ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Do you remember me ? จำข้าได้มั้ยคนที่เจ้ารักที่สุดไง

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เปลี่ยนไป

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 56


    “ตื่นได้แล้ววันนี้เจ้ามีเรียนไม่ใช่เหรอ” เสียงหนึ่งดังปลุกอรุณในยามเช้า

    “งืมๆ อืม....เฮ้ย พี่เลเธเข้ามาในห้องผมได้ไงอะ”  อรุณสะดุ้งสุดตัวแล้วลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงอันเรียบเฉยของชายหนุ่มนามเลเธ

    “ก็เปิดประตูเข้ามาน่ะ สิ วันนี้เจ้าต้องไปเรียนไม่ใช่รึไง” เลเธบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉยทำเอาเขานึกได้รีบหันไปดูนาฬิกาทันที

    “แย่ล่ะ เจ็ดโมงแล้วเหรอเนี่ยต้องรีบแล้วๆ” อรุณรีบลุกจากเตียงแล้วรีบแต่งตัวทันทีแต่ก่อนหน้าที่เขาจะรีบวิ่งออกห้องเขาก็มองไปยังเลเธที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักเรียนม.ปลายของโรงเรียนของเขา

    “ยะ...อย่าบอกนะครับว่าพี่เลเธจะไปเรียนกับผมด้วยน่ะ” อรุณถามด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ

    “อืม...ข้าจะพาเจ้าไปส่งแล้วข้าจะไปเรียนในชื่อ เลเธ ทิวากาล ชั้น ม.2” เลเธบอกทำเอาอรุณชะงัก

    “หา! ไม่ได้เด็ดขาดนามสกุลของผมไม่ใช่ว่าใครก็ใช้ได้นะครับ” อรุณพูดเสียงดังจนแทบจะตะโกน

    “ไม่ต้องห่วงข้ามีวิธี” เลเธบอก

    “วิธีอะไรล่ะครับ อย่างน้อยก็บอกผมก่อนสิครับ” อรุณถาม

    “เอางี้ ข้ามีเวทที่เปลี่ยนความทรงจำของผู้อื่นได้ แค่นี้ก็โอเคแล้ว” เลเธบอกแล้วเดินที่ครัวแล้วเอาจานสองใบมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว

    “...............” อรุณพูดไม่ออกไปสักพักแล้วก็นึกถึงเวลาที่กระชั้นชิดเลยรีบพูดอย่างร้อนรนว่า

    “แย่แล้ว พี่เลเธไม่มีเวลาแล้วครับ กรุงเทพรถติดมากถ้าโบกแท็กซี่ไม่ทันล่ะก็สายแน่นอนครับ” ซึ่งเลเธก็บอกกลับมาด้วยเสียงเรียบเฉยว่า

    “เอาน่ามากินข้าวก่อนน่า ทันแน่นอนข้าเอาชื่อเจ้าชาย เลเธเป็นเดิมพัน” พูดจบก็ดึงร่างของเด็กหนุ่มมานั่งที่โต๊ะกลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูกทำเอาอรุณลงมือทานทันที

    “อร่อยสุดยอดเลยเมื่อคืนว่าอร่อยแล้ว ตอนเช้านี่อร่อยกว่าอีกสุดยอดเลยเนื้อสุกกำลังดี ส่วนซุปก็กลมกล่อม” อรุณเพ้อออกมาหลังกินเนื้อทอดชิ้นแรกไปแล้วซดน้ำซุปไปช้อนแรก

    “งั้นเหรอ..” เลเธมองท่าทางของอรุณแล้วลงมือทานอาหาร

    หลังทานอาหารเสร็จอรุณรีบสะพายกระเป๋าขึ้งส่วนเลเธเอากระเป๋านักเรียนมาสะพายข้าวเดียวแล้วพูดออกมาว่า

