ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) Don't rude to me...อย่าหยาบคายกับกูนักสิครับมึง :)

    ลำดับตอนที่ #5 : Don't rude 5 : Date?

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 55


     4  Date?

     

    สองวันผ่านไป  ไอ้ไวน์ไปมหาลัยได้ตามปกติแล้ว ถึงแม้มันจะยังไม่หายดีก็เถอะ ไอ้เบียร์มันเล่าให้ฟังว่าเมื่อเช้านี้ มันนั่งเถียงกับพี่มันในรถเรื่องอาการป่วยของไอ้ไวน์เองน่ะแหละ ไอ้เบียร์มันก็เป็นห่วงพี่มันเห็นยังไม่หายดีเลยไม่อยากให้โหมไปเรียน แต่ไอ้ไวน์ก็ไม่ยอมจะไปท่าเดียว เรื่องมันก็จบลงตรงที่พอไอ้ไวน์เลี้ยวรถเข้าโรงเรียนปุ๊บไอ้เบียร์ก็รีบกระโดดลงรถมาอ้อนผมทันที บอกให้ช่วยกล่อมพี่มันให้กลับบ้านหน่อย  ผมก็ไม่อะไร แค่บอกว่า

     

    “มึงกลับบ้านไปพักผ่อนเหอะ”

     

    “ก็ได้”

     

    “น่ะ!กูว่าแล้วว่าพี่ต้องเชื่อฟังไอ้เทียน ฮ่าๆๆๆ”

     

    “นี่กูเพื่อนมึงนะไอ้เบียร์ เห็นกูเป็นตัวอะไรกัน แล้วมึงอ่ะกลับไปพักให้หายดีก่อนไป เดี๋ยวไอ้เบียร์มันจะชักดิ้นชักงอเอา”

     

    “ไอ้เทียน!!

     

    “โอเค  กูกลับบ้านก็ได้  งั้นเดี๋ยวตอนเย็นกูมารับนะเทียน ไปกินข้าวกัน”

     

    แค่นั้น เสือกเชื่อฟังกูเฉย ทีไอ้เบียร์บอกให้พักจะเป็นจะตายมันไม่พัก แต่ผมพูดประโยคเดียวกลับเชื่อฟังซะงั้น  แถมยังมัดมือชกให้ผมไปกินข้าวกับมันตอนเย็นอีก อืมดีจริงๆ ซะที่ไหนล่ะ!! ผมใช้เวลาช่วงเช้ากับการไล่เตะไอ้เบียร์ มันหาเรื่องให้ผมตลอด ให้ตาย!!

     

    พอตกบ่ายผมยังไม่หายบ้า นั่งหงุดหงิดกับตัวเองจนไม่มีสมาธิเรียนแล้ว โว้ย! โว้ย! โว้ย!

     

    “เทียนเป็นอะไร เห็นนั่งขยี้หัวตัวเองแต่เช้าแล้ว” เสียงถามด้วยความเป้นห่วงจากเพื่อนข้างๆโต๊ะทำเอาผมหันไปขมวดคิ้วใส่

     

    “เหี้ย ยุ่งไรมึงล่ะ!

     

    “เอ่อขอโทษครับ” มันหันกลับไปหน้าจ๋อยๆ

     

    ผมมองตาม เขกกะโหลกให้ตัวเองทีนึง แล้วเอื้อมมือไปดึงเสื้อมันยึกๆ

     

    “เฮ่ย กูขอโทษ ไม่ตั้งใจจะด่ามึงเว้ย”มันหันมามองผม ผมเลยรีบพูดต่อ “คือกูหงุดหงิดอยู่ เลยเผลอพาลใส่มึง โทษๆ”ผมยกมือไหว้ ทำเอามันยกมือรับแทบไม่ทัน

     

    “เฮ่ย ไม่ต้องไหว้ก็ได้ เราก็ถามไปงั้นแหละ ถ้ามันรบกวนเทียนผมก็ขอโทษด้วยละกันครับ”

     

    “เออทำงานมึงต่อไปเถอะ”

