คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Don't rude 3 : ยอมขอโทษ(ก็ได้วะ!)
2 ยอมขอโทษ(ก็ได้วะ!)
“ใจร้าย”
“ใจดำ”
“ไม่มีหัวใจ”
“กูเสียใจนะมึง”
โว้ยยยยยยยยยยยยยยย
“พอได้แล้ว!! พวกมึงน่ะ เพื่อนกูหรือเพื่อนมันกันแน่ ไซโคกูกันอยู่ได้!!”ผมแว้ดใส่พวกมันอย่างหมดความอดทน ตลอดสามวันที่ผ่านมาพวกมันทำผมแทบจะบ้าตาย! ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่อง ข่าวก็ออสโมซิสไปทั่วโรงเรียน(ฝีมือใครวะ!) จึงไม่แปลกที่พวกเพื่อนๆผมมันก็รู้ไปด้วย พวกมันจึงเริ่มปฏบัติการไซโคหัวใจไอ้เทียนไข?กันอย่างมุ่งมั่น โดยที่ผมเริ่มประสาทเสีย ต้องคอยวิ่งหนีหลบพวกมันทั้งๆที่เป็นเพื่อนกัน -_-;; จะดีหน่อยก็ตรงที่เกมส์กับสายไหม ผู้หญิงสองคนในกลุ่มที่สนิทกับผมมาตั้งแต่ประถม เราสามคนอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนมอสาม ที่มีไอ้เฟียสต้ากับไอ้ลาเต้เข้ามาเพิ่มและไอ้ฟองเบียร์ที่เข้ามาใหม่ตอนมอสี่ สองคนนี้เป็นคนที่รู้ดีว่าผมปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาเพราะอะไรและทำไม ดีมากที่ยัยสองคนนี้เรียนอยู่ห้องเดียวกับผม ผมจึงมีเวลาอันสงบสุขบ้าง
แต่ที่ผมแปลกใจที่สุดก็คือไอ้ฟองเบียร์ ตอนแรกผมอุตส่าห์เตรียมใจไว้แล้วแท้ๆว่ามันต้องโกรธแน่ๆ แต่กลับผิดคาด มันไม่โกรธผมอย่างที่คิด มันยังคุยกับผมเหมือนเดิม ผมโคตรอยากกระโดดกอดมันมากแต่
อีกทางนึง ผมก็โคตรอยากจะกระโดดถีบมันเหมือนกัน เพราะมันเป็นคนกระจายข่าวบ้าๆทั้งหมดนี่!! โว้ย! คิดแล้วยังหงุดหงิดไม่หาย
“เอ้า! ทำไมพวกมึงสองคนไม่พูดล่ะ พูดออกมาเลย!ชิ!กูจะตายก่อนแกเพราะเพื่อนกูเองนี่แหละ!” พาลครับ ผมเริ่มพาลไปทั่ว ก็รู้อยู่ว่าเกมส์กับสายไหมกับเกมส์ไม่ร่วมไซโคผมเพราะอะไร แต่ผมก็ยังไปหงุดหงิดใส่ เลยโดนไอ้เกมส์ประทับฝ่ามือมาที่หัวผมทันที
ผัวะ
“โอ๊ย!มาตีหัวกูทำไมเนี่ย”ผมยกมือลูบหัวตัวเองป้อยๆ มองไอ้เกมส์ที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆตาเขียวปั๊ด
“กูกับไหมอุตส่าห์นั่งเงียบๆไม่พูดอะไร คันปากฉิบหาย อย่าให้กูแฉนะมึง”
“อย่านะ!”ผมร้องทันที ไอ้พวกสี่ตัวที่เหลือจ้องผมพร้อมกันทันที
“มีคำถาม”ไอ้ฟองเบียร์ถามออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ตอบ!”ผมก็ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“งั้นไม่ถาม แต่ขอพูด นั่งนิ่งๆแล้วฟังกูซะ”
“-_-!!” ไม่พ้นพูดจาดราม่าให้ผมรู้สึกผิดอีกแน่ๆ ผมเบ้ปากแล้วตักข้าวยัดปากคำโตแก้หงุดหงิด
“เรื่องวันนั้น
”
“วันไหน?”ผมเลิกคิ้ว
“ไอ้กวนตีน -*- เรื่องวันที่มึงว้ากใส่พี่เออร์ไวน์ไงวะ!”ไอ้ลาเต้ขมวดคิ้วบอกผม แต่ผมกลับเลิกคิ้วสูงขึ้น
“ว้ากอะไร? ใครเออร์ไวน์? กูไม่รู้จัก”
“อ๋อ ไอ้แมวน้ำ มึงเล่นมุกนี่ใช่มั๊ย กูไม่สนหรอกนะว่ามึงตัวเล็ก ต้องให้กูเสยเรียกความทรงจำไหมหา!?”ไอ้ลาเต้ถลึงตาแล้วจะกระโจนเข้ามาหาผมแต่ไอ้โซลกิดึงตัวไว้
“กูกลัวรึไง? มึงก็ไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่ากูเลยไอ้เต้!”
