ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) Don't rude to me...อย่าหยาบคายกับกูนักสิครับมึง :)

    ลำดับตอนที่ #8 : Don't rude 8:การเยี่ยมไข้(ที่สายไปไหมมึง!?)

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 55


     7 การเยี่ยมไข้(ที่สายไปไหมมึง!)

     

    ซม นอนซม ไม่สบาย หวัดแดก เป็นไข้

     

    นี่คืออาการของนายวิทยกรตอนนี้ครับพี่น้อง!! T^T

     

    ซวยซ้ำซวยซ้อน ใครจะไปนึกว่าคนที่สุขภาพดีโคตรอย่างผมที่แม้จะเดินตากฝนทั้งวันก็ยังไม่เป็นไรจะมาไม่สบายกับอีแค่เพราะจูบนั่นได้!!  ตั้งแต่เมื่อวันนั้นที่ผมกับไอ้ไวน์จูบกันหมายถึงมันจูบผม! เออ ประมาณนั้นล่ะ =_=;; กลางดึกคืนนั้นผมก็ไข้ขึ้นทันที พึ่งจะรู้ว่าหวัดมันออสโมซิสกันทางจูบได้ด้วย พระเจ้าช่วย!! มันเป็นตัวแพร่เชื้อใส่ผมชัดๆ แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าตลอดสองวันที่ผมนอนป่วยหยุดเรียนอยู่บ้านมันหายหัวไปไหน พวกเพื่อนๆที่โรงเรียนก็พากันมาเยี่ยมผมกันตอนเย็นเฮ้ย!! แต่ผมไม่ได้อยากให้มันมาเยี่ยมนะเว้ย แต่มันก็ทำให้ผมเป็นแบบนี้นี่หว่า โอ๊ยให้ตาย! หงุดหงิดอีกแล้วกู

     

    ผมตื่นมาได้สักพักแล้ว แต่ขี้เกียจลงไปกินข้าวแล้วนอนเล่นอยู่บนเตียงก่อนจนเมื่อไอ้พี่ไฟมันมาเคาะเรียกจนประตูสั่นนั่นละผมจึงยอมขยับตัวได้ ที่จริงผมก็ดีขึ้นมากแล้วนะ เหลือแค่เจ็บคอนิดหน่อย สมควรจะไปเรียนได้แล้ววันนี้ แต่ขี้เกียจว่ะ!! อู้สักวันคงไม่เสียหายเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ

     

    ผมเดินลั้ลลาลงมาจากบันไดอย่างแช่มชื่นเมื่อคิดถึงโรงเรียนที่ไม่ต้องไปวันนี้ ผมชอบเพื่อนที่โรงเรียนนะ แต่ผมไม่ชอบโรงเรียนว่ะ ทั้งบทเรียนทั้งเหล่าอาจาร์ยทั้งหลายแหล่ คิดแล้วเพลี๊ย เพลีย ก๊าก! (เลว =_=)

     

     

    ไอ้คนหน้าแปลกที่นั่งกินข้าวร่วมกับพ่อแม่อยู่มันคุ้นจังเว้ยเฮ้ย

     

    “ไอ้ไวน์ มึงมาไงเนี่ย!!?” ผมชะงักอยู่กับที่แล้วร้องเสียงหลง เรียกความสนใจจากคนทั้งโต๊ะได้ทั้งหมด ไอ้ไวน์พอเห็นหน้าผมก็ฉีกยิ้มกว้างให้ทันที แต่ครอบครัวผมนี่สิ ไม่ได้ฉีกยิ้มรับผมเหมือนมันเลย พี่ไฟนั่งหน้าถมึงทึงอยู่ที่โซฟา ไม่แม้แต้จะหันมาทักน้องตัวเอง เอาแต่นั่งดูทีวีซะตาแทบถลน เออ เพิ่งรู้ว่าคนเถื่อนๆอย่างมันชอบดูรายการสัตว์โลกน่ารัก =_=^ ส่วนพ่อกับแม่น่ะเหรอ เหอ สองคนนั้นน่ะชอบอยู่ในโลกส่วนตัว หันมามองผมแป็บเดียวแล้วหันไปคุยกันต่อ ประเสริฐแท้

     