     

    โห มึงจะสุภาพไปไหน!! เล่นเอากูอายเบาๆเลยนะเนี่ย

     

    ไอ้นี่มันชื่อแมนครับ นิสัยดี หน้าตาก็หล่อใช้ได้(บางครั้งยังแอบอิจฉามันนิดๆ) หน้าตารูปร่างมันแมนสมชื่อถ้าไม่ติดว่ามันชอบทำตัวติ๋มๆ เป็นหนอนหนังสือไปหน่อยอ่ะนะ ผมอยู่ห้องเดียวกับมันมาตั้งแต่ม.4 แต่เราอยู่คนละกลุ่มกัน กลุ่มเพื่อนมันเป็นพวกห้องขยันเรียนห้องเอนู่น ก็งงๆอยู่ว่าทำไมมันแปลกแยกว่าอยู่ห้องนี้ คิดแล้วมันก็เหมือนกับไอ้ลาเต้นิดๆ เพราะไอ้เต้มันเกรียนแต่กลับไปเรียนห้องเอของพวกอัจฉรยะเฉย เรียกได้ว่ามันโคตรแกะดำของห้องเลยล่ะครับ

     

    ว่าแล้วก็หันไปมองมันอีกที ยิ่งเห็นแล้วยิ่งอิจฉาวุ้ย ทำให้คิดถึงใครอีกคนเลยแฮะ ไอ้เออร์ไวน์มันก็ดูเรียบร้อยแบบงี้เหมือนกัน

     

    “เทียนมองอะไรผมครับ?”

     

    “ไม่ได้มองมึงโว้ย!

     

    แต่ก็ไม่ได้สุภาพจนผมเอียนแบบนี้ว่ะ =_=

     

    ……………………………………………………………………………………………………………..

     

    ตกเย็น พอเลิกเรียนลงมาจากตึก ผมก็เห็นแลมโบกินีสีเงินสวยเฉี่ยวจอดเด่นเป็นสง่าอยู่ในโรงจอดรถของโรงเรียน เล่นเอารถคันอื่นรัศมีดับกันเป็นแถวเลยครับ พอเจอหน้าพวกเพื่อนๆที่มาสมทบกับผม ยัยไหม และยัยเกมส์แล้วพวกมันก็กึ่งฉุดกึ่งลากผมให้ไปที่รถคันนั้นทันที  โดยมีนายเออร์ไวน์ยืนพิงรถรออยู่ยิ้มๆ บางครั้งผมก็เห็นรอยยิ้มมันดูโรคจิตนิดๆจนผมแอบระแวง -_-;;

     

    หลังจากที่ส่งผมขึ้นรถนายเออร์ไวน์แล้ว พวกมันก็พากันโบกมือลาโวยวายกันเสียงดังอย่างกับส่งผมเข้าหอยังไงยังงั้น ไอ้เบียร์ก็แปลกคน ทีเมื่อเช้ายังบอกเถียงกับพี่มันจะเป็นจะตายไม่ให้โหมมาก แต่ตอนนี้กลับไม่ห้ามซะงั้นที่มันจะลากผมไปกินข้าว ผมเลยรีบเร่งไอ้ไวน์ให้มันรีบออกรถไปทันที ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวกับพวกมัน

     

    “ไปดูหนังกันไหมเทียน?”มันถามขึ้นหลังจากขับมาได้สักพัก ผมหันไปมองแล้วส่ายหน้า

     

    “กูไม่ชอบดูหนัง”

     

    “แล้วชอบอะไร”

     

    “มึงบอกจะพากูไปกินข้าวไม่ใช่รึไง ป่วยจนความจำเสื่อมรึไงวะ”ผมตอบ ใส่อารมณ์เข้าไปนิดๆจนมันเงียบไปในที่สุด สงสัยจะกลัวผมปรอทแตกอีก มันเลยเลือกที่จะเงียบตลอดทาง ผมแอบสังเกตมันระยะๆ ใบหน้าเรียวรับกับดวงตาคมสีน้ำตาลเข้ม กับจมูกโด่งได้รูปกับริมฝีปากบางเฉียบนั่นอีกล่ะ ที่ทำเอากูอิจฉามันทุกครั้งที่ผมเห็นหน้า