    “เอาล่ะ อรุณขี่หลังข้า” เลเธจับอรุณขี่คอทำเอาเด็กหนุ่มหน้าแดงขึ้นมาซะเฉยๆ

    “พี่เลเธทำอะไรน่ะครับ” เด็กหนุ่มดิ้นไปมาซึ่งเลเธก็กางปีกโครงกระดูกออกแล้วเดินออกไปที่สวนหลังบ้านก่อนจะพึมพำเบาๆว่า

    “ผนึกเวท” พูดจบก็ดีดตัวขึ้นด้วยแรงอันมหาศาลชนิดทีเดียวอยู่เหนือฟากฟ้าของกรุงเทพมหานคร

    “หวาาาาาาา....” อรุณร้องออกมาอย่างลืมตัว

    “เอาล่ะ อรุณลองลืมตาขึ้นสิ” เลเธบอกทำเอาอรุณที่หลับตาด้วยความกลัวเมื่อกี้ก็ลืมตาออกมา

    “ว้าว สุดยอดเลย” อรุณร้องออกมา

    “เอาล่ะโรงเรียนของเจ้าไปทางไหน” เลเธถาม

    “หา! พี่เลเธไม่รู้เหรอครับผมนึกว่ารู้แล้วซะอีก” อรุณถาม

    “ข้าจะไปรู้ได้ไงข้ายังมาที่นี่ได้แค่วันเดียวเอง” เลเธบอก

    “เอ่อ ...งั้นก็บินลงไปอีกนิดสิครับผมมองไม่ค่อยเห็น” อรุณบอกซึ่งเลเธก็พยักหน้าแล้วลดระดับลง

    “อ๊ะ ว่าแต่พี่เลเธจะทำยังไงเรื่องสีผมกับปีกล่ะครับ” อรุณถามออกมา

    “ใช้เวทเปลี่ยนสีแล้วก็หดปีกน่ะ เอาล่ะระดับนี้ได้แล้วใช่มั้ย” เลเธถาม

    “อ๊ะ จริงด้วยพี่เลเธ ถ้าใครเห็นเราจะไม่ตกอกตกใจกันเหรอ” อรุณถาม                                                                                       

    “ข้าใช้เวทลวงตาตั้งแต่ตื่นแล้วล่ะ คนอื่นนอกจากเจ้าจะมองเห็นข้าเป็นชายหนุ่มผมน้ำเงินเกือบดำไม่มีปีกแล้วล่ะ” เลเธบอกซึ่งก็ทำให้อรุณสบายใจแล้วนำทางให้จนทั้งสองถึงโรงเรียน

    “พึ่งเจ็ดโมงยี่สิบอยู่เลย พี่เลเธอย่าบอกนะว่าพี่จะเรียนห้องเดียวกับผม” อรุณหันมาทันที

    “อืม...” เลเธบอกด้วยใบหน้าตายด้าน

    “อ้าว อรุณมาอยู่นี่เอง อ๊ะ พี่ชายผมขาวนี่เป็นใครเหรอ” วายุที่เดินมาเห็นอรุณและเลเธเดินเข้ามาถามทำเอาเลเธกับอรุณชะงักไปทันที

    “มองเห็นผมพี่เลเธเป็นสีขาวเหรอ” อรุณถาม

    “อื้ม ปีกกระดูกก็สวยมากเลยนะ” วายุบอก

    “ขอข้าจับไหล่หน่อยนะ” เลเธบอกแล้วยื่นมือจับไหล่วายุแล้วดวงตาสีมรกตก็ขยับเล็กน้อย

    “อืม......แบบนี้เอง.....เจ้ามีพลังพิเศษนะ เจ้าหนู” เลเธบอก

    “เอ๋” เด็กหนุ่มทั้งสองทำหน้างงเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เลเธพูด

