ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) Don't rude to me...อย่าหยาบคายกับกูนักสิครับมึง :)

    ลำดับตอนที่ #6 : Don't rude 6 : Date 2

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 55


     5   Date 2

     

    ผมเดินเข้าห้องน้ำมาด้วยอารมณ์ดีสุดขีด แต่เมื่อผมกำลังจะออกจากห้องน้ำกลับต้องชะงักกึกเมื่อเห็นกลุ่มผู้มาใหม่เดินเข้าห้องน้ำมา สมองอันชาญฉลาด?ของผมจำได้ทันทีว่าเป็นพวกไหน ถ้าไม่ใช่พวกที่เคยมีเรื่องกับพวกไอ้พี่ซาเกลเมื่อเดือนที่แล้วน่ะสิ สดๆหมาดๆ ผมยังเห็นแผลของไอ้คนที่ผมอัดประทับเต็มหน้ามันอยู่เลย ผมมองพวกมันแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ในขณะที่สมองผมมันบอกว่า

     

    ซวย!-แล้ว!-ไง!-กู!

     

    เหมือนสวรรค์ไม่เข้าข้าง เมื่อผมกำลังทำเนียนออกจากห้องน้ำ หนึ่งในพวกมันกลับจ้องผมเขม็งแล้วร้องทักทันที ไอ้คนที่ผมอัดมันไปนั่นล่ะ ไม่น่าเลยกู T^T

     

    “โอ้โห! กูก็นึกอยู่ตั้งนานว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้เด็กในกลุ่มไอ้ซาเกลนั่นเอง ไง!พวกมึงจำได้กันป่าววะ”แล้วมันก็หันไปถามพวกเพื่อนมันที่ต่างกันพากันทำหน้าเหี้ยมแล้วพยักหน้ากันหงึกหงัก เห็นหน้าพวกมันแล้วมันน่าอัดสักตุ้บ แต่ถ้ามีเรื่องตอนนี้คงไม่พ้นจะเป็นผมเองที่โดนอัดเละคาตีนพวกมัน

     

    “สงสัยความจำมึงจะไม่ดีสินะ เพราะกูมองปราดเดียวก็จำได้แล้วว่าพวกมึงเป็นใคร แผลพวกมึงหายดีกันแล้วเหรอถึงออกมาเดินเที่ยวกันได้แบบนี้”ผมเหยียดยิ้มมุมปากอย่างลืมตัว เหม็นขี้หน้าใครต้องเป็นงี้ทุกทีสิน่า!

     

    คราวที่แล้วที่ยำกันแล้วพวกผมชนะเพราะจำนวนมันพอๆกัน แล้วไอ้พี่ซาเกลมันก็เก่งเหี้ยๆ แต่ตอนนี้ ถึงแม้ในกลุ่มพวกพี่เขาผมจะเป็นรองแค่พี่ซาเกลแต่ว่าห้าต่อหนึ่ง สู้ให้ตายผมยังไงก็เสียเปรียบอยู่ดี  ยังไงตอนนี้ก็ต้องหาทางเผ่นก่อน

     

    “ไอ้เด็กเหี้ยนี่! กูไม่มีวันลืมบาดแผลที่มึงทำไว้กับกูหรอกเว้ย พวกมึง รุม!

     

    เหตุการ์ณมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมขยับตัวพอดีกับที่พวกมันลงมือ ผมอาศัยความตัวเล็กของตัวเองมุดรอดแขนคนหนึ่งที่จะเข้ามาจับตัวเองแล้วกลับหลังหันเตะไปเต็มแรงที่เป้าจนมันทรุด ผมวิ่งไปที่ประตูก่อนจะรีบกระชากให้มันเปิดแต่ช้าไปเมื่อมันสองคนปรี่เข้ามาคว้าแขนผมไว้ทั้งสองข้าง ผมตัดสินใจเตะเต็มตีนไปที่ประตูเพื่อนหวังว่าจะมีใครได้ยินก่อนที่จะโดนพวกมันลากกลับเข้ามา ผมกัดฟันแน่นแล้วตวาดเสียงดัง

     

    “แน่จริงพวกมึงก็อย่าหมาหมู่กันสิวะ!!

