ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคKNB

    ลำดับตอนที่ #3 : Fables of Sleeping [AllLight+kuroko]

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 57


    กาลละครั้งหนึ่งนานมาแล้วอาณาจักรหิมะสายรุ้งของเราเคยมีหิมะตกทุกวันตามสีของราชาทั้งห้า แดง ฟ้า ม่วง เหลือง เขียว...แม้จะมีราชาหกองค์ปกครองแต่หิมะกลับตกแค่ 5 สีตามสีของราชา 5คนแรกเท่านั้นไม่เคยมีหิมะสีดำตกลงมาเลยจึงไม่มีใครยอมรับราชาสีดำเลย...ด้วยความเสียใจและความเจ็บปวดราชาสีดำที่ถูกราชาทั้ง 5 ที่เป็นเพื่อนถอดทิ้งก็ได้สาปให้ทุกคนในอาณาจักรนี้ไม่สามารถนอนหลับได้แล้วจึงได้หนีไปปราสาทสีดำทางเหนือพร้อมสุนัขรับใช้ของตัวเอง

    “ผมจะไปบอกให้ราชาสีดำคลายคำสาปเอง” คางามิ ไทกะลุกชายคนโตของครอบครัว เซย์รินที่ได้รับความเดือดร้อนจากคำสาปร้องออกมาก่อนจะจัดของวิ่งฝ่าฝนที่ตกหนักมากในวันนั้นออกจากบ้านไป

    “ระวังงงงง” เสียงของเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันร้องออกมาทำให้คางามิต้องกระโดดหลบแทบไม่ทันเพราะมีม้าวิ่งเกือบจะชนเขา

    “นี่มันอันตรายนะ “ คางามิร้องออกมา

    “โทษทีๆ เหม่อไปหน่อยรู้ตัวอีกทีเจ้านี่ก็วิ่งมาซะแล้วน่ะ...เอางี้เป็นการขอโทษฉันจะพานายไปส่งที่ๆนายอยากไปแล้วกันม้าก็ต้องเร็วกว่าวิ่งอยู่แล้วล่ะนะ” เด็กหนุ่มคนนั้นมีผมสีส้มสว่างช่วงบนแล้วดูเข้มขึ้นในช่วงล่างดวงตาสีส้มดูมีชีวิตชีวา

    “งั้นไปปราสาทสีดำรีบไปเถอะก่อนที่ฝนจะตกมากกว่านี้แค่นี้พวกเราก็แย่พอแล้ว” คางามิบอกก่อนจะกระโดดขึ้นม้า

    “อ้าว เกิดอะไรขึ้นเหรอ ฉันพึ่งกลับมาจากต่างเมืองน่ะ” เด็กหนุ่มถามพลางควบม้าออกไป

    “เมืองเราถูกราชาสีดำสาปเพราะราชาทั้ง 5 ถอดทิ้งเขาน่ะสิ...เขาเลยสาปให้ไม่มีใครในเมืองสามารถนอนหลับได้ดีที่ตอนสาปฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองเลยไม่โดนไปด้วยน่ะสิ ตอนนี้ชั้นต้องไปคุยกับเขาให้ถอนคำสาป” คางามิบอกด้วยสายตามุ่งมั่นแม้ตอนนี้ร่างของเขาจะเปียกปอนเพราะสายฝนไปแล้ว

    “เจ้าจะไปไหนน่ะ...!! ทางนี้เป็นเขตุของราชาสีฟ้านะคิดจะบุกรุกรึไง...”  ทหารผมสีครีมถือหอกขนาดใหญ่ชี้มาทางพวกเขาด้วยท่าทางใกล้หลับแต่ไม่สามารถหลับได้

    “ขอโทษครับที่เสียมารยาทครับ ขอโทษครับๆๆๆ” ทหารอีกคนก็โค้งขอโทษไม่หยุด

    “...อะไรของพวกแกหา...มีคนจะผ่านก็ให้ผ่านไปเซ่...” เสียงเนือยๆของราชาสีฟ้าดังขึ้นข้างๆเหมือนเขาจะออกมาเดินเล่นพอดี

    “แต่ว่าเราไม่รู้จุดประสงค์นะโว้ยจะปล่อยให้เข้าไปถ้าก่อความวุ่นวายขึ้นมาจักทำเช่นไร” ทหารผมสีครีมบอกพร้อมจ้องไปทางราชาของตนอย่างขุ่นเคือง

