ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก บัลลังก์ฟาโรห์

    ลำดับตอนที่ #3 : #03

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 55


      

      
     


                 หลังจากที่ทั้งสิบเอ็ดคนจัดเก็บสัมภาระเข้าห้องพักในโรงแรมเรียบร้อย  ทุกคนก็ออกมาขึ้นรถตู้ของญาติ ดร.จูเลียน ที่จะพาทุกคนไปตะลุยเที่ยวเมืองหลวงของผืนแผ่นดินแห่งแม่น้ำไนล์อันจารึกประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ยาวนานที่สุดของโลกมานานนับหลายพันปี

             

    บ้านของดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด ซัลลา นักอียิปต์วิทยา , ไคโร

              กุญแจทองเหลืองดอกโตถูกไขเข้าไปในรูกุญแจของบานประตูไม้ ปราการป้องกันผู้บุกรุกประสงค์ร้ายที่อาจต้องการจะเข้าไปในห้องเก็บรักษาวัตถุทางโบราณคดีอันประเมินค่าไม่ได้

                “ห้องนี้เก็บรักษาวัตถุทางโบราณคดีหลายอย่าง บางชิ้นอาจดูไร้ค่า แต่ใครจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันอาจเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขบานประตูแห่งอดีตกาลเพื่อเปิดเผยคำตอบแห่งปริศนาที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ก็ได้” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังที่พูดเป็นภาษาอังกฤษของดอกเตอร์โมฮัมเหม็ดเล่าประกอบ ละไอเย็นที่พุ่งออกมาทักทายจากในห้องมืดให้ความรู้สึกเหมือนกับทุกคนกำลังจะก้าวเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งอดีตกาลอันลึกลับจริงๆ

                มือหนาหยาบกร้านเพราะผ่านการขุดค้นมาอย่างโชกโชนแบบนักโบราณคดีแตะสวิตช์ไฟข้างประตูห้องอย่างแผ่วเบา โคมไฟแก้วดวงกลมเล็กๆที่แขวนจากเพดานห้องเป็นระยะๆเหนือวัตถุโบราณสว่างขึ้นเป็นสีเหลืองนวล แรงเทียนที่ค่อนข้างต่ำบวกกับไฟที่เป็นดวงเล็กๆทำให้แสงไฟไม่อาจกลบความมืดได้หมด ภาพที่ทุกคนเห็นจะเป็นดวงไฟดวงเล็กๆลอยตัดกับความมืดสลัวคล้ายหยดสีสว่างบนผืนผ้าใบสีดำ ผนังห้องวาดภาพสีสันลวดลายงดงามแบบวิหารไอยคุปต์โบราณ กับโบราณวัตถุที่ต้องแสงไฟลอยเด่นขึ้นมาเป็นจุดๆ สะกดทุกคนให้ตกอยู่ในภวังค์ได้อย่างง่ายดาย

                welcome to  Aigyptos  , ترحيب لعلماء المصريات  ยินดีต้อนรับสู่...ไอยคุปต์” ดร.โมฮัมเหม็ดกล่าวเชื้อเชิญด้วยสามภาษา ก่อนก้าวนำทุกคนไปสู่ความมืดสลัว

                “ไอยคุปต์ไม่เคยสิ้นมนตร์ขลัง...” พายเอ่ยด้วยเสียงแผ่วกระซิบ

                “เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” ไนท์ชักชวนเพื่อนสาว

                สิบนักศึกษากับหนึ่งอาจารย์เดินชมโบราณวัตถุด้วยความตื่นเต้นเพราะของบางชิ้นก็ไม่เคยเห็นในหนังสือหรือพิพิธภัณฑ์ไหน เช่นชุดลินินยาวตัดเย็บอย่างประณีตงดงามของสตรีสูงศักดิ์ในสมัยโบราณ ไปจนถึงภาพวาดบนแผ่นปาปิรุสขาดกะรุ่งกะริ่งก็ยังมีให้เห็น โดยมีดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด ซัลลาเป็นผู้คอยให้คำอธิบาย

                ทุกคนกำลังจดจ่อกับเรื่องเล่าที่มาของชุดผ้าลินินยาวของเจ้าหญิงอียิปต์โบราณอันเต็มไปด้วยความเฮี้ยน แต่ไนท์กลับถูกพายลากมาอีกมุมห้องเพื่อมาอ่านจารึกเฮียโรกลิฟฟิกที่ดร.โมฮัมเหม็ดขุดค้นพบโดยบังเอิญระหว่างเดินทางกลับจากการขุดพีระมิดในทะเลทราย

                “มาเป็นเพื่อนหน่อยสิ นะ นะ~ เราอยากหาข้อมูลไปแต่งนิยายอ่ะ อาจจะได้ฟาโรห์องค์ไหนสักองค์ไปเขียนก็ได้” นี่คือเหตุผลที่ไรท์เตอรพายอยากดูจารึกหินผุๆนั้นนักหนา