“ไอ้เทียนไข!”
“ทำไม ไอ้ลาเต้!”
“พวกมึงหุบปาก! เงียบกันเดี๋ยวนี้ ”ไอ้โซลกิว่าเสียงเข้ม มันปรายตามองไอ้เต้ดุๆ “ไอ้เต้ มึงอย่ามาทำเสียเรื่องสิวะ” ไอ้เต้อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่แล้วก็ต้องหุบเงียบเหมือนเห็นไอ้เบียร์มองมา
“ส่วนไอ้เทียน ถ้ามึงไม่นั่งฟังเงียบๆ กูกับไอ้เฟียสจะจับตัวมึงไปซ้อมแม่ง”
“มึงไม่กล้าหรอก”ผมพูด "ถึงกล้า มึงก็สู้กูไม่ได้" โซลกิชะงักไปแล้วเสมองไปทางอื่น
“เออใช่ ”ไอ้เบียร์พยักหน้าหงึกหงัก มันเลยโดนแฟนมันเขกหัวเข้าให้
“กูกำลังช่วยมึงอยู่นะ ขัดกูทำไมมิทราบครับ”
“ก็กูเห็นด้วยกับไอ้เทียนนี่นา”ฟองเบียร์บ่นอุบอิบ หันไปค้อนใส่ไอ้โซลกิก่อนจะเบนสายตากลับมามองผมอีกรอบ
“สรุปจะฟังกูพูดไหม?”
“เออ รีบๆพูดให้มันจบๆสักที หลายวันมานี่กูฟังพวกมึงพล่ามมานานพอละ กูให้ครั้งพูดสุดท้าย ไม่งั้นกูจะไปฆาตกรรมพี่มึงให้มันจบๆไป” แว็บนึงผมเห็นไอ้เบียร์หลุดยิ้มออกมาก ผมเลยเสริม “อ้อ กูเอาจริง ไม่ได้พูดเล่น พวกมึงก็รู้นี่ว่าไอ้พี่ซาเกลมันเป็นใคร”
“
” พวกมันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เกมส์กับสายไหมที่นั่งเงียบไร้บทบาทมานานพากกันกลั้นยิ้มสุดชีวิต
เพราะมันสองคนรู้ว่าผมแค่ขู่ ใช่ ผมแค่ขู่พวกมันเฉยๆ =_= ถึงแม้ว่าไอ้พี่ซาเกล รุ่นพี่ที่สนิทที่สุดของผมจะมีครอบครัวเป็นมาเฟียใประเทศจีนจริงๆก็เถอะ แต่ว่ามันก็ไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวสักเท่าไหร่ ยกเว้นจะมีเรื่องสำคัญจริงๆอ่ะนะถึงค่อยพึ่งอำนาจของครอบครัว
“เล่ามาเร็วๆ ถึงกูจะไม่ได้รีบไปไหนก็เถอะ”ผมแกล้งแสยะยิ้มเย็นๆ ไอ้เบียร์มองผมอย่างกลัวๆ ในขณะที่ผม ตักข้าวกินด้วยท่าทีสบายๆ เกมส์กับสายไหมกินเสร็จแล้ว สองคนนั้นจึงเอาจานไปเก็บแล้วเดินมาบอกที่โต๊ะว่าจะไปหาซื้อขนมกินสักพัก ไอ้เฟียสพยักหน้ายิ้มๆ สองคนนั้นจึงเดินลั้ลลาจากไป ปล่อยให้ผมเผชิญกับไอ้สี่ตัวนี่คนเดียว เอาเถอะ นั่งๆฟังไปเดี๋ยวก็จบ
“พี่กูเจ็บ
”
“
” แน่ล่ะสิ โดนผมว่าขนาดนั้นไม่เจ็บก็แปลกละ ผมขมวดคิ้วพลางตักข้าวเข้าปาก
