คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 2 : ช่วยเหลือกัมจง
2 ช่วยเหลือกัมจง
‘คิดว่าเป็นหลานผู้อำนวยการแล้วยังไง รวยมากใช่มั๊ย ใหญ่มากใช่มั๊ย เป็นนักเลงเหรอ กร่างมากเหรอหา? คิดว่าดำแล้วยังไงเหรอ เอากระดาษทรายบ้านฉันไปถูกหน้ากับปากเสียๆนั่นหน่อยดีมั๊ย นายทำฉันสัยเซล์ฟนะไอ้กัมจง โธ่เอ้ย’
เมื่อผมจรดปากกาบนตัวหนังสือตัวสุดท้ายเสร็จ ผมก็ยิ้มออกมาน้อยๆแล้วจัดการปิดไดอารี่เล่มโปรดและเก็บมันลงในเป้ไป ที่ยิ้มไม่ใช่อะไร สมองวาดภาพไว้ว่าถ้าไอ้กัมจงมาเห็นต้องเดือดเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆเลย ฮุฮุ แต่คิดแล้วก็เสียเซล์ฟจริงๆแหละ นั่นผมหวังดีจริงๆนะนั่น
“ไม่ทราบว่าจะต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ?”พนักงานหันหน้ามาถามผมด้วยรอยยิ้มเมื่อผมลุกจากโต๊ะมาหยุดอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
“ผมอยากได้เลม่อนชีสเค้กชิ้นนึง คิดรวมกับช็อคโกแลตเย็นเลยครับ”
“เลม่อนชีสเค้กหนึ่ง ทานที่นี่หรือกลับบ้านครับ”
“กลับบ้านครับ”
“โอเค รอสักครู่นะครับ ^^”
ผมพยักหน้าแล้วรีบหันหน้าหนีสายตาเป็นประกายนั่นทันที ถ้าไม่ติดว่าเค้กร้านนี่อร่อยจริง ผมคงไม่มานั่งกินเป็นประจำให้โดนแทะโลมทางสายตาเล่นๆหรอก
พนักงานหน้าม่อ...
“ได้แล้วครับน้อง ทั้งหมด 250 บาทครับ”พนักงานชายหน้าตาดีบอกผมด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ผมยิ้มตอบน้อยๆแล้วจ่ายเงินให้เขาไปก่อนที่จะเอื้อมมืออีกข้างไปหยิบถุงเค้ก…
“...” ผมรีบชักมือกลับแทบไม่ทันเมื่อมือที่ผมเอื้อมไปหยิบเค้กดันโดนกับมือของพนักงานชายคนนั้นพอดี ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจงใจ แต่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกแต๊ะอั๋ง...
จากผู้ชายด้วยกัน...T^T
ให้ตายเถอะ ผมรีบเดินออกมาจากร้านด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ไม่ชอบใจเลยๆจริง ผมไม่ใช่ผู้หญิงหรือผู้ชายตัวเล็กๆที่ดูน่ารักอะไรเทือกๆนั้นนะ…
ผมเดินเอื่อยๆไปตามทางกลับบ้าน วันนี้ผมปฏิเสธคนขับรถว่าไม่ต้องมารับเพราะอยากใช้เวลาข้างนอกอย่างส่วนตัวๆบ้าง วันนี้ผมไม่มีการบ้าน ก็กะจะเดินเล่นไปเรื่อยๆแล้วค่อยเข้าบ้านตอนค่ำๆ อากาศกำลังดีแถมพ่อกับแม่ก็บินกลับไปดูงานที่ฮ่องกงหลายวัน ขอโอเซฮุนดื่มด่ำกับบรรยากาศบริสุทธิ์ของเกาหลีหน่อยละกัน
“นี่มันสดชื่นจริงๆ” เขาพึมพำออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ เขาเดินตามทางไปเรื่อยๆจนหูแว่วได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายกับรถตู้คันหนึ่งที่แล่นผ่านไปด้วยความเร็วสูง
เขาหรี่ตามองตามรถตู้คันนั้นไปแล้วส่ายหัว
จะรีบไปตายที่ไหนล่ะนั่น?