     

    “เสียใจว่ะ หึๆ พอดีพวกกูมันไม่เลือกวิธีอยู่แล้ว อืม เอาไงดี รุมโทรมมึงแล้วถ่ายคลิปส่งไปให้ไอ้ซาเกลดูดีไหมวะ?”พวกมันคนนึงพูดขึ้น ผมเบิกตากว้างแล้วสบถเสียงดัง

     

    กูยอมโดนอัดดีกว่าที่พวกมึงจะทำเหี้ยอะไรแบบนั้นกับกูโว้ย!!

     

    “สมองเท่าเมล็ดถั่วก็คิดได้แต่เรื่องพวกนี้!!

     

    “เออ กูยอมรับ แหมะ ดูไปดูมามึงก็น่ารักดีเหมือนกันว่ะ อยู่มัธยมปลายซะด้วย”มันไล่มองผมหัวจรดเท้า “กูคงไม่เสียใจเท่าไหร่ถ้าจะมีอะไรกับมึง”

     

    ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

    “แต่กูคงเสียใจไปตลอดชีวิต!!”ผมว่า กรีดร้องในใจอย่างเจ็บใจ กูอุตส่าห์ลงทุนเตะประตูซะแรง คนข้างนอกไม่มีใครได้ยินอะไรเลยหรือไงวะนั่น!! กูต้องโดนพวกมันเสียบจริงๆเหรอ!!!

     

    ผ่างงงง

     

    ทุกคนหันพรึบไปที่ประตูที่ถูกเปิดออกอย่างแรง ไอ้ไวน์วิ่งเข้ามาต่อยคนที่จับแขนผมอยู่คนนึงแล้วออกแรงฉุดแขนผม ผมรีบรวบรวมสติแล้วหันไปศอกใส่อีกคนที่จับแขนที่ยังอึ้งอยู่แล้วรีบวิ่งออกมากับไอ้ไวน์ ผมได้ยินเสียงไอ้พวกนั้นวิ่งตามหลังมา ผมรีบฉุดแขนไอ้ไวน์ให้วิ่งตามมาเมื่อเห็นมันเริ่มลดระดับความเร็วลง

     

    “อย่าพึ่งหยุดวิ่ง!

     

    ผมพามันวิ่งไปเรื่อยๆ สายตาก็คอยเหลียวหลังเรื่อยๆ ไอ้พวกนั้นก็ไม่รู้จักเหนื่อยสักที กูเหนื่อยแล้วนะเว้ย!!!

     

    โอเค! กูจะขอแมนสักครั้ง!! ผมตัดสินใจสะบัดมือมันออกแล้วหันหลังกลับไปตะลุมบอนกับไอ้เหี้ยพวกนั้น หูแว่วๆได้ยินเสียงไอ้ไวน์ตะโกนอะไรสักอย่างแล้วเข้ามาร่วมวงด้วย ผมสบถแล้วหันไปตะโกนใส่มัน

     

    “ไอ้เหี้ย!! มึงไม่มาสบายอยู่อย่ามายุ่ง! ใสกบาลออกไปจากสายตากูเลย โอ๊ย! มึงเล่นทีเผลอเหรอวะ หน้าเหี้ยแล้วนิสัยยังเหี้ยอีก  มึงตายซะเหอะ!!!

     

    ผัวะ

     

    ตุบ

     

    ตุบ

     

    สี่(มันคนหนึ่งโดนเข้าผมกระแทกเต็มน้องมัน คงลุกไม่ขึ้นตั้งแต่ในห้องน้ำ) ต่อสอง ซัดกันได้ไม่เท่าไหร่ รปภ.ของห้างก็พากันวิ่งหน้าตั้งมาแยกพวกเราออกจากกัน ผมเลยสบโอกาสชุลมุนเหล่านักชอปปิ้งมุงแอบคว้าแขนแล้วลากไอ้ไวน์ออกมาอย่างเนียนๆ ผมพามันวิ่งกลับมาที่โรงจอดรถแล้วจึงถอนหายใจยาวเหยียด

     

    “กูนี่เนียนสุดๆเลยมึงว่าไหม?”ผมหันไปถามมันด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มตัวเองแต่รอยยิ้มของผมต้องจางลงเมื่อเห็นสภาพของไอ้ไวน์

     

    “มึงเป็นอะไรเปล่าวะ?” ผมขมวดคิ้ว แต่มันกลับมองหน้าผมแล้วโบกมือน้อยๆ

     

    “ไม่ไม่เป็นไรแค่เหนื่อยเฉยๆน่ะ”

     