“วันนั้น พอกลับบ้านไป ปรากฏว่าพี่กูไม่ได้ไปเรียน แต่นอนตายอืดอยู่บนโซฟา ไม่พูดกับใคร ดวงตาแดงก่ำถึงแม้จะไม่ได้ร้องไห้ออกมาก็เถอะ แต่กูรู้ว่าพี่กูเจ็บมาก”
ตายอืด? =_= เป็นคำอธิบายพี่มึงที่ดีมากไอ้เบียร์ แต่ที่มันพูดมามันก็เล่าให้ผมฟังหมดแล้วนี่หว่า ถึงแม้ผมจะชอบทำเป็นหูทวนลมอยู่ก็เถอะตอนนั้น
“
”ผมมองหน้ามันนิ่งๆแล้วตักข้าวเข้าปากไปอีกคำ
“กูขอเหอะนะไอ้เทียน ไปหาพี่กู ไม่ต้องขอโทษก็ได้ แต่แค่ไปหา ไปคุยกันดีๆ นะมึงนะ”มันสบตาผมด้วยด้วยตาปิ๊งๆ ผมแอบเบ้ปากแล้วกินข้าวต่อด้วยหน้านิ่งๆ
“กูก็ขอร้องมึงด้วยไอ้เทียน ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง
ที่เคยเจ็บมาเหมือนกัน” ไอ้โซลพูดสีหน้าเครียด
“เจ็บอะไร ไอ้เบียร์มันเคยด่าหรือไล่มึงเหรอไง”ไอ้โซลพ่มลมหายใจพรืด
“ไม่ด่าไม่ไล่ก็เหมือนกันนั่นล่ะ ลืมแล้วรึไงว่ามันเคยชอบน้องสาวกู แล้วกู
ต้องผลักไสน้องสาวกูให้มัน ทั้งๆที่กูก็รักมันเหมือนกัน หึ เจ็บแทบตาย” มันแค่นหัวเราะเมื่อเล่าถึงความหลังที่ผมไม่ค่อยรู้ลึกมากนัก
“มึงอ่ะ อย่ารื้อฟื้นดิ”ไอ้เบียร์พูดเสียงอ่อน แล้วคว้ามือไอ้โซลกิมากุมแน่น “กูรักมึงคนเดียวอยู่แล้วล่ะน่า”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
“ก็ดี อื้อ อย่ามาเนียนบีบจมูกกู นี่โรงอาหารคนอยู่เยอะแยะไอ้บ้า”ผมมองไอ้โซลกิที่ยกมือไปบีบจมูกไอ้เบียร์และไอ้เบียร์ที่ย่นคอหนีอย่างเซ็งๆ
บรรยากาศหวานๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่
มันใช่เวลาไหมวะนี่!? เพื่อนพวกมึงกำลังนั่งอยู่กันสลอน แล้วเมื่อกี้มึงพึ่งเปิดประเด็นดราม่ากับกูอยู่เลย แป็บเดียวหันไปเล่นกันซะล่ะ -_-
“เออ กูมีเรื่องจะบอกมึงด้วย”ไอ้เต้รีบหันมาพูดกับผม เหมือนจะเอียนๆไอ้คู่รักนี่เหมือนกัน “เรื่องพี่ไวน์” มันเสริมเมื่อเห็นผมทำหน้างง
“อ้อ เรื่องอะไร”
“พี่ไวน์ไม่ได้ไปเรียนมาสามวันแล้วนะเว้ย”
เคร้ง
“อะไรนะ”ผมเงยหน้ามองมันอึ้งๆ เผลอปล่อยช้อนตกจากมืออย่างตกใจ “เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ”
“พี่-ไวน์-ไม่-ได้-ไป-เรียน-สาม-วัน-แล้ว”ไอ้เต้พูดใหม่ ช้าๆชัดๆ
