ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fan-Fic]Digimon World 4 ภาคพิเศษ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2ไม่ใช่แค่แบล็กวอร์เกรย์ม่อนที่กลับมา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 157
      1
      22 พ.ย. 54

    “ท่านโอฟานีมอนบอกว่าไม่มีอะไร อาจจะเป็นเพราะความผิดพลาด เลยบอกว่าให้พวกเรากลับได้เลย”

    โดรูม่อนพูดก่อนจะหันไปมองกิลล์ม่อนกับวีม่อนที่เหยียบอยู่บนร่างไร้สติของโกบุรีม่อนด้วยความเหนื่อยใจ

    “ง่า กลับแล้วเหรอ ชั้นยังอยากเล่นต่ออยู่เลย”วีม่อนหันมาทำหน้าเบ้ใส่

    “กิลล์ม่อนอยากอยู่ต่ออะ”กิลล์ม่อนพูด

    “อย่าพึ่งเอานิสัยปัญญาอ่อนมาใช้สิ”โดรูม่อนส่ายหน้าซึ่งทำให้คนโดนว่าสวนกลับมาด้วยประโยคที่ทำเอาเขาสะอึก

    “ก็ไม่ได้รีบกลับไปหาปาตาม่อนเหมือนคนบางคนสักหน่อย”

    “นี่ นาย...”โดรูม่อนเริ่มโกรธแล้วแน่ล่ะเพราะเพื่อนของเขาคิดจะขัดคำสั่งพอเขาเตือนก็โดนด่าใส่ไม่โกรธไง

    “กรรรรรรรร”

    “กิลล์ม่อน นายเป็นอะไรน่ะ”วีม่อนวิ่งเข้าไปดูทันทีที่อยู่ๆกิลล์ม่อนก็คำรามต่ำออกมา

    “แย่ล่ะ หรือว่าแถวนี้มีดิจิม่อนที่แข็งแกร่งมากๆอยู่”โดรูม่อนพูดก่อนจะมองไปรอบๆอย่างร้อนรน

    “หมายความว่าไง โดรูม่อนอธิบายหน่อยชั้นไม่เข้าใจ”วีม่อนถามด้วยท่าทางร้อนรน

    “เจ้ากิลล์ม่อนน่ะ มันมีจิตใจที่บ้าคลั่งกระหายการต่อสู้อยู่น่ะสิ พอมีดิจิม่อนที่แข็งแกร่งมากๆ อยู่ใกล้จิตใจนั้นจะตื่นขึ้นมาน่ะสิ”

    “ฆ่า แล้วแสกน”กิลล์ม่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นจนวีม่อนขนลุกเนื่องจากปกติกิลล์ม่อนนั้นเป็นคนสบายๆออกจะเรื่อยเฉื่อยด้วยซ้ำไปนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นจิตใจเบื้องลึกที่บ้าคลั่งของเพื่อนคนนี้

    “ฆ่า”สิ้นคำกิลล์ม่อนก็พุ่งไปฟาดฟันดาบใส่เงาร่างยักษ์ที่ปรากฏขึ้นทันที

    “ตะ......ตะ....ตัวอะไรน่ะ”โดรูม่อนพูดตะกุกตะกักทันทีที่เห็นร่างนั้นชัดๆ

    “คิเมราม่อน”วีม่อนพูดด้วยดวงตานั้นเต็มไปความกลัวดิจิม่อนปิศาจที่เคยถูกเขาทำลายไปในอดีตได้กลับมา

    “วี.....ม่อน.....ขอโทษ......ที่รุนแรง......แล้ว....คนอื่น....เป็นไงบ้าง”คิเมราม่อนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและอ่อนโยนพลางใช้แขนของเดวีม่อนปัดป้องมีดของกิลล์ม่อน

    “นี่นายพูดได้แล้วเหรอ”วีม่อนพูดซึ่งตอนนี้โดรูม่อนอ้าปากค้างไปแล้ว

    “อือ....แต่....ยัง....ไม่.....ค่อย.....คล่อง.....”คิเมราม่อนพูดด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ

    “กิลล์ม่อนใจเย็นๆเขาไม่ใช่ศัตรูนะ”วีม่อนรีบวิ่งไปดึงหางของกิลล์ม่อนทันทีซึ่งการกระทำนั้นทำให้กิลล์ม่อนตาเหลือกขึ้นมาทันทีก่อนสลบไป

