ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) Don't rude to me...อย่าหยาบคายกับกูนักสิครับมึง :)

    ลำดับตอนที่ #7 : Don't rude 7: เอิ่ม...(คิดชื่อตอนไม่ออก T^T)

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 55


    6 เอิ่ม(คิดชื่อตอนไม่ออก T_T)

    ก่อนออกจากบ้านไอ้เบียร์ ผมแวะไปดูไอ้ไวน์มา ไข้มันลดลงแล้วแต่คุณลุงคุณป้าแล้วก็ไอ้เบียร์เองกำชับไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าจะหายดี มันที่คิดจะตามผมไปดูการซ้อมดนตรีถึงกับฟึดฟัดเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ ผมต้องปลอบมันใหญ่….

     

    ล้อเล่นน่ะ!! ผมปลอบคนไม่เป็นหรอก ถึงปลอบเป็นผมก็ไม่ปลอบ ไม่ใช่หน้าที่นี่จริงไหม!!?

     

    กว่าจะไปถึงห้องซ้อมประจำก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่า โดนพวกพี่ๆสวดไปหนึ่งบท แต่ก็ไม่เข้าหูผมหรอก ฮ่าๆๆ พอสวดเสร็จทุกคนก็เข้าประจำที่เตรียมซ้อมทันที  วงพวกผมชื่อ เดอะไนท์ (The knight) ที่แปลว่าอัศวิน เท่ป่ะล่ะ!! ในวงมีด้วยกันทั้งหมดหกชิวิต โดยมีไอ้พี่ซาเกลเป็นหัวหน้าวง(ลงมัติเรียบร้อย)ที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้า ไอ้เบียร์มีหน้าที่ตีกลอง ส่วนผมนั้นเล่นเบสกับร้องนำสลับกับไอ้พี่ก้อง(พี่ชายไอ้เกมส์) ที่เป็นร้องนำชาย เพราะโทนเสียงผมจะออกหวานนิดนึง(ขมขื่น) เลยถูกเรียกไปร้องในบางเพลง  แล้วก็มีพี่ปาแปง พี่สาวสุดสวยที่เป็นร้องนำหญิงกับคนสุดท้ายคือไอ้พี่แมทที่เล่นคีย์บอร์ดที่ชอบทำตัวลึกลับยิ่งกว่าผี จะตามตัวทีไอ้พี่เกลบอกโคตรจะเหนื่อย แต่วันนี้พี่เขามาแฮะ แสดงว่าวันนี้ฝนจะตก!!(ล้อเล่นคร้าบพี่แมท)

     

    “ก่อนจะเริ่มซ้อม กูมีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนทราบ”พี่ซาเกลทำเป็นกระแอมเสียงดัง ทุกคนเลยหันไปมองมันเป็นจุดเดียว ในขณะที่พี่ก้องทำท่าเหมือนจะอ้วก

     

    “มึงพูดให้เป็นมึงหน่อยได้ไหมวะ พูดอย่างนี้กูจะอ้วก”

     

    ผมและคนอื่นหัวเราะ แม้แต่ไอ้พี่เกลเองยังหลุดยิ้มเลย

     

    “กูก็ว่างั้นว่ะ เอาเป็นว่ากูมีเรื่องจะบอกพวกมึงก่อนซ้อม”พี่ก้องชูนิ้วโป้งพยักหน้ายิ้มๆ พี่เกลกลั้นหัวเราะแล้วพูดต่อ “เดือนหน้ามีการแข่งขันประกวดวงดนตรีที่โคราช ไม่จำกัดอายุและเพศ และไม่จำกัดแนวเพลง

     

    ”ทุกคนต่างเก็บสีหน้าตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ แต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วมองไปที่ไอ้พี่เกลอย่างใจจดใจจ่อ

     

    “คัดเลือกที่กรุงเทพวันที่ 8 .. เหลือสิบวงไปตัดเชือกที่โคราช เงินรางวัลหนึ่งล้านบาท

     