     

    “มองมากๆเดี๋ยวกูเก็บค่าดูนะ”

     

    เฮือก

     

    กูสะดุ้งเลยครับ อุตส่าห์แอบดูเงียบๆดันรู้อีกน่ะ ผมรีบหันหน้าออกหน้าต่างๆแล้วบอกมัน

     

    “อย่างมึงมีอะไรน่ามอง โห่! กูมองวิวข้างทางมึงเหอะ”

     

    แหลสด

     

    “เห็นกับตายังจะเฉไฉไปได้อีกนะ”มันพูดน้ำเสียงเจือแววขบขัน ผมเม้มริมฝีปากทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเลือกที่จะหันหน้าออกหน้าต่างตลอดทาง

     

    เกลียดคนรู้ทันจริงๆ

     

    ……………………………………………………………………………………………………………….

     

    พอถึงห้าง มันบอกให้ผมเลือกร้านอาหารที่อยากกิน แต่ผมแค่ยักไหล่แล้วบอกว่า

     

    “กูกินอะไรก็ได้ มึงเลือกเหอะ”

     

    “จะบ้ารึไง นี่กูชวนมึงมานะ เทียนไขครับมึงเลือก”มันทำสีหน้ากดดัน ผมเบ้ปาก ถ้ามึงอยากให้กูเลือกขนาดนั้น    กูไม่ขัดมึงก็ได้!!!

     

    “เออๆๆ ”ผมหลับตาแล้วเริ่มชี้โบ๊ชี้เบ๊ “ร้านนั้น!” แล้วก็จบลงที่ร้านที่ตกแต่งอย่างหรู และราคาก็คงแพงตามเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่ง ผมหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆรอดูปฏิกิริยามัน แต่มันแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วลากผมเดินลิ่วๆเข้าร้านอย่างไม่สะทกสะท้าน ผมได้แต่ทำหน้าเหวอตามหลัง

     

    “เฮ้ยๆๆ มันดูแพงไปว่ะ เดี๋ยวกูเปลี่ยน

     

    “ไม่เป็นไร กินร้านนี้แหละ”

     

    ลืมไปว่าบ้านมึงรวย

     

    ………………………………………………………………………………………………………….

     

    ผมมานั่งตัวหดอยู่ในร้าน ไอ้เออร์ไวน์มันสั่งอาหารไปแล้ว สเต็กเนื้อห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้ รู้แต่พอผมเห็นราคาแล้วแทบลมจับ คะค่าขนมผมเกือบทั้งเดือนเลยนะเว้ยนั่น เห็นอย่างนั้นผมก็เลยไม่กล้าสั่งอะไรแพง เลยสั่งเมนูที่ดูเหมือนจะถูกที่สุดในร้านแล้วมานั่งแอบถอนหายในเฮือกๆอยู่คนเดียว เห็นอย่างนี้ผมก็ยังเป็นคนดีอยู่นา ไม่ใช่เงินผมผมไม่กล้าใช้อะไรฟุ่มเฟือยหรอก ถึงแม้มันจะลากผมมาก็ตามเถอะ

     

    “เทียนเป็นอะไรเห็นนั่งถอนหายใจตั้งนานแล้ว”

     

    “แล้วมึงเป็นอะไรเห็นนั่งมองกูตั้งนานแล้วเหมือนกัน”ผมย้อนมั่ง มันยิ้มแล้วไม่พูดอะไร

     

    “มึงนี่ท่าจะบ้า”ผมพูดอย่างต่อหงุดหงิด

     

    สักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ ผมนั่งกินเงียบๆ พยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาของร่างสูงตรงหน้าที่ถึงแม้มันนั่งกินข้าวเหมือนกันแต่รู้สึกได้ว่ามันแอบมองผมเป็นระยะๆ

     

    “หนึ่งปีกว่าที่กูตามจีบมึงมา นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่มึงยอมมาเที่ยวกับกู”อยู่ดีๆมันก็ถามขึ้นมา ผมที่กำลังจะอ้าปากกินข้าวจึงเหลือบตาขึ้นมองมัน

     

    “ใครจะไปจำเรื่องแบบนี้ได้!

