คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1 : Kim Jongin
1 Kim Jongin
“เฮ้ยจงอินมึง! ได้ทำการบ้านมารึเปล่าวะ?”
“เปล่า”
“กูก็ยังไม่ได้ทำว่ะ มาโรงเรียนสายงี้ มีหวังไม่ได้ส่งแหงๆ”
“ก็ช่างแม่งดิวะไอ้หูกาง มึงเคยแคร์ด้วยหรือไงเรื่องการบ้านน่ะ” คิมจงอินว่าทำเอาเพื่อนสนิทอย่างปาร์คชานยอลหัวเราะร่า
ไอ้จงอินมันก็พูดถูกนะ คนอย่างปาร์คชานยอลน่ะ...
“ไม่เคยว่ะ -.-“
“เออ แล้วจะมาถามกูทำเพื่อ”จงอินส่ายหัวอย่างหงุดหงิดแถมด้วยยางลบก่อนใหญ่ที่ปาใส่เล่นเอาชานยอลเกือบหลบไม่ทัน
“ไม่เอาน่า! เลิกหงุดหงิดได้แล้วมึง กะอีแค่พี่คยองซูเขาไม่รับรักมึง ไม่เห็นต้องหงุดงหงิดขนาดนี้เลยนี่วะ”
“ไม่หงุดหงิดได้ไงวะ! กูรักของกูนะเว้ย”จงอินแหวเสียงดัง ดีที่คาบนี้เป็นคาบฟรี ทั้งห้องเลยคุยกันเสียงดัง เขาสองคนเลยไม่ได้ตกเป็นเป้าสนใจอะไร “กูตามจีบของกูมาตั้งนาน แล้วอยู่ๆไอ้คุณหนูมาเฟียนั่นก็เข้ามา แม่ง! แล้วพี่คยองซูก็ไปรักมัน! โหย เจ็บชิบหายเลยว่ะมึง”
“ใจเย็นมึง แล้วนี่มึงไม่ได้ไปทำอะไรกับพวกเขามาใช่ป่ะวะ มาเฟียนะมึง!”เนื่องจากเรื่องเกิดตอนเย็นวันศุกร์ แล้ววันหยุดจงอินก็โทรเรียกชานยอลให้ไปผับเป็นเพื่อน พอเขาไปถึงไอ้จงอินก็กระดกเอาๆจนหลับไป สรุปคือเขาก็ไม่รู้เหี้ยอะไรเลย -*- รู้แค่ว่าไอ้จงอินมันอกหักจากพี่ที่ตามจีบมาสักระยะเท่านั้น
เออดี วันนี้ล่ะกูจะเค้นคอมึงออกมาให้หมด เผื่อมันไปก่อเรื่องอะไรไว้ เพื่อนสนิทอย่างกูจะได้ชิ่งทัน ก็แหม~อีกฝ่ายเป็นมาเฟียเลยนะเว้ยครับ -0- ถึงกูกับมึงจะมีเรื่องกับคนอื่นเขาประจำแต่ไอ้จงอินครับ เพื่อนก็เพื่อนเถอะกูขอบาย (_ _);;
“ไม่ทำห่าไรล่ะ เห็นแผลบนหน้ากูมั๊ยเนี่ย เห็นเตี้ยๆงั้นเก่งชิบหายเลย”จงอินสบถและนั่นทำเอาชานยอลเบิกตาโตเลยทีเดียว
ฟัคจอร์จแล้วครับพี่น้องโผ้มมมมมมมมมมมมมมมมมม
“ไอเหี้ยจงอิน!!มึงไปมีเรื่องกับมาเฟียเหรอวะ ว้ากๆๆ เดี๋ยวก็โดนเก็บยกครัวหรอกแม่ง!”จงอินชะงัก ตาคมที่มีแต่รอยฟกช้ำเหล่มองชานยอลอย่างเอือมๆ
แม่งดูหนังมากไปป่ะวะเพื่อนกู กูไม่ได้ไปเผาบ้านเขานะห่า -_-
“มึงคิดว่ากูจะโดนเหรอ”จงอินถามหน้านิ่ง แต่ในใจนี่ขำหึๆ ดูปฏิกิริยาไอ้ชานยอลมันดิ โอเวอร์มากกุฮาแปป
“เออสิวะ! มึงคิดไงไปมีเรื่องกับมาเฟียวะฮะ! สลัดผักต้มยำกุ้ง! นี่ถึงเราจะมีพรรคพวกแต่มันก็สู้มาเฟียไม่ได้หรอกนะเว้ย! ตายแน่!”
เอ้า เอาเข้าไป กูไม่ได้คิดจะยกทัพไปมีเรื่องกับพวกมันสักหน่อย! คิดมากไปละมึง
“อย่ามาเว่อร์ให้มาก กูกับมันเคลียร์กันจบแล้วตั้งแต่วันศุกร์ ทุกอย่างจบแล้ว กูจะปล่อยพี่คยองซูไป...” ยิ่งคิดยิ่งเจ็บจี๊ด คิมจงอินเกิดมาสิบเจ็ดปีไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน! แล้วนี่อะไร! โธ่เว้ยยยยย!!!!