    “................................”โดรูม่อนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายเอ่อคือมันไร้สาระเกินบรรยาย

    อย่างแรกเลยคือมังกรสีฟ้าอย่างวีม่อนกำลังพยายามปลุกร่างของไดโนเสาร์สีแดงที่สลบอยู่อย่างน่าขำเป็นอย่างยิ่ง

    อย่างที่สองคือร่างยักษ์ของดิจิม่อนพันธุ์ผสมที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่แถมยังลนลานทำอะไรไม่ถูกอีกต่างหากเขาสังเกตเห็นอะไรบ้างอย่างบนร่างยักษ์มีสร้อยที่ทำจากดอกไม้ผลึกแก้วสีน้ำตาลทองซึ่งดูก็รู้ว่าผู้ทำเป็นเด็ก

    “เอ่อ คิเมราม่อนนั่นมันอะไรน่ะ”วีม่อนที่สังเกตเห็นเหมือนกันจึงถามขึ้น

    “อ๋อ นี่...เหรอ...เด็ก...คนนี้....ทำให้...”ว่าแล้วก็ยกมือข้างที่เป็นของสกัลเกรย์ม่อนให้ทุกคนดูปรากฏร่างของปาตาม่อนซึ่งกำลังหลับสนิท

    “ปาตาม่อน!”โดรูม่อนร้องขึ้นอย่างตกใจก่อนจะวิ่งไปหาปาตาม่อนทันที

    “อ้าวทำไมปาตาม่อนถึงมาถึงที่นี่ได้ล่ะ”วีม่อนหันไปถามซึ่งได้รับคำตอบจากร่างยักษ์ของคิเมราม่อนว่า

    “เด็ก.....คน......นี้.....ร่วง.....ลง....มา....ถึง....เหวที่.....เราอยู่.......หลังจาก....เรา....ได้สติ....แล้วน่ะ...พอเห็นเด็กคนนี้...ตก....ลงมา....ก็เลย....ช่วยไว้....ตอนนั้น...ก็...ไม่...รู้ว่า...ทำไม....แต่...เด็กคนนี้.....สอนเรา.....ให้พูด....มอบ....สิ่งที่เรียกว่า....ความ....อ่อนโยน....และ...หัวใจ”พูดจบคิเมราม่อนก่อนหุบปีกเทวดาสีขาวสะอาดลงมาห่อร่างของปาตาม่อนไว้อย่างอ่อนโยนซึ่งวีม่อนก็จัดแจงเลื่อนสายตาลงมายังร่างที่ถูกห่อก็เห็นโดรูม่อนกำลังลูบหน้าผากของปาตาม่อนเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมา

    “ดีจริงๆ ที่เจ้าปลอดภัย”

    “ตอนนี้เราจะแจ้งแก่ท่านโอฟานีม่อนมั้ย”วีม่อนพูดซึ่งเรียกสติของพี่ชายแสนดีอย่างโดรูม่อนมาได้ทำเอาเจ้าตัวชักมือกลับทันทีใบหน้านั้นขึ้นสีจางๆ

    “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเจ้านี่จะโดนกำจัดพอดี”วีม่อนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำตอบของโดรูม่อนก่อนที่ทั้งสองจะได้ทำอะไรต่อก็มีการติดต่อมาจากโอฟานีม่อนว่า

    “นักรบแห่งเรา ตอนนี้มีดิจิม่อนพบเงาของดิจิม่อนปริศนาในกระจก และก็มีคฤหาสน์กระจกหลังใหญ่ปรากฏขึ้นภายในเมืองด้วย ช่วยไปตรวจสอบแล้วรายงานผลด้วย”หลังจากนั้นการติดต่อก็ดับไป

    “งั้นนายพาคิเมราม่อนไปไว้บ้านนายก่อนแล้วกัน ชั้นจะล่วงหน้าไปก่อน”วีม่อนพูดก่อนจะใช้Security Ballวาร์ปกลับไปยังพื้นที่ City Areaทันที

    “งั้นไปอยู่บ้านชั้นก่อนแล้วกันเอาล่ะอยู่นิ่งๆนะเราจะไปกันแล้ว”