    ผมเดินไปนั่งลงตรงข้ามไอ้ไวน์แล้วย้ำคำถามเดินอีกรอบ “ตกลงมึงมาไงอะไรยังไง”

     

    “ขับรถมา”ร่างสูงตรงข้ามผมตอบพร้อมยักคิ้วกวนๆ พอเห็นผมเริ่มกลอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ มันจึงรีบแก้ตัว “ที่จริงจะมาเยี่ยมน่ะ กูได้ข่าวว่ามึงป่วย ดีขึ้นรึยัง”

     

    มาเยี่ยม!? กูป่วยตั้งแต่สองวันที่แล้วโว้ย!! พึ่งจะมาเยี่ยมวันนี้เนี่ยนะ!? ผมคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่กูแอบเคืองได้ป่ะเนี่ย! หงุดหงิดอีกแล้วอ่ะ -_-^

     

    “มาเสียเที่ยวแล้วล่ะ เสียใจด้วยเพราะกูหายแล้ว แค่กๆ”ไอ้ไวน์เลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นผมไอค่อกแค่กออกมา ไอถูกเวลามากกู

     

    “หมายถึงใกล้หายแล้ว ไม่ต้องการคนเยี่ยม ไสหัวกลับไปซะ”

     

    “เทียน

     

    ผมเริ่มก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สนใจมันอีก ถึงแม้มันจะเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงอ่อนซะจนใจผมแอบเขวไปนิดนึงก็เถอะ แต่เทียนไขต้องเข้มแข็ง ต้องเข้มแข็ง!

     

    “เทียน ทำไมไม่พูดกับพี่เขาดีๆฮะลูก”การที่แม่ยอมออกจากโลกส่วนตัวมาพูดกับผมนี่ควรจะดีใจใช่ไหมเนี่ย แต่ทำไมผมกลับรู้สึกหงุดงหงิดกว่าเดิมฟะ เห็นได้ชัดว่าแม่เข้าข้างมัน! T^T

     

    “มันไม่ใช่พี่ชายเทียนซะหน่อย” ผมเบ้ปาก “เทียนมีพี่ชายอยู่คนเดียว แล้วตอนนี้เทียนก็ไม่ต้องการพูดดีๆกับมันด้วย!”ผมชี้นิ้วไปตรงหน้าไอ้ไวน์ ถ้าทำได้พ่ออยากจะจิ้มตามันให้บอกไปเลย ฮึ่ย!

     

    “เทียน!”แม่ทำหน้ายักษ์ใส่ผม พ่อกับแม่น่ะรู้มาตั้งนานแล้วว่าไอ้ไวน์มันตามจีบผมอยู่ ถึงจะรู้ว่าทั้งผมแล้วก็มันต่างเป็นผู้ชายทั้งคู่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมแม่ยังเคยเชียร์มันเลยว่าให้ผมคบกับมันซะ คนนึงหล่อกับอีกคนน่ารักเหมาะสมกันดี นี่แม่รู้รึเปล่าว่าผมเป็นผู้ชายน่ะ ก็น่าจะรู้แล้วว่าแม่เป็นสาววายพวกเดียวกับยัยเกมส์แล้วก็ยัยไหมน่ะ ให้ตาย สาววายจงเจริญ….=_=;;;

     

    ส่วนพ่อก็ตามแม่น่ะแหละ แม่ว่าอะไรพ่อก็เลยไม่ว่าอะไรไปด้วย ถึงแม้ผมจะเห็นบางครั้งที่พ่อมองไอ้ไวน์กับผมด้วยสายตาแปลกๆน่ะ เฮ้อ เอาเถอะ

     

    “โอเคๆ เทียนจะคุยกับมันดีๆแล้วแม่ แม่เลิกแยกเขี้ยวได้แล้ว เดี๋ยวพ่อก็กลัวตายกันพอดี”ก่อนที่ชามข้าวต้มบนโต๊ะจะถูกเขวี้ยงใส่หน้าผม ผมรีบคว้าแขนไอ้ไวน์วิ่งออกมาหน้าบ้านโดยมีสายตาเชือดเฉือนของพี่ไฟไล่หลังมา

    ผมปล่อยมือมันออกแล้วเดินไปพิงรั้วบ้าน ยกมือกอดอกเต๊ะท่าทำหน้าตากวนตีนเหมือนจิ๋กโก๋หน้าปากซอย ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเรียบๆ

     

    “ทีนี้มึงก็กลับไปได้แล้ว”

     

    “ไหนเมื่อกี้มึงบอกจะคุยดีๆกับกูไง”

     

    “แล้วนี่ไม่ดีเหรอไง ที่กูยอมพูดกับมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว กลับไปซะ!