“เฮ่ย อย่าเครียดนะมึง ผู้ชายน่ารักๆมีถมเถไปให้มึงเลือก!! มึงออกจะหล่อออกจะดำ! แค่กระดิกนิ้วก็เข้ามาหามึงให้พรึบแล้ว!”
มึงชมกูสินะไอ้ยอล...
“ขอบใจ มึงช่วยให้กูรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยว่ะ!”
“ไม่เป็นไรเว้ยเพื่อนกันๆ” ยังมีหน้ามายิ้มระรื่น ไอ้สัสยอล! กูประชดมึงครับโว้ยยย
“เหอะ กูไปดีกว่า” อยู่ต่อไปก็ไม่มีอารมณ์เรียน
“ไปไหนวะ”
“ผับ”
“เห้ย! จะแดกเหล้าแต่หัววันเลยเหรอวะ เฮิร์ทหนักขนาดนั้นเลย?” ชานยอลทำตาโต
“ขนาดที่มึงคาดไม่ถึงเลยล่ะ”จงอินแค่นหัวเราะ คว้าเป้ขึ้นมาสะพายบ่า “ถ้าพวกซามูเอลมีอะไรก็บอกให้คุยกะมึงไปเลย กูจะขอลาป่วยสักพัก ขี้เกียจยุ่ง”
“เอางั้นอ่อวะ” ชานยอลถามอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อจงอินพยักหน้าจึงได้แต่เออออไปด้วย “เออๆเดี๋ยวกูจัดการเอง”
“ดี อย่าหลับในเวลาเรียนนะมึง” จงอินแสยะยิ้ม
“ถุยยยยย!!! ย้อนดูตัวเองมั่งเหอะครับเสี่ยยยยยยยยย”
...............................................................................................................
กองการบ้านนี่ก็ยังหนักเหมือนเคย...
เห้อ...ผมถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน
ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าผมอุตส่าห์ให้พวกเขายืมลอกงานนั่นนู่นนี่อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่จะมีใครมีน้ำใจมาช่วยผมถือไอ้กองการบ้านที่หนักชิบไปส่งอาจาร์ยสักนิด
บ่นไปก็เท่านั้น ความจริงน่ะเซฮุนชินแล้วล่ะ...มั้ง
การที่เข้ามาเป็นเด็กทุนคนเดียวตอนมัธยมปลายปีสองมันไม่ค่อยใช่เรื่องน่าอถิรมย์เท่าไหร่ แต่การที่โอเซฮุนอยากพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่ดูว่าตัวเองก็ฉลาดอยู่อะไรอยู่ เลยพยายามสอบเข้าโรงเรียนมัธยมในย่านการค้าชื่อดังนี่แล้วสุดท้ายก็ได้ เก๋มั๊ยล่ะ ได้คนเดียวซะด้วย
แต่ปัญหาก็คือเรื่องการปรับตัวต่างๆนี่ล่ะ การสองชิงทุนได้ทุกคนก็เลยคิดว่าโอเซฮุนคนนี้น่ะ เป็นเด็กเรียน ยอมคนง่ายและไม่มีอันจะกิน
โอเค...เรื่องยอมคนง่ายนี่ยอมรับ ก็ผมน่ะมันพวกใจอ่อนง่ายนี่นา...แต่เรื่องเป็นเด็กเรียนกับเรื่องมีอันจะกินนี่เก็บพับไว้ใต้เตียงได้เลย
ใครคิดกันว่าผมเป็นเด็กเรียน? ผมก็แค่ขยันและมีความรับผิดชอบกับงานจะทำต่างหาก แล้วอีกอย่างผมก็ยังไม่ชินกับที่นี่ เลยไม่ค่อยคุยกับใครมาก บุคลิกผมก็เป็นคนนิ่งๆด้วยล่ะมั้ง ออกจะเฉื่อยชาและโลกส่วนตัวสูงไม่เน้นพูดออกมา เน้นพูดคนเดียวในใจแทน...ฮะๆ
แล้วใครคิดกันว่าบ้านผมไม่มีอันจะกิน ผมแบรนด์เนมทั้งตัวนะไม่มีใครสังเกตกันมั่งหรือไง ตาถั่วจริงๆ =_= (จริงๆก็ยกเว้นชุดยูนิฟอร์มที่ใช้แบบมือสอง เหตุเพราะมาเข้าทีหลังชุดเลยหมดสต็อก -0-)
มาจะกล่าวบทไป...ครอบครัวผมทำอาชีพนำเข้าและส่งออกเฟอร์นิเจอร์อยู่ที่ฮ่องกง ใหญ่และมีฐานคนซื้อในปริมาณเยอะพอดู อีกอย่างผมก็เป็นลูกคนเดียว ฐานะการเงินของครอบครัวผมเลยถืออยู่ในระดับดีเลยล่ะ
แต่ก็เพราะไม่มีใครถาม ผมเลยไม่มีความจำเป็นที่ต้องเล่าให้ใครฟังว่าตัวเองเป็นลูกเต้าเหล่าใคร นิสัยเป็นยังไง บลาๆ ทุกคนก็เลยเข้าใจผิดผมจนถึงทุกวันนี้...