    “หา!? เชื่อก็ควายแล้วมึง!! มึงดูแย่มากเลยรู้ตัวเปล่าวะเนี่ย”ผมตวาดแว้ด ผวาเข้าไปรับร่างไอ้ไวน์แทบไม่ทันเมื่อมันเซเหมือนจะล้ม ผมเซไปเล็กน้อยจากน้ำหนักมันแล้วส่งเสียงเฮอะในลำคอ

     

    “นี่คือไม่เป็นไรของมึงเรอะ! พูดไม่ดูสภาพตัวเองเลยนะ!! ไอ้ห่า!ตัวร้อนอย่างกับไฟ”

     

    มันหน้าแดงน้อยๆ ไม่ใช่เพราะเขินอายหรือเหล้าอะไรพวกนั้น แต่อาจเพราะพิษไข้ ไอ้เบียร์บอกว่ามันยังไม่หายดี มีหนำซ้ำใบหน้ายังมีรอยฟกช้ำหลายจุดและปากก็แตกจนเลือดไหล แถมเมื่อกี้พอลองเอาหลังมือทาบหน้าผากมันแล้วยังร้อนจี๋จนผมแอบตกใจ  โอยตาย ไอ้เบียร์ต้องฆ่ากูตายแน่ๆ T^T

     

    “ขอโทษนะ”มันพึมพำเสียงแผ่ว ผมแค่นยิ้ม

     

    “อย่ามาพูดจาน่าสมเพชอะไรแบบนั้นได้ไหมวะ? คนที่ควรขอโทษมันกูต่างหาก พามึงมาเที่ยวข้างนอกแทนที่จะให้พักอยู่บ้านแถมยังลากเข้ามามีเรื่องกับไอ้พวกเหี้ยนั่นอีก” ผมเอื้อมมือไปปาดเลือดที่ปากมันออก

     

    นาทีหนึ่งที่มันสั่นหัวเบาๆเหมือนจะปฏิเสธอะไรที่ผมพูดไปแล้วมันก็เงียบไปจนผมพยุงมันมาถึงรถไอ้ไวน์จึงพูดขึ้นมา

     

    “พวกนั้นใคร”

     

    “โจทก์เก่าน่ะ เฮ้ย เอากุญแจรถมึงมาดิ เดี๋ยวกูขับ”ผมขมวดคิ้ว รู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกเทตัวมาที่ตัวเองทั้งหมดจนผมเซไปหลายก้าว “เอง อ่าวเฮ้ย! มึงอย่าเพิ่งสลบสิวะ!! เหี้ยเอ๊ย! อะไรของมันวะ”

     

    ผมว่าอย่างตกใจ เอื้อมมือนึงไปหยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงมัน แอบสยิวนิดนึงเพราะมันดันเก็บไว้ในกระเป๋าหลังกางเกง! พอเปิดรถได้ผมก็ยัดมันเข้าไปในเบาะข้างคนขับแล้วตัวเองก็เข้ามานั่งที่คนขับ

     

    มือสั่นชิบ! นี่แลมโบกินีเชียวนะเว้ยเฮ้ย!! เกิดมาไม่เคยขับมาก่อน แถมพึ่งสอบใบขับขี่มาได้เมื่อเดือนที่แล้วเอง ให้ตาย รถตัวเองยังไม่มีให้ขับแต่มาได้จับพวงมาลัยครั้งแรกกับน้องแลมคันนี้เนี่ยนะ =[]=! ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง (เหมือนกูจะแข่งรถเลยแฮะ!) ไม่ลืมหันไปชี้หน้าคาดโทษใส่ไอ้คนที่สลบเพราะพิษไข้อยู่ข้างๆ

     

    “มึงทิ้งปัญหาให้กูจริง ไอ้เวร! ถ้าน้องแลมมึงเป็นรอยกูไม่รับผิดชอบด้วยนะเว้ย! แล้วยังไอ้เบียร์อีก โอ๊ย!กูจะแก้ตัวกับมันยังไง มันต้องฆ่ากูตายแน่ๆ จะหายๆอยู่แล้วเชียว ไอ้ไม่เจียมตัวเอง! ยังจะกล้ามาชวนกูกินข้าวอีก ไม่ดูสภาพตัวเองเล๊ย พ่อคนกระหม่อมบาง!!! อูยยย ซี้ดดด เฮ้ย กูก็ปากแตกด้วยนี่ เออว่ะ ก็กูโดนชกมานี่หว่า