     

    “เทียนไข มึงเป็นอะไรวะ เมื่อสองวันก่อน”ไอ้ไวน์ชะงักกับสายตาคุกกรุ่นของผม ก่อนจะร้องอ๋อออกมาเบาๆ “มึงโกรธกูเรื่องนี้ใช่ไหม”

     

    “เรื่องไหน กูโกรธมึงหลายเรื่องเลยเหอะ!

     

    “เรื่องไหนบ้าง”

     

    “ก็เรื่องที่มึงไม่ยอมกินข้าวไง! หน๊อยแน่ บอกจะกินข้าวแล้วดันมาจูบกูซะงั้น แถมมึงยังมาแพร่เชื้อใส่กูจนนอนป่วยตั้งหลายวันโดยที่มึงไม่ได้มาเยี่ยมกูเลยอีก หายหัวไปไหนมา!!

     

     

    =[]=” เวร! ลืมตัว!! บอกที เมื่อกี้ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปใช่ม้ายยยย 

     

    “หึๆ”

     

    ”มึงไม่ยินอะไรเลยใช่ไหมถึงหัวเราะออกมาแบบนั้นน่ะ T^T

     

    “เพื่อให้มึงหายโกรธ กูจะไขข้อข้องใจมึงให้หมดทั้งสามข้อ”

     

     

    “ข้อแรก ที่มึงบอกกูไม่กินข้าว มึงผิด”มันเดินล้วงกระเป๋าท่าทางสบายๆเข้ามายืนตรงหน้าผมแล้วเผยรอยยิ้มบางๆ “กูกินหลังจากที่มึงวิ่งกระเจิดกระเจิงออกไปจากบ้านกูต่างหาก”

     

    ” กระเจิดกระเจิง!? บ้าเหรอ ผมไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย พูดอย่างกับผมถูกปล้ำงั้นล่ะ ก็แค่เกือบ

     

    “แต่เพราะก่อนหน้านั้นกูอยากกินมึงมากกว่าข้าวแค่นั้น”

     

    “หา!?”

     

    “ส่วนเรื่องจูบ แน่นอนว่าไม่ได้คิดจะแพร่หวัดให้มึงเลยสักนิด แค่คิดอยากจะจูบ” ร่างสูงกว่าโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วเน้นคำว่าจูบเสียงดังจนผมอ้าปากเหวอ

     

    “อะ

     

    “ข้อสุดท้าย เพราะกูติดโปรเจ็กต์งานกระทันหันเลยมาเยี่ยมไม่ได้ แต่กูฝากไอ้เบียร์มาบอกแล้วนิว่าจะรีบเคลียร์งานแล้วมาเยี่ยมให้เร็วที่สุด”

     

    ” ไอ้เบียร์!! มึง! -_-*

     

    “ฉะนั้น” มันยื่นนิ้วก้อยมากระดิกๆตรงหน้าผมแล้วยิ้มเผล่ “ดีกันนะครับ”

     

    ผมกระพริบตางงๆแล้วรีบเรียกสติกลับมาโดยการยกมือตะปบหน้าตัวเองทีนึง ผมเงยหน้ามองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนั่นแล้วเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มกับท่าทีเหมือนเด็กของคนที่แก่กว่าผมตั้งสองปีกว่า

     

    “ทำอะไรปัญญาอ่อน”

     

    “เกี่ยวก้อยกันเร็ว” มันเร่ง “หายโกรธกูเถอะนะ นะๆ น้าครับ เทียนไข กูขอโทษ”

     

    หึๆๆ คึๆๆ ฮ่าๆๆๆ บ้าเอ๊ย ทำไมมันชอบทำแบบนี้กับผมอยู่เรื่อยเลยนะ แล้วแน่นอนว่าผมก็ใจอ่อนกับมันอยู่   เรื่อย

     

    “เออๆ แต่ที่จริงกูก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นนะ”ผมยื่นนิ้วไปเกี่ยวก้อยด้วยอาการเขินนิดๆ “ก็แค่หงุดหงิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

     

    “ฮ่ะๆๆ เข้าใจครับ”เออร์ไวน์พยักหน้ายิ้มๆ

     

    “มันหายโกรธ แต่กูไม่หาย”

     

    …!!” ผมรีบดึงนิ้วออกจากมือไอ้ไวน์แล้วอุทานเสียงดัง “พี่ไฟ!