     

    “เจ็ด”

     

    “ฮะ!?”ผมอ้าปากหวอ สีหน้าทึ่งสุดๆ “มึงจำได้ด้วยเหรอ!?”

     

    “แน่สิ” มันพยักหน้าอย่างจริงจัง “ครั้งแรกที่มึงตกปากรับคำขอกูคือวันที่ 8 กรกฎา ส่วนครั้งที่สองก็ตรงกับวันที่ 12 กันยา ส่วนครั้งที่สาม

     

    “พอ! หยุด! เงียบปากไปเลยนะมึง”ผมยกมือห้ามอย่างสุดจะทน คนเหี้ยอะไรจะละเอียดขนาดนี้

     

    นิสัยละเอียดรอบคอบยังกะพวกอีแอบ เนี้ยบทุกนะเบียบนิ้วจริงๆ

     

    “มองหน้ายังงั้น ไม่ได้คิดว่ากูเป็นเกย์หรืออีแอบอะไรพวกนั้นใช่ไหม” ไอ้ไวน์ทำสีหน้าแปลกๆ

     

    “อ้อ” ผมเลิกคิ้ว “หรือมึงจะปฏิเสธว่าไม่ใช่”

     

    “ก็ไม่ใช่น่ะสิ”

     

    ตามจีบกูอยู่เนี่ย กูไม่ใช่ผู้ชายเลยสินะ ไอ้ควาย! กูก็มีเหมือนๆมึงนั่นแหละ!!

     

    “อ๋อ มึงแมนแท้ๆว่างั้น แล้วกูนี่ตัวอะไรล่ะ เด็กหญิงตัวเล็กแอ็บแบ๊วหรือยังไง”ผมขมวดคิ้วใส่ มันนิ่งไปเหมือนจะหาคำตอบ แล้วค่อยๆพูดขึ้นมาช้าๆ

     

    “กูก็ไม่รู้ว่าทำไม”

     

    ?”

     

    “รู้แต่กูรักมึง ถึงมึงจะเป็นเพศอะไรและคนอื่นจะมองกูยังไง กูก็รักมึงอยู่ดีและจะไม่มีวันเปลี่ยนใจด้วย”มันพูดสีหน้าจริงจังแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวผมยิ้มๆ ผมปัดมือมันออกแล้วก้มหน้าก้มตากินด้วยใบหน้าร้อนจัด

     

    “เหี้ย น้ำเน่า”

     

    “อยู่แล้ว”

     

    ” แต่กูโคตรชอบ….

     

    ก้มหน้าก้มตากินได้ไม่นาน ความป่วนเหมือนจะมาเยือนเมื่อผมเห็นร่างสูงในชุดนักศึกษาที่เดียวกับไอ้ไวน์เดินเข้ามาในร้านและเฮ้ยนั่นตรงมาที่โต๊ะกูด้วยเว้ย!

     

    “ไงมึง!! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นึกว่ามึงตายห่าไปซะแล้ว” โอ้โห เป็นคำทักทายที่เจ๋งโคตร แสดงถึงความเป็นห่วงกันสุดๆ!

     

    “กูไม่สบาย”ร่างสูงที่นั่งตรงข้ามผมตอบเรียบๆ ผมมองไปมาระหว่างสองคนนี้ เป็นเพื่อนกันงั้นเรอะ!? นิสัยดูคนละขั้วเลยว่ะ แต่หน้าตานี่ขั้นเทพทั้งคู่ ที่เค้าหาว่าพวกหน้าตาดีเค้ามักคบกันนี่สงสัยจะจริงสินะ

     

    “อือ ก็เห็นไอ้ปายว่างั้น” ไอ้ปาย หมายถึงพี่อิมปายสินะ

     