“ทำไม ทำไมถึงไม่ไปเรียนล่ะ” เพราะผมงั้นเหรอ ถึงกับไม่ได้เรียน
เป็นเพราะผมเหรอ
“ตั้งแต่วันนั้นล่ะ พอกูกลับบ้านไปตอนเย็น ค่ำๆอยู่ดีๆมันก็ออกไปไหนไม่รู้ กลับมาอีกทีดึกๆ แล้วมึงรู้ใช่ไหมเทียนว่าวันนั้นสภาพอากาศเป็นยังไง” ไอ้เบียร์ตอบผม เสียงมันสั่นนิดๆตอนพูด
“ตอนค่ำๆฝนตก
หนัก”ผมกำหมัดแน่น เผลอกัดริมฝีปากล่างเมื่อนึกถึงสภาพอากาศในวันนั้น วันนั้นตอนกลางคืนฝนตกหนักมาก ผมยังบ่นเรื่องนี้กับพี่ไฟกับยัยขีดอยู่เลย
“กลับมาสภาพตัวเปียกโชก ตาแดงก่ำ วันต่อมาก็เลยไข้ขึ้นสูง ตอนนี้ยังไม่หายเลย”แล้วไอ้เบียร์ก็เงียบไป ผมหลับตาลงสงบสติอารมณ์ตัวเองครู่นึงก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่
“ทำไมพึ่งมาบอก”
“เอ๋?”ทุกคนทำหน้างง ผมกลอกตาไปมาแล้วถามใหม่อีกรอบ
“ทำไมพึ่งจะบอกว่ามันป่วย”
“นี้แปลว่า มึงจะไป
หาพี่กู!?”ไอ้เบียร์รีบถามทันที ผมขมวดคิ้วไม่ตอบ กลับถามคำถามซ้ำ
“ทำไมพึ่งมาบอก” ไอ้เบียร์ชะงักแล้วเงียบไป ผมหรี่ตามองนิ่งๆทั้งที่ตอนนี้ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะระงับร่างกายตัวเองไม่ให้มันสั่น
ไอ้เออร์ไวน์ ไอ้บ้านั่น คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีหรือไงวะ!!? ไปเดินตากฝนเนี่ยนะ เฮอะ บ้าไปแล้ว กะอีแค่ผมปฏิเสธมันเนี่ยนะ !? เจ็บขนาดนั้น??
“พี่ไอ้เบียร์บอกว่าไม่ต้องบอกมึงหรอก ยังไงมึงก็ไม่สนใจพี่เขาอยู่ดี”ไอ้เฟียสตอบแทน
ปัง!!
“ไอ้เหี้ยนั่น! เห็นกูเป็นคนยังไงวะ!”ผมลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธที่พุ่งปรี๊ดเข้ามา ระงับไม่ไหวแล้ว(โว้ย!)
“ก็เป็นคนที่ไม่ได้ชอบพี่เขามั้ง”ไอ้เต้พึมพำ แต่ขอโทษ!ประสาทหูผมดีกว่าสมองอีก! คิดเหรอว่าผมจะไม่ได้ยินน่ะ! ผมตวัดตาไปมองมองมันทันที
“กูไม่ได้บอกว่าไม่ชอบสักหน่อย! ไอ้เบียร์! เตรียมตัวไว้เลย เย็นนี้กูจะไปบ้านมึง!!”
“อะ
เอาจริงเหรอ มึงจะไปจริงๆนะ”
“กูพูดแล้วไม่มีทางคืนคำ!!”
น้องชายที่น่ารักของมันพูดไซโคซะขนาดนี้ จะไม่ให้ผมไปเยี่ยมหน่อยได้ไงล่ะจริงไหม? แหม ก็ผมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นนี่นา!!!
เห็นด้วยไหม!?
ความคิดเห็น