    “หนึ้งล้าน!!!”ถึงตอนนี้ไอ้พี่ก้องเก็บเสียงเอาไว้ไม่อยู่  ทุกคนก็อึ้งเหมือนกัน มันไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะนั่น ถึงบ้านไอ้เบียร์ ไอ้พี่เกลแล้วก็พี่ปาแปงต่างก็รวยเช็ดกันอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็ต่างมีความคิดที่จะหาเงินด้วยตัวเองเหมือนกันทั้งนั้น ไม่ใช่ขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ

     

    “เออ หนึ่งล้าน ที่สองหกแสน ที่สามสองแสน และที่กูรู้มาคือวงของพวกไอ้ชาติก็จะลงแข่งด้วยและกูไม่มีวันแพ้มันเด็ดขาด เพราะฉะนั้นหน้าที่ของพวกมึงคือ

     

    “ตั้งใจ”พี่ก้อง

     

    “ฝึกซ้อม”พี่ปาแปง

     

    “ไม่ใช่เพื่อรางวัล”พี่แมท

     

    “แต่เพื่อนคนฟัง”ไอ้เบียร์

     

    “และเพื่อโชว์ความสามารถของพวกเรา”และผมที่พูดปิดยิ้มๆ  

     

    “และเพื่อชนะไอ้ชาติ”ไอ้พี่เกลพยักหน้าอย่างจริงจังพอพูดถึงไอ้ชาติ ศัตรูเก่าพวกเรา เหอๆ การแข่งขันนี้ดูเหมือนจะต้องตั้งใจมากกว่าเก่าแฮะ

     

    พวกเราซ้อมด้วยอารมณ์ที่คึกคักกว่าปกติ การซ้อมดำเนินไปได้ด้วยดีจนเมื่อจู่ๆไอ้พี่ซาเกลรับโทรศัพท์แล้วรีบทิ้งการซ้อมไปโดยทิ้งไว้ซึ่งอาการงงเป็นไก่ตาแตกของพวกเรา พี่ก้องเห็นว่าท่านหัวหน้าและมือกีตาร์ก็ไม่อยู่แล้วเลยขอตัวกลับบ้านเพราะที่บ้านจัดงานขึ้นบ้านใหม่(แปลว่าพี่มันโดดมาสิเว้ยเฮ้ย =[]=!) เลยเหลือกันแค่สี่คน

     

    “เอาไงอ่ะ เลิกเลยป่ะพี่”ไอ้เบียร์มันควงไม้กลองไปมาแล้วเอียงคอถามอย่างสงสัย

     

    “เจ้าพวกนั้นจริงๆเลย อะไรของพวกมันนะ”พี่ปาแปงเอาไมค์เคาะมือสีหน้าครุ่นคิด “เอาไงดีแมท”

     

    “ยังไงก็ได้”พี่แมทยักไหล่เนือยๆ

     

    “ย่ะ พ่อก้อนเมฆเดินได้”พี่ปาแปงเลิกสนใจพี่แมทแล้วหันมาทางผม “จะเลิกเลยก็ได้ มากันยังไง ให้แวะไปส่งไหม?”

     

    “ไม่เป็นไรฮะ ผมมีนัดกับแฟนต่อ”ไอ้เบียร์ฉีกยิ้ม ผมกำลังจะอ้าปากตอบพี่ปาแปงรีบหมุนคอหันกลับไปมองไอ้เบียร์งงๆ

     

    “อ้าว แล้วมึงไม่เข้าบ้านเหรอวะ”

     

    ขามามาแท็กซี่กันแล้วขากลับมึงจะทิ้งกูเหรอวะเฮ้ย!!?

     

    “กูไม่ได้บอกเหรอว่าจะไปเที่ยวกับไอ้กิต่อ”ไอ้เบียร์ถามน่าใสซื่อ

     

    -_-“ มึงดูหน้ากูซะก่อนแล้วมึงจะรู้ว่ามึงบอกกูไหม ไอ้เวร! อะไรกัน ทิ้งกูชัดๆ มึงทิ้งกูอ่ะ! ทิ้งกู!!

     

    แต่ในฐานะเพื่อนที่ดีผมต้องเก็บมันไว้ใจเท่านั้นครับ “เออๆ เรื่องของมึง”

     

    “แล้วมึง?”