     

    ผมขับน้องแลมอย่างระมัดระวังตลอดทาง ปากผมก็บ่นไม่หยุดถึงเจ้าตัวมันจะไม่ได้ยินก็เถอะ! ไอ้เบียร์มันตกใจแทบช็อคเมื่อรู้ว่าไอ้ไวน์ไข้กลับมาอีกแล้ว แถมผมยังมามันไปตะลุมบอนกับตัวเหี้ยมาอีกด้วย มันรักพี่มันมากผมรู้ แน่ล่ะ ใครไม่รักพี่ตัวเองมั้งวะ =_= มันเอาแต่จ้องผมตั้งแต่ลงจากรถจนผมเข้ามานั่งในบ้านมัน ก็อยากจะอธิบายอยู่หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โลมาเอ๊ย วันนี้กูเหนื่อยเหลือเกินจะทน

     

    “เกิดอะไรขึ้นวะ”

     

    “พรุ่งนี้”

     

    “ฮะ?”

     

    “พรุ่งนี้ค่อยเล่า กูเจ็บปาก” ผมว่า โกหกไปนิดนึง ที่จริงแผลที่ปากก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ เอาเป็นว่าแผลที่ได้มาทั้งหมดในวันนี้ผมก็ไม่ค่อยเจ็บหมดน่ะแหละ เพราะกูชินแล้วครับ -_-v

     

    หลังจากที่นั่งทำแผลเงียบๆอยู่คนเดียว(ไอ้เบียร์ขึ้นไปอาบบน้ำ) จนเสร็จ ผมก็หอบร่างอันสะบักสะบอมและกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นไปที่ห้องไอ้เบียร์ โยนเป้ลงบนพื้นแล้วนอนแผ่ลงบนเตียงกว้าง ผมได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วก็เห็นร่างของไอ้เบียร์เดินออกมาจากห้องน้ำ

     

    “อ้าว?มึงยังไม่กลับอีกเหรอ”มันถาม

     

    “กูจะค้างบ้านมึง”

     

    “อืม แต่มึงบอกพ่อแม่แล้วเหรอวะ?” มันถาม ดูไม่ตกใจเท่าไหร่ที่จะบอกว่าค้างบ้านมัน สงสัยคงชินละ เพราะผมมาบ่อยพอดู -.- เวลามีเรื่องทีไรผมจะมีแผลตามตัวอยู่เสมอเลยขออาศัยซุกหัวนอนที่บ้านไอ้เบียร์อยู่บ่อยๆเพราะไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงน่ะนะ

     

    “โทรบอกตั้งแต่ขับรถมาละ”

     

    “โห! ไอ้เหี้ย มึงเตรียมการมาเลยนี่หว่า แต่ก็ดีเหมือนกันว่ะ พรุ่งนี้วันหยุดพอดี มึงจะได้ไปห้องซ้อมกับกูเลย”

     

    “อือ” ผมหลับตาลง ความเหนื่อยล้าแผ่เข้ามาเต็มร่าง เปลือกตาก็เริ่มหนักอึ้งด้วยความเหนื่อย จะหลับอยู่รอมร่อแต่กลับต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อไอ้เบียร์กระโดดขึ้นมาบนเตียงแล้วเขย่าๆตัวผมใหญ่

     

    ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆแล้วเอียงหน้าไปมองเพื่อนสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า มันขึ้นมาเขย่าผมทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ใส่เสื้อ พันแต่ผ้าขนหนูไว้ปกปิดท่อนล่าง ถ้าไอ้โซลมาเห็นคงจับปล้ำแน่นอน แต่ในสายตาผมไอ้นี่มันขาวก็จริง แต่โคตรผอมหนังหุ้มกระดูก บ้านก็รวยไม่รู้วันๆกินอะไร เห็นแล้วไม่ได้เกิดอารมณ์อะไรสักนิดเดียว

     

    “ทำไมมึงไม่ไปแต่งตัวก่อนวะ เสียสายตากูหมด”

     

    “เรื่องของกู มึงนั่นแหละไปอาบน้ำ ตัวเน่าอย่ามานอนบนเตียงกูนะเว้ย”มันเขย่าตัวผมใหญ่ “กูบอกมึงเป็นล้านครั้งแล้วว่าให้อาบน้ำก่อนนะอ่ะ”

     

    “แล้วกูก็ไม่เคยฟังมึงเป็นล้านๆครั้งแล้วเหมือนกัน ฉะนั้น กู๊ดไนท์เพื่อน”

     

    “หา ดะเดี๋ยวสิมึง ไอ้เทียน ไอ้เทียน!!