    “พวกเราจะไปปราสาทสีดำ...ผมจะพาเพื่อนของผมไปส่งที่นั่นน่ะ” เด็กหนุ่มผมส้มบอกพร้อมรอยยิ้มจริงใจ

    “ใช้แล้วเราจะไปเจรจากับราชาสีดำให้ถอนคำสาปไปจากดินแดนนี้” คางามิบอก

    “ฮ่าๆๆๆ จะไปทำให้เท็ตสึเปลี่ยนใจแล้วถอนคำสาปงั้นเหรอ....เอาสิถ้าทำได้ข้าจะมอบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม วากามัตสึไปเอาม้าข้ามา..ข้าจะไปกับพวกเขา” อาโอมิเนะหรือราชาสีฟ้าบอกแต่สายตายังมองไปทางคางามิด้วยความสนใจดูเหมือนคนๆนี้จัไม่ได้รับผลจากคำสาปเพราะเป็นคนที่มีพลังเหนือกว่า

    “..พวกเจ้าชื่ออะไรกัน” อาโอมิเนะถามออกมาระหว่างรอวากามัตสึไปเอาม้า

    “โองิวาระ ชิเงะฮิโระ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” โองิวาระหรือเด็กหนุ่มผมส้มยิ้มตาหยีทักทาย

    “..น่ารักแหะ......” ทั้งคางามิและอาโอมิเนะคิดขณะมองไปทางรอยยิ้มที่สว่างเหมือนพระอาทิตย์ของโองิวาระ

    “..คางามิ ไทกะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” คางามิบอกก่อนจะยิ้มตอบ

    “...อาโอมิเนะ ไดกิ...” อาโอมิเนะแนะนำตัวก่อนจะกระโดดขึ้นม้าของตัวเอง

    “ข้าจะนำทางไปให้เอง ตามให้ทันล่ะ...คางามิ....โองิวาระ”  อาโอมิเนะควบม้าออกไปทันที

    “รอด้วยยยยยย” โองิวาระร้องออกมาก่อนจะควบม้าตามไปทันที

     

    “โองิวาระมองทางข้างหน้าด้วยเซ่” คางามิร้องออกมาหลังม้าที่ควบไปเร็วขึ้นเพื่อจะตามอาโอมิเนะให้ทันนั้นเกือบจะได้โหม่งต้นไม้ไปแล้วทีหนึ่ง

    “โทษๆ พอดีฉันเร่งความเร็วมากไปหน่อยเลยไม่ทันมองทางน่ะ” โองิวาระเกาหัวแล้วยิ้มแห้งๆ

    “เป๋อๆ แต่ว่าก็ให้ความรู้สึกดีแหะรอยยิ้มของเจ้าหมอนี่...” คางามิคิดระหว่างมองไปยังแผ่นหลังของตัวเล็กกว่าที่กำลังควบม้าอย่างสุดความสามารถ

    “เร็วชะมัดเลยแหะขนาดเร่งความเร็วสุดๆยังห่างตั้งเกือบ 500 เมตรแน่ะ” โองิวาระพึมพำตอนนี้เขาเองก็เปียกโชกไปทั้งตัวเพราะสายฝนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกจนกระทั่งพวกเขามาถึงหน้าปราสาทแห่งหนึ่งที่ดูภายนอกแล้วเศร้าหมองสุดๆเรียกว่ามืดมนเลยน่าจะดีกว่า

    “นั่มันบ้านของคุโรโกะนี่....” โองิวาระร้องออกมา

    “นายร้จักด้วยเหรอ!!” คางามิถามออกมา

    “พวกนายไม่รู้รึไงว่าราชาสีดำมีนามว่า คุโรโกะ เท็ตสึยะน่ะ..” อาโอมิเนะถามพร้อมลงจากม้าแล้วเดินนำเข้าไปยังประตูปราสาทที่ถูกปิดเอาไว้

    “เอ๋ คุโรโกะน่ะเหรอ ราชา...เอ่อ คางามิ คุโรโกะน่ะเป็นเพื่อนสมัยเด็นของฉันเองแหละ...” โองิวาระบอกระหว่างลงจากม้าพร้อมคางามิ