     

    “เดี๋ยวแวะบ้านมึงเอากระเป๋า จากนั้นก็กลับบ้าน”ไอ้เบียร์พยักหน้าเข้าใจ

     

    จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป ไอ้เบียร์ไปเที่ยวกับไอ้โซล ส่วนผม พี่ปาแปง กับไอ้แมทก็ไปด้วยกัน พี่แมทบ้านใกล้พี่ปาแปงอยู่แล้วก็เลยมาด้วยกันตั้งแต่แรก ส่วนผมก็ขอติดรถไปลงบ้านไอ้เบียร์

     

    ในใจก็คิดถึงแต่เรื่องการแข่งที่ใกล้จะถึงนี่  เรื่องวงไอ้ชาติ เรื่องเงินรางวัล คอยดูนะ

     

    The knight จะต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้!!!

     

    ………………………………………………………………………………………………………

     

    หลังจากบอกขอบคุณพี่ปาแปงและลาพี่ๆทั้งสองแล้ว ผมจึงเดินเข้ามาบ้านไอ้เบียร์คนเดียวโดยปราศจากเจ้าของบ้าน คุณลุงกับคุณป้าคงออกไปทำงานแล้ว ที่เหลือคงแต่พวกแม่บ้านกับคนป่วยสินะ อ๊ะ พี่มาร์ตินีอยู่รึเปล่าหว่า

     

    ผมเดินเหยาะๆขึ้นบันไดชั้นสองอย่างไม่รีบร้อนนัก ผมคุ้นทุกทางในบ้านนี้เหมือนกับมันเป็นบ้านตัวเองเพราะมันเป็นบ้านของหนึ่งในเพื่อนสนิทผมและแน่นอนว่าผมมาบ่อยมาก

     

    “เทียนไข” ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองไปทิศๆที่ได้ยินเสียงคนเรียก “ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ”

     

    “อ้าว พี่ติน!!” พี่มาร์ตินีสะพายกระเป๋าเดินออกมาจากห้องของตัวเองแล้วเดินเข้ามาทักผม ผมยิ้มกว้าง “ไงพี่ จะออกไปข้างนอกเหรอ”

     

    “อื้ม”พี่เขาพยักหน้าน้อยๆ เงยหน้ามองผมแล้วเม้มริมฝีปากเหมือนกังวลอะไรสักอย่าง ผมมองอย่างสงสัยแล้วก็ฉุกคิดได้

     

    พี่กูชอบพี่ตินนี่หว่า!! แต่พี่ตินมีแฟนอยู่แล้วแล้วพี่กูก็คิดจะแย่ง!! อ้าวเวร!แล้วกูจะทำไงเนี่ย

     

    “เทียนช่วยพี่อย่างหนึ่งได้ไหม”

     

    “ฮะ!? ครับ”คงไม่ใช่ให้ผมไปบอกพี่ไฟประมาณว่า “เลิกยุ่งกับฉันสักที” อะไรประมาณนี้หรอกนะ

     

    “พี่เอาอาหารกลางวันไปให้ไวน์น่ะ แต่เขาไม่ยอมกิน พี่ก็เลยจะวานเราให้ไปดูเขาหน่อย ได้ไหม”

     

    อ้อ ผมเลิกคิ้ว “มันเป็นอะไรทำไมไม่ยอมกินข้าวล่ะพี่”

     

    “คือว่าพี่ทะเลาะกับเขานิดหน่อย เขาเลยไม่ยอมกินอาหารที่พี่ทำให้น่ะ วันนี้ป้านิ่มเขาลาหยุดด้วยเลยไม่มีใครทำอาหาร”

     

    “แล้วอาหารอยู่ไหนอ่ะพี่” เอาฟะ กูยอมช่วยพี่เขาก็ได้ ไอ้ไวน์ก็งี่เง่า โตเป็นควายแล้วยังทะเลาะกับพี่ชายอยู่ได้

     

    “วางอยู่บนโต๊ะน่าห้องน่ะแหละ”

     