    “พวกมนุษย์น่ะ จะได้พลังมาจากพระเจ้าเขาเรียกว่าพรสวรรค์ บางคนได้รับให้เรียนเก่ง บางคนจะมีพลังกายที่แข็งแกร่ง แต่เจ้ามีพลังดวงตาแห่งความจริง พลังที่จะทำห้เวทลวงตาไม่มีผลต่อเจ้า เจ้ามองเห็นวิญญาณได้ตั้งแต่เด็กสินะ” เลเธถามซึ่งวายุก็พยักหน้า

    “ครับ ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้วๆ แต่ว่าบอกใครไปก็ไม่เชื่อ” วายุบอก

    “งั้นเหรอ งั้นเรื่องนี้เป็นความลับนะระหว่างข้าและเจ้านะ” เลเธบอก

    “ก็ได้ฮะ ว่าแต่พี่ชายเป็นพี่ของอรุณเหรอฮะ” วายุถามซึ่งเลเธก็พยักหน้า

     “ว่าแต่อรุณห้องไปทางไหนล่ะ” เลเธบอกแล้วหันมาถามอรุณ

    “อ๋อ ตามผมมาเลยครับ” อรุณนำทางส่วนวายุก็ทำท่าครุ่นคิด

    “อรุณ นายเปลี่ยนไปนะถ้าเป็นนายคนก่อนน่ะ นอกจากชั้นก็แทบไม่คุยกับคนอื่นเลยนี่นา” วายุคิดก่อนจะวิ่งตามไป

    “เอาล่ะถึงแล้วครับ” อรุณบอก

    “อืม.....เข้าไปกันเถอะ” เลเธดึงมืออรุณเข้าไปในห้องทันทีซึ่งพอเข้ามาสองพี่น้องกำมะลอก็เป็นที่จับตาของคนในห้องทันที

    “เฮ้ย นั่นใครน่ะจูงมือไอ้ทิวากาลด้วย” “คู่ขามันรึเปล่าวะ” “เฮ้ย อย่าพูดดังมากสิเดี๋ยวก็โดนสั่งเก็บหรอก”

    เสียงนินทาทำเอาอรุณแทบคลั่งแต่ความรู้สึกโกรธนั้นมลายหายไปเมื่อเห็นท่าทางของเลเธ

    “พะ....พี่เลเธ” อรุณท่าทางตกใจเมื่อเลเธในตอนนี้ท่าทางเหมือนกำลังโกรธอยู่แม้ใบหน้ายังคงตายด้านก็ตามแต่ท่าทางดูเหมือนโกรธมากๆมือของเขายกขึ้นระดับไหล่แล้วทำท่าจะร่ายเวทบางอย่างทำเอาอรุณคว้าข้อมือไว้แทบไม่ทัน

    “พอเถอะครับพี่เลเธ ยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมห้องผม อย่าทำอะไรพวกเขาเลยนะครับ” อรุณบอกเลเธเบาๆซึ่งวายุที่อยู่ใกล้ๆได้ยินเต็มสองหูถึงกับชะงัก

    “อรุณ นายเปลี่ยนไปนะ” วายุหลุดปากพึมพำออกมา

    “หา วายุเราเปลี่ยนไปยังไง” อรุณหันมาคุยกับวายุแทนส่วนเลเธก็ลดมือลงแล้วหันมาฟังบทสนทนาระหว่างวายุกับอรุณอย่างตั้งใจ

    “นายไม่รู้ตัวเหรอ ถ้าเป็นนายในอดีตล่ะก็คงปล่อยให้พี่เขาลบคนในห้องทิ้งไปโดยไม่ใยดีแล้วล่ะ” วายุบอกเบาๆ

    “เอาล่ะ ไปนั่งที่กันเถอะ” เลเธบอกแล้วดึงมืออรุณไปนั่ง

    “พี่เลเธไม่ต้องจับมือก็ได้ครับ” อรุณบอกแล้วดึงมือกลับมาก่อนจะนั่งลง

    “อืม...” เลเธก็นั่งลงแล้วอาจารย์ก็เข้าห้องมา

    “อ้าว มาที่นี่แล้วเหรอแนะนำตัวกับทุกคนรึยังล่ะจ๊ะ” อาจารย์สาวถาม

    “ยังครับ สวัสดีครับทุกคนผมชื่อเลเธ ทิวากาลเป็นลูกพี่ลูกน้องของอรุณครับ” เลเธบอกทำให้เกิดเสียงฮือฮาไปทั้งห้อง