แล้วผมเดินมาจนถึงหน้าคอฟฟี่ช้อปแห่งหนึ่ง ที่มีผู้ชายคนนึงนอนจมกองเลือดกับผู้ชายอีกสองคนที่ดูกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ผมชะงักไปด้วยความตกใจ แต่สมองก็ยังสั่งให้ตัวเองเดินเข้าไปใกล้ๆคนพวกนั้น
“ผมจะไปช่วยพี่จุนมยอน!!! พี่อี้ชิงพาหมอนี่ไปส่งโรงพยาบาลเถอะ!”
“ไม่นะเทา! ฉันไปด้วย ฉันก็ห่วงจุนมยอนไม่แพ้นายนะเว้ย!”
“แล้วไอ้หมอนี่ล่ะ...”
“ก็ให้ใครก็ได้พาไปดิ ไม่รู้ล่ะเทา ฉันจะไปกับนาย!”
“แต่ว่า...”
ผมเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆพลางลอบฟังบทสนทนานั้นเงียบๆ จนเมื่อทั้งสองคนหันมาเห็นผมเนี่ยล่ะ ทั้งคู่จึงปรี่เข้ามาหาผมทันที
“น้องครับ!ขอร้องล่ะ ช่วยพาผู้ชายคนนี้ไปโรงพยาบาลทีนะน้องนะๆ”คนตัวเล็กกว่าผมเข้ามาขอร้องโดยมือก็ชี้ๆไปที่คนที่นอนจมกองเลือดอยู่ ผมอึกอัก
“เรารีบจริงๆ ขอร้องล่ะครับ”คนตัวสูงกว่าผมก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ภายในผมสัมผัสได้ถึงความร้อนรน
“ผม...ผม...”ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างเคยชินด้วยความประหม่า ในใจตีกันสับสนไปหมด จะช่วยดี หรือไม่ช่วยดี แต่สุดท้ายแล้วความดีที่มีอยู่ค่อนข้างมากของผมก็ชนะ
“รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาลเอง”
เมื่อผมพูดจบ ทั้งสองก็ขอบคุณผมแล้วรีบขึ้นมอเตอร์ไซค์คันยักษ์โดยมีคนตัวสูงขอบตาคล้ำๆเป็นคนขับออกไปทันที ดูท่าแล้วคงรีบมากจริงๆ อาจมีเหตุร้อนอะไรสักอย่าง...
เหลือแต่ผมกับใครก็ไม่รู้ที่ผมต้องช่วยสินะ...
“โอเซฮุน...นายนี่เป็นคนดีจริงๆ”ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วเดินเข้าไปใกล้ร่างสะบักสะบอมนั่น ผมชะโงกดูใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำนั่นแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง
“เห้ย...กัมจง...”ผมรีบทรุดตัวคุกเข่าข้างๆร่างของกัมจงที่สลบไม่รู้เรื่องนั่นด้วยความตกใจ “อะไร...ยังไงเนี่ย...”
แล้วมันตายรึยังนะ? ผมแอบคิดด้วยความสับสน จึงยื่นนิ้วไปอังใต้จมูกเป็นสันนั่นแล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก กัมจงยังมีชีวิตอยู่...