     

    “มึงโกรธอะไรกู”ดูเหมือนไอ้ไวน์จะงงเหมือนกัน มันหันกลับไปเผชิญหน้ากับพี่ไฟแล้วเอ่ยถามงงๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิดๆ “แต่กูก็ไม่เคยทำให้มึงโกรธสักหน่อย”

     

    “มึงผิดแล้วไอ้คุณชาย J”พี่ไฟแสยะยิ้มน่ากลัว ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่ได้ตั้งใจ รอยยิ้มแบบนั้น มันเป็นรอยยิ้มที่กำลังโกรธ “มึงไม่ได้ทำอะไรกูหรอก แต่มึงน่ะทำน้องกูไอ้สัด!

     

    ผัวะ!

     

    “เฮ้ย! พี่ไฟ! หยุดนะเว้ย!”ผมรีบกระโจนไปขวางทางพี่ไฟเอาไว้ทันที กันเอาไว้ไม่ให้มันตามไปซัดไอ้ไวน์ได้อีกเป็นครั้งที่สอง พี่ไฟมันเป็นอะไรของมันวะ! “มึงเป็นอะไรของมึง!

     

    “ไอ้เออร์ไวน์! มึงกับน้องกูยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้ากูรู้ว่ามึงทำอะไรน้องกูอีกนะ!!”พี่ไฟเลือดขึ้นหน้าสุดๆ ผมดันตัวมันไว้สุดแรง ไอ้ห่านี่ก็แรงควายเกิน T^T “กูฆ่ามึงแน่!!

     

    “มึงพอเถอะน่า!!! มันไม่ได้ทำอะไรกูสักหน่อย” โป้ปดมดเท็จไม่ใช่สิ่งที่เทียนไขชอบทำนะ!

     

    “ยังไงมึงก็ปิดกูไม่มิดหรอกเทียน!! รอยพวกนั้นน่ะ ยัยขีดมันบอกกูหมดแล้ว!!” พี่ไฟหันมาตะคอกใส่ผม “แปลว่ามึงเสร็จมันแล้ว กูจะฆ่ามัน!!

     

    “บ้าไปแล้ว! กูยังไม่เสร็จมันซะหน่อย!!”คราวนี้เป็นผมที่ตะคอกกลับบ้าง และคำพูดผมก็เป็นผลเมื่อพี่ไฟมันชะงักไป ไอ้พี่ชายตัวดีหันมามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

     

    “ยังเหรอ?”

     

    “เออ!! ยัง!!” สรุปที่มันโกรธไอ้ไวน์ก็เพราะนึกว่าผมเสร็จมันแล้ว จะบ้าเหรอ คิดได้ไง! ผมยังไม่เสร็จมันสักหน่อย “มึงก็คิดอะไรเว่อร์ไป แล้วที่คอกูนี่น่ะ” ผมชี้มือไปที่รอยแดงจางๆตรงคอ “กูยอมมันเอง ฉะนั้นมึงมีปัญหาอะไรไหม!!?”

     

    ผมถลึงตามองพี่ชายตัวเองอย่างไม่พอใจ เป็นอย่างนี้ตลอดเลย เลือดร้อนและไม่ยอมใครแถมยังหวงน้องแบบสุดๆ  แต่ก็โทษมันไม่ได้เพราะถ้าเป็นผม ผมก็คงจะไม่คิดหน้าคิดหลังทำแบบพี่ไฟเนี่ยแหละ =_=

     

    “หึ แรดนักนะมึง!”พี่ไฟยกยิ้มมุมปาก ยังดีที่ดูเหมือนอุณหภูมิในร่างกายมันจะลดลงแล้ว ฮู่ว พี่ไฟหันมองไอ้ไวน์ที่ยืนซับเลือดที่ปากอยู่แล้วเอ่ยปากขอโทษด้วยหน้าตากวนตีนยิ่งนัก

     

    “ส่วนมึง กูขอโทษก็แล้วกัน หวังว่ามึงคงจะไม่ถือ”

     

    ไม่ถือก็บ้าแล้ว ชกไปแรงซะขนาดนั้น เป็นใครใครก็โกรธล่ะวะ -_-^

     

    “เออ ที่จริงหมัดมึงก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่”โอเค ไอ้นี่เป็นกรณียกเว้น!!