    “ย้ายมาเรียนตอนม.2 เนี่ยนะ” “เฮ้ย ม.2 ทำไมมันสูงจังวะ” “ทิวากาลอีกแล้วเหรอ”

    “เอาล่ะๆ เงียบได้แล้ว เรียนคาบแรกกับครูต่อเลยนะ” อาจารย์เริ่มสอนต่อจนถึงตอนพักเที่ยง

    “เอาล่ะ คงต้องลงไปกินข้าวเที่ยงอีกแล้วสิ” อรุณไม่ค่อยชอบการอยู่ท่ามกลางคนในโรงอาหารเท่าไหร่เพราะเขามักถูกนินทาและจับตามองเสมอ

    “ข้าทำปิ่นโตมาด้วย อรุณมีของเจ้าด้วยนะ วายุของเจ้าก็มีนะ” เลเธบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆตามนิสัย

    “เอ๋ พี่เลเธทำอาหารเป็นด้วยเหรอฮะ” วายุถาม

    “เอ่อ มันเป็นความเคยชินน่ะรู้ตัวอีกทีก็ทำมาสามกล่องแล้ว ปกติพี่จะทำไว้หกกล่องแล้วออกไปทำงานน่ะ” เลเธตอบเสียงเรียบๆใบหน้าแทบไม่ขยับเลย

    “เดี๋ยวนะฮะ พี่คอยทำอาหารให้กับเจ้าชายองค์อื่นเหรอครับ” อรุณได้ยินคำตอบที่เลเธตอบวายุก็หันมาถามทันทีแน่นอนว่าชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเฉยชาก็พยักหน้าพร้อมกับคำตอบ

    “อืม....พอดีเจ้าพวกนั้นบอกว่าอาหารที่พ่อครัวทำมันไม่ค่อยเวิร์คเลยให้ข้าทำให้ทุกเช้าน่ะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

    “เอาล่ะๆ รีบไปกินข้าวกันดีกว่า” อรุณบอก

    “แล้วจะกินที่ไหน” เลเธถาม

    “งั้นไปกินที่ประจำของผมแล้วกันนะครับ” วายุบอกแล้วเดินนำทั้งสองขึ้นไปที่ดาดฟ้าของตึกเรียน

    “เอ๋ วายุนี่มันที่อันตรายห้ามเข้าไม่ใช่เหรอ” อรุณถามเพราะอาจารย์ได้เตือนเขาไม่ให้มาที่นี่

    “แหะๆ พอดีว่าผมแอบมานั่งกินข้าวทุกวันเลยล่ะฮะที่นี่เงียบมากเลยนะ อยากชวนอรุณมาตั้งนานแล้วล่ะ” วายุยิ้มให้

    “วายุ.....นายไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากชั้นเหรอ” อรุณถามออกไป

    “เคยมีน่ะ....แต่ว่าพวกเขาไม่คุยกับเราแล้วน่ะ” วายุบอก

    “เอาล่ะ พวกเจ้าถ้าไม่รีบกินมันจะไม่ทันเอานะ” เลเธบอกแล้วยกข้าวกล่องออกมาสามกล่อง

    “อร่อยจังข้าวผัดธรรมดาแต่อร่อยมากเลย” วายุยิ้มร่า

    “นั่นสินะ” อรุณคิดไปถึงเมื่อวานเย็นที่เขากินข้าวไข่เจียวฝีมือเลเธไปก็พบว่าอร่อยมาก