    “โอเคๆ เดี๋ยวผมกรอกปากมันเอง พี่ไปเถอะครับ”ผมฉีกยิ้มให้พี่เขาวางใจ พี่เขาเลยยิ้มบางๆกลับมาแล้วเดินลงบันไดไป ผมเดินไปที่ห้องไอ้ไวน์แล้วคว้าถาดอาหารขึ้นมาแล้วใช่เท้าเคาะประตูสองสามที(พอดีมือมันไม่ว่าง =.=)

     

    “ใครครับ”เสียงแหบๆตะโกนออกมาจากในห้อง ผมเบ้หน้า ถามมาได้ใครครับ กระแดะชิบหาย โดเรมอนคงมายืนอยู่หน้าห้องมึงมั้ง!!

     

    “กูเอง”

     

    “กูไหนครับ” ผมชักสีหน้า ไอ้ห่านี่กวนตีน -*-

     

    “กูรู้ว่ามึงจำเสียงกูได้ ไม่เปิดกูกลับ” ไม่ถึงสองวินาทีประตูก็ถูกกระชากเปิดจากเจ้าของห้องที่แต่งตัวครึ่งๆกลาง เออร์ไวน์ส่งยิ้มให้ผม ผมเงยหน้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วออกปากถาม

     

    “มึงจะถอดเสื้อเพื่ออะไร คิดว่าเท่เหรอ?” มันยิ้มครับ ชีวิตมันไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากยิ้ม มันเป็นไอ้คุณชายที่ชอบยิ้มเรี่ยราด  ผมล่ะเกลียดยิ้มมันจริงๆ -__- (เห็นแล้วหวั่นไหวอ่ะเด้! : ไรท์เตอร์แซว(โดนโบกหัวทิ่ม))

     

    “กำลังจะเปลี่ยนเสื้อน่ะ เพิ่งอาบน้ำ”ผมส่ายหัวแล้วเดินถือถาดอาหารไปวางตึงบนโต๊ะทำงานมันแล้วหันไปบอกมันเสียงเข้ม

     

    “กินข้าว” กูอุตส่าห์ถือเข้าห้องมาให้เลยนะเนี่ย สำนึกคุณกูซะ!

     

    “พี่ตินบอกให้มึงมาสินะ”มันพูดเสียงเรียบขึ้นมาทันที ผมเลิกคิ้วสูง มันใส่เสื้อแล้วเดินเลยผมไปที่เตียง มันนั่งลงแล้วพูดต่อ “กูบอกแล้วว่าไม่กิน ตราบใดที่พี่ตินไม่ฟังกู”

     

    “กูไม่รู้ว่ามึงกับพี่ทะเลาะอะไรกัน”ผมเดินไปนั่งข้างๆแล้วถอนหายใจแรงๆ “แต่อย่างน้อยก็รู้สำนึกสักนิดก็ดีว่ามึงป่วยอยู่ อย่ามาเล่นตัวให้มาก  อย่างเมื่อวานก็เหมือนกัน ไม่เจียมตัวเอง สลบไปทิ้งปัญหาให้กูซะเพียบ”

     

     

    “ไอ้เบียร์ตกใจแทบตายตอนเห็นสภาพมึง เหอะๆ มันจะฆ่ากูด้วยซ้ำตอนรู้ว่ากูพามึงไปมีเรื่องมา”ผมหัวเราะขื่นๆนึกถึงเหตุเมื่อเช้าตอนนั่งแท็กซี่ไปห้องซ้อม “ทุกคนเป็นห่วงมึงนะเว้ย ดูแลตัวเองหน่อย โห่ ต้องให้เด็กอย่างกูสอน มึงมันอ่อนว่ะ”

     

    “แล้วมึงล่ะ?”