                หินแกรนิตสีเทาขัดเรียบเป็นมัน ผลึกในเนื้อหินสะท้อนแสงเป็นประกายสว่างอยู่ใต้แสงโคมไฟ อักษรภาพจิ๋วๆจารึกเรียงเป็นพรืดบนเนื้อหิน บนแท่นที่วางจารึกศิลามีกระดาษปาปิรัสวางอยู่ด้วย เป็นคำแปลที่ถอดมาเป็นอักษรไฮราติก และภาษาอังกฤษ และเขียนคำอธิบายเพิ่มเติมได้ใจความว่า

                ราชวงศ์ที่  13  แห่งอาณาจักรกลาง หรือ middle kingdom หรือที่ถูกเรียกว่า ยุครอยต่อราชวงศ์ เป็นยุคที่อียิปต์ค่อนข้างระส่ำระสายเป็นอย่างมาก  ที่สำคัญต้องทำศึกกับเมืองอื่นหลายต่อหลายครั้ง  แต่ทว่าหลังจากที่ฟาโรห์อัคเคนามุนแห่งธีบส์ได้สวรรคตลง  ฟาโรห์องค์ต่อมาที่มีพระนามว่า ฟาโรห์อเมนโฮรัส และ ธิดาแห่งอามุน รา ผู้เป็นราชินีอันเปรื่องปราดทรงพระสิริโฉมของพระองค์ได้ทำให้ธีบส์เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ทรงสามารถขจัดปัญหาภายในราชบัลลังก์และทรงทำศึกกับเมมฟิส เมืองหลวงของอียิปต์ล่างโดยทรงได้รับชัยชนะอย่างงดงาม ทรงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

                แต่น่าเสียดายที่หลักฐานต่างๆในยุคของฟาโรห์อเมนโฮรัสนั้นได้กระจัดพลัดพรายหายไปเช่นเดียวกับหลักฐานของฟาโรห์องค์อื่นๆ  รวมทั้งการลำดับฟาโรห์ที่ยังสับสน จนนักประวัติศาสตร์ไม่อาจสืบทราบถึงความรุ่งเรืองในสมัยนั้นได้...ความรุ่งเรืองชั่วระยะเวลาสั้นๆของอียิปต์ในสมัยราชอาณาจักรกลางอันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย...ทิ้งให้ประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นยังคงเป็นปริศนาแห่งอดีตในความลึกลับดำมืด  รอการค้นหา  และการพลิกฟื้นเพื่อคืนกลับมาสู่สายตาของโลกภายนอกต่อไปหลังจากที่ต้องหลับใหลอยู่ใต้ผืนทรายมานานนับพันๆปี

                ความเป็นมาของฟาโรห์ผู้เก่งกาจที่ไร้ชื่อในประวัติศาสตร์  และพระราชินี ธิดาแห่งอามุน ราที่ไม่มีใครรู้จักพระนาม จึงยังต้องรอการค้นพบต่อไป โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าจะมีผู้ค้นหาเจอเมื่อใด

     

           “น่าสนใจแฮะ” พายจดข้อมูลคร่าวๆลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กที่พกติดตัวเอาไว้จดสิ่งที่พอเป็นแรงบันดาลใจในนิยาย

                “ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหนเลย ธิดาแห่งอามุนรงอามุนราอะไรกัน เรื่องหลอกเด็กทั้งนั้น” ไนท์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

                “นายคนไร้ความฝันเอ๊ย งั้นฉันก็ขอให้เทพอามุนราจับนายเจาะเวลาหาอดีตไปพิสูจน์ดูสักทีละกัน”พายพนมมือไหว้ท่วมหัว เอ่ยคำอธิษฐานด้วยเสียงสูง “เทพอามุนราเจ้าขา เพื่อนลูกเค้าไม่ยอมเชื่อในพระองค์ โปรดพิสูจน์ให้เจ้าคนไร้ความฝันได้เห็นกับตาด้วยเถิ้ด เพี้ยงๆ”

                “เฮ้ย นี่ ยัยโก๊ะ ไม่เอาๆจะมาแช่งอย่างนี้ได้ไง” ไนท์รีบปัดมือของเพื่อนสาวตัวแสบลงทันที

                เมื่อหันเงยหน้าขึ้นมองจารึกอีกครั้ง พายก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อตัวอักษรบนแผ่นหินค่อยๆละลายหายไปทีละน้อย จนกลายเป็นภาพของซากวิหารร้างปรักหักพัง และทะเลทรายยามราตรี !

                ร่างของพายค่อยๆถูกดูดเข้าไปหาจารึกทีละน้อย หญิงสาวกรีดร้องอย่างตื่นตกใจในขณะที่ร่างของเธอกลับโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ

                “ไนท์ ไนท์ ช่วยด้วย ไม่นะ !!

                มันดึงเธอเข้าไปแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×