     

    “กูหลับแล้วคร้าบบบบบ”

     

    ฮ้า! เตียงนี่นอนสบายจริงๆ ทุกคนราตรีสวัสดิ์ครับ!!!!!

     

    ……………………………………………………………………………………………….

     

    “นิดเดียวเองน่า นะครับ นะ”

     

    “ผมไม่เอา พี่ผม

     

    “รับรองเลยว่าแป๊บเดียวจริงๆนะครับ”

     

    “แต่ว่ามันจะเจ็บ

     

    “ไม่เจ็บแน่ครับ”

     

    “แต่ผมว่า

     

    “เชื่อพี่เถอะ คนดี พี่รักนายนะ”

     

    “ผมอื้อพี่ครับอ๊ะ

     

    เฮือก!!!

     

    ผมสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นพรวดจากเตียงใหญ่ในสภาพเหงื่อท่วมตัว ผมหอบหายใจถี่ยกมือลูบหน้าด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นจนจุกอกไปหมด

     

    ผมชันเข่าขึ้นแล้วกอดตัวเองแน่น หายใจติดๆขัดๆด้วยความตกใจ จนไปทำให้ไอ้เบียร์ตื่นจนได้

     

    “เกิดอะไรขึ้นวะ มึงเป็นอะไร”ฟองเบียร์ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง พลางเอียงคอมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง “สีหน้ามึงดูไม่ดีเลย ฝันร้ายเหรอ?”

     

    “อือ”ผมส่งเสียงตอบในลำคอ เปลี่ยนมือไปลูบที่ต้นแขนแทน “ขอโทษที่ทำให้มึงตื่นว่ะ นอนต่อไปเถอะ”

     

    “ไม่เป็นไร”ผมมองตามไอ้เบียร์ที่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมาดู “แปดโมงแล้ว!! ลงไปกินข้าวกันเหอะ” มันกระโดดผลุกลงจากเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป พอเสียงประตูห้องน้ำปิดลง ผมจึงพ่นลมหายใจเสียงดังแล้วขยี้หัวตัวเองอยู่อย่างนั้น จนไอ้เบียร์เปิดประตูผัวะออกมาอีกครั้งแล้วมองผม

     

    “แน่ใจนะว่ามึงไม่เป็นอะไร”

     

    ผมรีบปรับสีหน้าแล้วตอบเรียบๆ “แน่ใจดิ”  ก่อนจะขมวดคิ้วนิดนึง  โกหกเพื่อนไม่ใช่สิ่งที่ผมสมควรทำ

     

    “ที่จริงก็เป็นนิดนึง แต่มึงไม่ต้องห่วงหรอก มันไม่เกี่ยวกับมึง” ผมกะจะตอบให้มันสบายใจ แต่ที่ไหนได้มันกลับทำสีหน้าเป็นห่วงผมกว่าเดิมอีก ซะงั้น

     

    “ได้ไง! กูเพื่อนมึงนะเว้ย ไหนเล่ามาให้กูฟังซิว่ามึงเป็นอะไร”มันเท้าแขนกับประตูห้องน้ำแล้วคาดคั้น ผมส่ายหน้า

     

    “กูไม่เป็นไร เข้าไปอาบน้ำไปมึง ไอ้พี่เกลมันนัดสิบโมง”

     

    “มึงเป็นอะไร”

     

    “บอกแล้วว่ามันไม่เกี่ยวกับมึง”มันจ้องผมเขม็ง ผมก็จ้องตอบไปไม่หลบสายตา

     

    “ตามใจ”สุดท้ายมันจึงยกสองมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ “แต่กูหวังว่ามึงจะบอกกูสักวันหนึ่ง ใช่ไหม?”

     

    สีหน้าเป็นห่วงของมันทำเอาผมอมยิ้ม ของมันแน่นอนอยู่แล้ว

     

    “เมื่อถึงเวลา กูจะบอกแน่นอนเพื่อน”

     

    และเมื่อถึงเวลานั้น กูหวังว่ามึงจะยังคงเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่นะเว้ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×