     

    “อะไร”ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของเออร์ไวน์  มันหันมามองผมนิ่งๆ สบตากับผมอย่างจริงจัง

     

    “มึงเป็นห่วงกูบ้างรึเปล่า”

     

    สิ้นคำถาม ผมเงียบ ก้มหน้ามองขาตัวเอง ผมเป็นห่วงมันรึเปล่า? ไอ้อาการกระวนกระวายตอนมันสลบไปนี่เรียกว่าเป็นห่วงรึเปล่าวะ? แต่คนอย่างผมมันไม่สิทธิ์ที่จะห่วงมัน ผมไม่ควร

     

    “เทียน”

     

    แต่ผมไม่อยากโกหกใคร ถึงแท้ว่าคนๆนั้นจะเป็นไอ้เออร์ไวน์ก็ตาม “กูไม่แน่ใจ บางที

     

    ผมเงยหน้าสบตามันอีกครั้ง แล้วตอบคำถามที่ร่างสูงอยากรู้ให้ฟัง

     

    “กูอาจจะเป็นห่วงมึงก็ได้”

     

    ………………………………………………………………………………………………………………

     

    ผมกลับมาบ้านด้วยอาการหลากหลายประการผสมปนเปกันไปหมด  ทั้งหงุดหงิด ไม่พอใจ  สับสน  ว่างเปล่า หวั่นไหว เขิน อาย มีความสุข อะไรของกูครับเนี่ยยยยยยย

     

    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ ทำไมทำหน้ายังกะโดนฉกพรหมจรรย์มายังนั้นล่ะ”

     

    ยังโว้ย!คำทักทายยามเข้ามาในบ้านของน้องสาวทำเอาผมแทบสะดุดพรมหน้าประตูบ้าน ผมหันไปมองน้องสาวด้วยอารมณ์เซ็งจิตแล้วเดินพรวดๆไปที่บันได ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวกลับถูกมือมารกระชากคอเสื้อผมไว้ซะก่อน =_=

     

    “ช้าก่อนพี่ชาย ทำไมถึงไม่ตอบคำถามสาวน้อยคนนี้ล่ะ? ทำตัวแปลกนะเนี่ย”ไม้ขีดปล่อยมือออกจากคอเสื้อผมแล้วหมุนตัวผมให้ไปเผชิญหน้ากับเธอ  ผมเลยใช้กล่องเบสทิ่มๆไปที่แขนน้องสาว

     

    “ไม่ใช่เรื่องของเธอ”

     

    “โหย อะไรวะ”ไม้ขีดบ่นหน้าบูดบึ้งก้มมองผมตั้งแต่เท้าจรดขึ้นหัว ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นยัยขีดเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “หึหึ” และเสียงหัวเราะที่สยอง

     

    =_=?” สีหน้าแบบนั้นไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยแฮะ ผมทำบ่อยผมรู้

     

    “มันต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่างล่ะน่า!!”ว่าจบยัยไม้ขีดก็กระโจนเข้ามาจับๆกระชากๆเสื้อผม ผมตกใจจนเกือบปล่อยกล่องเบสตกและต้องตกใจมากขึ้นอีกเมื่อยัยขีดกระชากเสื้อแจ็กเก็ตผมจนเปิดโล่ง

     

    “นี่มัน”ไม้ขีดอ้าปากค้าง ผมยืนช็อคกับสภาพตัวเอง กล่องเบสที่หวงแหนมาตลอดถูกปล่อยตกพื้นอย่างไม่สนใจ เสื้อแจ็กเก็ตที่ถูกรูดซิปลงจนเห็นเสื้อกล้ามสีดำที่ใส่อยู่ข้างใน แถมยังคอกว้างซะจนเห็น “รอย” พวกนั้นทั้งหมดด้วย

     

    “ใครทำ? เมื่อคืนเหรอ?” ยัยไม้ขีดดูเหมือนจะเอ๋อไปชั่วขณะ เอาแต่จ้องที่คอผมแล้วพูดพึมพำ ผมอายจนหน้าร้อนไปหมด ถ้าทำได้ตอนนี้ ผมอยากจะหนีไปอลาสก้าที่สุด! “พี่ชายฉัน พี่ชายฉัน”

     

    “อย่าเว่อร์ไป มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ!”ผมรีบตั้งสติแล้วเอ่ยเสียงขุ่น

     

    “มึงควรจะกินข้าวได้แล้วนะ”

     

    “ไม่อยากกิน”

     

    “เฮ้ย! จะทำอะไรวะ”

     

    “กูอยากกินมึง”

     

    …!!