    “พี่เขาเป็นเจ้าชายแน่เหรอเนี่ย” อรุณคิดในใจ

    หลังจากโรงเรียนเข้าทั้งสามก็เรียนต่อจนถึงตอนเลิกเรียน

    “อรุณจะกลับทางรถไฟฟ้าเหมือนทุกวันรึเปล่า” วายุถาม

    “อะ..เอ่อ ก็หวา....พี่เลเธวางผมลงนะ” อรุณดิ้นไปมาหลังจากถูกเลเธแบกขึ้นหลัง

    “ข้าจะพากลับเอง” เลเธบอกแล้วเปิดหน้าต่างแล้วกางปีกโครงกระดูกออกมา

    “พี่เลเธปล่อยผมนะครับ ผมว่าพี่ไม่ลองกลับบ้านที่มนุษย์เขาทำดูเหรอครับ” อรุณรีบพูดเพื่อเปลี่ยนใจเลเธทันที

    “อืม ก็ได้” เลเธวางร่างของอรุณลง

    “อรุณเมื่อกี้ตอนโดนอุ้มนายหน้าแดงด้วยนะ” วายุบอกตามนิสัยซื่อๆและตรงไปตรงมา(ซึ่งตรงไปตรงมาจนน่ากลัวในสายตาของอรุณ)

    “อะ..เอ๋ผะ..ผมเนี่ยนะหน้าแดง ชะ..ชั่งเถอะรีบไปสถานีรถไฟฟ้ากันเถอะ” อรุณรีบกลบกลื่นความผิดปกติของตนทันที

    “อื้ม” วายุยิ้มแล้วทั้งสามก็เดินทางมาถึงถนนหน้าโรงเรียนที่คับคั่งไปด้วยรถที่ขับกันเร็วมาก

    “ถ้าจะข้ามกันลำบากแหะสมเป็นกรุงเทพจริงๆ” อรุณบ่น

    “จะข้ามไปที่สถานีสินะ” เลเธถามทั้งสองซึ่งทั้งสองก็พยักหน้า

    “งั้นก็....จับข้าให้แน่นๆล่ะ” เลเธบอกซึ่งเด็กหนุ่มทั้งสองก็ทำตามอย่างงงๆ

    “เอาล่ะ” พูดจบชายหนุ่มก็วิ่งข้ามถนนนั่นโดยสามารถหลบรถทุกคันได้อย่างสบายๆราวกับว่าเคยชินกับการต้องวิ่งหลบอะไรแบบนี้มานานแล้ว

    “เอาล่ะ ถึงแล้วล่ะ” เลเธบอกเสียงเรียบ

    “พะ..พี่เลเธ.....” อรุณช็อคเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน

    “ถ้าเทียบกับกระสุนสายฟ้าของอโลนแล้วถือว่าช้ามาก” เลเธบอก

    “อโลน....เดี๋ยวนะใช่เจ้าชายแห่งนรกอโลนรึเปล่าครับ” อรุณถาม

    “อืม อโลนมักชอบขอร้องข้าให้เป็นเป้าลองเวทของเขาน่ะ” เลเธตอบ

    “พี่น้องคู่นี้มีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่ฟระ” อรุณคิดก่อนพาเลเธเข้าไปยังสถานีรถไฟฟ้า

    “วันนี้คนเยอะจัง” วายุบ่นอุบอิบขณะเบียดฝูงชนเข้าไปอย่างยากลำบาก

    “นั่นสิ อ๊ะ พี่เลเธมาถึงก่อนผมได้ไงเนี่ย” อรุณตกใจที่เห็นชายหนุ่มมายืนภายในสถานีก่อนพวกเขา

    “อ๋อ พอดีชินน่ะที่สวรรค์พวกนางฟ้าล้อมข้ามากกว่านี้ข้ายังออกมาได้จะประสาอะไรกับคนจำนวนแค่นี้ล่ะ”  เลเธบอก