     

    “เหอะ! กูเข้าบ้านละ เชิญพวกมึงพลอดรักกันต่อไปเหอะ”แล้วมันก็เดินหันหัวเข้าบ้านไปจริง โดยที่ผมมองตามด้วยสายตาอยากจะฆ่ามัน

     

    ไอ้เหี้ย!! =[]=!! พลอดรักบ้านมึงสิ (แต่บ้านมึงก็บ้านกูนี่หว่า) ชึ่ย สักวันผมคงจะฆ่าพี่ตัวเองให้ดู

     

    “ปากแตกเลยว่ะ เข้าไปทำแผลก่อนป่ะ”

     

    “ไม่เป็นไร จะกลับแล้วล่ะ มีเรียนตอนเก้าโมง”

     

    “อ่อ” ผมพยักหน้าน้อยๆ “บ๊ายบาย”

     

    “อืม เดี๋ยวตอนเย็นจะมาใหม่นะ” หา! จะมาอีกเรอะ ผมกำลังจะส่ายหน้าปฎิเสธแต่มันกลับพูดขัดผมซะก่อน “มาชดเชยให้ไง คนป่วยอุตส่าห์นอนเหงามาตั้งสองวัน แย่เลยนะ”

    อะไรนะ? บ้าดิ “ไม่ได้เหงาโว้ยยยยย”

     

    ผมตะโกนไล่หลังไปด้วยใบหน้าร้อนผ่าว พลางมองรถแลมโบกินีสีเงินสะดุดตานั้นขับจนลับสายตา ผมจึงเข้าบ้านมาแล้วมานั่งเผละตรงโซฟาข้างๆพี่ไฟ ยังดีที่ไอ้รายการสัตว์โลกน่ารักนั่นจบแล้ว อ้าว? ไม่ได้เปิดทีวีนี่หว่า แล้วมันมองอะไรอยู่

     

    “มึงโกรธกูเหรอ”เมื่อเห็นบรรยากาศมันเงียบแปลกๆ(พ่อกับแม่ขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน)ผมจึงถามออกมาทำลายความเงียบ

     

    พี่ไฟหันมามองผมแล้วถอนหายใจหนักๆ ฝ่ามือหนาถูกยื่นมาลูบหัวผมไปมา “เปล่า”

     

    “เหรอ”ผมพึมพำเสียงเบาแล้วเอนหัวซบกับไหล่กว้างนั้น “มึงไม่คิดจะถามเหรอว่าทำไมกูยังไม่เสร็จมัน”

     

    “รอมึงบอก”

     

    “จริงๆเลยพี่กู”ผมส่ายหัวยิ้มๆ แต่รอยยิ้มผมก็พลันหมองลงเมื่อคิดถึงเรื่องวันนั้น “วันนั้นกูเห็นภาพซ้อน”

     

    “ภาพซ้อน?”

     

    “อือ กูเห็นภาพซ้อนกับตัวเองเมื่อสี่ปีก่อน กูตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่หน้าบ้านแล้ว เลยได้แต่รอยพวกนี้แหละกลับบ้าน” ผมยกมือลูบต้นคออย่างลืมตัว “น่าสมเพชชะมัด”

     

    “กูถึงบอกให้มึงลืมๆเรื่องพวกนั้นไปไง”

     

    “หึ ใครจะไปลืมได้ง่ายๆวะ ยิ่งอยากลืมกูยิ่งจำได้มากขึ้น”ผมยกยิ้มสมเพชตัวเอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ เลยหันหน้าไปถามพี่ไฟ

     

    “แล้วนี่มึงไม่ไปหาพี่ตินเหรอวะ ปกติเห็นออกแต่เช้า”