    “งั้นเหรอว่าแต่ประตูปิดอยู่เราจะเข้าไปยังไง” คางามิถามออกมา

    “งั้นเดี๋ยวฉันลองดูแล้วกันของที่คุโรโกะเคยให้ไว้น่าจะใช้เปิดประตูนี้ได้นะ” โองิวาระค้นของสักพักก่อนจะหยิบกุญแจสีฟ้าสดใสขึ้นมาแล้วแตะที่ประตูประตูขนาดยักษ์ก็เปิดออก

    “อัฟๆๆ” เสียงเห่าของสุนัขดังขึ้นพร้อมกับหมาพันธุ์ไซบีเรียนขนาดเท่ารถบรรทุกที่สวมเสื้อสีดำก็วิ่งเข้ามาทางพวกเขาทั้งสาม
    “น่ารักจังเลย” โองิวาระวิ่งเข้าไปลูบหัวเจ้าหมายักษ์ที่วิ่งเข้ามาทันทีซึ่งเจ้าหมาก็หมอบลงให้ลูบหัวแต่โดยดี

    “ยะ..อย่าเข้ามานะ...” คางามิตอนนี้กระโดดไปเกาะอาโอมิเนะด้วยความกลัวหมาเป็นทุกเดิมแถมตัวใหญ่ขนาดนี้ให้เขาตายดีกว่า

    “นี่แกจะปล่อยได้รึยัง” อาโอมิเนะถามออกมาแต่ว่าในใจของเขากับรู้สึกดีที่อีกฝ่ายกอด

    “..ให้ตายเถอะกลิ่นของเจ้านี่มันทำให้เรารู้สึกดีแหะ...เหมือนกับ...เท็ตสึ..” อาโอมิดเนะคิดในใจ

    “ไม่เอาๆ เอามันออกไปก่อนสิ๊” คางามิร้องออกมาทันทีที่เจ้าหมาทำท่าจะเข้ามาใกล้

    “ไม่ได้นะ...เดี๋ยวตีเลยเขากลัวก้อย่าไปแกล้งเข้าสิเจ้าหมาน้อย(?)” โองิวาระลูบหัวเจ้าหมาก่อนจะเกาะคางให้มันอย่างเบามือ

    “อัฟๆ...” หมายักษ์เห่าก่อนจะเดินแยกออกไปทางลูกบาสขนาดยักษ์เหมือนจะทำไว้ให้เจ้าหมาเล่นโดยเฉพาะ

    “มันไปแล้วปล่อยได้แล้วน่าคางามิ” อาโอมิเนะบอกคนที่หลับหูหลับตาเกาะตัวเขาไว้

    “อะ....ฉะ...ฉัน....ขอโทษ” คางามิรีบโดดลงใบหน้าของเขาขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก

    “น่ารักแหะเจ้านี่....” อาโอมิเนะคิด

    “คุโรโกะะะะะ นายอยู่ไหนผมกลับมาแล้วววววว” โองิวาระร้องเรียกหาเพื่อนสมัยเด็กในปราสาท

    “อยู่ท้องพระโรงของปราสาทนี้...” อาโอมิเนะบอกพร้อมเดินเข้ามาหลบฝนในปราสาท

    “งั้นไปกันเถอะ โองิวาระ” คางามิบอกพร้อมพังประตูเข้าไปยังท้องพระโรงทันทีพร้อมกับที่โองิวาระวิ่งตามไป

    “คุณเป็นใครครับ......” ราชาสีดำนั้นตามคำกล่าวคือมีเรือนผมสีฟ้าสว่างผมขาวตาสีฟ้าผิวขาวเนียนพอๆกับผู้หญิงร่างกายเล็กบอบบางน่าถนถนอม

    “............” คางามิถึงกับชะงักไปเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีผู้ชายที่น่ารักแบบนี้อยู่ในโลกจริงๆน่ารักกว่าที่มีคนกล่าวถึงไว้อีกมั้งเนี่ย

    “...เพื่อนใหม่ของฉันน่ะคุโรโกะ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นล่ะคุโรโกะทำไมถึงสาปคนในอาณาจักรล่ะ” โองิวาระถามออกมา

    “พวกเขาทอดทิ้งผม....เขา...ไม่ต้องการผม ..ผมก็ไม่ต้องการพวกเขาเหมือนกัน” คุโรโกะพูดด้วยใบหน้าตายด้าน

    “นะ...นายอายุเท่าไหร่กันแน่” คางามิถามออกมาเพราะตามความคิดของเขาการจะเป็นราชาได้นั้นต้องน่าจะเป็นคนมีอายุแล้วแต่คนตรงหน้านี้ดูยังไงอายุก็ไม่น่าจะต่างกับเขาเลยแม้แต่น้อย