    “จำนวนแค่นี้ของพี่นี่หมายความว่าเคยเดินผ่านคนจำนวนมากกว่านี้เลยเหรอเนี่ย”  อรุณคิดก่อนจะจัดการเรื่องซื้อตั๋วรถไฟแล้วพาทั้งสองขึ้นรถไฟฟ้าที่แน่นไปด้วยผู้คน

    “คนเยอะจังแหะวันนี้ โอ้ย” อรุณถูกชนจนเกือบจะล้มแต่เลเธประคองตัวเขาไว้ทัน

    “ไม่เป็นไรนะ” เลเธถามก่อนจะพยุงร่างของเขาให้ยืนขึ้น

    “ครับ” อรุณเริ่มมองหาที่นั่งก็พบว่าที่นั่งนั้นมีเพียงที่เดียว

    “เจ้านั่งเถอะอรุณ” เลเธบอกเสียงเรียบๆแล้วยืนเฉยต่อไป

    “ขอบคุณครับ อ๊ะ คุณยายครับนั่งที่ผมก็ได้ครับ” อรุณมองเห็นหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่เลยยกที่นั่งให้กับหญิงชราคนนั้นอย่างไม่ลังเลซึ่งทำให้เลเธเลิกคิ้วสูง

    “ขอบคุณนะจ๊ะ”  หญิงชรากล่าวแล้วเดินไปนั่งส่วนอรุณก็มายืนข้างๆเลเธ

    “หญิงชราคนนั้นไม่ใช่ครอบครัวของอรุณไม่ใช่เหรอ ทำไมเจ้าต้องยกที่นั่งให้กับหญิงชราที่พบหน้ากันครั้งแรกด้วยล่ะ” เลเธถาม

    “เอ๋.....ก็เขาเป็นคนชราน่ะสิ ในสังคมของผมผู้ชายต้องให้เกียรติสตรีและคนชราน่ะ” อรุณตอบ

    “ท่าทางของเจ้าดูไม่ลังแลเลยนะแถมยังดีใจที่ได้เห็นหญิงชราได้ที่นั่งที่เจ้าควรจะนั่งอีกข้าไม่เข้าใจจริงๆเลย” เลเธพึมพำเบาๆ

    “พี่เลเธไม่เคยเหรอครับความรู้สึกที่แค่เห็นคนอื่นมีความสุขก็ทำให้เรามีความสุขไปด้วยน่ะ” อรุณถาม

    “ก็เคยรู้สึก........” เลเธตอบ

    “ว่าแต่พี่นี่ก็ดีนะครับมีครอบครัวที่ดีน่ะ....ไม่ต้องอยู่คนเดียวแบบผม....” อรุณบอกแววตาดูเศร้าหมองและโดดเดี่ยวซึ่งเลเธก็ลูบหัวอรุณเบาๆอย่างอ่อนโยนแล้วบอกว่า

    “ข้าเป็นพี่ของเจ้าแล้วเจ้าจะไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ” พูดจบก็มองเขาด้วยแววตาแห่งความอบอุ่นแววตาที่พี่ชายปลอบน้องชายของตน

    “ครับ พี่เลเธ” เขายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มจากใจของเขา

    “เจ้ายิ้มจากใจแล้วดูสดใสมากนะ นี่สินะรอยยิ้มที่แท้จริงของเจ้าน่ะ” เลเธถามเพราะจากที่เขาเห็นที่โรงเรียนรอยยิ้มของอรุณมักมาจากการเสแสร้ง

    “กะ..ก็มันดีใจแล้วยิ้มออกมานี่มันแปลกรึไง” เขาถามใบหน้าขึ้นสีอ่อนๆซึงวายุที่ช็อคเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันที่เห็นอรุณทำเรื่องที่ปกติอรุณจะไม่มีวันทำออกมาเด็ดขาด

    “เอาเถอะ ว่าแต่ต้องไปลงที่สถานีไหนน่ะอรุณ” เลเธถามเพราะพวกเขาอยู่บนรถไฟฟ้านานพอสมควร