     

    สายตาอันดีเลิศของผมคงไม่ได้ฝาดไป เพราะสีหน้าของพี่ไฟในตอนนี้นั้นแฝงไว้ด้วยความเคร่งเครียดและเศร้าอย่างชัดเจน

     

    “กูไม่ไปแล้ว”

     

    “ฮะ!?”ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “มันเกิดอะไรขึ้น”

     

    “กูแค่ให้เวลาเค้าได้คิดว่าที่จริงแล้วเค้า” ผมเห็นพี่ไฟแอบกำหมัดแน่นเมื่อพูดถึงพี่มาร์ตินี พี่ชายของไอ้ไวน์และไอ้เบียร์ “รู้สึกยังไงกับกูกันแน่ กูเหนื่อยแล้วที่ต้องไล่ตามกับคนที่ไม่ได้เห็นกูอยู่ในสายตาเลย”

     

    “เฮ้ย ไหงงี้อ่ะมึง” ผมร้องประท้วง “ถ้ามึงรักพี่เค้าจริงก็ต้องสู้ดิวะ! ไฟแช็คที่กูรู้จักไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายๆนี่ใช่ไหม? ขนาดตอนมึงต้องไปแข่งบาสที่โรงเรียนอื่นตอนม.5  ที่ตอนนั้นมอเตอร์ไซค์มึงเสียกระทันหันไง จำได้ไหม แถมมึงยังไม่สบายอีก มึงยังดั้นด้นไปแข่งจนได้เลย แล้วเสือกชนะด้วย”

     

    “นั้นมันคนละเรื่องกันเลย” พี่ไฟส่ายหัว “เรื่องพี่ตินน่ะ กูพยายามยังไง ในใจเขาก็มีแต่ไอ้เลวไมนัส ถึงแม้กูจะพยายามเปิดโปงความชั่วของมันขนาดไหน แต่พี่ตินก็ยังเชื่อมัน กูเหนื่อยจริงๆว่ะเทียน”

     

    ”ผมเงียบ เรื่องมันดูเครียดจริงๆวะเฮ้ย ผมจะช่วยอะไรได้มั้งป่ะว้าส่งเมลมาบอกผมที -_-?

     

    “เออ! แล้วมึงไม่มีเรียนเหรอ” ปัญหานั้นช่างก่อน ตอนนี้คือกูสงสัยปัญหานี้มากกว่า

     

    “เรียน”พี่ไฟเหลือบตามองเพดานอย่างครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆหันมามองผมช้าๆ

     

    “เออว่ะ! มีเรียนคลาสเดียวกับไอ้เออร์ไวน์มันนี่หว่า ชิบหายละ! ไอ้เวรนั้นก็ไม่เตือนกูเลย!”พี่ไฟทำหน้าตาเหมือนถูกผีหลอกก่อนจะรีบคว้าเป้แล้วกระโจนออกประตูไป ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงบิดเครื่องดังกระหึ่มบ้านก่อนที่เสียงจะค่อยๆเบาลง

     

    ผมส่ายหน้าระอาใจ

     

    โถ พี่กู เวลามีเรื่องอื่นให้คิดกลับชอบลืมเรื่องเรียนๆไปซะสนิท

     

    ช่างเหมือนกูอะไรซะอย่างนี้ อาเมน ( _ _ )

     

    ……………………………………………………………………………………………………………

    Writer say: ฮี่ฮ้า >0< พรุ่งนี้ไรท์เตอร์เปิดเทอมแล้ว และขึ้นม.6  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไรท์เตอร์ควรจะขยันในเรื่องการเรียนให้มากที่สุด ไรท์เตอร์จึงอยากจะบอกว่า ถ้านิยายมันได้อัพช้าถึงช้ามาก ไรท์เตอร์ก็ขอโทษไว้ก่อน แฮ่ๆๆ ไรท์เตอร์รู้สึกขอบคุณรีดเดอร์และผู้คอมเม้นท์ทุกคนจริงๆ  ถึงจำนวนคนดูหรือเม้นท์จะไม่เยอะ แต่อย่างน้อย...ก็ยังมีคนเข้ามาอ่าน ขอบคุณจริงๆค่ะ T^T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×