...แต่จากที่ดูแล้ว ก็ร่อแร่เต็มที่ ทั้งตัวมีแต่รอยฟกช้ำเหมือนโดนรุมอัดมา แถมต้นขาซ้ายยังมีรอยเหมือนถูกยิงอีกต่างหาก บ้าจริง ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลแล้วสิเนี่ย
ผมรีบพยุงร่างสูงกว่าตัวเองขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล หมีควายเอ้ย ตัวหนักชิบเลย ผมคอยประคองร่างที่สะบักสะบอมนี่ด้วยความยากลำบาก ก่อนจะโบกเรียกแท็กซี่อย่างรีบร้อน จนมีคันหนึ่งยอมมาจอดและคนขับท่าทางใจดีก็โผล่หน้าออกมาถามผม
“เอ่อ...ไปไหนครับ”
โธ่ คุณลุงครับ แหกตาดูหน่อยก็ได้ครับว่าผมพยุงคนแบบนี้ คงไม่ได้พาไปดำน้ำดูปะการังหรอกครับ ผมบ่นในใจ อีกทั้งคุณลุงที่มองมายังผมและกัมจงอย่างระแวง “คงไม่ได้ตายแล้วใช่ไหม...”
“ไปโรงพยาบาลครับลุง ด่วนๆเลย”ผมถอนหายใจแล้วพูดแทรกคุณลุงแท็กซี่จนแกตกใจมองผมเหมือนตัวประหลาด แต่ไม่รู่ล่ะ ผมรีบพาตัวเองกับคิมจงอินเข้ามาในรถโดยไม่สนว่าคุณลุงเค้าจะปฏิเสธหรืออะไรทั้งนั้น แต่คุณลุงก็พนักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกโดยไม่วายมองกระจกมองหลังอย่างหวั่นๆ
“ไม่ได้ตายแล้วจริงๆนะ?”คุณลุงถามย้ำ ผมจับกัมจงให้มาพิงตัวเองแล้วหันมาพยักหน้าตอบคุณลุงให้หายสงสัยด้วยน้ำเสียงเรียบๆกับแววตานิ่งๆที่สบกับคุณลุงผ่านกระจกมองหลัง
“ยังไม่ตายครับ แต่ถ้าคุณลุงไม่รีบๆแล้วล่ะก็คุณลุงนั่นแหละที่จะตาย”
“0_0”
“...”แล้วผมก็เสมองออกไปดูวิวนอกหน้าต่าง ไม่สนใจอะไรอีก แต่ผมรู้สึกได้ว่าความเร็วของรถมันเพิ่มขึ้นแฮะ ผมลอบหัวเราะในใจ
ผมเปล่าขู่คุณลุงนะครับ แต่ดูเหมือนแกจะกลัวผมจริงเลยนะนั่น...
กัมจงปลอดภัยแล้ว...
ตอนนี้เขานอนอยู่ในห้องผู้ป่วยธรรมดาและตอนนี้ผมก็นั่งเฝ้าเขาอยู่ รอยฟกช้ำตามตัวไม่กี่วันก็หายแต่แผลถูกยิงคงต้องอีกหลายวัน มั้ง? จากที่หมอบอก ที่จริงผมก็งงตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะมานั่งเฝ้าหมอนี่ทำไม แต่ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยก็รอให้ไอ้กัมจงนี่ฟื้นก่อนแล้วผมค่อยกลับ ถ้าวันนี้ยังไม่ฟื้นเหรอ? งั้นก็ช่างมันละกัน ผมคงไม่ได้ใจดีถึงขนาดนอนเฝ้าหรอก เพื่อนสนิทอะไรก็ไม่ใช่...
จริงสิ พูดถึงเพื่อนสนิท ผมยังไม่ได้โทรไปบอกครอบครัวเขาเลย แต่ผมก็ไม่มีเบอร์นี่ เบอร์ของเพื่อนสนิทหมอนี่อย่างปาร์คชานยอลผมก็ไม่มี รอให้มันฟื้นแล้วโทรบอกเองละกัน
ผมนั่งอ่านนิตยสารฆ่าเวลาเงียบๆได้สักพักจนผมได้ยินเสียงกุกๆกักๆจากเตียงที่กัมจงนอนอยู่ ผมจึงปิดนิตยสารแล้วลุกขึ้นยืนมอง
อ้อ...