พลั่ก!
“อ๊ะ”ผมอุทานออกมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเดินเหม่อไปหน่อย เหม่อจนไปเดินชนคนที่เดินเหม่อมาเหมือนกันจนไม่รู้ว่าใครเดินชนใครกันแน่
“มึงเดินยังไงวะเนี่ยถึงมาชนคนอื่นเขาน่ะหา?” เอิ่ม...แต่รู้สึกว่าคนตรงหน้าจะคิดว่าผมเป็นคนชนสินะ เลยมายืนหาเรื่องผมที่รีบก้มเก็บกองการบ้านที่หกระเนระนาดเต็มทางเดิน
“ฉันขอโทษ” เอาเป็นว่าผมผิดก็ได้เอ้า! ผมงึมงำๆพูดในขณะที่กำลังระดมเก็บไอ้กองการบ้านเฮงซวยนี่ ไม่ได้สนว่าคนตรงหน้าจะรับรู้และเดินจากไปหรือจะอยู่หาเรื่องผมต่อ ผมแม่งเป็นคนซุ่มซ่าม...
“คราวหลังเวลาเดินก็ลืมตาซะบ้าง” ผิดคาด เหมือนคนตรงหน้าจะไม่ไปไหนและยังมีน้ำใจมาช่วยผมนั่งเก็บสมุดการบ้านอีก แต่ไอ้ปากที่พูดออกมานี่มันอะไร...ผมเม้มปากแล้วหันหน้าไปมองหน้าคนข้างๆ
!!!
แย้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกก นี่มันกัมจงห้องบีนี่หว่า!
“อะไร จ้องหน้ากูอย่างกับเห็นผี” คิมจงอินหรือกัมจง(ที่ผมแอบตั้งให้เงียบๆคนเดียว) นักเรียน(และนักเลง)ห้องบีที่เป็นหลานของผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ หมอนี่มันตัวอันตราย ตอนเข้ามาใหม่ๆคนในห้องก็ต่างเตือนว่าห้ามไปยุ่ง ไปคุย ไปสุงสิงกับไอ้หมอนี่ ผมก็เออออไป ในใจก็คิดว่า แล้วมันอยากจะยุ่งกับผมหรือยังไง -_-
“ปะ...เปล่า”
“เออ ก็แล้วไป แล้วนี่มึงจะเก็บการบ้านอีกนานไหม กูจะได้ไปสักที”
ก็แล้วใครให้มารอหรือมาดูดำดูดีผมล่ะคร้าบบบบบ T_T ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือไงทำไมต้องทำหน้าหงุดหงิดตลอดเวลาอย่างนี้ด้วย
“ไปก่อนก็ได้ ฉันไม่ได้บอกให้รอนิ” ผมยักไหล่
สาบานได้ ผมเปล่าหาเรื่อง T_T
“อ่าว ไอ้เด็กทุนนี่!” คิมจงอินถลึงตาใส่ผม ใบหน้าคม(และดำ)ทำท่าเหมือนกำลังระงับอารมณ์โกรธที่ผมเผลอไปกวนเข้าให้ “กูยังไม่อยากหาเรื่องมึงตอนนี้ ไปละแม่ง!”
แล้วมันก็เดินหัวเสียไป จริงๆผมไม่อะไรหรอกนะ แต่ตามันดันไปสะดุดกับเป้และทิศทางเดินของมันเนี่ยดิ...ถ้ามันจะไม่เรียนแล้วมาทำไมตั้งสองคาบ?
“เดี๋ยวสิ! แล้วนายไม่เรียนแล้วเหรอ?”ผมโพล่งถามออกไปเสียงดังจนกัมจงหันมามองผมตาโต ร่างสมส่วนของจงอินยังไม่หยุดเดินแต่ก็หันมาตอกกลับผมซะแทบหงายหลัง
“มันก็เรื่องของกูป่ะล่ะ! เสือกไม!!”
“-0-!!” ผมทำหน้าเหวอ
“หึ!” ยะ...ยังมีหน้ามาส่งยิ้มมุมปากให้อีก
ให้ตายเถอะ...โดนด่าจนได้ คนเค้าหวังดีแท้ๆ! ดำแล้วยังหยาบคายอีก ใช้ไม่ได้! -^-
ความคิดเห็น