     ร่างสูงที่มาใหม่นั่งลงข้างผมอย่างถือวิสาสะ เหมือนมันจะเพิ่งสังเกตเห็นผมล่ะมั่งเลยพึ่งจะหันหน้ามาทักพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ้มที่ถูกส่งมาให้ผมอย่างเต็มสตรีม

     

    “ไงครับน้อง เป็นน้องของไอ้ไวน์มันเหรอ น่ารักจัง!”พูดไม่พอยังยกมือขึ้นมาโยกหัวผมเล่นอีกน่ะ ผมปัดมือนั้นออกทันที

     

    กูว่าแล้วทำไมเมื่อเช้าตาขวามันกระตุกยิกๆๆ ตอนแรกก็ไอ้ไวน์ แล้วนี่ก็ไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้อีก!

     

    “ขอโทษ! นี่หัวคนไม่ใช่ของเล่น”ผมพูดเสียงขุ่น หันขวับไปมองไอ้ไวน์ด้วยสายตาลุกวาว ประมาณว่า ถ้ามึงไม่รีบอธิบายมาว่าไอ้บ้าที่มาเล่นหัวกูเป็นใคร มึงตาย!

     

    “หูยยย แรง!น่ารักอ่ะ!

     

    “พอเลย ไอ้โม”ไอ้ไวน์หันไปปรามเพื่อนมัน “เทียน นี่โมแรน เพื่อนกู ส่วนไอ้โม นี่เทียนไข เป็นเอ่อ” มันเหล่มองผมนิดหน่อยแล้วพูดต่อ

     

    “เป็นเพื่อนน้องกู”

     

    “ไม่ยักรู้ว่าน้องมึงมีเพื่อนน่ารักขนาดนี้ กูว่าน้องมึงน่ารักน่าฟัดแล้วแล้วนะ โอ๊ย! เชี่ยไวน์ตบหัวกูเพื่อ!?”

     

    “น้องกูมีเจ้าของแล้ว มึงอย่ายุ่ง” ผมนึกถึงไอ้เบียร์กับโซลกิแล้วอมยิ้ม

     

    “เออ มึงย้ำกูเป็นร้อยรอบแล้ว กูแค่จะบอกว่ากูคิดว่าน้องกูน่ารักแล้วนะ เจอน้องเทียนไขเข้าไป มันน่าลากเข้าห้องเลยว่ะ!!

     

    ป้าบ! ป้าบ!

     

    ผมกับไอ้ไวน์พร้อมใจกับประเคนฝ่ามือเข้าที่หัวของไอ้พี่โมแรนอย่างแรง เล่นเอาพี่เขาร้องจ๊ากลูกหัวตัวเองไม่หยุด ก่อนที่ไอ้ไวน์จะพูดออกมาเสียงเข้ม

     

    “คนของกูมึงอย่ามายุ่ง

     

    เล่นเอาผมกับไอ้พี่โมเอ๋อแดกเลยครับ ผมน่ะทั้งอึ้งทั้งอาย แต่ดูเหมือนไอ้พี่โมจะอึ้งอย่างเดียว

     

    “มึงชอบน้องเทียนไขเหรอวะ!? เทียนไขเดี๋ยวนะ น้องเทียนไขน้องชายไอ้ไฟแช็คแล้วก็น้องรักไอ้ซาเกลที่ล่ำรือกันอ่ะนะ!”พี่โมแรนทำตาโต  มองหน้าผมสลับกับไอ้ไวน์ไปมา พอผมพยักหน้าพี่เขาก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นใหญ่

     

    อะไร นี่กูดังขนาดนั้น!!? แล้วมันรู้ได้ไงว่าผมกับพี่ซาเกลสนิทกัน อย่าบอกนะว่าไอ้พี่เกลมันแพร่ข่าวในมหาลัยมันน่ะ!!