    “...อายุเท่ากับคุณนั่นแหละครับ ว่าแต่มีธุระอะไรถึงมาที่ปราสาทของผมเหรอครับ?” คุโรโกะถามพลางหยิบหนังสือเล่มเล็กๆมาอ่านบนบัลลังก์ของตัวเอง

    “ฉันต้องการให้นายคลายคำสาปที่สาปเมืองของพวกเราไว้ทุกคนน่ะต้องเดือดร้อนแค่ไหนนายรู้มั้ย” คางามิบอกด้วยท่าทางหงุดหงิด

    “นั่นสิ คุโรโกะนายถอนคำสาปเถอะแม้พวกเขาจะทอดทิ้งนายแต่นายก็ไม่ควรไปสาปเขานะ” โองิวาระบอก

    “ขอปฏิเสธครับ...โองิวาระคุง...”  คุโรโกะบอกเรียบๆ

    “งั้นฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่านายจะยอมคลายคำสาปเลยคอยดู”  คางามิบอกก่อนจะยกของแล้วเดินออกจากท้องพระโรงไป

    “ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเขานะ...คุโรโกะ” โองิวาระบอกก่อนจะยกของขึ้น

    “ครับ...เดี๋ยวไปตามคนๆนั้นกลับมา.แล้วใช้กระดิ่งเงาสั่นเรียกพ่อบ้านของที่นี่ครับเขาจะพาไปที่ห้องพักนะครับโองิวาระคุงไ คุโรโกะบอกก่อนจะส่งกระดิ่งไปให้โองิวาระแล้วอ่านหนังสือในมือต่อ

    “อื้ม...จริงสิคุโรโกะแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มิตรภาพของพวกเราก็ไม่เคยเปลี่ยนไปนะ...เพราะงั้นมีอะไรก็ระบายให้ฉันฟังได้เสมอนะ..” โองิวาระบอกก่อนจะเดินออกไป

    “ไม่ยอมไล่เขางั้นเรอะเท็ตสึแปลกจังนะทีกับพวกชั้นนี่ยันออกไปด้วยเวทย์เลยนะ” อาโอมิเนะเดินเข้ามาอีกทางทำให้ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างขึ้น

    “ทำไมคุณถึงมาที่นี่.....!!” คุโรโกะถามออกมาด้วยเสียงที่ดังขึ้น

    “..เหอะ....ก็มาง้อคนที่รักน่ะสิ..กลับมากับฉันเท็ตสึ” อาโอมิเนะบอก

    “....คุณทำร้ายผมไปมากมายแล้วยังจะมีหน้าบอกให้ผมกลับไปอีกเหรอครับ” คุโรโกะบอกด้วยท่าทางเย็นชา

    “ชั้นผิดไปแล้วเท็ตสึ.....” อาโอมิเนนะทำท่าจะพูดต่อแต่ว่าร่างบางบนบัลลังก์ได้หายตัวไปแล้ว

    “ชั้นรู้นะว่านายยังอยู่ในห้องเท็ตสึ....แต่ว่า....เอาเถอะชั้นจะกลับไปก่อน..พรุ่งนี้จะมาใหม่...” อาโอมิเนะหายไปออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ

     

    “หงุดหงิดจริงๆให้ตาย..คนอะไรน่าโมโหชะมัด” คางามิบ่นออกมาตอนนี้เขานั่งอยู่ที่สวนภายในปราสาท

    “คางามิ มาอยู่นี่เอง” โอมงิวาระที่ตามมาที่หลังยิ้มกว้างให้พร้อมกับนั่งลงข้างๆ

    “นายน่ะเป็นเพื่อนเก่าของไอ้บ้านั่นใช่มั้ย” คางามิถามออกมา

    “อื้ม ใช่คุโรโกะเปนเพื่อนเก่าฉันเองแหละทำไมเหรอ?” โองิวาระถามออกมา

    “เจ้านั่นเป็นคนยังไง” คางามิถามออกมา

     “ก็อ่อนโยนแม้จะชอบทำหน้านิ่งๆก็เถอะ แถมขี้เหงาอีกแถมยังค่อนข้างจะไร้ตัวตนด้วยน่ะนะ” โองิวาระบอกออกมาพร้อมรอยยิ้ม