    “อ๋า” อรุณร้องออกมาเพราะรถไฟฟ้าได้เลยจากที่หมายมาแล้ว

     

    “ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียเวลา” อรุณบอกขณะถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน

    “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วน่ะ” เลเธบอกอย่างไม่ใส่ใจแล้วถอดรองเท้าก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

    “ว่าแต่วันนี้อยากกินอะไรล่ะ” เลเธถามขณะคว้าผ้ากันเปื้อนสีขาวมาสวม

    “พะ..พี่เลเธครับ...” อรุณเหมือนจะพยายามบอกอะไรสักอย่างซึ่งเลเธก็หันมามอง

    “ขอบคุณนะครับที่เห็นผมเป็นครอบครัว” อรุณบอกร่างของเขาสั่นเหมือนกำลังจะร้องไห้

    “อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะข้าไม่บอกใครหรอก” เลเธเดินเข้ามาหาแล้วโอบไหล่อรุณไว้

    “..........” อรุณได้แต่เงียบด้วยความสับสนในตัวเองว่าควรจะร้องไห้ดีมั้ยแต่เด็กหนุ่มก็บ่อน้ำตาแตกทันทีที่ได้ยินประโยคต่อไปของเลเธ

    “ครอบครัวน่ะ...เป็นสิ่งวิเศษที่เราสามารถสร้างหรือหาได้ครอบครัวเป็นคนที่เราเชื่อใจ เป็นคนที่เราจะพยายามที่จะไม่โกหก และครอบครัวจะต้องเป็นคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามพี่ชายคนนี้จะอยู่ข้างน้องเสมอนะ” แม้ใบหน้าจะยังตายด้านไม่แสดงอารมณ์ใดๆหากแต่เสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและไม่มีความเสแสร้งใดๆเลย

    “ฮือๆๆๆๆ” ทั้งจากความเศร้าที่สะสมในใจและความรู้สึกอัดอั้น ทั้งความตื้นตันใจทำให้เขาก็ร้องไห้โฮออกมาทันที

    “..........” เลเธไม่พูดอะไรออกมาเขาทำเพียงแค่ลูบหัวอรุณเบาๆอย่างอ่อนโยนเท่านั้น

     

    หลังจากนั้นประมาณ 15 นาทีอรุณก็หยุดร้องไห้แล้วใบหน้าขาวของเขาก็แดงขึ้นมา

    “ขะ..ขอโทษครับพี่เลเธเสื้อพี่เปื้อนหมดแล้ว” อรุณบอกอย่างร้อนรน

    “ไม่เป็นไรหรอก เจ้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนไป ข้าจะทำอะไรให้ทาน” เลเธ

    “ครับ” อรุณรับคำแล้วไปล้างหน้าในห้องน้ำ

    “ปิศาจเป็นด้านที่ชั่วร้ายจริงๆเหรอพี่เลเธน่ะใจดีจะตาย” อรุณคิดขณะล้างหน้าแต่ก็หายไปทันทีที่ได้กลิ่นหอมของอาหารที่เลเธทำ

    “ว้าวสุดยอดเลย...พี่เลเธครับพี่นี่ไปเป็นพ่อครัวในภัตตาคารหรูๆได้เลยนะครับทั้งน่ากินแถมยังอร่อยอีกต่างหาก” อรุณชมแล้วยิ้มออกมา

    “ก็ข้าต้องทำอาหารให้น้องๆกินทุกวันนี่นา” เลเธบอกแล้วนั่งลงทานอาหารตรงหน้า

    “นั่นสินะครับ” อรุณยิ้มออกมาเขานั้นไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเขานั้นเปลี่ยนแปลงไปมากตั้งแต่ชายหนุ่มผมขาว นามเลเธเข้ามาอยู่ด้วย


    มาอัพต่อแล้วน้า พอดีไรท์เตอร์เจอพายุงานเลยไม่ได้เข้ามาอัพเลยขออภัยรีดเดอร์จริงๆ//กราบงามๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×