ฟื้นแล้วคิมจงอินฟื้นแล้ว
“อะ...โอ๊ย” ฟื้นแล้วก็ขยับตัวปั๊บ สมน้ำหน้า เจ็บแผลล่ะสิ ผมยืนมองเจ้าตัวนอนโอดโอยเงียบๆจนเมื่อมันหันมาเห็นผมนั่นแหละ คิ้วหนาของกัมจงถูกเลิกขึ้นสูงทันทีเมื่อเห็นผม ริมฝีปากที่แห้งและแตกขยับเป็นคำพูดเบาๆแต่ผมไม่ได้ยิน
“พูดว่าอะไรนะ?”
“...” หมอนั่นขยับปากอีกรอบ แต่ผมก็ยังไม่ได้ยินอยู่ดี
“ฉันไม่ได้ยิน” ผมกอดอกและขมวดคิ้ว กัมจงกรอกตาไปมาและกระดิกนิ้วเรียกผมเข้าไปหาใกล้ๆ...มั้งนะ ผมเข้าใจได้อย่างนี้ แล้วมากระดิกนิ้วใส่อย่างกับผมเป็นหมา โอเซฮุนไม่ปลื้ม -*-
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเค้าแล้วค้อมตัวลงเอาหูไปใกล้ๆกับริมฝีปากหนานั่น
“หิว...น้ำ”
“อ่อ...”ที่แท้ก็หิวน้ำ ผมผละตัวออกมาแล้วเดินไปเทน้ำให้ก่อนจะเดินกลับมาแล้วช่วยพยุงร่างสะบักสะบอมที่พยายามที่ยันตัวเองขึ้นพิงเตียง ผมยื่นแก้วน้ำไปให้แต่จงอินก็ไม่รับ ร่างสูงบุ้ยปากไปที่มือข้างนึงที่เจาะน้ำเกลือไว้กับอีกข้างที่นิ้วเข้าเฝือกอยู่
จะบอกว่าหยิบกินเองไม่ได้ว่างั้น?
โอเคๆ ผมจับหลอดแล้วเลื่อนเข้าไปใกล้ปากกัมจง กัมจงก้มหน้าเล็กน้อยให้ดื่นน้ำจากหลอดได้ถนัด ผมยืนถือแก้วและหลอดอย่างนั้นจนเมื่อริมฝีปากสีซีดของกัมจงโดนเข้ากับนิ้วที่จับหลอดอยู่ของผม ผมสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังถือหลอดต่อจนเจ้าตัวดื่นจนพอใจจึงเอาแก้วออกมาและเดินไปเก็บ
พอได้น้ำลงคอให้สดชื่นปุ๊บ กัมจงก็เปิดปากถามผมเสียงเข้มทันที “มึงมาได้ยังไง”
“แท็กซี่” ผมเดินไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม เท้าคางใช้ดวงตาเรียวรีของตัวเองจ้องคนที่นอนขมวดคิ้วอยู่บนเดียว อยากถามอะไรก็ถามมา เดี๋ยวจะกลับแล้ว
“แล้วกูล่ะ? อย่าบอกนะว่ามึงพามา?!”
“อือ”
“โกหกป่ะเนี่ย?”
“คุณแม่สอนว่าไม่ให้พูดโกหก ฉันจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกหกนาย”
“เห้ย กวนตีนป่ะ...”กัมจงทำหน้าหงุดหงิด แต่ผมก็ทำหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านรังสีทะมึนนั่น เหมือนเขาพยายามจะระงับอารมณ์ของตัวเองอยุ่ เงียบไปไม่กี่วิเขาก็ถามขึ้นมาอีก
“แล้วตอนที่มึงพากูมา มีใครอยู่แถวนั้นรึเปล่า?”
“มีผู้ชายสองคน คนนึงสูงๆตาคล้ำๆ อีกคนน่ารักๆแต่เตี้ยกว่าฉันหน่อยนึง ถ้าได้ยินไม่ผิด...น่าจะชื่อเทากับอี้ชิง...”