    “..งั้นเหรอทำเอาโกรธไม่ลงไปเลยนะ....” คางามิพึมพำออกมา

    “แต่การนอนหลับของชาวเมืองก็สำคัญนะ...แต่ว่าจะไปบังคับคุโรโกะมันก็......” โองิวาระดูจะลำบากใจ

    “ก็ให้เขามีความสุขสิ...เขาน่าจะคลายคำสาปหากเขามีความสุข” อีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาพร้อมกับเงาร่างของชายผมสีเทาเงินในชุดพ่อบ้านยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา

    “เฮ้ย แก/นาย เป็นใครน่ะ” ทั้งสองคนร้องออกมาพร้อมกระโดดออกมาทันที

    “ผมชื่อ มายุสุมิ จิฮิโระเป็นพ่อบ้านของปราสาทนี้...ตอนนี้นายท่านกำลังหลับอยู่..ตอนนายท่านหลับนายท่านจะเหมือนเด็ก..ถ้าอยากจะผูกมิตรก็รีบไปเถิด...”  มายุสุมิ บอกเรียบๆก่อนจะยื่นกุญแจสีดำแล้วชี้ไปทางหอคอยสีดำที่อยู่กลางปราสาท

    “ทำไมถึงรู้...” คางามิมองพ่อบ้านที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขากับโองิวาระ

    “ผมมีพลังอ่านใจได้..รีบไปเถอะผมในฐานะพี่ชายก็อยากให้เขาได้นอนหลับอย่างมีความสุขสักครั้งก็ยังดีพลังของเขาทำร้ายเขามามากพอแล้ว” มายุสุมิบอก
    “...ครับผมจะช่วยเขาเองเน๊าะโองิวาระ....” คางามิยิ้มจนตาปิดให้กับโองิวาระซึ่งอีกคนก็พยักหน้าให้แล้วทั้งสองก็วิ่งขึ้นไปทันที

    “การหลับใหลจะนำพาการเวลามาร้อยเรียง.....เมื่อถึงเวลาที่เปลวไฟกับแสงสีส้มส่องมาถึงปราสาทแห่งนี้คำสาปที่ผู้เป็นราชาสีดำได้รับ..จะเลือนหายไป” มายุสุมิท่องคำพูดออกมาเบาๆก่อนจะหันไปมองแผ่นหลังของทั้งสองคน

    “....ท่านนิจิมูระท่านรู้อยู่แล้วสินะขอรับ...” มายุสุมิยิ้มออกมาก่อนจะเริ่มขมุบขิมบปากร่ายมนต์บางอย่าง

     


    “ทั้งที่เจ็บปวดมาตลอดแต้เก็บไว้คนเดียวเป็นคนที่เข้าใจยากชะมัด...” คางามิวิ่งขึ้นหอคอยพลางบ่นออกมา

    “นั่นสิแถมไม่ยอมบอกเพื่อนอย่างฉันด้วย” โองิวาระวิ่งตามไปแต่เหมือนจะช้ากว่าอยู่ช่วงหนึ่ง

    “..คางามิ...นายน่ะชอบคุโรโกะรึเปล่า” โองิวาระถามขึ้นมาทำเอาคางามิเกือบสะดุดบันได

    “นะ..นายพูดอะไรของนายเนี่ย.....” คางามิถามด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ

    “นายมันดุออกง่ายนะนายหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบเหมือนกับฉันใช่มั้ยล่ะ” โองิวาระยิ้มบอก

    “...อะ..เอ๋นะ..นายชอบหมอน่ะนเหมือนกันเหรอ...อะ..” คางามิชะงัก

    “พูดออกมาเองนะว่าชอบเหมือนกันผมก็ชอบสิถึงได้พยายามช่วยคนที่ตัวเองรักน่ะ” โองิวาระบอก

    “......นั่นสินะ...” คางามิวิ่งขึ้นไปก็พบกันห้องที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์สีแดงพร้อมกับร่างของชายในชุดราชาสีแดงผมสั้นเต่อหน้าม้าดวงตาสองสีมองมาทางพวกเขาพร้อมขยับรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมา

    “พวกคุณคิดจะมาแย่งเอา เท็ตสึยะ..ไปจากผมเหรอ...” ร่างนั้นแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวก่อนจะควบคุมเถาวัลย์ให้พุ่งเข้าหาเขาทั้งสองคน