     

    “ก็ว่าทำไมโคตรน่ารัก! สมคำร่ำลือจริงๆด้วยแฮะ!”พี่เขาเอื้อมมือมาบีบแก้มผม “โง่จริงๆกู มากินข้าวสองต่อสองขนาดนี้กูยังถามอีกว่าไอ้ไวน์ชอบน้องเทียนรึเปล่า แล้วนี่คบกันนานยังอ่ะ”

     

    “เปล่า ยังไม่ได้คบ”ไอ้ไวน์ตอบ ไอ้พี่โมแรนมันทำหน้าตกใจ

     

    “อะไรวะมึง! น่ารักขนาดนี้ทำไมมึงยังไม่รีบทำคะแนน ไม่กลัวหมาตัวอื่นคาบไปเหรอวะ!!

     

    “มึงก็ถามเจ้าตัวดูเองสิ”ไอ้ไวน์มันบุ้ยปากโบ้ยมาให้ผม  ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่มันแล้วรีบกระเถิบเก้าอี้หนีเมื่อไอ้เหี้ยพี่โมมันยกมือขึ้นจะมาอะไรกับหน้าผมอีกแล้ว พี่เขาหัวเราะร่า

     

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า กูไม่มีอารมณ์ร่วมกับมึงเลยสักนิด โปรดดูสีหน้ากูด้วยครับ อยากจะฆ่ามึงอยู่แล้ว!!!

     

    “ฮ่าๆๆๆ โอเค พี่ไม่แกล้งเราแล้วก็ได้ ว่าไง ทำไมถึงไม่รับรักไอ้ไวน์มันสักทีครับ มันไม่ดีตรงไหนเหรอ”

     

    กูนี่แหละไม่ดี!! ไม่ใช่มัน ผมอยากจะตะโกนใส่หน้าไอ้พี่โมมันเหลือเกิน แต่ผมก็ได้แต่ทำหน้าเบ้แล้วสวนกลับพี่เขาไปอย่างไม่ไว้หน้า

     

    “แล้วพี่จะเสือกอะไรเรื่องผมล่ะ”

     

     

     

     

    เงียบกริบ ผมเห็นไอ้ไวน์มันมองเพื่อนมันหวั่นๆคงกลัวว่าเพื่อนมันอาจจะลุกขึ้นมาตั๊นหน้าผมก็เป็นได้ และก็เห็นไอ้พี่โมที่นั่งอ้าปากค้างแล้วอยู่ดีๆก็หัวเราะลั่น จนผมและไอ้ไวน์สะดุ้ง ที่จริงผมว่าคนทั้งร้านคงจะสะดุ้งเพราะเสียงพี่มันนี่ล่ะ =_=

     

    “พี่มึงเต็มเปล่าวะเนี่ย”ผมพูดตะกุกตะกัก มองไปทีพี่โมด้วยสีหน้าประหลาดๆ

     

    “ไอ้โมมึงเป็นอะไรวะ”ไอ้ไวน์ถามเพื่อนมัน

     

    “ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย กูปวดท้อง ฮ่าๆๆ ไอ้ไวน์มึง ฮ่าๆๆ มึงดูคนไม่ผิดเลยว่ะ ฮ่าๆๆ คนอะไร น่ารักเหี้ยๆ ฮ่าๆๆๆ”

     

    “หา?”  ผมและไอ้ไวน์พร้อมใจกันทำหน้างง

      

    แล้วไอ้ที่ว่าน่ารักเหี้ยๆนี่มึงชมกูใช่ป่ะวะ!!? โห กูควรจะดีใจใช่ไหมเนี่ย


    “น่ารักขนาดนี้มาคบกับพี่เหอะเทียน!

