ้า]

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 55


     ขอแนะนำตัวละครก่อนน้า ^^



    อ๊อฟ เพื่อนของพายและไนท์




    เนฟธิส นักบวชหญิงแห่งมหาวิหารวิหารอามุน - รา ,หนึ่งในนักบวชหญิงผู้พิทักษ์ดวงไฟแห่งอามุน, ผู้ดูแลเจ้าหญิงเนเฟรเซนามุน

           

    "ไนท์ นีธรา (แม่ทัพราโฮรัส)"

    (เอิ่ม...อิมเมจแอบเยอะเบาๆ 55+ นีธรา แปลว่า แสงอาทิตย์ค่ะ)

    ต่อตรงนี้จ้า ~ ..........................................................................................................................

     

    แสงอาทิตย์ยามเช้ายังไม่ร้อนมาก  แม้ว่าเปลวแดดจะยังร้อนระอุแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นของทุกคนลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว

    ไนท์  พระราชินีนี่ชื่ออะไรนะ ?” พายหันไปถามไนท์ที่กำลังสาละวนกับการมองทิวทัศน์รอบกาย
              ไม่รู้เหมือนกัน  เห็นอาจารย์จูเลียนเล่าให้ฟังว่าที่โลงหินชั้นนอกมีคาร์ทูชจารึกพระนาม  แต่ไม่มีชื่อของราชินีสลักเอาไว้เลย คาร์ทูช  ก็คือกรอบรูปยาวรีที่ใช้บรรจุพระนามของฟาโรห์  ราชินี และพระราชวงศ์ชั้นสูงนั่นเอง 

                เอ แปลกดีแฮะ พายพยักหน้าหงึกๆ ...ราชินีลับแลนี่หว่า

                นั่นอะไรเหรอคะอาจารย์ ?” ฝน  เพื่อนคนหนึ่งในคณะชี้ตรงไปยังอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นภูเขาหินสูงใหญ่รูปเกือกม้า เห็นอยู่ลิบๆปลายขอบฟ้า

                นั่นไง  หน้าผาที่ห้องฝังพระศพถูกเจาะลึกเข้าไปในนั้น อาจารย์จูเลียนตอบ  ซึ่งสามารถเรียกความกระตือรือร้นจากทุกคนได้มากทีเดียว  เพราะแสดงว่าใกล้จุดหมายปลายทางเข้ามาแล้ว  ที่สำคัญจะได้พักเหนื่อยซะที

                แต่หน้าผาหินที่เคยคิดว่าใกล้กลับไกลกว่าที่คาด  กว่าทุกคนจะมาถึงก็เล่นเอาหอบแฮ่กๆ
             หน้าผาหิน ของดร.จูเลียน คือภูเขาหินสีน้ำตาลลูกเดี่ยวๆโดดๆ ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นรูปเกือกม้ากลางทะเลทราย  ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงชันละลิบลิ่วทำมุมเกือบเก้าสิบองศากับพื้นดิน  และอีกด้านเป็นทางลาดชันขรุขระระเกะระกะด้วยกองหิน    ทั้งสองด้านบรรจบกันบนยอดเขาที่คาดคะเนจากพื้นด้านล่างมองขึ้นไปน่าจะเป็นยอดตัดพื้นราบ วิวทิวทัศน์บนนั้นคงจะสวยงามอย่างหาที่ไหนเทียบเท่าไม่ได้ แต่ก็คงไม่มีใครต้องการจะเล่นของสูงปีนขึ้นไปบนยอดเขามากนัก  ไม่ว่าจะเลือกขึ้นทางไหนก็ลำบากลำบนพอๆกัน

                โหววว  O.o ” พายเบิกตากว้างมองหน้าผาที่ตั้งตระหง่านโอบล้อมตัวเป็นรูปคล้ายครึ่งวงกลมอย่างตื่นตาตื่นใจ  เงื้อมเงาที่ทอดยาวของมันดูน่าเกรงขามสำหรับมนุษย์ตัวเล็กๆ  คนโบราณนี่เจ๋งสุดๆเลยเนอะ  ขุดหน้าผาหินแข็งเป๊กขนาดนี้ได้เนี่ย  เนอะ ไนท์