    “โองิวาระอันตราย”  คางามิหยิบดาบออกมาจากกระเป๋าแล้วตัดฟันเถาวัลย์สีแดงจนสลายไป

    “...พลังนีเป็นสายความมืด..ถ้าขอเวลาให้ฉันสัก 2 นาทีฉันจะใช้พลังแสงของชั้นทำลายมันเอง” โองิวาระบอกก่อนจะปืนพกเวทย์ที่ส่องแสงออกมา
    “คิดเหรอว่าจะถ่วงเวลาได้ถึงขนาดนั้นไม่มีใครชนะผมได้หรอกนะ”  ร่างนั้นแสยะยิ้มกว้างก่อนจะสร้างเถาวัลย์นับร้อยพุ้งเข้าใส่ใส่ทั้งสองทันทีแต่ทว่า

    “ไม่ก็ไม่แน่หรอกนะ ...อาคาชิ ไม่สิความยึดติดของอาคาชิ”เสียงของอาโอมิเนะดังขึ้นพร้อมกับราชาสีฟ้าจัดแจงตัดเถาวัลย์ที่พุ่งเข้ามทิ้งทั้นที

    “ไดกิ...แน่นายมาที่นี่ได้ยังไง” ร่างนั้นถามออกมา

    “..เจ้าพี่ชายของเท็ตสึส่งมาว่ะ..เพื่อให้มาช่วยเท็ตสึจากปิศาจที่เกิดจากจิตใจแบบแก” อาโอมิเนะตอบยิ้มๆ

    “งั้นพวกแกพร้อมนะ เราจะต้องช่วยเท็ตสึให้ได้” อาโอมิเนะบอก

    “ย้ากกกกกกกกกกกกกกกก”


    “แม่ฮะๆ แล้วตอนจบของนิทานเรื่องนี้เป็นยังไงเหรอฮะ เขาจะช่วยราชาสีดำได้รึเปล่าฮะ” เด็กชายผมสีส้มดวงตาสีฟ้าถามผู้เป็นมารดา
    “นั่นสิๆ ทำไมเล่าค้างอะแม่” เด็กชายผู้มีผมสีฟ้าดวงตาสีน้ำเงินร้องออกมา

    “จริงด้วยเล่าทีไรถึงตรงนี้ตลอดเลยอะฮะ” เด็กชายผมสีแดงดวงตาสีฟ้าทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ

    “....แต่เวลานี้ควรจะหลับได้แล้วนะ ลูกชายตัวน้อยของแม่ไม่งั้นลุงจิฮิโระจ้าเข้ามาดุเอานะ” ผู้เป็นแม่เตือนเด็กทั้งสามคน

    “หวาๆนอนๆๆ” พวกเด็กๆรีบนอนทันทีเรียกรอยยิ้มจากคุณแม่ได้เป็นอย่างดี

    “งั้นแม่ไปนอนกับพวกพ่อๆแล้วนะครับ ฝันดีนะลูกชายของแม่หลับให้สบายนะครับ” ผู้เป็นแม่เดินออกมาแล้วก็พบว่ามีชายหนุ่มสามคนยืนรอเขาอยู่แล้ว

    “คุโรโกะ พรุ่งนี้จะทำอะไรให้ลูกดีล่ะ” ชายหนุ่มผู้มีผมสีแดงและคิ้วสองแฉกถามออกมา

    “นั่นสิ เท็ตสึพวกเด็กๆน่ะเริ่มเบื่อกับอาหารเดิมๆแล้วนะ” ชายหนุ่มผมฟ้าผิวสีเข้มบอก

    “เรื้องนั้นไม่ต้องห้วงหรอกชั้นเพิ่งไปซื้อของที่เมืองได้ของกินใหม่ๆมาเยอะเลยนะ ทำอาหารใหม่ๆแล้วก็อร่อยๆได้เพียบแน่” ชายผมส้มยิ้มตาหยี

    “.....นั่นสินะครับ...งั้นตอนเช้าเราช่วยเตรียมอาหารให้พวกลูกๆมั้ยครับ คางามิคุง อาโอมิเนะคุง โองิวาระคุง” คุโรโกะหรืออดีตราชาสีดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม

    “เอาสิ/ได้เลย/เอาเลย” ทั้งสามตอบรับพร้อมกันพร้อมรอยยิ้ม

     

    ที่นิทานเรื่องนี้เล่าไม่มีวันจบเพราะเรื่องราวนั้นยังไม่ได้สิ้นสุดและมันยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่รู้จุดสิ้นสุด...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×