“แล้วพี่จุนมยอนล่ะ!”กัมจงถามเสียงดัง ผมส่ายหัว
“ไม่มี ไม่รู้จักด้วย”
“โดนพวกมันจับตัวไปแล้วแน่ๆ! ทำไมกูกากงี้วะโธ่เว้ย!”กัมจงสบถลั่นแล้วพยายามจะลุกออกจากเตียง แต่คงเกิดเจ็บแผลที่ขาขึ้นมาจึงร้องโอ๊ยเสียงดัง ร่างสูงล้มตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิมพลางสบถยาวยืดที่ผมจับใจความได้ประมาณว่า
ยิงขากู! ไอ้พวกเวร! กูจะไปแก้แค้นแน่! ประมาณนี้...
ผมส่ายหัวแล้วเดินไปยืนข้างเตียงผู้ป่วยก่อนจะพูดเสียงเบา “สมน้ำหน้า เจ็บแล้วไม่เจียมตัว”
กัมจงถลึงตาใส่ผมเป็นรอบที่สองของวัน “มึงอยากมีเรื่องกับกูมากใช่ไหมไอ้เด็กทุน!”
“จะมีตอนนี้เลยก็ได้นะ เอาจริงลุกขึ้นมาให้ได้ก่อนเถอะ”ผมชูหมัดขึ้นแล้วยิ้มจนตาหยี ไอ้กัมจงทำท่าฟึดฟัดแล้วตะคอกใส่ผม
“ไปไกลๆหน้ากูเลยไปไอ้เด็กทุน!”
“ไม่ต้องไล่ ฉันจะกลับอยู่แล้ว”ผมหันหลังเดินไปคว้าเป้มาสะพายพร้อมกับถุงเค้กที่สภาพคงไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันกลับไปพูดนิ่งๆ “แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ใช่ชื่อเด็กทุนด้วย เลิกเรียกอย่างนี้สักที”
“อ๋อเหรอ แล้วมึงชื่ออะไรล่ะ?”อีกฝ่ายเลิกคิ้วๆน้อยพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ลดความหงุดหงิดลงไปนิดแต่กลับเพิ่มความกวนตีนเข้ามาหนึ่งเลเวล จนทำให้ผมรู้สึกคิ้วกระตุกยึกๆแต่ก็ตอบไปอย่างไม่ได้คิดอะไร
“โอเซฮุน”
“อะไรนะ! แมงกะพรุน”
“ฉันชื่อโอเซฮุน”
“ห้ะ! มึงกลิ้งหลุนหลุน บ๊ะ! นี่กูถามชื่อมึงนะ”
แม่งกวนบาทา...
“ฉันบอกว่าฉันชื่อโอเซฮุน”
“อ้าว อยากกินใครตุ๋นงั้นเหรอ!? แหม่ ก็ไม่บอก~”
“ใครตุ๋นบ้านนายสิไอ้เวรหมีดำกัมจง!!”ผมหมดความอดทนตะโกนใส่กัมจงหน้าดำหน้าแดงพร้อมกับปาถุงเค้กใส่หน้าเจ้าตัวโดยไม่คิดว่าจะโดนหรือไม่โดน ผมเดินฮึดฮัดไปที่ประตูพร้อมกับเปิดมันออกอย่างแรงและปิดเสียงดัง
ปัง!!!
“เห้ยๆ นี่โรงพยาบาลนะเว้ยโอเซฮุน!” คิมจงอินตะโกนไล่หลังไปด้วยรอยยิ้มขัน ร่างสูงผิวเข้มหยิบถุงเค้กที่ตัวเองรับไว้ได้ทันมาดูแล้วทำหน้าเซ็ง
“เค้กแม่งเละแล้วนี่หว่า! เสียดายว่ะ ยังกินได้ป่ะเนี่ย”
Writer say ; ไปปั่น If This A Love,I Will...ต่อ ฮิๆ สปอยเรื่องนั้นว่าน้องคยองซูจะมาแว้ววววว
ความคิดเห็น