     

    ผมเดินตึงตังเข้ามาในห้องของตัวเอง ล็อคประตู เดินกลับไปที่มุมห้องวางเบสลงเบาๆแล้วเดินกลับมาที่เตียงเขวี้ยงเป้ทิ้ง

     

    “ปล่อยเดี๋ยวนี้”

     

    “ไม่”

     

    “ไอ้เออร์ไวน์!!

     

    “มึงชอบกูรึเปล่า”

     

     

    “ชอบกูบ้างไหม สักนิดในใจของมึง มีกูอยู่ในนั้นไหม เทียนไข

     

     

    “กูรักมึง”

     

    วินาทีที่ถูกบอกรัก วินาทีที่ผมหลบสายตาอย่างสับสน วินาทีที่เออร์ไวน์ไล้นิ้วไปมาริมฝีปากผม วินาทีที่ริมฝีปากอุ่นของร่างสูงทาบทับลงมาที่ริมฝีปากผม ราวกับทุกส่วนของร่างกายผมถูกแผดเผาและร่างกายที่ไม่ยอมฟังคำสั่งของสมอง

     

    “อื้อ”เหมือนกับจะขาดอากาศหายใจ ร่างสูงที่คร่อมตัวผมอยู่จึงถอนริมฝีปากออกในที่สุด ผมหอบหายใจแรง พยายามยันตัวขึ้นแต่กลับถูกดันลงไปนอนราบกับเตียงเหมือนเดิม ไม่รู้แรงมันหดหายไปไหนหมด แต่ไอ้ไวน์กลับไม่เป็นเหมือนผม มันถอดแจ็กเก็ตผมอย่างรวดเร็วแล้วเขวี้ยงทิ้งไปก่อนจะหันกลับมามองผมที่เหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำ มันยิ้มบางๆแล้วเลิกเสื้อกล้ามผมขึ้น ผมเอ่ยปรามเสียงอ่อน

     

    “พอได้แล้วอ๊ะ! ไอ้”ผมหลับตาปี๋กัดริมฝีปากแน่น ไอ้ไวน์มันเลียแล้วกัดหัวนมผม! ทั้งเจ็บทั้งเสียว ทรมานชิบหาย! ผมพึ่งรู้ว่าไอ้คนที่ตามจีบผมมาหลายเดือนแอบซาดิสม์ก็วันนี้นี่แหละ มันฝากรอยไว้เต็มลำคอและหน้าอกผม ผมหลับตาลงอย่างอายสุดขีด และเจ็บใจตัวเองที่ไม่ขัดขืน แต่ทว่า

     

    “รักนะครับ”เสียงแหบๆและสัมผัสอุ่นตรงหน้าท้องทำเอาผมสะดุ้งเฮือก วินาทีนั้นราวกับผมย้อนเวลากลับไปในวันนั้น

     

     เหมือนกันเลย พูดเหมือนกันเลย

     

    ผมลืมตาและลุกขึ้นพรวดอย่างตกใจสุดขีด  ความทรงจำเลวร้ายทำเอาผมลืมไปหมดทุกสิ่ง ลืมว่ากำลังทำอะไรกับใคร และที่ไหน ลืมว่าเขากับคนนั้นเป็นคนละคนกัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อยู่หน้าบ้านของตัวเองเสียแล้ว

     

    ใช่ ผมไม่รู้ตัวว่ากลับมาได้ยังไง  แต่ก็ยังดีที่พอรู้ตัวแล้วมือข้างหนึ่งผมถือกล่องเบสส่วนอีกข้างก็สะพายเป้เรียบร้อยแถมยังใส่แจ็กเก็ตกลับคืนเรียบร้อยอีกต่างหาก เออ ประหลาดดีเว้ยกู

     

    ผมทิ้งตัวลงกับเตียงแล้วพ่มลมหายใจอย่างแรง ดีแค่ไหนแล้วที่กลับมาบ้านถูก บ้าเอ๊ย! ทำไมมึงทำตัวอย่างนี้วะไอ้เทียนไข!!  งี่เง่าชะมัด

     

    “โว้ยยยยยยยยยย”

     

    มันอะไรกับกูกันวะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

    ……………………………………………………………………………………………………………

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×