    “ที่นี่สินะ”วีม่อนพูดก่อนมองไปยังคฤหาสน์กระจกหลังใหญ่เบื้องหน้าตน

    “อะไรมันจะใหญ่ขนาดนี้เนี่ย”วีม่อนร้องออกมาหลังจากเดินเข้ามาในคฤหาสน์กระจก

    ซึ่งเหมือนกับคฤหาสน์ของชนชั้นสูงของราชวงศ์ยุโรปสมัยก่อนนอกจากนั้นยังมีกระจกบานขนาดเท่าตัวคนวางอยู่ทั่วคฤหาสน์หลังนี้อีกด้วย

    “มาแล้วเหรอ นักรบดาบอัสนี”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากคฤหาสน์กระจกที่ไร้ผู้คน

    “ใครน่ะ อยู่ไหน ออกมานะ”วีม่อนพูดพลางชักดาบสีฟ้าประจำตัวออกมา

    “ชั้นอยู่ตรงนี้ไงนักรบดาบอัสนี”สิ้นคำกระจกอันใหญ่ที่ถูกติดไว้ที่กลางห้องโถงของคฤหาสน์ก็มีร่างของดิจิม่อนตัวหนึ่งออกมาจากกระจกนั้น

    “นายเป็นใคร”วีม่อนถามดวงตาสีทับทิมนั้นเข้มขึ้นจนเหมือนเลือดอย่างหน้ากลัว

    “ว้าว น่าสนใจดีแฮะ นายเป็นคนแรกที่กล้าคุยกับชั้น ชั้นชื่อเมอร์คิวเรม่อนเป็นนักรบเหล็กกล้า”ร่างนั้นยิ้ม

    “นักรบผู้ชั่วร้ายในอดีตงั้นเหรอ งั้นคงไม่มีอะไรต้องคุยกัน”สิ้นคำวีม่อนก็พุ่งเข้าใส่นักรบเหล็กกล้าทันที

    “เจเนอรัส มิลเรอร์(Generous Mirror)”เมอร์คิวเรม่อนพูดขึ้นพร้อมกับยกโล่กระจกทั้งสองขึ้นรับพริบตาที่ดาบสัมผัสกับโล่กระจกก็ปรากฏแสงสะท้อนร่างของวีม่อนกลับไปทำให้วีม่อนกระเด็นล้มลงทันที

    “บ้าจริงนี่มันอะไรกัน”

    “โล่นี้จะสะท้อนการโจมตีได้ทุกชนิด เพราะฉะนั้นเก็บดาบแล้วมาคุยกันดีกว่า” เมอร์คิวเรม่อนพูดก่อนจะยื่นมือมาพยุงวีม่อนให้ลุกขึ้น

    “แล้วแก....มาที่นี่ทำไม”วีม่อนถามด้วยความไม่ไว้ใจ

    “แหมๆ ก็มาหาที่สร้างบ้านอยู่น่ะสิ เมืองนี้หน้าอยู่จะตาย” เมอร์คิวเรม่อนพูดก่อนจะมองไปในดวงตาสีทับทิมที่แข็งกร้าวราวกับไม่เชื่อ

    “เชื่อเขาเถอะ วีม่อน”เสียงอันทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับร่างของเคอร์บีม่อนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสอง

    “ท่านเคอร์บีม่อน!”ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกันก่อนจะย่อตัวลงคำนับหนึ่งในสาม มหาเทพทันที

    “ไม่ต้องมากพิธีหรอก วีม่อนเจ้าจงเชื่อเถอะในนักรบเหล็กล้าคนใหม่น่ะ”เคอร์บีม่อนกล่าวก่ออนหันหน้าไปมองเมอร์คิวเรม่อน

    “ส่วนเจ้าเมอร์คิวเรม่อนเจ้าน่ะเป็นอิสระแล้วเพราะฉะนั้นจงทำทุกสิ่งอย่างที่ใจเจ้าปรารถนาซะนะ”สิ้นคำร่างของเคอร์บีม่อนก็ลอยหายไป

    “นายนี่น่าสนใจจริงๆวีม่อน”เมอร์คิวเรม่อนพูดยิ้มๆซึ่งวีม่อนเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ

    “ถ้าเป็นดิจิม่อนทั่วไปเผ่นกันไปตั้งแต่เห็นชั้นออกมาจกกระจกแล้ว”ซึ่งวีม่อนก็พยักหน้าเข้าใจทันที

    “ใช่ๆชั้นกำลังเบื่อพอดีนายทำให้ชั้นสนุกได้งั้นชั้นจะให้นายดูอะไรอย่างหนึ่งด้วย”

    “ตามมาสิ”สิ้นคำนักรบเหล็กกล้าก็ลากมังกรสีฟ้าเข้าไปที่กระจกบานที่ตนออกมา

    “เฮ้ยๆ นี่นายจะทำบ้าอะไรน่ะ”วีม่อนร้องออกมาเพราะเมอร์คิวเรม่อนกำลังลากเขาไปในกระจกชนิดถ้าชนเข้าคงนอนยาว

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า นายจับมือชั้นไว้ ก็เข้าไปในกระจกพร้อมกับชั้นได้แล้ว”สิ้นคำร่างของวีม่อนก็ถูกลากหายเข้าไปในกระจกทันที

    “เป็นไง เหมือนกล้องวงจรปิดเลยใช่ไหม”เมอร์คิวเรม่อนพูดซึ่งวีม่อนก็มองรอบโลกภายในกระจกซึ่งเต็มไปด้วยจอภาพหลายจอราวกับเป็นห้องดูภาพจากกล้องวงจรปิดเลยทีเดียว

    “นี่มันอะไรกัน”

    “ความสามารถของชั้นเอง เดี๋ยวค่อยอธิบายก็แล้วกัน ดูนี่ก่อนสิ”ร่างสูงชี้ให้ดูจอภาพจอหนึ่งที่เป็นภาพของ
    เทลม่อนกำลังพบกับวิซาร์ดม่อนที่น่าจะตายไปแล้วซึ่งเทลม่อนนั้นกระโดดกอดร่างของวิซาร์ดม่อนไว้แน่น

    “บ้าน่า”วีม่อนสบถออกมา

    “ไม่ใช่แค่ชั้นและวิซาร์ดม่อนหรอกนะแต่เป็นดิจิมิอนที่เคยตายไปครั้งหนึ่ง แต่มีจิตใจที่มีความปรารถนาเบื้องลึกที่จะกลับมาแล้วบางคนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น”สิ้นคำเมอร์คิวเรม่อนก็ดีดนิ้วแล้วจอภาพอันหนึ่งก็เลื่อนเข้ามาให้ทั้งสองเห็นชัดๆซึ่งเป็นภาพของดัสม่อนกำลังเลี้ยงเด็กอย่ในสถานเลี้ยงเด็กในเมืองเหล่าดิจิม่อนวัยทารกที่ร้องให้พอดัสม่อนเข้าไปอุ้มกลับสงบลงแถมยังอ้อนใส่อีกต่างหากซึ่งเจ้าตัวก็ยังทำหน้าตายต่อไป

    “นี่ชั้นกำลังฝันใช่มั้ย นี่มันหมายความว่าไงเมอร์คิวเรม่อน”วีม่อนพูดซึ่งคนถูกถามได้แต่ส่ายหน้าออกมาอย่างอ่อนใจ

    “หมายความว่า จิตวิญญาณจะถูกชำระล้างไง ทำให้มีนิสัยดีขึ้นแล้วบางทีก็จะเป็นแบบคิเมราม่อนไง”วีม่อนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้

    “จริงสิ ต้องรีบกลับบ้านแล้ว ทำไงดีๆกลับช้าต้องโดนดุแน่ๆเลย”วีม่อนเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก

    “งั้นนายกลับไปทางนี้ ก็แล้วกัน”เมอร์คิวเรม่อนพูดก่อนจะดีดนิ้วซึ่งทำให้อยู่มีประตูแสงบานหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

    “เดินเข้าไปแล้วมันจะไปโพล่ที่หน้าบ้านนายได้ในทันที”

    “ขอบใจมากนะ”วีม่อนเดินหายไปทันที

    “ฮึๆ นายนี่มันน่าสนใจจริงๆ วีม่อน ชั้นชักอยากจะรู้เรื่องของนายให้มากขึ้นแล้วสิ”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×