     

    “อะไรนะ!? มึงจะบ้าเหรอไอ้โม กูไม่ให้!”ไอ้ไวน์ขมวดคิ้วเคร่งเครียด  ไอ้บ้านี่ก็พูดออกมาได้ ถึงให้กูก็ไม่ไปหรอกโว้ยยยยย


    “มึงมันก็ไปหม้อทั่ว ออกไปห่างๆเทียนเลยนะมึง”

     

    แล้วไอ้ไวน์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ รีบเดินมายืนกั้นระหว่างผมและพี่โมทันที มันทำหน้าหาเรื่องใส่เพื่อนมันแล้วเริ่มเถียงกันมันส์หยดแบบไม่อายคนในร้าน ประเด็นคือผมเอง แต่ผมแอบเห็นว่าไอ้พี่โมมันนั่งกลั้นหัวเราะจะตายอยู่แล้ว แกล้งไอ้ไวน์เล่นสินะ ว่าแล้วผมก็เหลือบมองแผ่นหลังของร่างสูงที่กำลังยืนเถียงกับเพื่อนอย่างเคร่งเครียด เห็นแล้วก็แอบขำว่ะ

     

    มึงนี่บางทีก็ซื่อไปนะไอ้ไวน์ โดนเพื่อนแกล้งปั่นหัวเล่นแล้วยังไม่รู้ตัวอีก หึหึ

     

    ผมลุกขึ้นบ้าง แอบยกนิ้วโป้งให้ไอ้พี่โมทีนึงแล้วรีบเดินออกนอกร้านมา ผมก้าวเท้าเร็วๆเพื่อจะให้ไปถึงที่หมายให้ทันท่วงที สักพักผมได้ยินได้คนเรียกจากทางด้านหลัง ผมหันหลังไปมองเป็นไอ้ไวน์นั่นเองที่วิ่งตามผมมา

     

    เอ๊ะ! ตามมาทำไม รึว่ามีธุระเหมือนกัน

     

    “เทียน!เทียน! รอกูก่อน!

     

    “มึงจะตามมาทำไมเนี่ย”ผมมองคนที่ยืนหอบแฮกๆงงๆ แล้วหันหลังเดินต่ออย่างไม่สนใจ แต่พอเดินได้ไม่กี่ก้าวไอ้ไวน์ก็ตามมาจับแขนผมไว้

     

    “อะไรของมึงวะ!

     

    “มึงโกรธอะไรกูวะ กูขอโทษนะ!

     

    “อะไรนะ!?”

     

    “กูไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวเป็นเจ้าของมึงนะ มึงก็น่าจะดูออก! ไอ้โมมันเจ้าชู้จะตาย! กูแค่หวงมึงอ่ะ!

     

    “เออ แล้วไงล่ะ!

     

    “มึงอย่าโกรธกูนะเว้ย!ขอโทษนะ กูขอโทษ!

     

    “กูก็ไม่ได้โกรธมึงนี่!”ผมสะบัดแขนออกแล้วเดินต่อ แต่ไอ้ไวน์ตามมาจับแขนผมอีก คราวนี่แน่นกว่าเดิม

     

    ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด อะไรนักหนาของมึงว้าาาาาาาาาา

     

    “มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย ปล่อยกูโว้ยยย”

     

    “ไม่ปล่อย ก่อนที่มึงจะยกโทษให้กู!

     

    “ก็บอกแล้วว่ากูไม่ได้โกรธมึง” ไอ้สาดดดดด ฟังภาษากูไม่รู้เรื่องเหรอ!

     

    “แล้วอยู่ดีๆมึงเดินหนีกูออกมาทำไม ถ้ามึงไม่โกรธกู ไอ้โมก็บอกว่ามึงรำคาญกูแน่ๆ กูขอโทษนะ”

     

    โอเค ผมเก๊ตละ ไอ้เหี้ยนี่มันโดยเพื่อนปั่นหัวจนเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง!!!!

     

    ผมสะบัดมือมันออกอีกครั้ง  หันหน้ามาหาไอ้ไวน์ตรงๆแล้วตะโกนลั่นใส่หน้ามัน ประโยคที่ทำเอามันเอ๋อแดกและคนรอบข้างหันมองกันเป็นแถบ เออ!กลางห้างนี่ล่ะ! เสร็จแล้วก็ชูนิ้วกลางแล้วหันหลังสะบัดบ็อบเดินหนีมา

     

    “กูจะไปเยี่ยว!!!!!!!!!

     

    หวังว่ามันคงจะไม่ตามผมมาอีกนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×