           ชายหนุ่มที่ยื่นจ้องมองหน้าผาเพียงแต่พยักหน้าให้  ราวกับต้องการใช้สมาธิเพื่อที่จะประทับภาพเบื้องหน้านี้ไว้ในใจให้แสนนาน

                ไม่ใช่หรอก...ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ของหน้าผาที่ทำให้ไนท์ต้องจ้องมอง

                แต่เป็นความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดในใจของเขาต่างหาก  ที่ดึงดูดจนเขาไม่อาจละสายตาไปจากภาพตรงหน้าได้

           เจ้าความรู้สึกนี้มันมาจากไหนกันนะ...ทั้งๆที่ก็ไม่เคยมาที่นี่เลย  ไม่เคยแม้แต่จะเห็นรูปด้วยซ้ำ

                แล้วเสียงเรียกของ ดร.จูเลียนก็ดึงไนท์ออกจากภวังค์

                ทุกคนตามอาจารย์มาทางนี้

                อาจารย์จูเลียนและไกด์นำทางเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของหน้าผาที่มีกองหินก้อนใหญ่ร่วงเกะกะ  แต่ถ้าหากอ้อมไปหลังกองหินจะเห็นว่ามีช่องให้หย่อนตัวลงสู่ใต้พื้นดินเบื้องล่างได้

                สองเดือนก่อนตอนที่กองคาราวานเดินทางมาพักที่นี่ดร.จูเลียนเริ่มเล่า อูฐซนตัวหนึ่งแอบเดินออกจากกลุ่มมาเดินสำรวจหน้าผา  จนเดินมาถึงตรงนี้  มันคงจะเหยียบพื้นดินตรงจุดพอดี  พื้นดินก็เลยยุบตัวลงไป  ทำให้ช่องทางลับลงไปสู่ห้องฝังพระศพโบราณถูกเปิดเผยออกสู่โลกภายนอก  เราไม่รู้หรอกว่าข้างล่างจะมีอะไรบ้าง  ดังนั้นอย่าเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนดเด็ดขาด

               
                แล้วร่างในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสามส่วนสีทรายแบบลุยๆของดร.จูเลียนก็ปีนบันไดเชือกนำลงไปเบื้องล่างเป็นคนแรก

                เอาละ  ทุกคนค่อยๆปีนลงมานะ  ลึกนิดหน่อย  แต่ไม่มีอันตรายแน่นอน เสียงที่ตะโกนขึ้นมาจากด้านล่างสะท้อนก้องกับผนังหินไปเรื่อยๆ จนฟังดูแปลกประหลาด...อดคิดไม่ได้ว่าคล้ายเสียงเพรียกจากอดีตกาลที่ผ่านล่วงเลยมาแสนนาน
                นักศึกษาค่อยๆปีนลงไปทีละคน  จนเหลือไนท์และพายเป็นคนสุดท้าย

                พายลงไปก่อนเถอะ ไนท์บอก

                พายตั้งท่าเตรียมจะไต่บันไดเชือก  แต่อาการแปลกๆของไนท์กลับทำให้พายยังรั้งตัวอยู่ก่อน
             ไนท์  ทำไมวันนี้นายดูแปลกๆ

                หืม ?” เขาเลิกคิ้ว

                ก็...ไนท์ดูเหมือนมองรอบๆตัวแบบอาลัยอาวรณ์ยังไม่รู้น่ะ  กลัวจะไม่ได้กลับขึ้นมารึไงยะนายขี้กลัว แบร้”

                บ้าเหรอยัยพาย  ขี้กลัวน่ะเธอต่างหาก  เราก็แค่เห็นมันสวยดีน่ะ  เลยอยากมองนานๆหน่อยไนท์ตอบเลี่ยงๆไป  แม้ลึกๆในใจ...เขาจะแอบรู้สึกแบบนั้นจริงก็ตาม
                ชายหนุ่มแหงนมองผืนฟ้าสีครามสวยเบื้องบน  สายลมเย็นชื่นใจวูบนึงพัดมาต้องตัว
                'กงล้อแห่งกาลเวลา...เริ่มต้นการเดินทาง' เสียงแผ่วเบากระซิบฝากมากับสายลม

    ต่อตรงนี้จ้า ^^ ............................................................................................................................................

             

    ...ตึก...ตึก...ตึก...

                เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินสีน้ำตาลค่อนข้างขรุขระดังสะท้อนไปยังผนังก่อด้วยหินสีน้ำตาลอ่อน บางช่วงวาดภาพเขียนสีโบราณ  และดังสะท้อนต่อไปเรื่อยๆยังทางเดินที่ทอดตัวยาวไกล  ขุดลึกซอกซอนเข้าไปในหน้าผาหิน  เพดานโค้งสูงทำให้ความรู้สึกเวิ้งว้างโหวงเหวงยิ่งเพิ่มมากขึ้น แสงจากคบไฟที่ปักเรียงอยู่ข้างผนังหิน และแสงจากไฟฉายของแต่ละคนก่อให้เกิดเงารูปร่างประหลาดแปลกตา  ในบรรยากาศเงียบงันที่เป็นใจ...จึงคล้ายๆกับว่าจิตวิญญาณอายุนับสี่พันปีกำลังกระซิบกระซาบกันแผ่วเบาถึงผู้มาใหม่ที่กำลังย่างกรายเข้ามาในเส้นทางอันลึกลับนี้

                บรึ๊ย~ หนาว ขนลุก ><แคทกอดอกเพื่อให้ความอบอุ่นกับตัวเอง  ทางเดินที่ลึกเข้าไปเรื่อยๆ ขึ้นๆลงๆบ้าง  ทำให้อุณหภูมิเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อว่าข้างนอกคือทะเลทรายอันร้อนระอุไปด้วยเปลวแดดแผดเผา

                มันดู...ดูขลังๆไงไม่รู้เนอะ  น่ากลัวพิลึกแฮะพายเองก็อดกลัวกับบรรยากาศรอบตัวไม่ได้  แล้วทางเดินก็นำทุกคนมาสู่ห้องค่อนข้างกว้างห้องหนึ่ง  เพดานสูงทรงโค้งคือสิ่งที่บ่งบอกว่า เจ้าของ ห้องฝังศพนี้เป็นผู้หญิง

           ผนังห้องถูกตกแต่งด้วยภาพเขียนสี  เป็นรูปภาพที่ชาวอียิปต์โบราณใช้แทนตัวอักษรและภาพวาดอันงดงาม  แม้ฝุ่นจะจับตามธรรมชาติหากน่าแปลกที่กาลเวลาดูเหมือนจะไร้ความสามารถที่จะทำให้สีสันของภาพเขียนในห้องฝังพระศพซีดจางลงแม้แต่น้อย..กลางห้องคือโลงหินที่สลักเสลาลวดลายวิจิตรบรรจงสวยสดงดงาม  ผนังด้านหนึ่งมีช่องหินคล้ายหน้าต่างสองช่องที่คงเกิดจากฝีมือการกะเทาะหินของช่างโบราณ  ถ้าหากมองออกไปจะพบว่าห้องนี้อยู่สูงมากจากระดับพื้นดินข้างล่าง

                ขอต้อนรับสู่ห้องฝังพระศพของราชินีแห่งฟาโรห์อเมนโฮรัส  ฟาโรห์ผู้เฉลียวฉลาดและกล้าหาญแห่งราชวงศ์ที่ 13 ...ราชินีผู้ไร้ชื่อในหน้าประวัติศาสตร์   ห้องที่ถูกซุกซ่อนปิดตายจากสายตาของโลกภายนอกมานานนับสี่พันปี ดร.จูเลียนพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ

                ราชินีไร้นาม ?” อ๊อฟทวนประโยคอย่างงงๆ

           ดร.จูเลียนผายมือไปยังโลงหินของราชินี  ทุกคนมองตามเป็นตาเดียว

                กรอบยาวทรงรีที่ควรสลักพระนามของพระราชินีว่างเปล่า

                และนั่นทำให้เราไม่สามารถระบุได้ว่าราชินีองค์นี้คือใคร  ทั้งๆที่พระนางคือผู้ที่สร้างความเจริญให้แก่อียิปต์ในยุคอาณาจักรกลางเป็นอย่างมาก น้ำเสียงของดอกเตอร์อียิปต์วิทยาแฝงแววเสียดาย จากหลักฐานเดียวที่ค้นพบ ก็คือจารึกโบราณของดอกเตอร์โมฮัมเหม็ดแผ่นที่พวกเราได้เห็นก็บันทึกเอาไว้เพียงว่าพระนางเป็น 'ราชินีผู้เป็นธิดาแห่งอามุน - รา' ...เอาล่ะ อาจารย์จะให้ทุกคนสำรวจทั่วๆห้องฝังพระศพ  จดจำรายละเอียดพวกภาพวาดบนฝาผนังอะไรพวกนี้ไปนะ พอกลับเมืองไทยอาจารย์จะให้ทำเป็นสรุปส่ง  พวกเราโชคดีมากเลยนะที่ได้เข้ามาที่นี่  เพราะนอกจากนักโบราณคดีอียิปต์กับอังกฤษที่เข้ามาสำรวจเป็นชุดแรก ก็ยังไม่มีใครได้เข้ามาอีกเลย
                "หา"  "อาจารย์ใจร้าย" "งอนแล่ว" "ไม่เอาได้มั้ยคะ ?" "โอ๊ะ ปวดหัวกะทันหันอ่ะค่ะ'จารย์"  "โหย อาจารย์โหดแท้เหลา"

                ทุกคนต่างโอดครวญประท้วงเพราะขี้เกียจทำงานสรุปส่ง  แต่ก็กระจายกันไปสำรวจห้องฝังพระศพอย่างตื่นเต้น

                พายเดินตรงไปเมียงๆมองๆโลงหินที่สูงราวๆเอวของเธอ...อะไรบางอย่างดึงดูดให้เธอจ้องมองที่คาร์ทูชอันควรจะมีพระนามของพระราชินีสลักไว้

                นิ้วเรียวไล้ไปบนผิวหินขัดมันเรียบลื่น  ความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าอ่อนๆวิ่งไล่จากปลายนิ้วเข้าสู่ร่างกาย

                แล้วนิ้วของหญิงสาวก็สะดุดกับอะไรบางอย่างที่มุมล่างขวาของคาร์ทูช

                ดวงตากลมโตกวาดมองทันที  สิ่งที่เธอเห็นก็คือรอยสลักของตัวหนังสือจิ๋วๆที่มีรูปร่างเป็นหัวกลมๆมีขีดอยู่ข้างบนบ้าง ข้างล่างบ้าง ม้วนตวัดบ้างที่สลักลึกลงไปในเนื้อหินชนิดที่เรียกว่าถ้าไม่มีตาเลเซอร์ก็คงมองไม่เห็น

                 หญิงสาวชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง!

                
    นี่มัน...


             
       ต่อตรงนี้จ้า มากะปริบประปรอยอีก 10% ^^ .........................................................................................................................

               

                 ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะด้านภาษาแต่อย่างใด พายก็สามารถอ่านออกได้ว่ามันสลักเป็นคำว่า เนเฟร

              ไม่นะ...เป็นไปไม่ได้  ภาษาไทยในสุสานอียิปต์เนี่ยนะ ! ตะ...แต่ว่าที่ดอกเตอร์จูเลียนบอก นอกจากนักโบราณดตีอียิปต์กับอังกฤษ ก็ยังไม่มีใครเคยเข้ามาในห้องราชินีอีกเลยนี่นา แล้วมันจะมีภาษาไทยอยู่ในห้องนี้ได้ยังไงกัน ? ยิ่งเนื้อหินที่ถูกแกะลึกลงไปมีร่องรอยสึก บิ่น จากการกระทำของกาลเวลา ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างมีข้อสรุปเพียงหนึ่งเดียวว่ามันถูกสลักขึ้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว แต่โดยใครกันล่ะ ?

              “วู้ว ยู้ฮู”

              มือเย็นๆวางลงบนบ่า ทำเอาหญิงสาวที่กำลังช็อคสะดุ้งเฮือก

              “ไนท์ !

                “เอ่อ เป็นอะไรไปน่ะ หน้าซีดอย่างกับผี” ไนท์มองใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดของเพื่อนสาวอย่างตกใจ ก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนสายตาไปตามทิศที่นิ้วอันสั่นเทาของพายชี้ไป แล้วมันก็ทำให้ไนท์ต้องอ้าปากค้างตามเช่นกัน

              “นี่มัน...ปะ เป็นไปไม่ได้ ลายมือคล้ายพายเลย !

    .................................................................................................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×